การวินิจฉัยโรคโดยการแพทย์แผนจีนนั้น.....
จะมีการตรวจอยู่ทั้งสิ้น 4 วิธีหลักด้วยกัน คือ
1. การมอง
2. การฟัง หรือ ดม
3. การถาม
4. การจับ (จับชีพจร หรือจับส่วนต่างๆเพื่อดูความผิดปกติ)
ซึ่งในคัมภีร์โบราณกล่าวไว้ว่า การตรวจทั้ง 4 นี้ จะละเลยหรือขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นไม่ได้
ควรจะตรวจให้ครบทั้งสี่วิธี เพื่อที่จะได้รวบรวมข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อการ วินิจฉัย โรคได้ครบถ้วน
แต่แน่นอนว่า หมอที่มีประสบการณ์สูง บางท่าน เพียงแต่ จับชีพจร ก็สามารถรู้สภาวะการหมุนเวียนของเลือดลมภายในร่างกายได้
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ท่านก็ยังไม่ละเลย ที่จะมองสีหน้าท่าทาง ฟังเสียงพูด เสียงลมหายใจ สังเกตกลิ่นที่ออกจากกายคนไข้ รวมถึงการซักประวัติ
ดังนั้น ในการเทรดหุ้นนั้น ถ้าพูดในเรื่อง Technical analysis หรือการวิเคราะห์ทางเทคนิคแล้ว
ในปัจจุบัน ก็มีอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ มากมาย ที่ช่วยในการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับทิศทางราคา การวิเคราะห์ได้ เช่น
1. Trend line 2. Moving average 3. Price pattern 4. Candlestick / Bars chart pattern
5. RSI 6. MACD 7. ADXDI 8. Fibonacci Retracement / Projection etc.
นอกจากนี้ที่ไม่ได้กล่าวก็มีอีกมากมาย ซึ่งในที่นี้ ก็จะยกแค่ เครื่องมือที่ผมใช้เป็นหลัก
ในทางการแพทย์จีนนั้นสิ่งที่เราจะทำเป็นอย่างแรกโดยปกติ คือ การมอง ตั้งแต่ผู้ป่วยเข้ามาในห้องตรวจ
ซึ่งในการมอง...เราก็จะได้ทราบถึง ลักษณะทางกายภาพต่างๆของผู้ป่วย เช่นท่าเดิน สีหน้า สีลิ้นและฝ้าลิ้น ฯลฯ
ต่อมาก็เป็นการฟังเสียง เช่นว่า เสียงมีแรงพูดขนาดไหน... พูดจารู้เรื่องไหม ตอบคำถามตรงหรือไม่? ฯลฯ
และก็การถามประวัติความเป็นมาว่า ก่อนเกิดโรคเป็นอย่างไร มีการดำเนินโรคอย่างไร ...ฯลฯ
จากนั้นก็ จับชีพจร เพื่อดูจังหวะการเต้นหัวใจ ดูการเคลื่อนไหวของเลือดลมในร่างกาย และสภาวะโรคต่างๆ ฯลฯ
ซึ่งหลังจากได้ข้อมูลทั้งหมดมาแล้วก็ ต้องมาดูความสอดคล้องกันของข้อมูลต่อไป.....
ซึ่งก็เหมือนกับการวิเคราะห์หุ้นด้วยเครื่องมือทางเทคนิค....
แน่นอนก่อนอื่น เมื่อเราเปิดกราฟขึ้นมา เราก็จะสามารถมองกราฟคร่าวๆได้แล้วว่า ในช่วงเวลาระยะสั้น ระยะกลาง หรือระยะยาว
ทิศทางแนวโน้มของราคาอยู่ในทิศทางใด...
