ผมได้อ่านเจอคำสัมภาษณ์ของคุณวิษณุที่บอกว่า การใช้คำสั่งการปกครองในกรณีจำนำข้าวกับคุณยิ่งลักษณ์นั้น เป็นวิธีที่เป็นประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด จากที่นี่ครับ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1447228535
ผมก็เลยเกิดความสงสัย คุณวิษณุอาศัยหลักคิดอะไรหรือครับ จึงคิดว่านี่เป็นวิธีการที่ให้ประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด แล้วคุณวิษณุเคยคิดถามประชาชนบ้างไหมครับว่า อยากได้ประโยชน์ด้วยวิธีการนี้หรือเปล่า
คุณวิษณุครับ ตอนนี้ประโยชน์ของประชาชนมากที่สุดในตอนนี้ น่าจะเป็นความปรองดอง ความสมานฉันท์นะครับ เพราะตราบใดที่คนในชาติไม่เกิดความปรองดอง ตราบนั้นก็ยากที่จะเกิดความสามัคคี และเมื่อสามัคคีไม่เกิด ก็อย่าหวังว่าประเทศจะเดินหน้าได้อย่างราบรื่นนะครับ
คุณวิษณุครับ หนึ่งในปัญหาความแตกแยกนั้น ก็คือ การใช้กระบวนการยุติธรรมในการทำลายล้างคนอีกฝ่ายที่มีความคิดเห็นต่าง มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างสองมาตรฐาน มีการเลือกปฏิบัติอย่างเห็นได้ชัดในหลายกรณี สร้างประเด็นให้เกิดการต่อต้าน จนนำไปสู่การไม่เคารพในกระบวนการยุติธรรมจนกลายเป็นวิกฤติศรัทธาในที่สุด
คุณวิษณุครับ ที่คนส่วนใหญ่ให้โอกาสคุณวิษณุเข้ามาทำงาน ก็ด้วยความหวังที่จะให้คุณวิษณุแก้ปัญหาเรื่องความแตกแยก ลดความเหลื่อมล้ำ ไม่ใช่ให้คุณวิษณุมาเหาะเหินเกินลงกาอย่างนี้นะครับ
ก็ในเมื่อเรื่องจำนำข้าวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทั้งๆที่ศาลยังไม่ได้ตัดสิน นั่นแสดงว่า ผู้ต้องหายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ไม่ใช่หรือครับ เมื่อยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ แล้วจะใช้คำสั่งทางปกครองได้อย่างไรไม่ทราบครับ
และถ้าอนาคตเกิดศาลตัดสินว่าผู้ต้องหาไม่ได้ผิดตามข้อกล่าวหาล่ะครับ ความเสียหายที่เกิดกับผู้ต้องหา ใครกันครับจะเป็นผู้รับผิดชอบ แล้วรับผิดชอบไหวไหม? อ้อ แต่คงเป็นคำถามที่เปล่าประโยชน์ใช่ไหมครับคุณวิษณุ เพราะทุกๆท่านมีมาตรา 44 คุ้มครองแล้วนี่นา
แต่คุณวิษณุอย่าลืมนะครับ แม้กฎหมายจะทำอะไรไม่ได้ก็จริงอยู่ แต่เรายังมีกฎของสังคมที่คอยจับจ้องอยู่ คอยจับตาดูพฤติกรรมที่ส่อเจตนา นั่นหมายความว่า การกระทำใดๆที่ส่อให้เห็นถึงการเลือกปฏิบัติ ซึ่งอาจทำให้คนฝ่ายหนึ่ง พึงพอใจ แต่คนอีกฝ่ายกลับรู้สึกถูกกระทำอย่างต่อเนื่อง แบบนั้นแล้วจะเกิดความปรองดองได้อย่างไรกันครับ
คุณวิษณุครับ นอกจากกฎของสังคมแล้ว ยังมีกฎแห่งกรรมที่แสดงถึงเหตุและผลของการกระทำของมนุษย์ หวังว่าคุณวิษณุจะเคยได้ยินเรื่องกรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนองนะครับ
ดังนั้นส่วนตัวจึงคิดว่า เพื่อไม่ให้สังคมแตกแยกมากไปกว่านี้ ทำไมคุณวิษณุไม่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการที่เคยมีล่ะครับ จะมาสร้างเงื่อนไขใหม่ๆ ให้สังคมคลางแคลงใจมากไปกว่านี้ทำไมกันล่ะครับ
จะมาใช้วิธีการที่ปกติไม่เคยทำกัน จะมาใช้วิธีการที่ทำให้คนส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นการทำลายล้างทำไมกันเล่าครับ มันไม่เป็นผลดีทั้งต่อประเทศและประชาชน
สุดท้ายอยากบอกคุณวิษณุว่า การตีความกฎหมาย ต้องตีความด้วยใจที่สุจริต เที่ยงธรรม เพื่อเป็นบรรทัดฐานใช้กับคนทุกคนในอนาคต ไม่ใช่การตีความ เพียงเพื่อหวังผลประโยชน์เป็นกรณีๆอย่างนี้นะครับ มันรังแต่จะสร้างความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น
ข้อสำคัญนะครับคุณวิษณุ ตาแป๊ะอย่างผม ต้องการเห็นประเทศชาติเดินหน้าอย่างราบรื่น โดยที่ประชาชนที่แม้เห็นต่าง แต่ก็อยู่ร่วมกันด้วยความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม นี่จึงเป็นประโยชน์สูงสุดของประชาชนนะครับ โดยไม่เกี่ยวกับตาแป๊ะอย่างผมหรือใครคนใดคนหนึ่ง ดังนั้นคุณวิษณุไม่จำเป็นต้องมาตามใจ!
