ปั่นจักรยานเที่ยวคนเดียวแบบค่ำไหนนอนนั่นจากหนองคาย รู้ตัวอีกทีไปถึงปาย Part 5 (ตอนจบ)

ลิ้ง Part 1 http://ppantip.com/topic/34318684
ลิ้ง Part 2 http://ppantip.com/topic/34319818
ลิ้ง Part 3  http://ppantip.com/topic/34325069
ลิ้ง Part 4  http://ppantip.com/topic/34343708
ปั่นจักรยานจากโอนิมิจิ ไปอิมาบาริ http://ppantip.com/topic/32997922
เพจของผม https://www.facebook.com/Two-Wheeled-Animal-1711013355795532/



เช้าวันที่แปดวันนี้ผมตื่นสายจากที่ตั้งใจว่าจะออกเดินทางตั้งแต่ 6.30 กับเพื่อน แต่เพราะฤทธิ์เบียร์และเพลงแจ๊ซเมื่อคืนทำให้ขี้เกียจเลยออกเดินทางล่าช้าไป 1 ชั่วโมง เช้านี้ผมมีพวงมาลัยที่ซื้อมาเมื่อคืนด้วยตอนนั่งที่ North Gate มีป้าคนนึคงเดินมาขายจึงซื้ออุดหนุนและให้เพื่อนช่วยอวยพรให้เดินทางปลอดภัย ฮาๆ จักรยานมีพวงมาลัยด้วย กห่อนออกเดินทางถ่ายหน้าที่พักหน่อยผมพักที่แถวท่าแพ DN Guesthouse เจ้าของใจดีให้เก็บจักรยานในห้องได้


พวงมาลัยนำโชค


เสร็จก็ออกเดินทางต่อ ปั่นออกไปหน่อยก็ต้องเติมพลัง เห็นข้างทางมีร้านขายข้าวเนียวมีทั้งหมูและไก่ปิ๊งแค่ไม่ละ 4 บาทเอง เลยจัดกันชุดใหญ่กับเพื่อน อร่อยมาก

ไม่ปั่นคนเดียวอีกแล้ว


มื้อเช้าวันนี้ราคาถูกและอร่อยมาก ทริปนี้เน้นถูกและอร่อย เอาให้อิ่มเข้าว่า


อิ่มแล้วก็ออกเดินทางต่อไปอำเภอเชียงดาวซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปราว 75 กิโล วันนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองปั่นได้เร็วกว่าเดิมพอมีเพื่อนมาปั่นด้วย  ทำให้รู้สึกสนุกและกระฉับกระเฉงกว่าปั่นคนเดียว ที่จะไปเรื่อยๆ ที่สำคัญวันนี้จะเป็นครั้งแรกที่ผมจะภาพตัวเองตอนปั่นจักรยาน เพราะมีคนถ่ายให้แล้ว

ระหว่างปั่นออกจากเมืองเชียงใหม่บนนถนนเลียบคลองชลประทานไปอำเภอแม่ริม




ปั่นมาถึงแถวตัวอำเภอแม่ริมก็แวะปั๊มซื้อน้ำเพิ่ม และพักเหนื่อย แดดแรงทีเดียวันนี้

ผมเลยให้เพื่อนผมถ่ายรูปกับอีชมพู่สักหน่อย ส่วนรถที่เพื่อนผมไปเช้ามานั้นเป็นรถเสือภูเขาค่าเช่าวันละ 200 บาท แต่มัดจำ 5000 บาท T T


เส้นทางบางช่วงผ่านทุ่งนาเขียวขจี สบายตาดีมาก


เสร็จแล้วเราก็ออกปั่นก็ต่อผ่านอำเภอแม่แตง ผ่านอำเภอแม่แตงไปยังไม่มันเที่ยง แต่เราหิวกันอีกแล้ว ข้าวเหนียวหมูปิ้งถูกย่อยไปหมดแล้ว โชคดีที่มีร้านข้าวมาโปรดพอดี ถนนช่วงนี้ไม่ค่อยมีร้านอาหารเท่าไหร่ ระหว่างช่วงอำเภอแม่แตงไปเชียงดาว เหลืออีกราวยี่สิบกว่าโลก็จะถึงตัวเชียงดาวแล้ว แต่ทางเริ่มมีเขามาให้เราไต่อีกตามเคย

