เราเป็นนักศึกษาพยาบาลเเห่งหนึ่ง ตอนนี้เราอยู่ปี 4 เเล้วเเหละ^^ กระทู้นี้เป็นกระทู้เเรกที่เราพิมพ์ขึ้นมา ก็ไม่รู้ว่ามันจะถ่ายทอดความรู้สึกออกมาได้ดีเเค่ไหน สำหรับความรู้สึกของนักศึกษาพยาบาลคนหนึ่งที่เเอบมองเเพทย์ intern คนหนึ่งที่ได้ขึ้นฝึก ในสมัยที่เราเรียนอยู่ปี 2 พี่เค้าเรียนอยู่คณะเเพทย์ปีที่ 6 ซึ่งใกล้จบเเล้ว ตอนนั้นเราไม่ได่รู้สึกมีใจอะไรมากเพราะตอนนั้นเราขึ้นฝึกเริ่มตัน จับต้นชนปลายไม่ถูก วันๆเอาเเต่งปิดผ้าม่านเปิดผ้าม่านทำความความสะอาดเตียงเตียงผู้ป่วย เก็บอุจจาระ ปัสสาวะ อยู่อย่างนั้นทั้งวัน ไม่ได้ไปไหน เก็บมันอยู่นั้นเเหละอุจจาระของผู้ป่วยเปิดผ้าเข้าออกเข้าออก กับอาจารย์นิเทศทั้งวัน บอกเลยการเป็นนักศึกษาพยาบาลมันเป็นเรื่องที่หนักมากในการขึ้นฝึกเป็นปีเเรก ซึ่งอยู่ที่บ้านเราไม่ได้ทำเเบบนั้น เออ.... เราลืมเเนะนำตัวไปเราเป็นผู้หญิงตอนนี้เรียนอยู่ปี 4 ใกล้จะจบอีกไม่กี่เดือน เราตัวสูงไม่มากประมาณ 150 กว่าๆเนี่ย จัดว่าเป็นคนอยู่ระดับล่างนิดนึ่ง เพื่อนสูงกันเกือบหมด ค่อนข้างเป็นคนอวบ เเต่พอดีเราเป็นคนผิวขาวเลยไม่หน้าเกลียดเท่าไร ก็พอมีคนมีจีบบ้างไรบ้าง พาเข้าวัดตอนตีห้าได้!! เราเป็นคนพูดมากๆๆจนคนที่อยู่รอบข้างมักจะรำคานกันเป็นส่วนใหญ่เเต่เราเป็นคนตลกร่าเริง อยู่ด้วยเเล้วสนุก หัวเราะตลอด ยิ้มทั้งวันอย่างกะคนบ้า บางครั้งขึ้นวอร์ด(ตึกผู้ป่วย)กับอาจารย์บางครั้งอาจารย์มักจะเรียกไปคุยเป็นการส่วนตัวว่าให้เราจิงจังกับงานบ้างเราเเต่หัวเราะเหมือนเด็กทุกวัน... เอาเป็นว่ามาเข้าเรื่องกันดีกว่า ตอนนั้นเราพอที่จะรู้จักเเพทย์คนนั้นเเค่ในนามเท่านั้น เพราะเพื่อนเราเเอบชอบพี่เค้าเหมือนกันเลย ชอบเอาข้อมูลมาเล่าให้ฟัง เพื่อนตอนนั้นขึ้นฝึกอยู่ที่วอร์ด ศช. (ศัลยกรรมชายนะ) เเล้วพี่เค้าก็ฝึกอยู่ที่นั้นพอดี พี่เค้าอยู่ปี 6 เเล้วจะจบเเล้ว ตามที่เพื่อนเล่าให้ฟังตอนนั้น พี่เค้าค่อนข้างขึ้เก็ก หยิ่งๆ นิ่งๆ หน้าตาตี้ๆ ผิวขาว ใส่เเว่น สูงโปร่ง จัดได้เลยว่าเป็นคนที่หน้าตาดีคนหนึ่ง เเต่กลุ่มนักศึกษาที่ขึ้นฝึกกับเพื่อนเราบอกว่า พี่เค้านะขี้เก๊กเกิน เบื่อ ประมาณนี้ ตอนที่ไอ้เพื่อนเรามันเล่าให้ฟัง เออว่ะ...เรานี้อยากเห็นมากว่าพี่เค้าจะหล่อขนาดไหนกันทำไมมันโม้ให้ฟังบ่อยเกินน่าหมั่นไส้
