Dhamma Simanta - ธรรมสีมันตะ
เรามีโอกาสได้ไปเข้าครอส์ฝึกอบรม วิปัสสนากรรมฐาน หลักสูตร 10 วัน ในแนวทางท่านอาจารย์อูบาขิ่น สอนโดยท่านอาจารย์โกเอ็นก้า ที่ศูนย์ธรรมสีมันตะ จ.ลำพูน ระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม ถึง 8 พฤศจิกายน 2558 ค่ะ
.........................
ถ้าพูดถึงการไปเข้าคอร์ส ปฏิบัติธรรม สำหรับคนทั่วๆไปคงคิดว่าเป็นไรที่น่าเบื่อ ต้องการหนีปัญหา บางคนไปเพราะเป็นเทรนด์ของคนสมัยนี้ เห็นใครไปกันก็ไปบ้าง เหมือนเป็นแฟชั่น แต่เราไม่ได้ไปหนีปัญหา หรืออะไรนะคะ
สำหรับเรา จุดมุ่งหมายในการมาที่นี่คือ การเรียนศิลปะ และการปรับทัศนคติในการดำเนินชีวิตค่ะ
ทำไมเราถึงต้องปรับทัศนคติ เหรอคะ เพราะเราคิดว่า ทัศนคติเป็นสิ่งสำคัญ ทุกอย่างเริ่มต้นที่จิตใจ จิตใจเป็นปัจจัยของทุกสิ่ง ไม่ว่าจะใช้ชีวิต หรือการทำงาน ซึ่งจะบ่งบอกถึงการมีความสุขของเรา เจตนาทางจิตจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
เคยมีคนทักเราว่า ทำไมหน้าเราดูหยิ่ง เหมือนหน้าบึ้งตลอดเวลา เราก็แอบเถียงในใจนะ ว่าหน้าเราก็เป็นแบบนี้ จริงๆ แล้วเราอาจจะเคร่งเครียดทางใจและแสดงออกมาทางกายโดยที่เราไม่รู้ตัวค่ะ ไม่ดีเลย คนหน้าตาดีๆ ไม่ควรจะหน้าบูดบึ้งนะคะ
Life is Art - ชีวิต คือศิลปะ
แล้วศิลปะ เกี่ยวอะไร ............
จริงๆแล้ว
วิปัสสนา เป็นวิธีการทำจิตให้บริสุทธิ์ ซึ่งจะทำให้เผชิญหน้ากับความตึงเครียด และปัญหาต่างๆ ได้ด้วยความสงบ และความสมดุลทางจิตใจ
วิปัสสนา หมายถึง การมองสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง อันเป็นกระบวนการทำจิตให้บริสุทธิ์โดยการเฝ้าดูตนเอง
การวิปัสสนา จะต้องใช้การทำสมาธิ เพื่อจะช่วยขจัดความคิดที่ไม่ดีงาม และความรู้สึกขุ่นเคืองไม่พอใจต่างๆ ไม่ให้เกิดขึ้น เมื่อเรามีความเข้าใจใน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาแล้ว การใช้ชีวิตก็จะเต็มไปด้วยปัญญา ทำให้เราเรียนรู้มองเห็นแก่นแท้ของชีวิต โดยไม่มีภาพลวงตา และจะส่งผลให้เรามีความสงบ และทำให้เรามีความสุขในชีวิตมากขึ้นๆ
วิปัสสนา เป็นศิลปะในการดำเนินชีวิต, ศิลปะการใช้ชีวิต, เป็นหัวใจของศาสนา, การบ่มเพาะทัศนคติในการมองโลก เพื่อใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์ต่อตัวท่านเอง และผู้อื่น
ดังนั้น เราจึงมาที่นี่เพื่อเรียนวิปัสสนา หรือมาเรียนศิลปะนั่นเองค่ะ
อาคารปฎิบัติ และที่พัก
Refresh : Restart : Start up