แวะกินมื้อเที่ยงกันตั้งแต่หัววัน เพราะมันหิว


จัดข้าวขาหมูพิเศษเต็มพิกัด เพราะคิดมีเขาให้ข้ามหลายลูกกว่าจะถึงเชียงดาว


อิ่มแล้วออกเดินทางต่อ ยิ่งใกล้ถึงอำเภอเชียงดาวทางก็เริ่มคดเคี้ยวมากขึ้น พร้อมมีเนินลูกเล็กบ้างใหญ่บ้างให้ไต่เป็นช่วงๆ แต่โดยรวมทางวันนี้ค่อนข้างสบาย และก็สวยมาก





เรามาถึงอำเภอเชียงดาวตอนประมาณช่วงเที่ยง ผมตั้งใจจะแวะไปร้านหนังสือเชียงดาวก่อนอันดับแรกเพราะติดตามร้านหนังสือร้านนี้มาจากเพจในเฟสบุ๊คมาสักพักแล้วว่าเป็นร้านหนังสืออิสระเล็กๆ และขายกาแฟและอาหารด้วย เลยอยากไปเยี่ยม จริงๆ ร้านหนังสือร้านนี้แหละที่ทำให้ผมรู้จักอำเภอเชียงดาว เราแวะจอดถามชาวบ้านตรงหน้าธนาคารกสิการสาขาเชียงดาว ปรากฎว่าพี่เขาไม่รู้จักพี่เขาเลยพาผมเดินเข้าไปในธนาคารไปถามพนักงานแบ็งค์ ปรากฎว่าก็ยังไม่รู้จัก นางเลยบอกว่ามีเบอร์โทร้านไหม จะโทรไปถามทางไปให้ ผมเลยเปิดเพจในเฟสบุ๊คเอาเบอร์โทร ปรากฎโทรไปมีคนรับแต่ข่าวร้ายคือปลายสายแจ้งว่าร้านปิดปรับปรุงมาสองเดือนแล้ว จบกัน พอผิดหวังเรื่องร้านหนังสือ ผมกับเพื่อนเลยปั่นไปหาร้านกาแฟนั่งพักผ่อน เพราะตั้งใจจะปั่นขึ้นดอยหลวงเชียงดาวไปพักที่บ้านระเบียงดาวกันต่อ เราไปแวะที่ร้านอาหารผสมร้านกาแฟร้านหนึ่งจำชื่อไม่ได้ละ ไปถึงสั่งเครื่องดื่มดับกระหาย และสอบถามถึงทางที่จะขึ้นดอยหลวง พนักงานที่ร้านบอกว่าทางชันและแคบพวกพี่จะปั่นขึ้นไปจริงๆ เหรอ มันค่อนข้างอันตราย เราก็บอกว่ามาถึงขนาดนี้แล้วยังไงก็คงลองดู ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยกลับลงมา ผมพยายามโทรไปที่บ้านระเบียงดาวแต่ปรากฎว่าไม่มีสัณญาน พนักงานที่ร้านเลยบอกว่าเขามีเบอร์ที่ติดต่อที่นั้นได้หลายเบอร์ พอโทรไปเราได้รับข่าวร้ายที่สองคือบ้านระเบียงดาวเต็มแล้ว แต่มีที่พักที่ติดกันเจ้าของเป็นญาติกับบ้านระเบียงดาว น้องเขาถามว่าจะให้ผมจองให้เลยไหม ผมปรึกษากับเพื่อนเราจะวอคอินไปดีกว่า เพราะเรายังไม่รู้เลยว่าเราจะปั่นขึ้นไปถึงไหม เดี๋ยวจะผิดคำพูด น้องเขาจะเสียด้วย เพราะถามคนกี่คนแถวนี้แต่ละคนบอกว่าทางชันมากทุกคน ระหว่างที่นั่งพักเอาแรงและหาข้อมูลก่อนขึ้นดอย จู่ๆ ก็มีนักท่องเที่ยวหญิงชายสองคนขับมอไซเข้ามานั่งที่โต๊ะข้างๆ เราผมเลยเข้าไปทักทายถามว่าพักที่ไหนกัน เพราะผมกำลังหาที่พักอยู่ เลยทราบว่าพวกเขาพักกันที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งตีนดอยหลวง คนที่เป็นผู้หญิงขอให้ผมสอนภาษาไทยคำง่ายๆ ให้ เพราะกำลังสับสนกับการใช้คำว่า คะ คือนางเข้าใจว่านางจะพูดคะกับผู้หญิง พอคุยกับผู้ชายแล้วนางเปลี่ยนเป็นครับ ผมเลยบอกไปว่าผู้หญิงใช้คะทุกคำไม่ว่าพูดกับเพศไหน นางเลยดีใจใหญ่บอกพูดผิดมาหลายวัน คือพอนางไปพูดกับผู้ชายก้ไปพูดสวัสดีครับ ขอบคุณครับ ขอโทษครับ ฮาๆๆ

