K2 Black Panther ไอ้เสือดำจอมอหังการแห่งเกาหลีใต้

เกาหลีใต้ประเทศที่อยู่ติดกับประเทศที่ภัยคุกคามสูงที่สุดอย่างเกาหลีเหนือ การที่ยู่ติดกันทำให้ประเทศนี้ต้องเตรียมตัวอยู่ตลอดเวลาคราวก่อน จขกท. ได้พูดถึงปืนไรเฟิลอย่าง k2 http://ppantip.com/topic/34390855 ซึ่งถือเป้นก้าวสำคัญในการพัฒนาทางทหารของเกาหลีใต้เอง วันนี้เราจะมาพูดถึงสิ่งที่ใหญ่กว่านั้นอีกนั่นก็คือรถถัง เกาหลีใต้ได้มีการพยายามพึ่งพาตนเองมาตลอดไม้เว้นแม้กระทั่งรถถัง โดยเทคโนโลยีต่างๆที่เกาหลีผลิตรถถัง 60% นั้นมาจากเทคโนโลยีของเกาหลีเองนั่นคือสิ่งทีน่าทึ่งสำหรับกองทัพชาตินี้ วันนี้เราจะมาพูดถึงรถถังที่ก็เป็นผลพวงความสำเร็จในการพึ่งพาตนเองของเกาหลีใต้ มันคือรถถังที่ทันสมัยที่สุดในเอเชียพอไปเทียบเคียงกับรถถังของมหาอำนาจแห่งเอเชียอย่างจีนและญี่ปุ่นเลยทีเดียว มันก็คือเจ้า k2 black panther นั่นเอง
k2 black panther