สถานที่เมื่อไปถึงขอบอกว่าสวยมากค่ะ เพราะเป็นสถานที่ ที่รายล้อมด้วยภูเขา ทุ่งหญ้า และทุ่งนา เขียวขจี ซึ่งส่วนมากสถานที่ปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่ก็จะห่างไกลจากบ้านคน ชุมชน ประมาณนี้ค่ะ ตอนที่ขับรถมา มาตาม Google Map ได้เลยค่ะ แต่เราก็หลงอยู่ดี เพราะระหว่างทางไม่มีสัญญาณโทรศัพท์
Life is Beautiful - ชีวิตคือสิ่งสวยงาม
ระหว่างทางขับมาก็ใจตุ๊มๆ ต่อมๆ อยู่ค่ะ เพราะทางที่มา เหมือนมันอยู่กลางป่า กลางดอย แล้วบางที่จะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ แต่ในที่สุดก็มาถึงโดยสวัสดิภาพ ขอบคุณเพื่อนเกด กัลยานมิตรธรรมของเราที่ชวนเรามา คราวนี้เพื่อนมาส่งซึ้งจริงๆ นะ อ้อลืมบอก ถนนดีมากค่ะลาดยางตลอดสาย สำหรับคนที่ไม่มีรถ ทางศูนย์อาจจะติดต่อรถไปรับที่ขนส่งลำพูนค่ะ เนื่องจากอาจจะมีผู้ปฏิบัตหลายท่านที่ไม่สะดวกมาเอง ก็สามารถแชร์เหมารถมากับผู้ปฏิบัติท่านอื่นค่ะ ทั้งนี้ ต้องติดต่อสอบถามทางศูนย์อีกทีนะคะ คนที่เอารถยนต์มา ศูนย์ฯ มีที่จอดรถให้ในบริเวณเตนท์ผ้าใบ ประมาณ 10 คัน
Life is journey - ชีวิต การเดินทาง
ก่อนที่เราจะมาที่นี่ ต้องสมัครผ่าน www.thaidhamma.net นะคะ ตอนแรกเราจะมาพร้อมเพื่อนเดือนธันวาคม แต่ดูไปดูมาแล้ว ช่วงนั้นเราคงต้องทำงานที่ใหม่ ก็เลย เอาวะช่วงนี้ว่าง เลยรีบสมัคร ซึ่งจะมี e-mail มาให้เรา ยืนยันว่าต้องการมาแน่หรือปล่าว
ซึ่งถ้าคุณไม่ว่างจริงๆ ก็ไม่ควรยืนยันค่ะ เพราะจะเป็นการไปกีดกันคนอื่นที่ต้องการสมัครมาค่ะ การอบรมจริงๆเป็นหลักสูตร 10 วัน แต่จริงๆแล้วใช้เวลาทั้งหมดรวม 12 วันค่ะ วันสุดท้ายหลังสวดมนต์เสร็จก็กลับได้เลย 6.30 น. ตอนเช้าจะไปทำงานต่อก็ได้นะคะ หรือถ้าใครอยากถ่ายรูปลั้นลา ก็สามารถทำได้ มีอาหารเช้าให้ทานด้วยค่ะ
Close at hand - เจอภูเขาลูกใหญ่ๆ แบบนี้แสดงว่าใกล้ถึงแล้วค่ะ
จึงกลายเป็นว่า เราต้องมาคนเดียวค่ะ ก็แอบหวั่นๆ แต่ในช่วงปฏิบัติจะเป็นช่วงที่เราต้องรักษากฎ "ความเงียบอันประเสริฐ" คือการรักษาความสงบเงียบ ทั้ง กาย วาจา ใจ ง่ายๆ คือห้ามพูด ส่งเสียง ทำเสมือนว่าเรามาคนเดียว ไม่ควรสนใจคนอื่นๆ ควรจะสำรวมนั่นเองค่ะ ก็โอเค เตรียมเสื้อผ้า แพคกระเป๋าไปกัน ชุดที่เอามาควรเป็นสีสุภาพ ที่นี่ไม่ได้กำหนดว่าต้องเป็นสีขาวล้วน แต่จากที่สังเกตก็สีขาวเป็นส่วนมาก แบบลายๆ แบบมีตัวหนังสือ ไม่ควรเลยค่ะ เพราะคิดดูว่าในช่วงที่เราอยากมีสมาธิ แล้วต้องไปเห็นอะไรที่มันจะรบกวนจิตใจเรา ก็จะทำให้วอกแวกได้ ถือว่าอย่าทำบาปโดยการต้องให้คนอื่นเสียสมาธินะคะ
มุมมองจากอาคารที่พักของศิษย์ใหม่
ห้องพักพี่นี่ให้พักแบบคนเดียว อยูใกล้ๆกับ Main Hall หรือห้องปฏิบัติรวมค่ะ ห้องพักสะอาดเรียบร้อยดีค่ะ แต่ด้วยความที่หน้าต่างจะเป็นบานเกร็ดใสต้องระมัดระวังเวลาเปิดไฟนิดนึงค่ะ เพราะสามารถมองทะลุผ่านเข้ามาได้