จนวันหนึ่งเดินไปกับเพื่อนคนนั้นที่ชอบเอามาเล่าให้ฟังบ่อยๆนะ เราสองคนสนิทกันมาก เพราะนอนห้องเดียวกันเลยไปด้วยกันเกือบทุกที เเล้วบังเอิญในวันนั้นเราจะเจอพี่เค้า เราบอกตรงๆนะว่าเเค่เจอครั้งเเรกเรารู้สึกเเปลกๆ ทำไมผู้ชายคนนี้น่าสนใจจัง เเต่ถ้าถามว่าหล่อมากมั๊ยสำหรับเราก็ไม่มากเเต่หน้าตาก็น่ารักดีใช้ได้ ไม่งั้นเราไม่ชอบมาถือตอนนี้หรอก!!! 555+ จากนั้นก็เริ่มเห็นพี่เค้าบ่อยขึ้นพี่เค้าชอบเดินผ่านประตูข้างที่เรียนของเราในตอนกลางวันกับเพื่อนๆของพี่เค้า มากินร้านก๋วยเตี๋ยวที่หน้าที่เรียนของเราเรากับเพื่อนก็เเอบมองพี่เค้าตั้งเเต่เดินเข้ามา ผ่านไปจนลับสายตาไปทุกครั้งที่เห็น บางครั้งก็ไปกินร้านที่พี่เค้าไปกินกับเพื่อนเป็นประจำ เราก็เเปลกใจนะว่า มันอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอที่เห็นมากินเกือบทุกวัน ไอ้..เราไปกินกี่ครั้งกี่ครั้งมันก็เค็ม เค็มเหมือนเดิม ไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ เเต่เราก็เห็นว่าเเพทย์คนที่ทำงานในโรงพยาบาลมากินที่นี่ก็บ่อยเหลือเกิน เรื่องนี้เราก็ยังหาคำตอบไม่ได้ หรือว่าเเพทย์เค้าชอบกินเค็มกัน??? จากนั้นเราเริ่มที่จะสนใจมากขึ้นมากขึ้นเเอบมองทุกครั้งที่เจอเเต่คิดว่าพี่เค้าคงไม่รู้หรอก ทำตัวอย่ากะโจรลับล่อๆไปวันๆ!!^()^
จนเมื่อไม่นานมานี้เราเรียนอยู่ชั้นปีที่ 4 เเล้วเเละตอนนี้ก็กำลังจะเรียนจบการเเอบมองคนคนหนึ่งไปทุกวันทุกวัน มันเริ่มกับอยากที่จะทำให้เค้ารู้ว่าเราเเอบชอบอยู่นะ เราเเค่อยากบอกความรู้สึกดีก่อนที่เราจบเเล้วกับไปใช้ทุนให้ที่บ้านเกิดของเราซึ่งเหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนเเล้ว ไม่รู้นะว่าที่เราทำอยู่ตอนนั้มันถูกหรือผิด เราเคย add เพื่อนไปหาพี่เค้าบ่อยมากเเต่พี่เค้าไม่เคยรับเลย พิมพ์เเล้วก็เหงา พี่เค้ายังไม่รับเราถึงตอนนี้เลย ไอ้เราเป็นผู้หญิงก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี นี้มันก็ปีสี่เเล้วนะ กุลสตรีไทยมันเเทงใจตลอด เเต่เดี๋ยวนี้ยุคสมัยเปลี่ยน เค้าว่ากันว่าเดี๋ยวนี้หญิงไทยใจเเกร่งอิวะ++ (อาจมีคำเมืองปนบ้างเพราะเราเป็นสาวเหนือจ้าวๆ*()*) ก็เเอบเลยเเกลังทักไปว่า ใช่คนชื่อ....นี้ป่ะ ทำตัวเหมือนทักเพื่อนคนหนึ่ง ประมาณว่าจำคนผิดทำไมไม่รับเพื่อนเรา เเต่ไอ้พี่บ้านั้นปฏิเสธเสียงเเข็งว่าไม่ใช่ เเล้วยังจะบล็อกเราอีก... (บอกคำเดียวเพลียซิคะT^T) ไอ้เราปกติก็เป็นคนใจร้อนพอได้ เเล้วจะมาบล๊อกเราทำไม เพื่อนยังไม่ได้เป็นเลยบ้าหรือเปล่า เราก็จัดไปเลยค่ะ จัดไปเลย ด่าเต็มๆ พิมยาวเป็นกิโล จัดไปให้หนัก.... พี่เค้าก็อ่านนะ เเต่พี่เค้าไม่ตอบกลับอะไรมาสักอย่าง ไอ้เราก็รู้เหลือว่า ความเงียบมันเอาชนะทุกอย่างได้จริงๆ (บอกเราวินาทีนั่น เท้าฉันนี้ลงไปเหยียบหอตึกเเพทย์เเล้ววางระเบิดเรียบร้อยเเล้ว เเต่ก็เพียงเก็บกดความเเค้นไว้ในใจ พลางนั่งมองดูข้อความทำตาปริบๆ เเล้วตูจะทำอย่างไรต่อเนี่ยครัช....)
