มาถึงตอน 20 กันแล้วนะครับ (วันนี้มาช้าหน่อยเพราะเขียนยาวเลยน็อคซะก่อนแฮะ)
ต่อจากตอนก่อนที่เจ้าโอะสำแดงความเปรี้ยว คว้าหอกกากๆ ใกล้มือจะโดดเข้าใส่ฮะกุเม็ง
แต่ดันลืมไปว่าตัวเองตอนนี้เป็นแค่โนวิซเลเวล 1 ที่โดนโรลแบ็กจนของเทพหลุดหมดตัว เลยยันรังสีอำมหิตของบอส MVP ไม่อยู่ยืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
เดชะบุญโทร่ายังขยับได้อยู่ เลยเข้ามาช่วยพ่นไฟต้านไฟฮะกุเม็งไว้ทัน
ฮะกุเม็งเลยเลิกสนใจเจ้าโอะ บินออกจากวังไปถล่มเมืองจนย่อยยับ
เมืองทั้งเมืองที่มีผู้คนหลายแสนคนอาศัยอยู่กลายเป็นซากในชั่วไม่ถึงอึดใจ เหลือแต่เจ้าโอะ เจียเม่ย กับกิเรียวรอดมาได้แค่ 3 คน (จริงๆ อาจเยอะกว่านี้ก็ได้ แต่ในเรื่องมีให้เห็นแค่นี้เอง)
อนึ่ง แอบเสียดายฉากนี้นิดหน่อยแฮะ ถ้ามีเวลามากกว่านี้น่าจะใส่ฉากฮะกุเม็งทำลายเมืองได้เยอะกว่านี้
หลังเมืองโดนถล่มจนราบ เจ้าโอะกับกิเรียวก็พาเจียเม่ยซมซานกลับมาบ้านที่รอดมาได้เพราะอยู่นอกเมือง
เจ้าโอะได้แต่คร่ำครวญพลางแช่งด่าตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้สักอย่างพอไม่มีหอกสมิง จนต้องให้โทร่ามาช่วยปลอบ
ระหว่างนั้นเจียเม่ยก็ฟื้นขึ้นมาถามถึงพ่อแม่ เจ้าโอะก็ได้แต่กลั้นน้ำตากัดฟันแน่นไม่กล้าตอบ แต่เจียเม่ยรู้ดีอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นเลยไม่ได้ซักต่อมากกว่านั้น แต่กลับเสไปถามถึง
"สถานที่ที่ไกลกว่าที่อยู่ของเหล่าเซียนทั้งหลาย" ซึ่งเจ้าโอะจากมา ถามว่าคนที่นั่นรักกันสนิทกันไหม ถ้าเธอไปที่นั่นพวกเขาจะยอมเป็นเพื่อนเธอหรือเปล่า เจ้าโอะก็พยักหน้าตอบรับอย่างหนักแน่นว่าแน่นอนอยู่แล้ว
ได้ยินแบบนั้น เจียเม่ยก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้มเศร้าๆ ว่า
"ข้า...อยากไปจัง"
เจอคำพูดนี้ของเจียเม่ยเข้าไป เจ้าโอะก็ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ออกจากห้องไปขดตัวร้องไห้ข้างนอก
ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ดังมาจากโรงเหล็ก พอเข้าไปดูก็เจอกิเรียวต่อยทั่งตีเหล็กจนมือแตกเลือดอาบไปหมด เลยรีบเข้าไปห้ามไว้ แต่กิเรียวก็ยังไม่หายคลั่ง เจ้าโอะต้องยอมเจ็บตัวเอามือรับแทนถึงค่อยสงบลง แล้วมานั่งคุยกันถึงหนทางสุดท้ายที่จะสร้างอาวุธวิเศษที่เหนือกว่าดาบที่พ่อตีบวกไปให้ฮะกุเม็งตบแตกเล่นเมื่อกลางวันได้
นั่นก็คือ...สังเวยชีวิตหญิงสาวในเบ้าหลอมเหล็กเป็นบรรณาการแด่เทพเจ้า