อาคารที่พัก จะแยกชาย หญิง อยู่คนละโซนค่ะ
เตียงนอน ติดกับหน้าต่างที่เป็นบานเกร็ดใส
สิ่งที่ศูนย์ฯ มีให้ในห้องนอน
เตียง, ที่นอน, ผ้าปู, หมอน 1ใบ, ผ้าห่มนวมใหญ่, ผ้าห่มแบบบาง, ไม้แขวน 6อัน, ที่หนีบผ้า 10อัน, สกอตไบร์ท, ผ้าเช็ดเท้า, ไม้กวาด, ที่โกยผง, ไม้ถูพื้น, น้ำอุ่น(ไม่ค่อยอุ่นเท่าไหร่), ร่ม, พัดลม
มีตู้ทำน้ำร้อน น้ำเย็น ให้บริเวณส่วนกลาง นะคะ ไม่ต้องเตรียมกาน้ำร้อนไปเองค่ะ
ห้องพักสะอาด เรียบร้อยดีค่ะ
สิ่งของสำคัญที่ต้องเตรียม
แก้วใส่น้ำร้อน, ขวดน้ำส่วนตัว, ทิชชู่, สบู่หรือครีมอาบน้ำ, แชมพู, ครีมนวด, น้ำยาซักผ้า หรือผงซักฟอก, ถุงใส่ขยะ, เสื้อผ้าสีพื้นๆ ไม่ควรมีลวดลายหรือตัวหนังสือ, เสื้อกันหนาว, รองเท้า
สิ่งเหล่านี้จะเอาไปก็ได้ ไม่เอาไปก็ได้ค่ะ
ผ้าห่มส่วนตัว, หมอนเสริม, ไดร์เป่าผม, ไม้แขวนเอาไปเพิ่ม, บางคนก็เอาน้ำเป็นแพ็คมาเองค่ะ, กุญแจล็อกlocker ซึ่งศูนย์มีให้อยู่แล้ว, นาฬิกา, ผ้าคลุมไหล่ , ผ้าหลุมตัก, ถุงเท้า
ห้องน้ำ
ของห้าม
โทรศัพท์มือถือ, Tablet, หนังสือ, สมุด, เครื่องเขียนต่างๆ, ยา(นอกจากว่ามีใบสั่งจากแพทย์)
สำคัญ : ทางศูนย์มีล็อกเกอร์ให้เราพร้อมลูกกุญแจ ซึ่งลูกกุญแจนี้ ให้เราเก็บรักษาไว้เองจนถึงวันที่ 11 จึงสามารถมาเปิดเพื่อเอากระเป๋าเงินไปซื้อหนังสือได้ และวันสุดท้ายก่อนกลับบ้านถึงเอาโทรศัพท์มือถือได้ค่ะ ของมีค่าอื่นๆก็สามารถเก็บไว้ใน locker ได้เช่นกันค่ะ จะได้ไม่ต้องเป็นกังวล
ส่วนกุญแจรถยนต์ ก็ต้องฝากไว้ที่เจ้าหน้าที่ ทางศูนย์ก็มีเอกสารว่า เราต้องการให้สตาร์ทรถให้หรือไม่ จะมีเจ้าหน้าที่ช่วยสตาร์ทรถให้ค่ะ
อาหารเป็นอาหารเจ มื้อเย็นมีน้ำปานะ และขนมปัง, บิสกิต
สำหรับท่านที่มีปัญหาสุขภาพก็สามารถ ขอรับอาหารเย็นได้นะคะ
สามารถส่งผ้าซักได้ ค่าซักผ้าชิ้นละ 5 บาท ไม่มีบริการรีด
จอดรถตรงหน้าอาคารก็ได้เช่นกันค่ะ
การเตรียมตัวก่อนมานั่งสมาธิ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ควรมีการออกกำลังกายที่ดี เตรียมสุขภาพให้พร้อม ไม่ควรป่วยค่ะ เพราะเวลานั่งสมาธิ แล้วมีอาการไอ คันคอ เป็นอะไรที่ทรมาณมาาาาก เตรียมท่ายืดเส้น stretching ดี ๆ สัก 2-3 ท่าค่ะ เตรียมการปวดหลัง
ตอนเรามานี่ เนื่องจากเป็นคอร์สเร่งด่วน เราไม่ได้เตรียมกาย เตรียมใจเท่าไหร่ค่ะ ข้อมูล วิธีปฏิบัติ รู้คร่าวๆ แค่ว่าที่นี่จะแตกต่างจากที่เคยไปมา แค่นั้นจริงๆ
Bloody Moon Eclipse : 28 October 15
ในค่ำคืนแรก พระจันทร์เป็นสีแดง เป็นนิมิตที่ สวยงามมากค่ะ แอบเสียดายว่าไม่ได้ถ่ายรูป
คงได้แต่เก็บไว้ในความทรงจำที่สวยงาม.........