ผ่านมาในอีกวันนะ เราก็คิดทุกวันเเหละว่าจะทำความรู้จักกับพี่เค้าอย่างไรดี ที่ไม่ได้มาเริ่มต้นโดยการด่าพี่เค้าเเบบนั้นมันดูเเย่เกินไป เเล้วเราก็รวมความกล้าอีก บอกคำเดียวคนที่ทำเเบบนี้ได้ ไม่รักมากๆ หน้าด้านมากๆ โง่มากๆ เเละง่าวมากๆ(โง่) คงทำเเบบนี้ไม่ได้หรอก เราเลยทักพี่เค้าทางเเชทเฟสบุ๊คอีกครั้ง โดยการทักไปขอโทษรอบนี้มาเเบบนิ่งๆค่ะ คือผู้ดีเเท้ (ในช่วงนั้นเราไม่ค่อยเจอกันเลย เลยคิดว่าเฟสเนี่ยเเหละทางของการติดต่อที่ดีที่สุด) โดยเกริ่นนำเเบบเป็นทางการไปก่อนว่า ไอ้ที่เรามาทำเเบบนี้ เราไม่ได้เป็นบ้านะเเต่เราเเค่รู้สึกผิด (ที่พิมพ์ไปเนี่ยเราก็คิดนะว่า หากเจอกับเรา
โรคจิตชัด ขนาดทักมา หวัดดีครับ น่ารัก เราก็ไม่ตอบนะบล๊อกเหมือนกันทันทีเลย ทำอย่างกะสวยเลือกได้5555) เเละเเล้วพี่เค้าตอบกลับมาว่า...ไม่เปนไรคับ... ไอ้เราก็พ่อพระเอก พ่อทุนหัว พ่อของลูกเรา ทำไมเเสนดีอย่างนี้ เเต่เราก็ไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไรเอาเป็นว่า...ขอบคุนค่ะคุนหมอ... กลับเช่นกัน เเต่เราเเอบมี something ทิ้งไว้ให้เก็บไปคิดไม่รู้ว่า เค้าจะคิดหรือเปล่า เเต่เอาละหว่า .... ขบท้ายด้วยพิมว่า คุณหมอ ยังไงมันก็น่าจะคิดบ้างเเหละว่ารู้จักเราได้ไง เนาะว่ากันมั๊ย?? เเละเเล้วตามเคย... มันช่างไรวี่เเววของการตอบกลับ... เพลียค่ะ เเล้วจะทำไงต่อละครับที่เนี่ย.... คิดเเผนที่สามต่อไป
วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งเราเดินไปกินข้าวที่ตึกเเพทย์ พอดีเลยวันนี้ เราได้เจอกัลบพี่เค้าด้วยนะ เเต่ว่าพี่เค้าคงไม่ได้สนใจอะไรเรามากหรอก เเทบจะไม่ใส่ใจมองหน้าเราด้วยซ้ำไป เเต่เราก็ไม่ได้เสียใจนะเเอบมองอยู่ห่างๆ เเล้วก็มีอยู่วันหนึ่งเราลงจากวอร์ดมากินข้าวเที่ยง เรากะกลุ่มเพื่อนที่ขึ้นฝึกกับเรานัดไปกินข้าวที่ตึกเเพทย์ โชตคะโชตชะตา เจอพี่เค้าเดินลงมาจะตึกศัลยกรรมกระดูกพอดีเลย เจอกันเเบบเต็มๆ ไอ้เพื่อนเราในกลุ่มนะมันก็พอจะรู้กันบ้างว่าเราเเอบชอบพี่เค้ามานานพอควร มันเริ่มปฏิบัติการอย่างกะนัดกันมาอย่างนั้น ประสานเสียงเรียกชื่อเรา ทั้งชื่อเล่น+ชื่อจริง ที่มันเเกล้งเพราะเฟสที่เราเอาทักพี่เค้าไปนะ ชื่อเฟสเรา เป็นชื่อเล่น ของเรากะชื่อจริงต่อกัน วินาทีนั้นบอกคำเดียวเลยว่า อายๆโคตร จะได้ยินหรือไม่ได้ยินก็เถอะ จะสนใจหรือไม่สนใจก็ช่างรุ้อย่างเดียวคือหน้าคะ หน้าเราไปเเล้ว ^///^ ชาเเละเเดงมาก ควบคุมอารมณ์เเทบไม่ได้ โคตรเขินเลย อย่าจะหักคอเพื่อนเเล้วเอาไปต้มส้ม(มันเป็นอาหารภาคเหนือ คือเอาเนื้อมาต้มเเล้วก็ปรุงให้มันของรสเปรี้ยวๆหน่อยประมาณนี้ เราชอบนะมันอร่อยดีว่างๆคนภาคอื่นลองทำทานดู ถามสูตรหลังไมค์ได้คับพี่น้องเมนูนี้จัดว่าเด็ดมาก เเซบเบาๆ) พวกมันเรียงตามตูดพี่เค้าไปต้อยๆ พร้อมกับเรียกชื่อเรา ให้สะดุ้งเป็นพักๆ จนถึงร้านข้าวที่ตึกเเพทย์ ค่ะ+!!! พวกมันยังไม่หยุด พูดกันเป็นนกเเก้วนกขุนทอง คงอยากให้คนทั้งประเทศรู้กันทั้งหมด ไอ้เราก็อายหน้าเเดงนั่งโต๊ะไม่ติด ดิ้นไปดิ้นมา หลบหน้าหลบหน้ากินข้าว เเทบกระอักเป็นเลือด....... คิดเเล้วตอนนั้นเสียใจมาก....ข้าวผัดอร่อยมาก บอกเลยเเต่กินไปได้นิดเดียว เสียดายตังค์ Y^Y"