จากนั้นก็เริ่ม ใช้เครื่องมือต่างๆ ดังที่กล่าวมาในขั้นต้น ช่วยในการรวบรวมข้อมูล เพื่อทำการวิเคราะห์ในขั้นต่อไป
ซึ่งแน่นอนว่าไม่ว่าการวินิจฉัยโดยการแพทย์แผนจีนหรือว่า จะเป็นการวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคนั้น
ข้อมูลที่ได้มาจากช่องทางใดช่องทางหนึ่ง นั้นก็ยังไม่ควร ด่วนตัดสินใจ หรือวินิจฉัยในทันที เพราะอาจทำให้เกิดความผิดพลาดได้
จึงควร นำข้อมูลจากช่องทางต่างๆ มาวิเคราะห์ร่วมกัน เพื่อดูความสอดคล้อง ความขัดแย้งต่างๆของข้อมูล เพื่อที่จะนำไปใช้ในการ
วิเคราะห์ หรือ วินิจฉัยต่อไป....
สรุปใจความสำคัญ : ไม่ว่าคุณจะเป็น Investor หรือ Trader ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อขาย ควรจะวิเคราะห์ ข้อมูลให้รอบด้านก่อน ไม่ควรเลือกเชื่อ ข้อมูลที่ได้มากจากทางใดทางหนึ่งทางเดียว เพราะอาจจะนำมาซึ่งความผิดพลาดในการตัดสินใจได้.....
**ในตอนต่อไปนั้นจะพูดถึง ลำดับแนวคิดในการตรวจวินิจฉัยโดยการแพทย์แผนจีน กับ การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค**
ติดตามได้ที่
www.facebook.com/Talkwithphukijj
และกระทู้อื่นๆได้ตามลิงค์ข้างล่างนี้
เมียน้อย เมียหลวง และหุ้น
http://ppantip.com/topic/34405375
"Trade หุ้น" ให้เหมือนกับ "การจ่ายยารักษาโรค"
http://ppantip.com/topic/34378203
อยู่กับตลาดหุ้น ด้วยหลักพุทธศาสนา (ตอนที่1 "อนิจจัง" กับการเทรดหุ้น)
http://ppantip.com/topic/34368530
การตั้งคำถามกับหุ้น สำคัญไฉน? BY ภูกิจ
http://ppantip.com/topic/34409960
การวินิจฉัยโรคทางการแพทย์แผนจีน กับ การเทรดหุ้น (ตอนที่ 1) BY ภูกิจ
การวินิจฉัยโรคโดยการแพทย์แผนจีนนั้น.....
จะมีการตรวจอยู่ทั้งสิ้น 4 วิธีหลักด้วยกัน คือ
1. การมอง
2. การฟัง หรือ ดม
3. การถาม
4. การจับ (จับชีพจร หรือจับส่วนต่างๆเพื่อดูความผิดปกติ)
ซึ่งในคัมภีร์โบราณกล่าวไว้ว่า การตรวจทั้ง 4 นี้ จะละเลยหรือขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นไม่ได้
ควรจะตรวจให้ครบทั้งสี่วิธี เพื่อที่จะได้รวบรวมข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อการ วินิจฉัย โรคได้ครบถ้วน
แต่แน่นอนว่า หมอที่มีประสบการณ์สูง บางท่าน เพียงแต่ จับชีพจร ก็สามารถรู้สภาวะการหมุนเวียนของเลือดลมภายในร่างกายได้
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ท่านก็ยังไม่ละเลย ที่จะมองสีหน้าท่าทาง ฟังเสียงพูด เสียงลมหายใจ สังเกตกลิ่นที่ออกจากกายคนไข้ รวมถึงการซักประวัติ
ดังนั้น ในการเทรดหุ้นนั้น ถ้าพูดในเรื่อง Technical analysis หรือการวิเคราะห์ทางเทคนิคแล้ว
ในปัจจุบัน ก็มีอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ มากมาย ที่ช่วยในการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับทิศทางราคา การวิเคราะห์ได้ เช่น