คืนนี้มีการปฐมนิเทศ แนะนำสถานที่ ธรรมบริกร ผู้จัดการ อาจารย์ และท่าน เอส เอ็น โกเอ็นก้า
ท่านโกเอ็นก้า จริงๆ แล้วท่านนับถือศาสนาฮินดูนะคะ แต่ท่านมาเผยแพร่วิธีแบบของศาสนาพุทธ จึงเป็นแนวทางที่เป็นกลาง และสากลมาก และไม่มีอคติต่อศาสนาอื่นเลย ไม่น่าแปลกที่จะมีชาวต่างชาติมามากมายหลายคนเลยค่ะ
คำบรรยายที่เป็นคำสอนนำ จะเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเราเป็นคนที่ฟังภาษาอังกฤษได้แบบงูๆ ปลาๆ ในคืนแรกนี้เราฟังไม่รู้เรื่องเลยค่ะ เพราะสำเนียงเป็นแบบอินเดีย ซึ่งเราไม่ค่อยได้ดูหนังอินเดีย soundtrack ซะด้วยสิ เห้ออออ แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ มีคำแปลภาษาไทยให้ด้วย
การฝึกฝนปฏิบัติที่นี่เป็นแบบวิปัสสนากรรมฐาน
วิธีอานาปานสติ คือการทำจิตให้อยู่กับความเป็นจริงในปัจจุบัน
การฝึกสติ และใช้สติ ไปในการสังเกตลมหายใจ เข้า-ออก
และสติปัฏฐาน คือการเข้าใจสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริงของสิ่งทั้งปวง โดยไม่ถูกกิเลสครอบงำ
สติปัฏฐาน คือ การตามระลึกรู้อารมณ์ เพื่อการเข้าถึงสู่ สภาวธรรมของไตรลักษณ์ คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ได้ในที่สุด
เป้าหมายของการฝึกคือ การชำระจิตให้บริสุทธิ์ ปลดปล่อยจิตให้พ้นจากความทุกข์ เพื่อขจัดกิเลสภายในจิตใจให้ได้
และสามารถก้าวขึ้นไปถึงการพบกับ ปรมัตถสัจจะ หรือความจริงอันเป็นที่สุด เหนือรูปและนามได้
สิ่งที่สำคัญคือ อนิจจัง ทุกสิ่งล้วนมีความไม่เที่ยง มีเกิด ย่อมมีดับไป
และการวางใจให้เป็นอุเบกขา คือความเป็นกลาง ไม่มีอคติ และไม่ปรุงแต่ง
การฝึกปฏิบัตินี้ มีจุดมุ่งหมายสูงสุดเพื่อที่จะเรียนรู้ศิลปะของการดำเนินชีวิต ให้อยู่ได้อย่างสงบสุข และกลมกลืนไปกับสภาวะภายในตนเอง ได้เรียนรู้ถึงการสร้างสันติสุข ได้เรียนรู้ว่าทำอย่างไรจึงจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขในแต่ละวัน เพื่อการพัฒนาตตนเองไปสู่ความสุขอันสูงสุด อันเกิดจากการมีจิตที่ผ่องใส จิตที่เต็มไปด้วยความรักอันบริสุทธิ์ มีเมตตากรุณา ยินดีในความสำเร็จของผู้อื่นด้วยจิตอันเป็นอุเบกขา
ธรรมบรรยาย จากท่านโกเอ็นก้า มีประโยชน์สำหรับผู้มาเรียน เพื่อการขัดเกลาจิตใจ และฝึกฝนปฏิบัติ ให้เข้าใจมากขึ้นค่ะ
แต่สิ่งที่ต้องทำให้เราแปลกใจมาก อีก คือบทสวดมนต์ ภาษาฮินดี โอ้ววววววววว
.............................
คืนแรกกับการเดินทางอันยาวนาน เราหลับได้ไม่มีปัญหาค่ะ เนื่องจากความเหนื่อยล้า และรุ่งขึ้นต้องตื่นตี 4 หลับสิคะรออะไร
ตอนเช้าๆ อากาศดีมากค่ะ
Birds sing
ในวันแรกของการปฏิบัติ การนั่งสมาธิเราได้ยินนกร้องตอนกลางวัน และเสียงจิ้งหรีดในตอนดึก การได้ยินเสียงนี้ รอบทิศทางเรียกได้ว่า 360 องศาค่ะ ตอนกลางคืนห้องปฏิบัติจะเปิดไฟหรี่ เพื่อให้เรามีสมาธิ
ในช่วงแรก เป็นการฝึกในการตามลมหายใจค่ะ
ความหมายของ ธรรมมะ คือธรรมชาติ การสังเกตลมหายใจของเราก็คือธรรมชาติเช่นกัน
ในขณะเดียวกับการสังเกตลมหายใจ ก็จะได้สังเกตดูจิต เพราะการหายใจ จะเชื่อมโยงสภาพจิตอยู่แล้ว เมื่อใดที่เกิดกิเลสตัณหาขึ้นในใจ เราจะสังเกตว่าลมหายใจก็จะผิดปกติ
การสังเกตลมหายใจ เป็นเสมือนสะพานที่เชื่อมความรู้ กับความไม่รู้ เนื่องจากลมหายใจเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานในร่างกาย
จุดนี้จะเป็นจุดเริ่มต้น ของการสังเกตส่วนต่างๆทั่วไปของร่างกาย เพื่อก้าวหน้าไปสู่สัจธรรมที่ลึกซึ้ง และความจริงที่ซ่อนเร้นอยู่ทั้งภายใน ร่างกาย และจิตใจของเราค่ะ
ไปเรียนศิลปะ กับท่านโกเอ็นก้า
Dhamma Simanta - ธรรมสีมันตะ
เรามีโอกาสได้ไปเข้าครอส์ฝึกอบรม วิปัสสนากรรมฐาน หลักสูตร 10 วัน ในแนวทางท่านอาจารย์อูบาขิ่น สอนโดยท่านอาจารย์โกเอ็นก้า ที่ศูนย์ธรรมสีมันตะ จ.ลำพูน ระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม ถึง 8 พฤศจิกายน 2558 ค่ะ
.........................