อันนี้ไม่มีอะไร แค่เห็นหน้าเป๊ะเหมือนในมังงะเลยเอามาลงเฉยๆ
แล้วก็มาถึงฉากไคลแมกซ์ใหญ่สุดฉากหนึ่งของเรื่อง
ฉากเจียเม่ยแอบฟังเจ้าโอะกับกิเรียวคุยกันจนรู้เรื่องทั้งหมด จึงตัดสินใจสละร่างตัวเองเป็นบัตรพลี สังเวยแต่เบ้าหลอมเพื่อสร้างเทพอาวุธปราบจอมปีศาจ
ฉากที่สะเทือนใจที่สุดในเนื้อเรื่องช่วงนี้ (โดยส่วนตัว...สะเทือนใจที่สุดในเรื่องด้วยซ้ำ)
ฉาก
"รอยยิ้มอำลา" ของเจียเม่ยก่อนจะโดดลงเบ้าหลอม
การเสียสละของเจียเม่ยทำให้กิเรียวคลั่ง ยอมหักใจตัวเองกลายเป็นปีศาจไปจริงๆ เพื่อสร้างเทพอาวุธปราบฮะกุเม็งให้ได้
ฉากนี้โคตรชอบโทร่าเลยแฮะ ทั้งสีหน้าท่าทางคำพูดคำจาหล่อผิดเวลาปกติไปโข
ตีไปเรื่อยๆ ด้วยความแค้น ในที่สุดร่างที่กลายเป็นปีศาจของกิเรียวก็ค่อยๆ หลอมรวมกับดาบที่ตีจนแทบกลายเป็นเนื้อเดียวกัน จนดาบเปลี่ยนสภาพไปเป็น
"หอก"
และพร้อมๆ กับการหวดค้อนครั้งสุดท้ายและคำประกาศว่าอยากต่อสู้ร่วมกับเจ้าโอะ ร่างของกิเรียวก็หลอมรวมกับอาวุธโดยสมบูรณ์ กลายเป็น
"หอกสมิง" ไปในที่สุด
อนึ่งเนื่องจากชอบฉากนี้มาก จึงขอนำคำแปลเวอร์ชั่นมังงะแบบเต็มๆ (แอบเกลาให้เข้ากับประโยคต้นทางกว่าเดิมนิดหน่อยนะครับ) มาลงไว้เพื่อความขลังนะครับ
"ชางเยว่...เจ้าผู้ได้เห็นถึงความเป็นความตายของครอบครัวข้า บัดนี้ข้ากลายเป็นหอกไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าหอกเล่มนี้เคยเป็นคนมาก่อน ดังนั้นจงเป็นพยานให้พวกข้าเถอะ เป็นพยานว่าตัวข้า...ครอบครัวของข้าสร้างหอกเล่มนี้ขึ้นมาด้วยความรู้สึกเยี่ยงไร ข้าขอสลักชื่อเจ้าผู้เป็นพยานไว้บนตัวข้า"
"จนกว่าจะกำจัดฮะกุเม็ง พวกข้าจะอยู่ในใจของชางเยว่"
...อ่านกี่ทีก็รู้สึกว่าโคตรขลัง
หลังจากนี้ในช่วงครึ่งหลังก็แทบไม่มีอะไรแล้วแฮะ นอกจากเจียเม่ยร่างวิญญาณออกมาพบเจ้าโอะ กับแนะนำตัวโทคิจุน อสูรคู่แฝดของโทคิซากะที่มีความสามารถท่องตามกระแสเวลาได้จนถึงอนาคต
เริ่มจากเล่าประวัติของหอกสมิงหลังบินออกไปจากบ้าน ว่าคลั่งจนไปไล่ฆ่าอสูรไม่เลือกหน้า จนพวกอสูรต้องรวมหัวกันปราบ ด้วยการกลายร่างเป็นพู่แดงพันธนาการหอกไว้
ด้านเจียเม่ยก็พยายามหาทางปราบฮะกุเม็งให้ได้ จึงตัดสินใจตามฮะกุเม็งไปจนถึงญี่ปุ่น และไปเกิดใหม่เป็นนางรำชื่อยูกิ ได้เจอกับฮะกุเม็งในคราบนางสนมทามาโมะโนะมาเอะที่กำลังวางแผนสร้างความวุ่นวายในญี่ปุ่นอยู่ จึงขอความร่วมมือกับบรรดาแกนนำของทั้งฝ่ายมนุษย์และฝ่ายปีศาจเปิดโปงตัวจริงของฮะกุเม็ง และล้อมปราบฮะกุเม็งจนต้องล่าถอยไป