คุณวิษณุครับ อะไรที่เรียกว่าเป็นประโยชน์กับประชาชนมากที่สุดครับ-------------ทวดเอง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1447228535
ผมก็เลยเกิดความสงสัย คุณวิษณุอาศัยหลักคิดอะไรหรือครับ จึงคิดว่านี่เป็นวิธีการที่ให้ประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด แล้วคุณวิษณุเคยคิดถามประชาชนบ้างไหมครับว่า อยากได้ประโยชน์ด้วยวิธีการนี้หรือเปล่า
คุณวิษณุครับ ตอนนี้ประโยชน์ของประชาชนมากที่สุดในตอนนี้ น่าจะเป็นความปรองดอง ความสมานฉันท์นะครับ เพราะตราบใดที่คนในชาติไม่เกิดความปรองดอง ตราบนั้นก็ยากที่จะเกิดความสามัคคี และเมื่อสามัคคีไม่เกิด ก็อย่าหวังว่าประเทศจะเดินหน้าได้อย่างราบรื่นนะครับ
คุณวิษณุครับ หนึ่งในปัญหาความแตกแยกนั้น ก็คือ การใช้กระบวนการยุติธรรมในการทำลายล้างคนอีกฝ่ายที่มีความคิดเห็นต่าง มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างสองมาตรฐาน มีการเลือกปฏิบัติอย่างเห็นได้ชัดในหลายกรณี สร้างประเด็นให้เกิดการต่อต้าน จนนำไปสู่การไม่เคารพในกระบวนการยุติธรรมจนกลายเป็นวิกฤติศรัทธาในที่สุด
คุณวิษณุครับ ที่คนส่วนใหญ่ให้โอกาสคุณวิษณุเข้ามาทำงาน ก็ด้วยความหวังที่จะให้คุณวิษณุแก้ปัญหาเรื่องความแตกแยก ลดความเหลื่อมล้ำ ไม่ใช่ให้คุณวิษณุมาเหาะเหินเกินลงกาอย่างนี้นะครับ
ก็ในเมื่อเรื่องจำนำข้าวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทั้งๆที่ศาลยังไม่ได้ตัดสิน นั่นแสดงว่า ผู้ต้องหายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ไม่ใช่หรือครับ เมื่อยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ แล้วจะใช้คำสั่งทางปกครองได้อย่างไรไม่ทราบครับ
และถ้าอนาคตเกิดศาลตัดสินว่าผู้ต้องหาไม่ได้ผิดตามข้อกล่าวหาล่ะครับ ความเสียหายที่เกิดกับผู้ต้องหา ใครกันครับจะเป็นผู้รับผิดชอบ แล้วรับผิดชอบไหวไหม? อ้อ แต่คงเป็นคำถามที่เปล่าประโยชน์ใช่ไหมครับคุณวิษณุ เพราะทุกๆท่านมีมาตรา 44 คุ้มครองแล้วนี่นา
แต่คุณวิษณุอย่าลืมนะครับ แม้กฎหมายจะทำอะไรไม่ได้ก็จริงอยู่ แต่เรายังมีกฎของสังคมที่คอยจับจ้องอยู่ คอยจับตาดูพฤติกรรมที่ส่อเจตนา นั่นหมายความว่า การกระทำใดๆที่ส่อให้เห็นถึงการเลือกปฏิบัติ ซึ่งอาจทำให้คนฝ่ายหนึ่ง พึงพอใจ แต่คนอีกฝ่ายกลับรู้สึกถูกกระทำอย่างต่อเนื่อง แบบนั้นแล้วจะเกิดความปรองดองได้อย่างไรกันครับ
คุณวิษณุครับ นอกจากกฎของสังคมแล้ว ยังมีกฎแห่งกรรมที่แสดงถึงเหตุและผลของการกระทำของมนุษย์ หวังว่าคุณวิษณุจะเคยได้ยินเรื่องกรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนองนะครับ
ดังนั้นส่วนตัวจึงคิดว่า เพื่อไม่ให้สังคมแตกแยกมากไปกว่านี้ ทำไมคุณวิษณุไม่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการที่เคยมีล่ะครับ จะมาสร้างเงื่อนไขใหม่ๆ ให้สังคมคลางแคลงใจมากไปกว่านี้ทำไมกันล่ะครับ
จะมาใช้วิธีการที่ปกติไม่เคยทำกัน จะมาใช้วิธีการที่ทำให้คนส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นการทำลายล้างทำไมกันเล่าครับ มันไม่เป็นผลดีทั้งต่อประเทศและประชาชน
สุดท้ายอยากบอกคุณวิษณุว่า การตีความกฎหมาย ต้องตีความด้วยใจที่สุจริต เที่ยงธรรม เพื่อเป็นบรรทัดฐานใช้กับคนทุกคนในอนาคต ไม่ใช่การตีความ เพียงเพื่อหวังผลประโยชน์เป็นกรณีๆอย่างนี้นะครับ มันรังแต่จะสร้างความวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น
ข้อสำคัญนะครับคุณวิษณุ ตาแป๊ะอย่างผม ต้องการเห็นประเทศชาติเดินหน้าอย่างราบรื่น โดยที่ประชาชนที่แม้เห็นต่าง แต่ก็อยู่ร่วมกันด้วยความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม นี่จึงเป็นประโยชน์สูงสุดของประชาชนนะครับ โดยไม่เกี่ยวกับตาแป๊ะอย่างผมหรือใครคนใดคนหนึ่ง ดังนั้นคุณวิษณุไม่จำเป็นต้องมาตามใจ!