ถ้าพูดถึงการไปเข้าคอร์ส ปฏิบัติธรรม สำหรับคนทั่วๆไปคงคิดว่าเป็นไรที่น่าเบื่อ ต้องการหนีปัญหา บางคนไปเพราะเป็นเทรนด์ของคนสมัยนี้ เห็นใครไปกันก็ไปบ้าง เหมือนเป็นแฟชั่น แต่เราไม่ได้ไปหนีปัญหา หรืออะไรนะคะ
สำหรับเรา จุดมุ่งหมายในการมาที่นี่คือ การเรียนศิลปะ และการปรับทัศนคติในการดำเนินชีวิตค่ะ
ทำไมเราถึงต้องปรับทัศนคติ เหรอคะ เพราะเราคิดว่า ทัศนคติเป็นสิ่งสำคัญ ทุกอย่างเริ่มต้นที่จิตใจ จิตใจเป็นปัจจัยของทุกสิ่ง ไม่ว่าจะใช้ชีวิต หรือการทำงาน ซึ่งจะบ่งบอกถึงการมีความสุขของเรา เจตนาทางจิตจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
เคยมีคนทักเราว่า ทำไมหน้าเราดูหยิ่ง เหมือนหน้าบึ้งตลอดเวลา เราก็แอบเถียงในใจนะ ว่าหน้าเราก็เป็นแบบนี้ จริงๆ แล้วเราอาจจะเคร่งเครียดทางใจและแสดงออกมาทางกายโดยที่เราไม่รู้ตัวค่ะ ไม่ดีเลย คนหน้าตาดีๆ ไม่ควรจะหน้าบูดบึ้งนะคะ
Life is Art - ชีวิต คือศิลปะ
แล้วศิลปะ เกี่ยวอะไร ............
จริงๆแล้ว
วิปัสสนา เป็นวิธีการทำจิตให้บริสุทธิ์ ซึ่งจะทำให้เผชิญหน้ากับความตึงเครียด และปัญหาต่างๆ ได้ด้วยความสงบ และความสมดุลทางจิตใจ
วิปัสสนา หมายถึง การมองสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง อันเป็นกระบวนการทำจิตให้บริสุทธิ์โดยการเฝ้าดูตนเอง
การวิปัสสนา จะต้องใช้การทำสมาธิ เพื่อจะช่วยขจัดความคิดที่ไม่ดีงาม และความรู้สึกขุ่นเคืองไม่พอใจต่างๆ ไม่ให้เกิดขึ้น เมื่อเรามีความเข้าใจใน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาแล้ว การใช้ชีวิตก็จะเต็มไปด้วยปัญญา ทำให้เราเรียนรู้มองเห็นแก่นแท้ของชีวิต โดยไม่มีภาพลวงตา และจะส่งผลให้เรามีความสงบ และทำให้เรามีความสุขในชีวิตมากขึ้นๆ
วิปัสสนา เป็นศิลปะในการดำเนินชีวิต, ศิลปะการใช้ชีวิต, เป็นหัวใจของศาสนา, การบ่มเพาะทัศนคติในการมองโลก เพื่อใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์ต่อตัวท่านเอง และผู้อื่น
ดังนั้น เราจึงมาที่นี่เพื่อเรียนวิปัสสนา หรือมาเรียนศิลปะนั่นเองค่ะ
อาคารปฎิบัติ และที่พัก
Refresh : Restart : Start up
สถานที่เมื่อไปถึงขอบอกว่าสวยมากค่ะ เพราะเป็นสถานที่ ที่รายล้อมด้วยภูเขา ทุ่งหญ้า และทุ่งนา เขียวขจี ซึ่งส่วนมากสถานที่ปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่ก็จะห่างไกลจากบ้านคน ชุมชน ประมาณนี้ค่ะ ตอนที่ขับรถมา มาตาม Google Map ได้เลยค่ะ แต่เราก็หลงอยู่ดี เพราะระหว่างทางไม่มีสัญญาณโทรศัพท์