เจียเม่ยกับอสูรจำนวนหนึ่งพยายามไล่ตามไปเพื่อลาสช็อตฮะกุเม็งให้หมดเรื่องหมดราว แต่ฮะกุเม็งเจ้าเล่ห์กว่า หนีไปฝังตัวในเสาใต้ทะเลซึ่งค้ำเกาะญี่ปุ่นทั้งเกาะไว้ ซึ่งหากฮะกุเม็งถูกเล่นงานจนออกจากเสาในตอนนั้น ญี่ปุ่นจะจมลงทั้งเกาะในทันที
เจียเม่ยไม่มีทางเลือกเนื่องจากเหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหันและจวนตัวมาก จะกำจัดฮะกุเม็งด้วยตัวคนเดียวก็ไม่ได้ จะหันไปอธิบายกับพวกอสูรที่กำลังโกรธแค้นซึ่งตามมาข้างหลังก็คงไม่ยอมฟัง จึงจำต้องกางอาณาเขตสะกดฮะกุเม็งไม่ให้หนีออกจากเสาเค้าญี่ปุ่น และป้องกันไม่ให้อสูรตนอื่นลงมาเล่นงานฮะกุเม็งได้ กลายเป็นปมแค้นระหว่างยาคุเมะ (หญิงผู้ทำหน้าที่กางอาณาเขต) แต่ละรุ่นกับเหล่าอสูรทั่วญ่ปุ่นมาจนทุกวันนี้
หลังจากนั้นเจียเม่ยก็ทำหน้าที่ผนึกฮะกุเม็งเป็นเวลาถึง 200 ปี (วิชาผนึกของเจียเม่ย ระหว่างที่ใช้วิชาอายุผู้ใช้จะหยุดอยู่แค่ตอนที่ใช้ ทำให้มีชีวิตยืนยาวกว่าปกติ) จนร่างใกล้หมดพลัง จึงสละร่างตัวเองไปตามหาผู้สืบสายเลือดของตนเพื่อมาทำหน้าที่ยาคุเมะแทนตัวเอง (เจียเม่ยในฐานะยูกิเคยมีลูกก่อนไปสู้กับฮะกุเม็ง และลูกคนนั้นก็มีลูกมีหลานสืบทอดกลายเป็นเชื้อสายผู้มีพลังแฝงให้เจียเม่ยเลือกไปเป็นยาคุเมะ)
โดยรุ่นที่สองที่มาทำหน้าที่ยาคุเมะก็คือ ฮิซากิ มิคาโดะ (ที่ปัจจุบันเป็นปูชณียบุคคลประจำอยู่ที่วัดใหญ่ของนิกาย)
มิคาโดะทำหน้าที่ดูแลผนึกต่อจากเจียเม่ยเป็นเวลา 300 ปีจนใกล้หมดพลัง เลยต้องปลดเกษียณแล้วหายาคุเมะรุ่นที่ 3
ซึ่งหวยก็มาออกที่
"ฮิซากิ ซึมาโกะ" ผู้ต่อมาจะกลายมาเป็นแม่เจ้าโอะนั่นเอง
จากนั้นเจียเม่ยก็อธิบายถึงสาเหตุที่เจ้าโอะเกิดมาได้ทั้งที่แม่ต้องทำหน้าที่ดูแลผนึกอยู่ตลอดไม่ได้ไปไหน
นั่นเป็นเพราะนิมิตที่แม่เจ้าโอะเห็นว่าตัวเองจะมีลูก และลูกคนนั้นจะได้เป็นผู้กวัดแกว่งหอกสมิงเพื่อกำจัดฮะกุเม็ง เจียเม่ยจึงได้รู้ทันทีว่าสิ่งที่ตนต้องทำตอนนี้คือสร้างผู้ใช้หอกที่หอกสมิงรออยู่ขึ้นมาให้ได้
หลังจากนั้นเจียเม่ยจึงอนุญาตให้แม่เจ้าโอะละหน้าที่ไป 2 ปีจนเจ้าโอะเกิดมา จึงเรียกกลับมาทำหน้าที่เหมือนเดิม
ที่มาของชื่อเจ้าโอะที่แม่เป็นคนตั้งให้
มาจากคำว่า
"อุชิโอะ (潮)" ที่แปลว่า
"กระแสน้ำ" เพราะแม่ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางกระแสน้ำมาตลอดนั่นเอง
หลังจากนั้นก็กลับมาช่วงเวลาปัจจุบัน พวกเจ้าโอะจึงแยกกับเจียเม่ยกับสองอสูรเวลาจนกว่าจะถึงการต่อสู้ครั้งสุดท้ายกับฮะกุเม็ง
