เจอวรรคสุดท้ายไม่กล้าสวนเลย
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตามที่ บริษัท (DEMCO)ได้เข้าทำสัญญาก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลมให้กับบริษัท เฟิร์ส โคราช วินด์ จำกัด และบริษัท เค.อาร์.ทู
จำกัด หลังจากทั้ง 2 บริษัทเริ่มดำเนินการขายไฟได้ประมาณ 1 ปี (ปลายปี 2556) ฐานของเสากังหันลมบางส่วนเกิดรอยร้าวบริเวณผิวของ
ฐานกังหัน ทำให้ DEMCO ในฐานะผู้รับผิดชอบตามสัญญาก่อสร้างที่มีระยะเวลาประกัน 5 ปี นับจากวันส่งมอบงาน ได้ร่วมกับผู้ว่าจ้าง
ทบทวนการออกแบบฐานเสากังหัน โดยผู้ว่าจ้างได้ว่าจ้างให้บริษัทที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมอิสระ (K2M) ทำการสอบทานแบบฐานกังหันและ
ให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการปรับปรุงฐานเสากังหัน DEMCO จึงเสนอแบบและวิธีการปรับปรุงตามข้อเสนอแนะในรายงานทางเทคนิค
(Technical report) ของ K2M และประมาณค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงงานไว้จำนวน 40 ล้านบาท ทั้งนี้ ผู้ว่าจ้างแต่ละรายตกลงจะช่วยออก
ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงงานดังกล่าว จำนวนไม่เกิน 15 ล้านบาท รวมเป็นจำนวนไม่เกิน 30 ล้านบาท ดังนั้น ในปี 2556 DEMCO จึงตั้ง
ประมาณการหนี้สินในการปรับปรุงงานในงบการเงินจำนวน 10 ล้านบาท
(Addendum to BOP Agreement) เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2557
ให้ทำการสอบทานแบบและวิธีการปรับปรุงดังกล่าว ซึ่งจากการสอบทานที่แล้วเสร็จส่วนใหญ่ในช่วงเดือนตุลาคม 2558 พบว่า ต้องมีการ
แก้ไขแบบและวิธีการปรับปรุงจากที่ DEMCO นำเสนอ เป็นผลทำให้ DEMCO ทำการทบทวนประมาณการหนี้สินที่เคยประมาณไว้ใหม่
หนี้สินจากการปรับปรุงงานสุทธิจากเงินชดเชยที่จะได้รับจากผู้ว่าจ้างและค่าใช้จ่ายในการแก้ไขงานที่เกิดขึ้นจริง แล้วในปี 2558 เป็น
จำนวนเงินสุทธิ 262.87 ล้านบาท
ค่าสูญเสียโอกาสในการผลิต (Loss production) และค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงงานให้กับผู้ว่าจ้างทั้ง 2 บริษัท ในปี 2558
DEMCO ได้รับรู้ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าสูญเสียโอกาสในการผลิต ในงบการเงินตามที่เกิดขึ้นจริงแล้ว จำนวน
45.97 ล้านบาท ซึ่งค่าสูญเสียโอกาสในการผลิตและค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงนั้น DEMCO ยังไม่สามารถประมาณการได้
อย่างน่าเชื่อถือและเหมาะสม เนื่องจากการประมาณการดังกล่าว ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่บริษัทไม่สามารถความคุมและคาดการณ์ได้ เช่น
ความเร็วลม ความแรงลมในอนาคต ดังนั้น บริษัทจึงทำการรับรู้ค่าใช้จ่ายข้างต้นที่จะเกิดขึ้นในอนาคตตามที่เกิดขึ้นจริง
รอให้ฝุ่นหายตลบแล้วจัด DEMCO ดีไหม (ความเสียหายยังประเมินไม่ได้เลย)
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตามที่ บริษัท (DEMCO)ได้เข้าทำสัญญาก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลมให้กับบริษัท เฟิร์ส โคราช วินด์ จำกัด และบริษัท เค.อาร์.ทู
จำกัด หลังจากทั้ง 2 บริษัทเริ่มดำเนินการขายไฟได้ประมาณ 1 ปี (ปลายปี 2556) ฐานของเสากังหันลมบางส่วนเกิดรอยร้าวบริเวณผิวของ
ฐานกังหัน ทำให้ DEMCO ในฐานะผู้รับผิดชอบตามสัญญาก่อสร้างที่มีระยะเวลาประกัน 5 ปี นับจากวันส่งมอบงาน ได้ร่วมกับผู้ว่าจ้าง
ทบทวนการออกแบบฐานเสากังหัน โดยผู้ว่าจ้างได้ว่าจ้างให้บริษัทที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมอิสระ (K2M) ทำการสอบทานแบบฐานกังหันและ
ให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการปรับปรุงฐานเสากังหัน DEMCO จึงเสนอแบบและวิธีการปรับปรุงตามข้อเสนอแนะในรายงานทางเทคนิค
(Technical report) ของ K2M และประมาณค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงงานไว้จำนวน 40 ล้านบาท ทั้งนี้ ผู้ว่าจ้างแต่ละรายตกลงจะช่วยออก
ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงงานดังกล่าว จำนวนไม่เกิน 15 ล้านบาท รวมเป็นจำนวนไม่เกิน 30 ล้านบาท ดังนั้น ในปี 2556 DEMCO จึงตั้ง
ประมาณการหนี้สินในการปรับปรุงงานในงบการเงินจำนวน 10 ล้านบาท
(Addendum to BOP Agreement) เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2557
ให้ทำการสอบทานแบบและวิธีการปรับปรุงดังกล่าว ซึ่งจากการสอบทานที่แล้วเสร็จส่วนใหญ่ในช่วงเดือนตุลาคม 2558 พบว่า ต้องมีการ
แก้ไขแบบและวิธีการปรับปรุงจากที่ DEMCO นำเสนอ เป็นผลทำให้ DEMCO ทำการทบทวนประมาณการหนี้สินที่เคยประมาณไว้ใหม่
หนี้สินจากการปรับปรุงงานสุทธิจากเงินชดเชยที่จะได้รับจากผู้ว่าจ้างและค่าใช้จ่ายในการแก้ไขงานที่เกิดขึ้นจริง แล้วในปี 2558 เป็น
จำนวนเงินสุทธิ 262.87 ล้านบาท
ค่าสูญเสียโอกาสในการผลิต (Loss production) และค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงงานให้กับผู้ว่าจ้างทั้ง 2 บริษัท ในปี 2558
DEMCO ได้รับรู้ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าสูญเสียโอกาสในการผลิต ในงบการเงินตามที่เกิดขึ้นจริงแล้ว จำนวน
45.97 ล้านบาท ซึ่งค่าสูญเสียโอกาสในการผลิตและค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงนั้น DEMCO ยังไม่สามารถประมาณการได้
อย่างน่าเชื่อถือและเหมาะสม เนื่องจากการประมาณการดังกล่าว ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่บริษัทไม่สามารถความคุมและคาดการณ์ได้ เช่น
ความเร็วลม ความแรงลมในอนาคต ดังนั้น บริษัทจึงทำการรับรู้ค่าใช้จ่ายข้างต้นที่จะเกิดขึ้นในอนาคตตามที่เกิดขึ้นจริง