Life is Beautiful - ชีวิตคือสิ่งสวยงาม
ระหว่างทางขับมาก็ใจตุ๊มๆ ต่อมๆ อยู่ค่ะ เพราะทางที่มา เหมือนมันอยู่กลางป่า กลางดอย แล้วบางที่จะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ แต่ในที่สุดก็มาถึงโดยสวัสดิภาพ ขอบคุณเพื่อนเกด กัลยานมิตรธรรมของเราที่ชวนเรามา คราวนี้เพื่อนมาส่งซึ้งจริงๆ นะ อ้อลืมบอก ถนนดีมากค่ะลาดยางตลอดสาย สำหรับคนที่ไม่มีรถ ทางศูนย์อาจจะติดต่อรถไปรับที่ขนส่งลำพูนค่ะ เนื่องจากอาจจะมีผู้ปฏิบัตหลายท่านที่ไม่สะดวกมาเอง ก็สามารถแชร์เหมารถมากับผู้ปฏิบัติท่านอื่นค่ะ ทั้งนี้ ต้องติดต่อสอบถามทางศูนย์อีกทีนะคะ คนที่เอารถยนต์มา ศูนย์ฯ มีที่จอดรถให้ในบริเวณเตนท์ผ้าใบ ประมาณ 10 คัน
Life is journey - ชีวิต การเดินทาง
ก่อนที่เราจะมาที่นี่ ต้องสมัครผ่าน www.thaidhamma.net นะคะ ตอนแรกเราจะมาพร้อมเพื่อนเดือนธันวาคม แต่ดูไปดูมาแล้ว ช่วงนั้นเราคงต้องทำงานที่ใหม่ ก็เลย เอาวะช่วงนี้ว่าง เลยรีบสมัคร ซึ่งจะมี e-mail มาให้เรา ยืนยันว่าต้องการมาแน่หรือปล่าว
ซึ่งถ้าคุณไม่ว่างจริงๆ ก็ไม่ควรยืนยันค่ะ เพราะจะเป็นการไปกีดกันคนอื่นที่ต้องการสมัครมาค่ะ การอบรมจริงๆเป็นหลักสูตร 10 วัน แต่จริงๆแล้วใช้เวลาทั้งหมดรวม 12 วันค่ะ วันสุดท้ายหลังสวดมนต์เสร็จก็กลับได้เลย 6.30 น. ตอนเช้าจะไปทำงานต่อก็ได้นะคะ หรือถ้าใครอยากถ่ายรูปลั้นลา ก็สามารถทำได้ มีอาหารเช้าให้ทานด้วยค่ะ
Close at hand - เจอภูเขาลูกใหญ่ๆ แบบนี้แสดงว่าใกล้ถึงแล้วค่ะ
จึงกลายเป็นว่า เราต้องมาคนเดียวค่ะ ก็แอบหวั่นๆ แต่ในช่วงปฏิบัติจะเป็นช่วงที่เราต้องรักษากฎ "ความเงียบอันประเสริฐ" คือการรักษาความสงบเงียบ ทั้ง กาย วาจา ใจ ง่ายๆ คือห้ามพูด ส่งเสียง ทำเสมือนว่าเรามาคนเดียว ไม่ควรสนใจคนอื่นๆ ควรจะสำรวมนั่นเองค่ะ ก็โอเค เตรียมเสื้อผ้า แพคกระเป๋าไปกัน ชุดที่เอามาควรเป็นสีสุภาพ ที่นี่ไม่ได้กำหนดว่าต้องเป็นสีขาวล้วน แต่จากที่สังเกตก็สีขาวเป็นส่วนมาก แบบลายๆ แบบมีตัวหนังสือ ไม่ควรเลยค่ะ เพราะคิดดูว่าในช่วงที่เราอยากมีสมาธิ แล้วต้องไปเห็นอะไรที่มันจะรบกวนจิตใจเรา ก็จะทำให้วอกแวกได้ ถือว่าอย่าทำบาปโดยการต้องให้คนอื่นเสียสมาธินะคะ
มุมมองจากอาคารที่พักของศิษย์ใหม่
ห้องพักพี่นี่ให้พักแบบคนเดียว อยูใกล้ๆกับ Main Hall หรือห้องปฏิบัติรวมค่ะ ห้องพักสะอาดเรียบร้อยดีค่ะ แต่ด้วยความที่หน้าต่างจะเป็นบานเกร็ดใสต้องระมัดระวังเวลาเปิดไฟนิดนึงค่ะ เพราะสามารถมองทะลุผ่านเข้ามาได้
อาคารที่พัก จะแยกชาย หญิง อยู่คนละโซนค่ะ