ยังไม่หมดนะคะเรื่องมีต่อ คราวๆพอเน้อเด๋วยาวไป++!! เราก็ยังคงไปกินข้าวที่นั้นอยู่เป็นบ้างครั้ง โชคดีหน่อยก็ได้เจอพี่เค้ากับเเก๊งของพี่เค้า มีครั้งหนึ่งเรานั่งตรงข้ามกับพี่เรา บอกเราใจสั่นมาก ได้เเต่เเอบมองพี่เค้า พี่เค้ามองกลับมา ไม่รู้นะว่ามองใครอะไรที่ไหนเเต่สำหรับฉันเเล้ว มันต้องเป็นฉันเเน่ นอลลลลล..... มองใครกะช่างเเต่ฉันจะคิดว่ามองฉันเอา*( )* ตอนเรายืนเราบังเอิญไปสบตาพี่เค้าเต็มๆ ค้างเลยคะค้าง ทำไรไม่ถูกยืนนิ่งเลยคะนิ่งอย่างกะทำความเคารพหัวหน้าลูกเสือซะงั้น เราประสานสายตากันก็นานอยู่นะสำหรับเรา เเค่ 2 3 วินาทีก็เถอะ เเต่เรารู้สึกว่าเเค่นี้มันนานเเล้วนะ ทำไมพี่เค้าไม่หลบตาตาซะทีทำให้เราต้องเป็นฝ่ายหลบตาก่อน ในใจเริ่มกังวลว่าเค้าจะจำเราได้หรือเปล่านะ เค้าเห็นเเล้วรู้สึกอย่างไร คำถามร้อยเเปดวนเวียนอยู่บนหัวเเม้เเต่ตอนนั่งเขียนเปเปอร์(รายงานส่งอาจารย์ตอนขึ้นฝึก)เราก็ยังคิดลบมันออกไม่ได้ ในตอนนั้นเราอวบมากๆ เลยไม่กล้าที่จะรุกต่อ พักเรื่องนี้เป็นสักพักหนึ่ง.....
เราขอเล่ามายังตอนนี้เลยนะว่า ตอนนี้เราเหลือเวลาอีกไม่นานก็จะเรียนจบเเล้ว เราซุ่มลดน้ำหนัก ฟิตหุ่นเกือบตาย ทั้งไปหาหมอควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกายเกือบทุกวัน ทำหน้าสวยทุกอย่าง ทั้งยิงเลเซอร์หมดไปก็เยอะ ถือว่าตอนนี้เริ่มพร้อมเเล้วที่จะอย่าทำความรู้จักกับพี่เค้ามากขึ้น อยากบอกว่าโง่มากที่เราทำไปเกือบ 80% ให้พี่เค้า เเล้วอีก 20%เพราะเราอยากสวย...จบนะ555 หุ่oก็ดีขึ้น อวบขาวๆพอเหมาะ ผิวหน้าก็ใสขาวชมพูกว่าเดิม เราเลยเริ่มตัดสินใจ เเชทไปหาพี่เค้าเเล้วพิมพ์ไปบอกเลยว่า "สวัสดีคะ ที่เเอดไปบ่อยๆคืออยากจะทำความรู้จักคะ เพราะไม่รู้ว่าจะเข้ามาทำความรู้จักอย่างไรคะก็เลยเรื่องวิธีบ้าๆเเบบนี้ ถ้ารบกวนก็ขอโทษด้วยนะคะ....." ตอนนี้เราเเอดพี่เค้าไปเเล้วก็สะกิดพี่เค้าเกือบทุกคน พี่เค้าไม่บล๊อกก็ดีล่ะ เราเลยตัดสินใจส่งข้อความไป จากนั้นเราก็คิดในใจนะว่า ทำเเค่นี้เค้าก็นะจะรู้นะว่าเเอบชอบอยู่ เเต่ในใจลึกๆก็คิดว่า กลัวเค้าคิดว่าเราเป็นบ้าเเล้วจะทำอย่างไรดี รู้หรือเปล่าเราก็ปกตินะเรียนพยาบาลเกรดใช่ได้อยู่นะเเต่เรามักจะทำตัวเเปลกๆบ่อยอยู่เเต่ไม่ได้บ้านะ ดูหลังจากที่ส่งไปนะพี่เค้าก็อ่านนะ เเต่ไม่ตอบกลับ คงอาจเป็นเพราะไม่สนใจ มีเเฟนเเล้วหรืออย่างไน ชะนีคนนี้เป็นใครหรือพี่เค้าเป็นเกย์ โรคจิตหรือเปล่า หรือว่าเราไม่สวยพอ หรือว่าใครว่ะไม่เห็นรู้จัก ทำไรไร้สาระ คำถามมาอีกเเล้วคราบ.... รอบนี้มาเยอะเเล้วก็มานานด้วย ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดีกับชีวิตต่อไป เราก็มีคนมาชอบ เเต่ส่วนมากเราก็บอกไปว่ามีเเฟนเเล้ว มีคนที่เราชอบอยู่เเล้ว ปฏิเสธไปก็เยอะ คือเราก็ไม่ได้สวยมาก เเค่พอพาไปเดินวัดวาได้บ้าง ใจเราก็อยากมีคนมีดูเเล เเต่อีกใจเราชอบพี่เค้ามากๆเเต่มันดูไกลเกินไปสำหรับเรา จากที่ไม่นานมานี้เราลองเข้าไปดูประวัติการศึกษาของครอบครัวพี่เค้าเเล้วอยากเป็นลม บ้านพี่เค้าจัดเป็นคนมีหน้ามีหน้าทางสังคมเลยทีเดียวทั้งครอบครัวเเล้วญาติพี่น้อง บอกเลยว่าคนระดับกับเรามากไอ้เราเป็นเด็กติดดิน ไร้สาระไปวันๆ พูดเเล้วก็ท้อใจ ชอบก็ชอบไม่รู้จะทำอย่างไร ตัดใจก็เพลีย..... เเต่เรายังคงเเอบเเกล้งโทรผิดไปบ้างไรบ้าง เพราะเรามีเบอร์พี่เค้าไว้ครอบครองด้วยความสามารถของเรา เพื่อนในนี้มันใครเคยเป็นเเบบนี้บ้าง ส่วนมากทำอย่างไรกันจะเดินหน้าจีบรุกเเบบไม่เหลือกุลสตรีกับพี่เค้า หรือปล่อยมันไป หาคนใหม่ดีกว่า บอกเลยวินาทีนี้หนักใจมาก ^*^ จะทำอย่างไรดีเกือบจะจบเเล้วด้วย กลุ่มใจเเท้เรา!!!!
ปล.บทความนี่เราเขียนเป็นครั้งเเรก พิมพ์ไม่ดีอย่างไรขออภัยด้วยนะคะ พิมพ์ผิดอะไรก็ขอโทษด้วยนะ ภาษาอาจไม่เพราะไม่บ้างนะคะ ^^
นักศึกษาพยาบาลเเอบรักเเพทย์ intern ในโรงพยาบาลที่ตนเองออกฝึก
จนวันหนึ่งเดินไปกับเพื่อนคนนั้นที่ชอบเอามาเล่าให้ฟังบ่อยๆนะ เราสองคนสนิทกันมาก เพราะนอนห้องเดียวกันเลยไปด้วยกันเกือบทุกที เเล้วบังเอิญในวันนั้นเราจะเจอพี่เค้า เราบอกตรงๆนะว่าเเค่เจอครั้งเเรกเรารู้สึกเเปลกๆ ทำไมผู้ชายคนนี้น่าสนใจจัง เเต่ถ้าถามว่าหล่อมากมั๊ยสำหรับเราก็ไม่มากเเต่หน้าตาก็น่ารักดีใช้ได้ ไม่งั้นเราไม่ชอบมาถือตอนนี้หรอก!!! 555+ จากนั้นก็เริ่มเห็นพี่เค้าบ่อยขึ้นพี่เค้าชอบเดินผ่านประตูข้างที่เรียนของเราในตอนกลางวันกับเพื่อนๆของพี่เค้า มากินร้านก๋วยเตี๋ยวที่หน้าที่เรียนของเราเรากับเพื่อนก็เเอบมองพี่เค้าตั้งเเต่เดินเข้ามา ผ่านไปจนลับสายตาไปทุกครั้งที่เห็น บางครั้งก็ไปกินร้านที่พี่เค้าไปกินกับเพื่อนเป็นประจำ เราก็เเปลกใจนะว่า มันอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอที่เห็นมากินเกือบทุกวัน ไอ้..เราไปกินกี่ครั้งกี่ครั้งมันก็เค็ม เค็มเหมือนเดิม ไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ เเต่เราก็เห็นว่าเเพทย์คนที่ทำงานในโรงพยาบาลมากินที่นี่ก็บ่อยเหลือเกิน เรื่องนี้เราก็ยังหาคำตอบไม่ได้ หรือว่าเเพทย์เค้าชอบกินเค็มกัน??? จากนั้นเราเริ่มที่จะสนใจมากขึ้นมากขึ้นเเอบมองทุกครั้งที่เจอเเต่คิดว่าพี่เค้าคงไม่รู้หรอก ทำตัวอย่ากะโจรลับล่อๆไปวันๆ!!^()^