อนึ่ง ชอบฉากสุดท้ายที่เจียเม่ยเรียกเจ้าโอะว่า
"ชางเยว่" ฉากนี้จริงๆ แฮะ
บัดนี้ก้าวแรกสู่การตัดสินชะตากับฮะกุเม็งของเจ้าโอะกับโทร่าได้เริ่มขึ้นแล้ว
โดยรวมถึงจะเร่งจังหวะไปนิดเพื่อให้ลงได้ในตอนเดียว แต่ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีอยู่แฮะ แม้บางจังหวะจะเหวอๆ ไปบ้าง (คาดว่าเพราะไม่ต้องการให้ดูแรงเกินไป) ก็เถอะ
ชอบสุดในตอนนี้คือ BGM ตอนเจียเม่ยโดดลงเบ้าหลอมกับตอนกิเรียวตีหอกสมิงจนกลายเป็นหอกไปซะเองนี่แหละ เอาเพลงเดียวกันมาเปลี่ยนจังหวะจากเพลงเศร้าเนิบๆ ตอนเจียเม่ยโดด กลายเป็นเพลงโคตร EPIC ตอนกิเรียวตีหอกจนไฟท่วมได้เฉยเลย
อนึ่ง เห็นรอยยิ้มของเจียเม่ยก่อนโดดเบ้าหลอมฉากนี้ทีไรก็นึกอยากให้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อินาซะกับพวกนักบวชสาย "ไม่เอาหอกสมิง" ในนิกายโคฮะได้มาเห็นด้วยกันจริงๆ เลย เผื่อพวกนั้นจะรู้สำนึกก่อนสายว่าความคิดอยากเอาชนะโง่ๆ ของพวกเอ็งมันกระจอกแค่ไหน ถ้าเทียบกับความกล้าและความเสียสละของผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้
สำหรับผม รอยยิ้มนี้ของเจียเม่ยคือรอยยิ้มที่งดงามที่สุดในบรรดางานของอ.ฟุจิตะแล้ว (ยิ่งกว่าของฟรองซีนตัวจริงในวินาทีสุดท้ายของชีวิตซะอีก)
รอชมตอนหน้าเข้าบทคิริโอกันครับ
[Spoil] ล่าอสูรกาย ภาคอนิเมทีวี #20 - ย้อนอดีตหอกสมิง ตอนที่ 2
มาถึงตอน 20 กันแล้วนะครับ (วันนี้มาช้าหน่อยเพราะเขียนยาวเลยน็อคซะก่อนแฮะ)
ต่อจากตอนก่อนที่เจ้าโอะสำแดงความเปรี้ยว คว้าหอกกากๆ ใกล้มือจะโดดเข้าใส่ฮะกุเม็ง
แต่ดันลืมไปว่าตัวเองตอนนี้เป็นแค่โนวิซเลเวล 1 ที่โดนโรลแบ็กจนของเทพหลุดหมดตัว เลยยันรังสีอำมหิตของบอส MVP ไม่อยู่ยืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
เดชะบุญโทร่ายังขยับได้อยู่ เลยเข้ามาช่วยพ่นไฟต้านไฟฮะกุเม็งไว้ทัน
ฮะกุเม็งเลยเลิกสนใจเจ้าโอะ บินออกจากวังไปถล่มเมืองจนย่อยยับ
เมืองทั้งเมืองที่มีผู้คนหลายแสนคนอาศัยอยู่กลายเป็นซากในชั่วไม่ถึงอึดใจ เหลือแต่เจ้าโอะ เจียเม่ย กับกิเรียวรอดมาได้แค่ 3 คน (จริงๆ อาจเยอะกว่านี้ก็ได้ แต่ในเรื่องมีให้เห็นแค่นี้เอง)
อนึ่ง แอบเสียดายฉากนี้นิดหน่อยแฮะ ถ้ามีเวลามากกว่านี้น่าจะใส่ฉากฮะกุเม็งทำลายเมืองได้เยอะกว่านี้
หลังเมืองโดนถล่มจนราบ เจ้าโอะกับกิเรียวก็พาเจียเม่ยซมซานกลับมาบ้านที่รอดมาได้เพราะอยู่นอกเมือง