นั่งพักที่ร้านกาแฟ แต่เพื่อผมเติมพลังแล้วหนึ่งขวด มันบอกเอาแรงก่อนขึ้นดอย ฮาๆ


ระหว่างสอนภาษา


Devon กับ barbara ตอนที่เขียนอยู่นี้ทั้งสองคนกำลังจะมากรุงเทพในอีกไม่นานแล้วอยากให้ผมพาเดินเที่ยวอีกสักวัน


ออกจากร้านกาแฟผมกับเพื่อออกปั่นกันต่อเพื่อไปลุยขึ้นดอยหลวง ตีนเขาอยู่ห่างไปจากตัวอำเภออีกราว 7-8 กิโล ซึ่งเป็นเส้นทางที่สวยมาก









ปั่นมาจนถึงทางเข้าอุทยานเป็นจุดที่เราต้องซื้อบัตรคนไทยคนละ 20 เป็นค่าธรรมเนียม เลยแวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกก่อนไต่เขา เจ้าหน้าที่ทุกคนพูดกันว่าสู้ๆ นะ บางคนยิ้มกับเราแปลกๆ เรารู้สึกได้ว่าทางขึ้นดอยหลวงนี้มันต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ



พอพ้นจากจุดตรวจแค่ไม่กี่ร้อยเมตรเราก็เจอทางชันระดับ 50 - 60 องศาทันที และทางก็แคบแค่ประมาณ 4 เมตรเท่านั้น ทางเส้นนี้นับว่าเป็นเส้นที่ชันที่สุดในทริปนี้ของผม แถมยังมีโค้งหักสอกอีกด้วย ผมและเพื่อนค่อยๆ ลดเกียร์ต่ำสุดและไต่ขึ้นอย่างช้าๆ บางช่วงชันมากจนต้องเข็นเป็นช่วงๆ นอกจากนี้ยังมีรถยนสวนมาอยู่เรื่อยๆ ซึ่งก็ค่อนข้างอันตรายตามที่หลายคนเตือไว้จริงๆ เราไต่กันได้สักพักก็ยังคงเจอเนินที่ชันมากๆ แบบเดินขึ้นต่อไปเรื่อยๆ ผมและเพื่อนจอดรถโดยให้เพื่อนจับรถไว้และวิ่งขึ้นไปดูเส้นทางข้างหน้าปรากฎว่ายังคงเป็นเนินขึ้นต่อไปอย่างเดียวและชันมาก เราเลยปรึกษาว่าดูท่าไม่ค่อยดี ก่อนขึ้นเราทราบว่าเราต้องปั่นขึ้นไปราว 12 กิโลกว่าจะถึงที่พัก และถ้าทางชันแบบนี้ไปเรื่อยๆ อาจจะค่ำก่อนที่เราจะไปถึง ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่นอน สุดท้ายเราทั้งสองคนเลยเน้นเรื่องความปลอดภัยไว้ก่อน เลยปั่นลงกลับไปหาที่พักที่ตีนดอย ตอนลงนั้นก็อันตรายยิ่งกว่าตอนขึ้น เราไม่สามารถปล่อยให้รถไหลลงมาได้ เพราะเบรครถอาจจะพัง หรือยางระเบิดเพราะความร้อน เพราะทางชันมาก เราใช้วิธีจูงลงมาพร้อมขยำเบรคเป็นระยะๆ