จนเมื่อไม่นานมานี้เราเรียนอยู่ชั้นปีที่ 4 เเล้วเเละตอนนี้ก็กำลังจะเรียนจบการเเอบมองคนคนหนึ่งไปทุกวันทุกวัน มันเริ่มกับอยากที่จะทำให้เค้ารู้ว่าเราเเอบชอบอยู่นะ เราเเค่อยากบอกความรู้สึกดีก่อนที่เราจบเเล้วกับไปใช้ทุนให้ที่บ้านเกิดของเราซึ่งเหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนเเล้ว ไม่รู้นะว่าที่เราทำอยู่ตอนนั้มันถูกหรือผิด เราเคย add เพื่อนไปหาพี่เค้าบ่อยมากเเต่พี่เค้าไม่เคยรับเลย พิมพ์เเล้วก็เหงา พี่เค้ายังไม่รับเราถึงตอนนี้เลย ไอ้เราเป็นผู้หญิงก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี นี้มันก็ปีสี่เเล้วนะ กุลสตรีไทยมันเเทงใจตลอด เเต่เดี๋ยวนี้ยุคสมัยเปลี่ยน เค้าว่ากันว่าเดี๋ยวนี้หญิงไทยใจเเกร่งอิวะ++ (อาจมีคำเมืองปนบ้างเพราะเราเป็นสาวเหนือจ้าวๆ*()*) ก็เเอบเลยเเกลังทักไปว่า ใช่คนชื่อ....นี้ป่ะ ทำตัวเหมือนทักเพื่อนคนหนึ่ง ประมาณว่าจำคนผิดทำไมไม่รับเพื่อนเรา เเต่ไอ้พี่บ้านั้นปฏิเสธเสียงเเข็งว่าไม่ใช่ เเล้วยังจะบล็อกเราอีก... (บอกคำเดียวเพลียซิคะT^T) ไอ้เราปกติก็เป็นคนใจร้อนพอได้ เเล้วจะมาบล๊อกเราทำไม เพื่อนยังไม่ได้เป็นเลยบ้าหรือเปล่า เราก็จัดไปเลยค่ะ จัดไปเลย ด่าเต็มๆ พิมยาวเป็นกิโล จัดไปให้หนัก.... พี่เค้าก็อ่านนะ เเต่พี่เค้าไม่ตอบกลับอะไรมาสักอย่าง ไอ้เราก็รู้เหลือว่า ความเงียบมันเอาชนะทุกอย่างได้จริงๆ (บอกเราวินาทีนั่น เท้าฉันนี้ลงไปเหยียบหอตึกเเพทย์เเล้ววางระเบิดเรียบร้อยเเล้ว เเต่ก็เพียงเก็บกดความเเค้นไว้ในใจ พลางนั่งมองดูข้อความทำตาปริบๆ เเล้วตูจะทำอย่างไรต่อเนี่ยครัช....)
ผ่านมาในอีกวันนะ เราก็คิดทุกวันเเหละว่าจะทำความรู้จักกับพี่เค้าอย่างไรดี ที่ไม่ได้มาเริ่มต้นโดยการด่าพี่เค้าเเบบนั้นมันดูเเย่เกินไป เเล้วเราก็รวมความกล้าอีก บอกคำเดียวคนที่ทำเเบบนี้ได้ ไม่รักมากๆ หน้าด้านมากๆ โง่มากๆ เเละง่าวมากๆ(โง่) คงทำเเบบนี้ไม่ได้หรอก เราเลยทักพี่เค้าทางเเชทเฟสบุ๊คอีกครั้ง โดยการทักไปขอโทษรอบนี้มาเเบบนิ่งๆค่ะ คือผู้ดีเเท้ (ในช่วงนั้นเราไม่ค่อยเจอกันเลย เลยคิดว่าเฟสเนี่ยเเหละทางของการติดต่อที่ดีที่สุด) โดยเกริ่นนำเเบบเป็นทางการไปก่อนว่า ไอ้ที่เรามาทำเเบบนี้ เราไม่ได้เป็นบ้านะเเต่เราเเค่รู้สึกผิด (ที่พิมพ์ไปเนี่ยเราก็คิดนะว่า หากเจอกับเราโรคจิตชัด ขนาดทักมา หวัดดีครับ น่ารัก เราก็ไม่ตอบนะบล๊อกเหมือนกันทันทีเลย ทำอย่างกะสวยเลือกได้5555) เเละเเล้วพี่เค้าตอบกลับมาว่า...ไม่เปนไรคับ... ไอ้เราก็พ่อพระเอก พ่อทุนหัว พ่อของลูกเรา ทำไมเเสนดีอย่างนี้ เเต่เราก็ไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไรเอาเป็นว่า...ขอบคุนค่ะคุนหมอ... กลับเช่นกัน เเต่เราเเอบมี something ทิ้งไว้ให้เก็บไปคิดไม่รู้ว่า เค้าจะคิดหรือเปล่า เเต่เอาละหว่า .... ขบท้ายด้วยพิมว่า คุณหมอ ยังไงมันก็น่าจะคิดบ้างเเหละว่ารู้จักเราได้ไง เนาะว่ากันมั๊ย?? เเละเเล้วตามเคย... มันช่างไรวี่เเววของการตอบกลับ... เพลียค่ะ เเล้วจะทำไงต่อละครับที่เนี่ย.... คิดเเผนที่สามต่อไป
วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งเราเดินไปกินข้าวที่ตึกเเพทย์ พอดีเลยวันนี้ เราได้เจอกัลบพี่เค้าด้วยนะ เเต่ว่าพี่เค้าคงไม่ได้สนใจอะไรเรามากหรอก เเทบจะไม่ใส่ใจมองหน้าเราด้วยซ้ำไป เเต่เราก็ไม่ได้เสียใจนะเเอบมองอยู่ห่างๆ เเล้วก็มีอยู่วันหนึ่งเราลงจากวอร์ดมากินข้าวเที่ยง เรากะกลุ่มเพื่อนที่ขึ้นฝึกกับเรานัดไปกินข้าวที่ตึกเเพทย์ โชตคะโชตชะตา เจอพี่เค้าเดินลงมาจะตึกศัลยกรรมกระดูกพอดีเลย เจอกันเเบบเต็มๆ ไอ้เพื่อนเราในกลุ่มนะมันก็พอจะรู้กันบ้างว่าเราเเอบชอบพี่เค้ามานานพอควร มันเริ่มปฏิบัติการอย่างกะนัดกันมาอย่างนั้น ประสานเสียงเรียกชื่อเรา ทั้งชื่อเล่น+ชื่อจริง ที่มันเเกล้งเพราะเฟสที่เราเอาทักพี่เค้าไปนะ ชื่อเฟสเรา เป็นชื่อเล่น ของเรากะชื่อจริงต่อกัน วินาทีนั้นบอกคำเดียวเลยว่า อายๆโคตร จะได้ยินหรือไม่ได้ยินก็เถอะ จะสนใจหรือไม่สนใจก็ช่างรุ้อย่างเดียวคือหน้าคะ หน้าเราไปเเล้ว ^///^ ชาเเละเเดงมาก ควบคุมอารมณ์เเทบไม่ได้ โคตรเขินเลย อย่าจะหักคอเพื่อนเเล้วเอาไปต้มส้ม(มันเป็นอาหารภาคเหนือ คือเอาเนื้อมาต้มเเล้วก็ปรุงให้มันของรสเปรี้ยวๆหน่อยประมาณนี้ เราชอบนะมันอร่อยดีว่างๆคนภาคอื่นลองทำทานดู ถามสูตรหลังไมค์ได้คับพี่น้องเมนูนี้จัดว่าเด็ดมาก เเซบเบาๆ) พวกมันเรียงตามตูดพี่เค้าไปต้อยๆ พร้อมกับเรียกชื่อเรา ให้สะดุ้งเป็นพักๆ จนถึงร้านข้าวที่ตึกเเพทย์ ค่ะ+!!! พวกมันยังไม่หยุด พูดกันเป็นนกเเก้วนกขุนทอง คงอยากให้คนทั้งประเทศรู้กันทั้งหมด ไอ้เราก็อายหน้าเเดงนั่งโต๊ะไม่ติด ดิ้นไปดิ้นมา หลบหน้าหลบหน้ากินข้าว เเทบกระอักเป็นเลือด....... คิดเเล้วตอนนั้นเสียใจมาก....ข้าวผัดอร่อยมาก บอกเลยเเต่กินไปได้นิดเดียว เสียดายตังค์ Y^Y"
ยังไม่หมดนะคะเรื่องมีต่อ คราวๆพอเน้อเด๋วยาวไป++!! เราก็ยังคงไปกินข้าวที่นั้นอยู่เป็นบ้างครั้ง โชคดีหน่อยก็ได้เจอพี่เค้ากับเเก๊งของพี่เค้า มีครั้งหนึ่งเรานั่งตรงข้ามกับพี่เรา บอกเราใจสั่นมาก ได้เเต่เเอบมองพี่เค้า พี่เค้ามองกลับมา ไม่รู้นะว่ามองใครอะไรที่ไหนเเต่สำหรับฉันเเล้ว มันต้องเป็นฉันเเน่ นอลลลลล..... มองใครกะช่างเเต่ฉันจะคิดว่ามองฉันเอา*( )* ตอนเรายืนเราบังเอิญไปสบตาพี่เค้าเต็มๆ ค้างเลยคะค้าง ทำไรไม่ถูกยืนนิ่งเลยคะนิ่งอย่างกะทำความเคารพหัวหน้าลูกเสือซะงั้น เราประสานสายตากันก็นานอยู่นะสำหรับเรา เเค่ 2 3 วินาทีก็เถอะ เเต่เรารู้สึกว่าเเค่นี้มันนานเเล้วนะ ทำไมพี่เค้าไม่หลบตาตาซะทีทำให้เราต้องเป็นฝ่ายหลบตาก่อน ในใจเริ่มกังวลว่าเค้าจะจำเราได้หรือเปล่านะ เค้าเห็นเเล้วรู้สึกอย่างไร คำถามร้อยเเปดวนเวียนอยู่บนหัวเเม้เเต่ตอนนั่งเขียนเปเปอร์(รายงานส่งอาจารย์ตอนขึ้นฝึก)เราก็ยังคิดลบมันออกไม่ได้ ในตอนนั้นเราอวบมากๆ เลยไม่กล้าที่จะรุกต่อ พักเรื่องนี้เป็นสักพักหนึ่ง.....