รายละเอียด
    k2 ใช้ปืนใหญ่ขนาด 120mm แบบ Rheinmetall l/55 ที่ผลิตภายใต้สิทธิบัตรของเกาหลีเอง ตัวปืนใหญ่เป็นแบบ auto-loader หรือบรรจุกระสุนโดยไม่ต้องใช้คนบรรจุ ซึ่งระบบ auto-loader ของเจ้า k2 นั่นมีความคล้ายคลึงกับรถถังแบบ leclerc ของฝรั่งเศส ตัวปืนมีอัตรายิง 10 นัด/นาที มีกระสุนอยู่ในซองพร้อมบรรจุ 16 นัดและกระสุนที่อยู่ในคลังตัวรถอีก 40 นัด และมีระยะยิง 10 กิโลเมตร ตัวปืนยังมาพร้อมกับปืนกลร่วมแกนแบบ m2 hb(k6) ขนาด 12.7x99mm มีกระสุน 3200 นัด และปืนกลร่วมแกน(เดาว่าน่าจะเป็น m240)ขนาด 7.62x51mm มีกระสุน 12000 นัด
   k2 ติดตั้งระบบ fire control system เป็นระบบที่รวลิงค์เซนเซอร์และระบบชุดยิงต่างๆเข้าไว้ด้วยกันไม่ว่าจะเป็นตัวระบบเลเซอร์วัดระยะ(ที่น่าสนใจคือพี่แกติดเลเซอร์มาถึง 2 ตัวในขณะที่ชาวบ้านเขาติดแค่ตัวเดียวเพื่อเพิ่มความแม่นเข้าไปอีก) เซนเซอร์วัดลมระบบ stabilazer รักษาแนวลำกล้องขนาดเคลื่อนที่ และอื่นๆ ตัวระบบจะลิงค์ข้อมูลกับเรดาร์คลื่นความถี่สูงที่อยู่ตรงหน้าป้อมปืนโดยตรง โดยจะค้นหาเป้าหมายและล็อคเป้าหมายโดยอัตโนมัติ ตัวปืนยังมีกล้องค้นหาเป้าหมายแบบสร้างภาพด้วยความร้อน สามารถตรวจจับเป้าหมายได้ไกลสุดถึง 9.8 กิโลเมตร ด้วยระบบที่ว่ามานี้ทำให้ k2 สามารถสังหารอากาศยานที่บินอยู่ในระดับต่ำได้อย่างแม่นยำ
    นอกจากนี้ตัวระบบ fcs ที่ลิงค์กับระบบ stabilizer และระบบหน่วงเวลาการยิง(trigger delay)ทำให้ตัวปืนสามารถรักษาความแม่นยำในการยิงสูงสุดแม้ในขณะที่เคลื่อนที่ในภูมิประเทศที่ไม่อำนวยก็ตาม สามารถกดไกปืนยิงได้ทันทีเมื่อพบว่ามีสิ่งผิดปกติในภูมิประเทศ ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณระบบวัดระยะด้วยเลเซอร์ถึง 2 ตัวและระบบเซนเซอร์อื่นๆที่อยู่เหนือลำกล้องปืน ระบบพวกนี้จะทำให้การยิงแบบหน่วงเวลาหลังจากที่เลเซอร์นั้นสามารถวัดระยะเป้าหมายสำเร็จนั้นมีความเข้าเป้าสูง
     ตัวรถยังติดตั้งกล้องตรวจการณ์สำหรับผู้บัญชาการหรือ kgps โดยเป็นการนำเอาระบบกล้องตรวจการสำหรับผู้บัญชาการที่ใช้ใน k1a1 มาโมดิฟายด์ใหม่เพิ่มประสิทธิภาพของตัวกล้องแล้วนำมาใส่ใน k2 ผู้บัญชสการตัวรถสามารถควบคุม-สั่งการป้อมปืนได้จากตำแหน่ง gunner หรือจะมอบเป้าหมายที่ผ่านการวิเคราะห์แล้วไปให้ตัว gunner จัดการต่อหรือตัวเองจะเป็นคนจัดการเองก็ได้ ถึงแม้จะมีรายงานบางส่วนว่ามันไม่ค่อยจะสะดวกนักในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ชี้เป็นชี้ตาย รถถังสามารถควบคุมได้เพียง 2 คนหรือเพียง 1 คนก็ได้ในกรณีที่คนในรถถังคนอื่นๆไม่สามารถปฏิบัติภารกิจต่อไปได้ ต้องขอบคุณระบบ fcs ที่สามารถล็อคเป้าหมายและทำการยิงเป้าหมายได้โดยอัติโนมัติโดยอาศัยข้อมูลจากลิงค์ของรถถังคันอื่นๆในการจัดการเป้าหมายแทน ในกรณีที่ gunner และผู้บัญชาการรบไม่สามารถปฏิบัติภารกิจต่อไปได้
    k2 ยังสามารถติดตั้งขีปนาวุธต่อสู้รถถังแบบ KSTAM ขีปนาวุธสามารถทำการยิงจากปากลำกล้องของตัวปืน ตัวขีปนาวุธเป็นประเภท fire and forget หรือยิงแล้วกลับบ้านได้เลย ตัวขีปนาวุธมีระยะยิงอยู่ที่ 2-8 กิโลเมตร เมื่อถึงเป้าหมายตัวขีปนาวุธจะทำการระเบิดเหนือตัวป้อมปืนรถถังฝ่ายตรงข้ามซึ่งเป็นจุดที่มีเกราะบางที่สุดของรถถังเกือยทุกชนิดบนโลก ตัวขีปนาวุธนั้นมีการยิงแบบวิถีหรือ projectile ตัวขีปนาวุธจะทำการล็อคเป้าด้วยเรดาร์จากตัวรถถัง และตัวขีปนาวุธยังติดตั้งหัวค้นหาเป้าหมายแบบสร้างภาพด้วยความร้อนและค้นหาเป้าหมายด้วคลื่นวิทยุเพื่อค้นหาตำแหน่งและสถานะของเป้าหมาย นอกจากนี้ตัวขีปนาวุธยังสามารถควบคุมได้โดยพลปฏิบัติการในรถแทนก็ได้โดยใช้ตัวนีโมทและลิงค์ข้อมูลจากรถถังฝ่ายตนเองในการกำหนดวิถีของตัวขีปนาวุธในการโคจรหาเป้าหมาย ตัวขีปนาวุธนอกจากจะมีไว้ยิงทำลายยานเกราะฝ่ายตรงข้ามแล้ว มันยังมีประโยชน์คือเอาไว้ยิงเป้าหมานที่ซ่อนอยู่ภายใต้กำบัง เพื่อพิสูจน์ทราบเป้าหมายหรือจะเอาไว้ยิงสนับสนุนแก่เป้าหมายที่กำจัดยากและซ่อนอยู่ในกำบัง
วิถีการยิงของ KSTAM