เจ้าโอะได้แต่คร่ำครวญพลางแช่งด่าตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้สักอย่างพอไม่มีหอกสมิง จนต้องให้โทร่ามาช่วยปลอบ
ระหว่างนั้นเจียเม่ยก็ฟื้นขึ้นมาถามถึงพ่อแม่ เจ้าโอะก็ได้แต่กลั้นน้ำตากัดฟันแน่นไม่กล้าตอบ แต่เจียเม่ยรู้ดีอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นเลยไม่ได้ซักต่อมากกว่านั้น แต่กลับเสไปถามถึง "สถานที่ที่ไกลกว่าที่อยู่ของเหล่าเซียนทั้งหลาย" ซึ่งเจ้าโอะจากมา ถามว่าคนที่นั่นรักกันสนิทกันไหม ถ้าเธอไปที่นั่นพวกเขาจะยอมเป็นเพื่อนเธอหรือเปล่า เจ้าโอะก็พยักหน้าตอบรับอย่างหนักแน่นว่าแน่นอนอยู่แล้ว
ได้ยินแบบนั้น เจียเม่ยก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้มเศร้าๆ ว่า "ข้า...อยากไปจัง"
เจอคำพูดนี้ของเจียเม่ยเข้าไป เจ้าโอะก็ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ออกจากห้องไปขดตัวร้องไห้ข้างนอก
ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ดังมาจากโรงเหล็ก พอเข้าไปดูก็เจอกิเรียวต่อยทั่งตีเหล็กจนมือแตกเลือดอาบไปหมด เลยรีบเข้าไปห้ามไว้ แต่กิเรียวก็ยังไม่หายคลั่ง เจ้าโอะต้องยอมเจ็บตัวเอามือรับแทนถึงค่อยสงบลง แล้วมานั่งคุยกันถึงหนทางสุดท้ายที่จะสร้างอาวุธวิเศษที่เหนือกว่าดาบที่พ่อตีบวกไปให้ฮะกุเม็งตบแตกเล่นเมื่อกลางวันได้
นั่นก็คือ...สังเวยชีวิตหญิงสาวในเบ้าหลอมเหล็กเป็นบรรณาการแด่เทพเจ้า
อันนี้ไม่มีอะไร แค่เห็นหน้าเป๊ะเหมือนในมังงะเลยเอามาลงเฉยๆ
แล้วก็มาถึงฉากไคลแมกซ์ใหญ่สุดฉากหนึ่งของเรื่อง
ฉากเจียเม่ยแอบฟังเจ้าโอะกับกิเรียวคุยกันจนรู้เรื่องทั้งหมด จึงตัดสินใจสละร่างตัวเองเป็นบัตรพลี สังเวยแต่เบ้าหลอมเพื่อสร้างเทพอาวุธปราบจอมปีศาจ
ฉากที่สะเทือนใจที่สุดในเนื้อเรื่องช่วงนี้ (โดยส่วนตัว...สะเทือนใจที่สุดในเรื่องด้วยซ้ำ)
ฉาก "รอยยิ้มอำลา" ของเจียเม่ยก่อนจะโดดลงเบ้าหลอม
การเสียสละของเจียเม่ยทำให้กิเรียวคลั่ง ยอมหักใจตัวเองกลายเป็นปีศาจไปจริงๆ เพื่อสร้างเทพอาวุธปราบฮะกุเม็งให้ได้
ฉากนี้โคตรชอบโทร่าเลยแฮะ ทั้งสีหน้าท่าทางคำพูดคำจาหล่อผิดเวลาปกติไปโข
ตีไปเรื่อยๆ ด้วยความแค้น ในที่สุดร่างที่กลายเป็นปีศาจของกิเรียวก็ค่อยๆ หลอมรวมกับดาบที่ตีจนแทบกลายเป็นเนื้อเดียวกัน จนดาบเปลี่ยนสภาพไปเป็น "หอก"
และพร้อมๆ กับการหวดค้อนครั้งสุดท้ายและคำประกาศว่าอยากต่อสู้ร่วมกับเจ้าโอะ ร่างของกิเรียวก็หลอมรวมกับอาวุธโดยสมบูรณ์ กลายเป็น "หอกสมิง" ไปในที่สุด
อนึ่งเนื่องจากชอบฉากนี้มาก จึงขอนำคำแปลเวอร์ชั่นมังงะแบบเต็มๆ (แอบเกลาให้เข้ากับประโยคต้นทางกว่าเดิมนิดหน่อยนะครับ) มาลงไว้เพื่อความขลังนะครับ
"ชางเยว่...เจ้าผู้ได้เห็นถึงความเป็นความตายของครอบครัวข้า บัดนี้ข้ากลายเป็นหอกไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าหอกเล่มนี้เคยเป็นคนมาก่อน ดังนั้นจงเป็นพยานให้พวกข้าเถอะ เป็นพยานว่าตัวข้า...ครอบครัวของข้าสร้างหอกเล่มนี้ขึ้นมาด้วยความรู้สึกเยี่ยงไร ข้าขอสลักชื่อเจ้าผู้เป็นพยานไว้บนตัวข้า"
"จนกว่าจะกำจัดฮะกุเม็ง พวกข้าจะอยู่ในใจของชางเยว่"
...อ่านกี่ทีก็รู้สึกว่าโคตรขลัง
หลังจากนี้ในช่วงครึ่งหลังก็แทบไม่มีอะไรแล้วแฮะ นอกจากเจียเม่ยร่างวิญญาณออกมาพบเจ้าโอะ กับแนะนำตัวโทคิจุน อสูรคู่แฝดของโทคิซากะที่มีความสามารถท่องตามกระแสเวลาได้จนถึงอนาคต
เริ่มจากเล่าประวัติของหอกสมิงหลังบินออกไปจากบ้าน ว่าคลั่งจนไปไล่ฆ่าอสูรไม่เลือกหน้า จนพวกอสูรต้องรวมหัวกันปราบ ด้วยการกลายร่างเป็นพู่แดงพันธนาการหอกไว้
ด้านเจียเม่ยก็พยายามหาทางปราบฮะกุเม็งให้ได้ จึงตัดสินใจตามฮะกุเม็งไปจนถึงญี่ปุ่น และไปเกิดใหม่เป็นนางรำชื่อยูกิ ได้เจอกับฮะกุเม็งในคราบนางสนมทามาโมะโนะมาเอะที่กำลังวางแผนสร้างความวุ่นวายในญี่ปุ่นอยู่ จึงขอความร่วมมือกับบรรดาแกนนำของทั้งฝ่ายมนุษย์และฝ่ายปีศาจเปิดโปงตัวจริงของฮะกุเม็ง และล้อมปราบฮะกุเม็งจนต้องล่าถอยไป
เจียเม่ยกับอสูรจำนวนหนึ่งพยายามไล่ตามไปเพื่อลาสช็อตฮะกุเม็งให้หมดเรื่องหมดราว แต่ฮะกุเม็งเจ้าเล่ห์กว่า หนีไปฝังตัวในเสาใต้ทะเลซึ่งค้ำเกาะญี่ปุ่นทั้งเกาะไว้ ซึ่งหากฮะกุเม็งถูกเล่นงานจนออกจากเสาในตอนนั้น ญี่ปุ่นจะจมลงทั้งเกาะในทันที
เจียเม่ยไม่มีทางเลือกเนื่องจากเหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหันและจวนตัวมาก จะกำจัดฮะกุเม็งด้วยตัวคนเดียวก็ไม่ได้ จะหันไปอธิบายกับพวกอสูรที่กำลังโกรธแค้นซึ่งตามมาข้างหลังก็คงไม่ยอมฟัง จึงจำต้องกางอาณาเขตสะกดฮะกุเม็งไม่ให้หนีออกจากเสาเค้าญี่ปุ่น และป้องกันไม่ให้อสูรตนอื่นลงมาเล่นงานฮะกุเม็งได้ กลายเป็นปมแค้นระหว่างยาคุเมะ (หญิงผู้ทำหน้าที่กางอาณาเขต) แต่ละรุ่นกับเหล่าอสูรทั่วญ่ปุ่นมาจนทุกวันนี้
หลังจากนั้นเจียเม่ยก็ทำหน้าที่ผนึกฮะกุเม็งเป็นเวลาถึง 200 ปี (วิชาผนึกของเจียเม่ย ระหว่างที่ใช้วิชาอายุผู้ใช้จะหยุดอยู่แค่ตอนที่ใช้ ทำให้มีชีวิตยืนยาวกว่าปกติ) จนร่างใกล้หมดพลัง จึงสละร่างตัวเองไปตามหาผู้สืบสายเลือดของตนเพื่อมาทำหน้าที่ยาคุเมะแทนตัวเอง (เจียเม่ยในฐานะยูกิเคยมีลูกก่อนไปสู้กับฮะกุเม็ง และลูกคนนั้นก็มีลูกมีหลานสืบทอดกลายเป็นเชื้อสายผู้มีพลังแฝงให้เจียเม่ยเลือกไปเป็นยาคุเมะ)