เราขอเล่ามายังตอนนี้เลยนะว่า ตอนนี้เราเหลือเวลาอีกไม่นานก็จะเรียนจบเเล้ว เราซุ่มลดน้ำหนัก ฟิตหุ่นเกือบตาย ทั้งไปหาหมอควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกายเกือบทุกวัน ทำหน้าสวยทุกอย่าง ทั้งยิงเลเซอร์หมดไปก็เยอะ ถือว่าตอนนี้เริ่มพร้อมเเล้วที่จะอย่าทำความรู้จักกับพี่เค้ามากขึ้น อยากบอกว่าโง่มากที่เราทำไปเกือบ 80% ให้พี่เค้า เเล้วอีก 20%เพราะเราอยากสวย...จบนะ555 หุ่oก็ดีขึ้น อวบขาวๆพอเหมาะ ผิวหน้าก็ใสขาวชมพูกว่าเดิม เราเลยเริ่มตัดสินใจ เเชทไปหาพี่เค้าเเล้วพิมพ์ไปบอกเลยว่า "สวัสดีคะ ที่เเอดไปบ่อยๆคืออยากจะทำความรู้จักคะ เพราะไม่รู้ว่าจะเข้ามาทำความรู้จักอย่างไรคะก็เลยเรื่องวิธีบ้าๆเเบบนี้ ถ้ารบกวนก็ขอโทษด้วยนะคะ....." ตอนนี้เราเเอดพี่เค้าไปเเล้วก็สะกิดพี่เค้าเกือบทุกคน พี่เค้าไม่บล๊อกก็ดีล่ะ เราเลยตัดสินใจส่งข้อความไป จากนั้นเราก็คิดในใจนะว่า ทำเเค่นี้เค้าก็นะจะรู้นะว่าเเอบชอบอยู่ เเต่ในใจลึกๆก็คิดว่า กลัวเค้าคิดว่าเราเป็นบ้าเเล้วจะทำอย่างไรดี รู้หรือเปล่าเราก็ปกตินะเรียนพยาบาลเกรดใช่ได้อยู่นะเเต่เรามักจะทำตัวเเปลกๆบ่อยอยู่เเต่ไม่ได้บ้านะ ดูหลังจากที่ส่งไปนะพี่เค้าก็อ่านนะ เเต่ไม่ตอบกลับ คงอาจเป็นเพราะไม่สนใจ มีเเฟนเเล้วหรืออย่างไน ชะนีคนนี้เป็นใครหรือพี่เค้าเป็นเกย์ โรคจิตหรือเปล่า หรือว่าเราไม่สวยพอ หรือว่าใครว่ะไม่เห็นรู้จัก ทำไรไร้สาระ คำถามมาอีกเเล้วคราบ.... รอบนี้มาเยอะเเล้วก็มานานด้วย ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดีกับชีวิตต่อไป เราก็มีคนมาชอบ เเต่ส่วนมากเราก็บอกไปว่ามีเเฟนเเล้ว มีคนที่เราชอบอยู่เเล้ว ปฏิเสธไปก็เยอะ คือเราก็ไม่ได้สวยมาก เเค่พอพาไปเดินวัดวาได้บ้าง ใจเราก็อยากมีคนมีดูเเล เเต่อีกใจเราชอบพี่เค้ามากๆเเต่มันดูไกลเกินไปสำหรับเรา จากที่ไม่นานมานี้เราลองเข้าไปดูประวัติการศึกษาของครอบครัวพี่เค้าเเล้วอยากเป็นลม บ้านพี่เค้าจัดเป็นคนมีหน้ามีหน้าทางสังคมเลยทีเดียวทั้งครอบครัวเเล้วญาติพี่น้อง บอกเลยว่าคนระดับกับเรามากไอ้เราเป็นเด็กติดดิน ไร้สาระไปวันๆ พูดเเล้วก็ท้อใจ ชอบก็ชอบไม่รู้จะทำอย่างไร ตัดใจก็เพลีย..... เเต่เรายังคงเเอบเเกล้งโทรผิดไปบ้างไรบ้าง เพราะเรามีเบอร์พี่เค้าไว้ครอบครองด้วยความสามารถของเรา เพื่อนในนี้มันใครเคยเป็นเเบบนี้บ้าง ส่วนมากทำอย่างไรกันจะเดินหน้าจีบรุกเเบบไม่เหลือกุลสตรีกับพี่เค้า หรือปล่อยมันไป หาคนใหม่ดีกว่า บอกเลยวินาทีนี้หนักใจมาก ^*^ จะทำอย่างไรดีเกือบจะจบเเล้วด้วย กลุ่มใจเเท้เรา!!!!
ปล.บทความนี่เราเขียนเป็นครั้งเเรก พิมพ์ไม่ดีอย่างไรขออภัยด้วยนะคะ พิมพ์ผิดอะไรก็ขอโทษด้วยนะ ภาษาอาจไม่เพราะไม่บ้างนะคะ ^^