    ทางด้านระบบป้องกันตัวและเกราะขอบ k2 ประสิทธิภาพเกราะมันก็ไม่ต่างจากรถถังรุ่นท็อปตัวอื่นๆมันใช้เกราะแบบ Composite armour เกราะด้านหน้ารถสามารถทนทานต่อการยิงจากปืนใหญ่แบบ 120mm l/55 ได้ ตัวรถยังมีออฟชั่นการติดตั้งเกราะแบบปฏิกิริยาหรือเกราะแบบ era เสริมเข้าไปอีกทีเพื่อความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ตัว k2 ยังติดตั้งระบบแบบ soft-kill เพื้อต่อต้านขีปนาวุธทำลายรถถังจากฝ่ายตรงข้าม ตัวเรดาร์ที่ติดมากับตัวรถยังสามารถดักจับตัวขีปนาวุธที่มีลักษณะการโจมตีแบบ projectile ได้เมื่อมันตรวจจับได้ระบบจะแจ้งไปยังพลรถเพื่อทำการยิงระเบิดควันแบบต่อต้านอินเฟาเรดและต่อต้านระบบคลื่นวิทยุออกมาเพื่อให้ขีปนาวุธยิงพลาดเป้าหมายออกไป ในภายหลังยังมีกสรติดตั้งระบบ hard-kill เพิ่มเข้าไปอีกทำให้สามาตรวจจับตำแหน่งที่ขีปนาวุธยิงออกมาได้ทันทีและทำการตอบโต้และยิงซ้ำได้ทันที เพื่อให้เป้าหมายที่ยิงขีปนาวุธออกมาไม่สามารถทำการรบต่อไปได้
    นอกจากตัวรถจะติดตั้งตัวรับดักจับและแจ้งเตือนสัญญาณคลื่นเรดาร์จากอีกฝ่ายแล้ว ตัว k2 ยังติดตั้งระบบป้องกันการแจมเรดาร์และแจมเรดาร์ของอีกฝ่าย และยังติดตั้งตัวแจ้งเตือนการถูกล็อคเป้าด้วยเลเซอร์ถึง 4 จุดเมื่อถูกเลเซอร์ล็อคเป้าตัวระบบจะแจ้งไปยังพลใยรถให้ทำการยิงระเบิดควันออกไปต่อต้านทันทีในตำแหน่งที่แสงเลเซอร์ถูกยิงมา ตัวรถยังถูกออกแบบให้สามารถทำการรบได้ในสงครามนิวเคลียร์-เคมี-ชีวะ
    ด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์ดีเซลแบบ MTU MB883-KA500 4-cycle 12 ลูกสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำขนาด 1500 hp และการวางตำแหน่งเครื่องยนต์ที่ดี k2 สามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุด 70 กิโลเมตร/ชั่วโมงบนถนน และเคลื่อนที่ได้ในสภาพภูมิประเทศ 52 กิโลเมตร/ชั่วโมง สามารถเร่งความเร็วได้จาก 0-32 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลา 8.7 วินาที ตัวรถสามารถไต่มุมลาดชันได้ถึง 40 องศา และสามารถข้ามสิ่งกีดขวางที่มีความสูง 1.8 เมตร ตัวรถยังติดตั้งเครื่องยนต์สำรองแบบ Samsung Techwin gas-turbine engine ขนาด 400 แรงม้าในกรณีปิดเครื่องยนต์หลักหรือเครื่องยนต์หลักได้รับความเสียหายจนไม่สามารถใช้งานต่อไปได้

   
    ตัวรถสามารถข้ามแหล่งน้ำที่มีความลึกถึง 5 เมตรได้โดยติดตั้งท่อช่วยหายใจหรือ snorkel ไปกับตัวรถ โดยใช้เวลาในการติดตั้งท่อช่วยหายใจ 30 นาทีตัวรถสามารถรับน้ำเจ้ามาภายในตัวรถ 500 แกลลอนก่อนจะระบายออก ตัวรถสามารถติดตั้งทุ่นลอยน้ำและสามารถทำการรบได้ทันทีหลังจากขึ้นบกโดยไม่ต้องถอดทุ่นลอยน้ำ
    k2 ยังมีระบบโหมดเครื่องยนต์แบบ In-arm Suspension Unit หรือเรียกย่อๆว่า isu จะมีโหมดให้เลือก 3 โหมดคือ sit-stand-kneel โหมด sit โหมดที่จะทำให้รถถังก้มตัวลงต่ำที่สุดเพิ่มความสามารถในการควบคุมเมื่อขับอยู่บนถนน stand โหมดที่ยกตัวรถให้สูงขึ้นในกรณีขับบนภูมิประเทศที่ไม่อำนวยต่อการขับแบบปกติ kneel โหมดที่จะทำให้ตัวปืนสามารถยกลำกล้องขึ้น-ลงได้มากกว่าปกติเพื่อใช้ยิงอากาศยานระดับต่ำ ตัวรถยังมีระบบช่วงล่างที่มันคงทำให้ทำให้ตัวรถไม่สั่นโคลงเคลงไปมาเมื่อเคลื่อนที่ในภูมิประเทศ แม้จะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงและหยุดรถลงอย่างกระทันหันก็ตาม
k2 กับท่อช่วยหายใจใต้น้ำหรือ snorkel