โดยรุ่นที่สองที่มาทำหน้าที่ยาคุเมะก็คือ ฮิซากิ มิคาโดะ (ที่ปัจจุบันเป็นปูชณียบุคคลประจำอยู่ที่วัดใหญ่ของนิกาย)
มิคาโดะทำหน้าที่ดูแลผนึกต่อจากเจียเม่ยเป็นเวลา 300 ปีจนใกล้หมดพลัง เลยต้องปลดเกษียณแล้วหายาคุเมะรุ่นที่ 3
ซึ่งหวยก็มาออกที่ "ฮิซากิ ซึมาโกะ" ผู้ต่อมาจะกลายมาเป็นแม่เจ้าโอะนั่นเอง
จากนั้นเจียเม่ยก็อธิบายถึงสาเหตุที่เจ้าโอะเกิดมาได้ทั้งที่แม่ต้องทำหน้าที่ดูแลผนึกอยู่ตลอดไม่ได้ไปไหน
นั่นเป็นเพราะนิมิตที่แม่เจ้าโอะเห็นว่าตัวเองจะมีลูก และลูกคนนั้นจะได้เป็นผู้กวัดแกว่งหอกสมิงเพื่อกำจัดฮะกุเม็ง เจียเม่ยจึงได้รู้ทันทีว่าสิ่งที่ตนต้องทำตอนนี้คือสร้างผู้ใช้หอกที่หอกสมิงรออยู่ขึ้นมาให้ได้
หลังจากนั้นเจียเม่ยจึงอนุญาตให้แม่เจ้าโอะละหน้าที่ไป 2 ปีจนเจ้าโอะเกิดมา จึงเรียกกลับมาทำหน้าที่เหมือนเดิม
ที่มาของชื่อเจ้าโอะที่แม่เป็นคนตั้งให้
มาจากคำว่า "อุชิโอะ (潮)" ที่แปลว่า "กระแสน้ำ" เพราะแม่ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางกระแสน้ำมาตลอดนั่นเอง
หลังจากนั้นก็กลับมาช่วงเวลาปัจจุบัน พวกเจ้าโอะจึงแยกกับเจียเม่ยกับสองอสูรเวลาจนกว่าจะถึงการต่อสู้ครั้งสุดท้ายกับฮะกุเม็ง
อนึ่ง ชอบฉากสุดท้ายที่เจียเม่ยเรียกเจ้าโอะว่า "ชางเยว่" ฉากนี้จริงๆ แฮะ
บัดนี้ก้าวแรกสู่การตัดสินชะตากับฮะกุเม็งของเจ้าโอะกับโทร่าได้เริ่มขึ้นแล้ว
โดยรวมถึงจะเร่งจังหวะไปนิดเพื่อให้ลงได้ในตอนเดียว แต่ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีอยู่แฮะ แม้บางจังหวะจะเหวอๆ ไปบ้าง (คาดว่าเพราะไม่ต้องการให้ดูแรงเกินไป) ก็เถอะ
ชอบสุดในตอนนี้คือ BGM ตอนเจียเม่ยโดดลงเบ้าหลอมกับตอนกิเรียวตีหอกสมิงจนกลายเป็นหอกไปซะเองนี่แหละ เอาเพลงเดียวกันมาเปลี่ยนจังหวะจากเพลงเศร้าเนิบๆ ตอนเจียเม่ยโดด กลายเป็นเพลงโคตร EPIC ตอนกิเรียวตีหอกจนไฟท่วมได้เฉยเลย
อนึ่ง เห็นรอยยิ้มของเจียเม่ยก่อนโดดเบ้าหลอมฉากนี้ทีไรก็นึกอยากให้[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สำหรับผม รอยยิ้มนี้ของเจียเม่ยคือรอยยิ้มที่งดงามที่สุดในบรรดางานของอ.ฟุจิตะแล้ว (ยิ่งกว่าของฟรองซีนตัวจริงในวินาทีสุดท้ายของชีวิตซะอีก)
รอชมตอนหน้าเข้าบทคิริโอกันครับ