เตียงนอน ติดกับหน้าต่างที่เป็นบานเกร็ดใส
สิ่งที่ศูนย์ฯ มีให้ในห้องนอน
เตียง, ที่นอน, ผ้าปู, หมอน 1ใบ, ผ้าห่มนวมใหญ่, ผ้าห่มแบบบาง, ไม้แขวน 6อัน, ที่หนีบผ้า 10อัน, สกอตไบร์ท, ผ้าเช็ดเท้า, ไม้กวาด, ที่โกยผง, ไม้ถูพื้น, น้ำอุ่น(ไม่ค่อยอุ่นเท่าไหร่), ร่ม, พัดลม
มีตู้ทำน้ำร้อน น้ำเย็น ให้บริเวณส่วนกลาง นะคะ ไม่ต้องเตรียมกาน้ำร้อนไปเองค่ะ
ห้องพักสะอาด เรียบร้อยดีค่ะ
สิ่งของสำคัญที่ต้องเตรียม
แก้วใส่น้ำร้อน, ขวดน้ำส่วนตัว, ทิชชู่, สบู่หรือครีมอาบน้ำ, แชมพู, ครีมนวด, น้ำยาซักผ้า หรือผงซักฟอก, ถุงใส่ขยะ, เสื้อผ้าสีพื้นๆ ไม่ควรมีลวดลายหรือตัวหนังสือ, เสื้อกันหนาว, รองเท้า
สิ่งเหล่านี้จะเอาไปก็ได้ ไม่เอาไปก็ได้ค่ะ
ผ้าห่มส่วนตัว, หมอนเสริม, ไดร์เป่าผม, ไม้แขวนเอาไปเพิ่ม, บางคนก็เอาน้ำเป็นแพ็คมาเองค่ะ, กุญแจล็อกlocker ซึ่งศูนย์มีให้อยู่แล้ว, นาฬิกา, ผ้าคลุมไหล่ , ผ้าหลุมตัก, ถุงเท้า
ห้องน้ำ
ของห้าม
โทรศัพท์มือถือ, Tablet, หนังสือ, สมุด, เครื่องเขียนต่างๆ, ยา(นอกจากว่ามีใบสั่งจากแพทย์)
สำคัญ : ทางศูนย์มีล็อกเกอร์ให้เราพร้อมลูกกุญแจ ซึ่งลูกกุญแจนี้ ให้เราเก็บรักษาไว้เองจนถึงวันที่ 11 จึงสามารถมาเปิดเพื่อเอากระเป๋าเงินไปซื้อหนังสือได้ และวันสุดท้ายก่อนกลับบ้านถึงเอาโทรศัพท์มือถือได้ค่ะ ของมีค่าอื่นๆก็สามารถเก็บไว้ใน locker ได้เช่นกันค่ะ จะได้ไม่ต้องเป็นกังวล
ส่วนกุญแจรถยนต์ ก็ต้องฝากไว้ที่เจ้าหน้าที่ ทางศูนย์ก็มีเอกสารว่า เราต้องการให้สตาร์ทรถให้หรือไม่ จะมีเจ้าหน้าที่ช่วยสตาร์ทรถให้ค่ะ
อาหารเป็นอาหารเจ มื้อเย็นมีน้ำปานะ และขนมปัง, บิสกิต
สำหรับท่านที่มีปัญหาสุขภาพก็สามารถ ขอรับอาหารเย็นได้นะคะ
สามารถส่งผ้าซักได้ ค่าซักผ้าชิ้นละ 5 บาท ไม่มีบริการรีด
จอดรถตรงหน้าอาคารก็ได้เช่นกันค่ะ
การเตรียมตัวก่อนมานั่งสมาธิ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ควรมีการออกกำลังกายที่ดี เตรียมสุขภาพให้พร้อม ไม่ควรป่วยค่ะ เพราะเวลานั่งสมาธิ แล้วมีอาการไอ คันคอ เป็นอะไรที่ทรมาณมาาาาก เตรียมท่ายืดเส้น stretching ดี ๆ สัก 2-3 ท่าค่ะ เตรียมการปวดหลัง
ตอนเรามานี่ เนื่องจากเป็นคอร์สเร่งด่วน เราไม่ได้เตรียมกาย เตรียมใจเท่าไหร่ค่ะ ข้อมูล วิธีปฏิบัติ รู้คร่าวๆ แค่ว่าที่นี่จะแตกต่างจากที่เคยไปมา แค่นั้นจริงๆ
Bloody Moon Eclipse : 28 October 15
ในค่ำคืนแรก พระจันทร์เป็นสีแดง เป็นนิมิตที่ สวยงามมากค่ะ แอบเสียดายว่าไม่ได้ถ่ายรูป
คงได้แต่เก็บไว้ในความทรงจำที่สวยงาม.........