หอบแฮ่กๆๆๆ


เดินขึ้นไปสำรวจเส้นทางก่อนตัดสินใจว่าจะเอายังไง


สุดท้ายถอยค่อยๆ เข็ญลง ไว้จะมาพิชิตใหม่นะจ๊ะดอยหลวงเชียงดาว วันนี้ไม่พร้อมหลายอย่าง โดยเฉพาะรถและสัมภาระผมที่หนักร่วม 50 กิโล


ปั่นกลับมาถึงจุดตรวจ เนาเขินๆ หันไปบอกเจ้าหน้าที่ว่าขอยอมแพ้ ชันสมคำร่ำลือ ไว้เตรียมตัวและรถให้พร้อมกว่านี้จะมาใหม่ เราปั่นกันไปหาที่พักที่ราคาถูกที่สุด ตามที่คนแถวนี้แนะนำคือ เชียงดาว ฮัท ห้องพัดลมห้องน้ำรวม ราคาอยู่ที่คืนละ 400 บาท

ด้านหน้าที่พัก






ขนาดห้องเป็นกระท่อมเล็กๆ พอให้วางที่นอนได้ แต่สะอาดดี


วิวจากหน้าห้องพัก หันหน้าหาภูเขา not too bad


เช็คอินเข้าที่พักก็จูงจักรยานไปจอดไว้หน้าห้อง อาบน้ำแล้วก็หาข้าวกินตามระเบียบที่ร้านอาหารของรีสอร์ต ซึ่งอยู่ตรงข้ามคนละฝั่งถนน


ร้านอาหารรีสอร์ตบรรยากาศดีทีเดียว


ผมกับเพื่อนสั่งผัดกะเพรากินกัน เพราะเมนูมีอาหารไม่กี่อย่าง ช่วงนี้เชียวดาวยังเงียบอยู่เท่าที่คุยกับคนที่นี้เขาบอกว่าคนจะเริ่มมาเที่ยวช่วงอากาศหนาวหลังเดือนพฤศจิกา กินข้าวเสร็จเราเหลือไปเห็นมีบาร์เล็กๆ  แห่งนึงไกล้ๆ กับที่พักเรา เจ้าของกำลังเปิดร้านพอดี เราเลยเปลี่ยนไปนั่งกินเบียร์กันต่อ ร้านน่านั่งมากชื่อ Cave Bar เพียงแต่ช่วงนี้ดูเงียบๆ ไปหน่อย เรามาตั้งแต่เจ้าของร้านยังจัดโต๊ะไม่เสร็จเราเลยเข้าไปช่วยจัดซะเลย โดยขอนั่งข้างนอก ผมนั่งกินกับเพื่อนสองคนพอค่ำๆ ก็มีฝรั่งที่มาอยู่ที่นี้แบบ long stay สองสามคนมานั่งที่ร้านผมเลยชวนคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน มีคนนึงเป็นชาวออสเตรเลียที่มาอยู่เชียงดาวคนเดียวทีละเป็นเดือน โดยเช่าบ้านเป็นเดือนๆ ละ 4000 บาทอยู่ ผมเล่าให้ฟังเรื่องที่ปั่นไปขึ้นดอยหลวงเชียงดาวเมื่อตอนเย็นให้เขาฟัง เขาบอกว่าเขาเคยขับมอไซขึ้นผม และเล่าว่าถ้าผมกัดฟันต่อไปอีกหน่อยทางก็จะไม่ชันมากแล้ว ช่วงแรกคือช่วงที่ชันและอันตรายที่สุด คืนนี้ผมกับเพื่อนซัดเบียร์กันไปเต็มคราบ ฮาๆ เพราะบรรยากาศทั้งเพลงและวงสนทนาที่มีคนอเมริกันอีกคนเข้ามาแจมนั้นสนุกมาก เราคุยกันทุกเรื่องทั้งเรื่องการเดินทาง ยันการเมือง สองคนนี้เขามากินทุกวันจนสนิทกับเจ้าของร้านแล้ว




เสร็จจากร้านราว 4 ทุ่มเราก็กลับห้องมานอนเพราะพรุ่งนี้จะเป็นวันที่โหดที่สุดสำหรับเราเพาะเราจะปั่นจากเชียงดาวไปให้ถึงปายระยะทาง 140 กิโล เป็น 140 กิโลที่เต็มไปด้วยภูเขาและโค้งอีกเกือบพันโค้ง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่