1. Trend line 2. Moving average 3. Price pattern 4. Candlestick / Bars chart pattern
5. RSI 6. MACD 7. ADXDI 8. Fibonacci Retracement / Projection etc.
นอกจากนี้ที่ไม่ได้กล่าวก็มีอีกมากมาย ซึ่งในที่นี้ ก็จะยกแค่ เครื่องมือที่ผมใช้เป็นหลัก
ในทางการแพทย์จีนนั้นสิ่งที่เราจะทำเป็นอย่างแรกโดยปกติ คือ การมอง ตั้งแต่ผู้ป่วยเข้ามาในห้องตรวจ
ซึ่งในการมอง...เราก็จะได้ทราบถึง ลักษณะทางกายภาพต่างๆของผู้ป่วย เช่นท่าเดิน สีหน้า สีลิ้นและฝ้าลิ้น ฯลฯ
ต่อมาก็เป็นการฟังเสียง เช่นว่า เสียงมีแรงพูดขนาดไหน... พูดจารู้เรื่องไหม ตอบคำถามตรงหรือไม่? ฯลฯ
และก็การถามประวัติความเป็นมาว่า ก่อนเกิดโรคเป็นอย่างไร มีการดำเนินโรคอย่างไร ...ฯลฯ
จากนั้นก็ จับชีพจร เพื่อดูจังหวะการเต้นหัวใจ ดูการเคลื่อนไหวของเลือดลมในร่างกาย และสภาวะโรคต่างๆ ฯลฯ
ซึ่งหลังจากได้ข้อมูลทั้งหมดมาแล้วก็ ต้องมาดูความสอดคล้องกันของข้อมูลต่อไป.....
ซึ่งก็เหมือนกับการวิเคราะห์หุ้นด้วยเครื่องมือทางเทคนิค....
แน่นอนก่อนอื่น เมื่อเราเปิดกราฟขึ้นมา เราก็จะสามารถมองกราฟคร่าวๆได้แล้วว่า ในช่วงเวลาระยะสั้น ระยะกลาง หรือระยะยาว
ทิศทางแนวโน้มของราคาอยู่ในทิศทางใด...
จากนั้นก็เริ่ม ใช้เครื่องมือต่างๆ ดังที่กล่าวมาในขั้นต้น ช่วยในการรวบรวมข้อมูล เพื่อทำการวิเคราะห์ในขั้นต่อไป
ซึ่งแน่นอนว่าไม่ว่าการวินิจฉัยโดยการแพทย์แผนจีนหรือว่า จะเป็นการวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคนั้น
ข้อมูลที่ได้มาจากช่องทางใดช่องทางหนึ่ง นั้นก็ยังไม่ควร ด่วนตัดสินใจ หรือวินิจฉัยในทันที เพราะอาจทำให้เกิดความผิดพลาดได้
จึงควร นำข้อมูลจากช่องทางต่างๆ มาวิเคราะห์ร่วมกัน เพื่อดูความสอดคล้อง ความขัดแย้งต่างๆของข้อมูล เพื่อที่จะนำไปใช้ในการ
วิเคราะห์ หรือ วินิจฉัยต่อไป....
สรุปใจความสำคัญ : ไม่ว่าคุณจะเป็น Investor หรือ Trader ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อขาย ควรจะวิเคราะห์ ข้อมูลให้รอบด้านก่อน ไม่ควรเลือกเชื่อ ข้อมูลที่ได้มากจากทางใดทางหนึ่งทางเดียว เพราะอาจจะนำมาซึ่งความผิดพลาดในการตัดสินใจได้.....
**ในตอนต่อไปนั้นจะพูดถึง ลำดับแนวคิดในการตรวจวินิจฉัยโดยการแพทย์แผนจีน กับ การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค**
ติดตามได้ที่
www.facebook.com/Talkwithphukijj
และกระทู้อื่นๆได้ตามลิงค์ข้างล่างนี้
เมียน้อย เมียหลวง และหุ้น
http://ppantip.com/topic/34405375
"Trade หุ้น" ให้เหมือนกับ "การจ่ายยารักษาโรค"
http://ppantip.com/topic/34378203
อยู่กับตลาดหุ้น ด้วยหลักพุทธศาสนา (ตอนที่1 "อนิจจัง" กับการเทรดหุ้น)
http://ppantip.com/topic/34368530
การตั้งคำถามกับหุ้น สำคัญไฉน? BY ภูกิจ
http://ppantip.com/topic/34409960