คืนนี้มีการปฐมนิเทศ แนะนำสถานที่ ธรรมบริกร ผู้จัดการ อาจารย์ และท่าน เอส เอ็น โกเอ็นก้า
ท่านโกเอ็นก้า จริงๆ แล้วท่านนับถือศาสนาฮินดูนะคะ แต่ท่านมาเผยแพร่วิธีแบบของศาสนาพุทธ จึงเป็นแนวทางที่เป็นกลาง และสากลมาก และไม่มีอคติต่อศาสนาอื่นเลย ไม่น่าแปลกที่จะมีชาวต่างชาติมามากมายหลายคนเลยค่ะ
คำบรรยายที่เป็นคำสอนนำ จะเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเราเป็นคนที่ฟังภาษาอังกฤษได้แบบงูๆ ปลาๆ ในคืนแรกนี้เราฟังไม่รู้เรื่องเลยค่ะ เพราะสำเนียงเป็นแบบอินเดีย ซึ่งเราไม่ค่อยได้ดูหนังอินเดีย soundtrack ซะด้วยสิ เห้ออออ แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ มีคำแปลภาษาไทยให้ด้วย
การฝึกฝนปฏิบัติที่นี่เป็นแบบวิปัสสนากรรมฐาน
วิธีอานาปานสติ คือการทำจิตให้อยู่กับความเป็นจริงในปัจจุบัน
การฝึกสติ และใช้สติ ไปในการสังเกตลมหายใจ เข้า-ออก
และสติปัฏฐาน คือการเข้าใจสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริงของสิ่งทั้งปวง โดยไม่ถูกกิเลสครอบงำ
สติปัฏฐาน คือ การตามระลึกรู้อารมณ์ เพื่อการเข้าถึงสู่ สภาวธรรมของไตรลักษณ์ คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ได้ในที่สุด
เป้าหมายของการฝึกคือ การชำระจิตให้บริสุทธิ์ ปลดปล่อยจิตให้พ้นจากความทุกข์ เพื่อขจัดกิเลสภายในจิตใจให้ได้
และสามารถก้าวขึ้นไปถึงการพบกับ ปรมัตถสัจจะ หรือความจริงอันเป็นที่สุด เหนือรูปและนามได้
สิ่งที่สำคัญคือ อนิจจัง ทุกสิ่งล้วนมีความไม่เที่ยง มีเกิด ย่อมมีดับไป
และการวางใจให้เป็นอุเบกขา คือความเป็นกลาง ไม่มีอคติ และไม่ปรุงแต่ง
การฝึกปฏิบัตินี้ มีจุดมุ่งหมายสูงสุดเพื่อที่จะเรียนรู้ศิลปะของการดำเนินชีวิต ให้อยู่ได้อย่างสงบสุข และกลมกลืนไปกับสภาวะภายในตนเอง ได้เรียนรู้ถึงการสร้างสันติสุข ได้เรียนรู้ว่าทำอย่างไรจึงจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขในแต่ละวัน เพื่อการพัฒนาตตนเองไปสู่ความสุขอันสูงสุด อันเกิดจากการมีจิตที่ผ่องใส จิตที่เต็มไปด้วยความรักอันบริสุทธิ์ มีเมตตากรุณา ยินดีในความสำเร็จของผู้อื่นด้วยจิตอันเป็นอุเบกขา
ธรรมบรรยาย จากท่านโกเอ็นก้า มีประโยชน์สำหรับผู้มาเรียน เพื่อการขัดเกลาจิตใจ และฝึกฝนปฏิบัติ ให้เข้าใจมากขึ้นค่ะ
แต่สิ่งที่ต้องทำให้เราแปลกใจมาก อีก คือบทสวดมนต์ ภาษาฮินดี โอ้ววววววววว
.............................
คืนแรกกับการเดินทางอันยาวนาน เราหลับได้ไม่มีปัญหาค่ะ เนื่องจากความเหนื่อยล้า และรุ่งขึ้นต้องตื่นตี 4 หลับสิคะรออะไร
ตอนเช้าๆ อากาศดีมากค่ะ
Birds sing
ในวันแรกของการปฏิบัติ การนั่งสมาธิเราได้ยินนกร้องตอนกลางวัน และเสียงจิ้งหรีดในตอนดึก การได้ยินเสียงนี้ รอบทิศทางเรียกได้ว่า 360 องศาค่ะ ตอนกลางคืนห้องปฏิบัติจะเปิดไฟหรี่ เพื่อให้เรามีสมาธิ
ในช่วงแรก เป็นการฝึกในการตามลมหายใจค่ะ
ความหมายของ ธรรมมะ คือธรรมชาติ การสังเกตลมหายใจของเราก็คือธรรมชาติเช่นกัน
ในขณะเดียวกับการสังเกตลมหายใจ ก็จะได้สังเกตดูจิต เพราะการหายใจ จะเชื่อมโยงสภาพจิตอยู่แล้ว เมื่อใดที่เกิดกิเลสตัณหาขึ้นในใจ เราจะสังเกตว่าลมหายใจก็จะผิดปกติ
การสังเกตลมหายใจ เป็นเสมือนสะพานที่เชื่อมความรู้ กับความไม่รู้ เนื่องจากลมหายใจเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานในร่างกาย
จุดนี้จะเป็นจุดเริ่มต้น ของการสังเกตส่วนต่างๆทั่วไปของร่างกาย เพื่อก้าวหน้าไปสู่สัจธรรมที่ลึกซึ้ง และความจริงที่ซ่อนเร้นอยู่ทั้งภายใน ร่างกาย และจิตใจของเราค่ะ