   นอกจากนี้ตัวรถยังติดตั้งระบบแบบ c41 ซึ่งเป็นระบบควบคุมสั้งการโดยอาศัยขอมูลจากลิงค์คุณภาพสูง ระบบ gps เพื่ออัพเดทข้อมูลของภูมิประเทศและตัวรถ ระบบพิสูจน์ฝ่าย iff/sif แบบ stanag 4579 ที่อยู่เหนือลำกล้องเพื่อให้สามารถใช้งานร่วมกับรถถังคันอื่นในเครือข่ายนาโต้ได้ ระบบ Battle Management System หรือระบบควบคุมจัดการข้อมูลการรบ ระบบนี้สามารถทำให้ k2 สมารถสามารถแชร์ข้อมูลต่างๆไม่ว่าจะเป็นแผนการรบข้อมูลเป้าหมายให้ยานเกราะอื่นๆไปจนถึงเฮลิคอปเตอร์ของฝ่าย ตนเองได้และยังรายงานสถานการณ์แบบ real time เพิ่มความสามารถของพลในรถถังในการหยั่งรู้สถานการณ์
    อย่างที่บอกไปข้างบนว่า k2 นั้นมีทั้งระบบ hard-kill และ soft-kill โดยระบบที่ว่านี้มีชื่อว่า Korean Active Protection System หรือ kaps ซึ่งนอกจากจะมีรายละเอียดอย่างที่กล่าวไปข้างบนแล้วตัวระบบยังทำงานกับเรดาร์ โดยจะใช้การล็อคเป้าด้วยเรดาร์ และล็อคเป้าโดยใช้การสร้างภาพในความร้อน ด้วยเรดาร์ที่ติดมาข้างหน้าตัวรถในการจับเป้าหมายหัวรบทุกชนิดและขีปนาวุธที่ยิงจากรถถังที่วิ่งเข้ามาหารถถังในรัศมี 150 เมตร เมื่อจับได้มันจะยิงกระสุนขนาดเล็กเข้าไปทำลายหัวรบนั้นๆในระยะ 10-15 เมตร ห่างจากตัวรถ ทางเกาหลีได้มีความคิดในการเอาระบบ kaps ไปติดตั้งในเรือรบและเฮลิคอปเตอร์ของตนในอนาคต
    โดยเกาหลีใต้มีแผนจะประจำการ k2 ทั้งหมด 680 คันและจะมีการสั่งเข้าประจำการเรื่อยๆ นอกจากนี้ทางรัฐบาลเกาหลีใต้ยังมีการพยายามนำเจ้า k2 มาทำเป็น"เกม"ภาพจำลองเสมือนเพื่อฝึกพลรถถังอีกด้วย
k2 black panther

    
โดยเกาหลีใต้มีโครงการจะอัพเกรดเจ้า k2 ที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในชื่อ k2 pip โดยที่อัพเกรดหลักๆคือ
-อัพเกรดระบบ soft-kill และ hard-kill ที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
-อัพเกรดตัวเกราะรถโดยติดตั้งเกราะแบบ Non-Explosive Reactive Armor หรือ nera
-ติดตั้งปืนใหญ่แบบ electrothermal-chemical gun ที่มีประสิทธิภาพและอัตราการยิงที่เหนือกว่าปืนใหญ่แบบ Rheinmetall 120 mm l/55 อันเก่าของตน
-Integration ระบบสแกนภูมิประเทศกับตัวรถเข้าด้วยกัน โดยระบบนี้จะทำการสแกนและคำนวณภูมิประเทศล่วงหน้าทุกๆ 50 เมตร เพื่อวาดแผนที่วางแผนให้กับคนขับตัวรถถัง เพื่อให้พลขับรถถังสามารถควบคุมและวางแผนในการขับรถถังในการเข้าต่อตีเป้าหมายในสภาพภูมิประเทศแบบต่างๆได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

รายละเอียดโดยรวม
ประเทศผู้ผลิต: เกาหลีใต้
อาวุธ: ปืนใหญ่  Rheinmetall l/55 ขนาด 120mm,ปืนกลขนาด 12.7x99mm m2hb, ปืนกลร่วมแกนขนาด 7.62x51mm, ขีปนาวุธต่อสู้รถถังแบบ KSTAM
ความเร็ว: บนถนน 70 km/h, บนภูมิประเทศ 52 km/h สามารถเร่งกำลังจาก 0-32 กิโลเมตรได้ภายใน 8.7 วินาที
เครื่องยนต์: MTU MD883-KA500 1500 แรงม้า ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลัง 27.2 แรงม้า/ตัน
พลรถถัง: 3 คน(gunner,commander,driver)
น้ำหนักตัวรถ: 55 ตัน

อ้างอิง
https://en.m.wikipedia.org/wiki/K2_Black_Panther
http://www.military-today.com/tanks/k2_black_panther_mbt.htm
http://www.militaryfactory.com/armor/detail.asp?armor_id=289

ปล.โหวตและกดใจกระทู้ จขกท.จะเป็นการให้กำลังใจ จขกท.อย่างสุดซึ้งครับ อมยิ้ม17อมยิ้ม17
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่