รายละเอียด
leclerc นั้นตั้งตามชื่อของนายพล Philippe Leclerc de Hauteclocque ซึ่งเป็นนายพลผู้นำขบวนกองทัพฝรั่งเศสเข้าปลดปล่อยปารีสจากนาซีเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2 leclerc ใช้ปืนใหญ่แบบ GIAT CN120-26 52 คาลิเบอร์ขนาด 120mm ตัวปืนใหญ่เป็น auto-loading หรือบรรจุอัตโนมัติควบคุมด้วยไฟฟ้าทั้งหมดเพื่อเพิ่มความแม่นยำ โดยระบบ auto-loading ของ leclerc นั้นออกแบบมาอย่างดีเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ระบบ auto-loading ในรถถังแบบอื่นๆเคยประสบ ตัวปืนมีกระสุนใน auto-loading พร้อมยิงจำนวน 22 นัดและเก็บอยู่ในด้านหลังป้อมอีก 18 นัดพร้อมใช้งานซึ่งในห้องเก็บกระสุนจะเป็นห้องแยกอีกทีจากพลในรถเพื่อลดโอกาสเสี่ยงที่ถ้าโดนยิงจากคลังกระสุนเต็มๆแล้วแรงระเบิดจะไปทำอันตรายคนในรถและตัวห้องยังออกแบบให้ทนต่อการโจมตีจากด้านบนให้มากที่สุดเพื่อออกแบบให้ตัวห้องนั้นระเบิดยากที่สุดในตัวรถ ตัวปืนมีอัตราการยิงที่สูงถึง 12 นัด/นาที พร้อมกับปืนกลร่วมแกนขนาด 7.62x51mm พร้อมกระสุน 3000 นัด และปืนกลแบบ m2hb กระสุนขนาด 12.7x99mm พร้อมกระสุนอีก 1100 นัดติดตั้งอยู่บนป้อมปืนพร้อมระบบควบคุมปืนด้วยรีโมท ตัวกระบอกปืนหุ้มด้วย thermal sleeve
ตัวระบบควบคุมการยิงเป็นแบบ digital สามารถควบคุมการยิงโดยผู้บัญชาการหรือคนยิงก็ได้ ตัวระบบจะจับเป้าหมายพร้อมกันได้ถึง 6 เป้าในเวลา 30 วินาทีและเลือกเป้าหมายที่ดีสุดให้พลรถถังทำการยิง ด้วยระบบ stabilizer ที่มีประสิทธิภาพสูงและระบบวัดระยะเล็งด้วยเลเซอร์ leclerc สามารถยิงเป้าหมายที่อยู่ห่างออกไป 4 กิโลเมตรขนาดวิ่งด้วยความเร็ว 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตัวระบบจะะทำการเชื่อมและรับข้อมูลจากกล้องเล็งของตัวรถและเซนเซอร์ตัวรถถัง ห้องผู้บัญชาการที่อยู่ทางด้านซ้ายของปืนหลักมีกล้องโพลิสโคปร์ถึง 8 ตัวรอบคันสำหรับสังเกตสถานการณ์การรบและติดกล้องพาโนรามิคแบบทั้งกลางวันและกลางคืนแบบ hl70 สามารถค้นหาเป้าหมายได้ไกลสูงสุด 4 กิโลเมตรและสามารถระบุเอกลักษณ์เป้าหมายในระยะ 2.5 กิโลเมตร หลังจากตัวระบบสามารถระบุเอกลักษณ์เป้าหมายได้ตัวปืนจะสามารถทำการยิงแบบอัตโนมัติได้เกือบจะทันที หรือผู้บัญชาการรถสามารถนำภาพเป้าหมายที่เห็นส่งให้พลยิงจัดการต่อหรือตัวเองจะจัดการเองก็ได้ในกรณีควบคุมการยิงโดยตัวเอง ทางด้านพลยิงเองที่อยู่ทางด้านขวาของปืนก็มีกล้องเพอร์ริปสโปถึง 3 ตัวรอบห้องพลยิงพร้อมกล้องเล็งหลักแบบ hl60 พร้อมใช้งานและกล้องเล็งสร้างภาพด้วยความร้อนแบบ savan 20 พร้อม lcd อีก 3 จอ แต่ตัวรถกลับไม่มีศูนย์เล็งแบบสำรองให้ใช้ และห้องพลขับที่อยู่ทางด้านซ้ายหน้สตัวรถติดกล้องแบบ ob 60 ตัวกล้องมีโหมดทั้งกลางวันและกลางคืน โดยกล้องทั้งหมดและเซนเซอร์ในตัวรถเป็นแบบ real time สามารถอัพเดทสถานการณ์การรบได้ทันทีเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลง ทางห้องของของผู้บัญชาการรบและพลยิงถูกออกแบบมาให้เห็นทัศนะวิสัยในสนามรบได้กว้างที่สุดพร้อมติดตั้งวิทยุสื่อสารแบบ antenna 2x ตรงดานหลังป้อมปืน
ห้องของพลขับ เมื่อมองจากด้านบน
ทางด้านระบบป้องกันตัวตัวรถจอดตั้งระบบ Galix combat vehicle protection system ประกอบไปด้วยช่องยิงระเบิดขนาด 80mm 27 ท่อที่มีทั้งระเบิดควันสำหรับเบี่ยงวิถีเลเซอร์ที่ยิงถูกตัวรถและระเบิดแบบสังหารบุคคล และระเบิดแบบต่อต้านคลื่นอินฟาเรด ระบบป้องกันแบบ KBCM ประกอบไปด้วยเครื่องแจ้งเตือนเมื่อถูกยิงโดยเลเซอร์ ระบบแจ้งเตือนเมื่อถูกหัวจรวดนำวิถีแบบต่างๆยิงเข้าใส่ และระบบสำหรับแจมเครื่องที่ปล่อยรังสีอินฟาเรดใส่ตัวรถตัวระบบจะถูกลิง์เชื่อมข้อมูลกับระบบ FINDERS battle management system หรือระบบจัดการข้อมูลการรบ ของ nextar ประกอบด้วยจอแสดงแผนที่แบบสีเพื่อแสดงข้อมูลตำแหน่งของฝ่ายตนและศัตรู เพื่อประกอบในการตัดสินใจการวิเคราะห์วางแผนทางยุทธวิธีของพลในรถ ตัวระบบจะทำการเชื่อมต่อข้อมูลกับรถถังคันอื่นๆแบบ real time และส่งข้อมูลไปยังผู้บัญชาการรถโดยตรง ตัวรถยังติดตั้ง
terminal information system หรือ Tis ที่จะทำการเชื่อมต่อข้อมูลกับรถถังของฝ่ายตนเองได้มากถึง 100 กว่าคัน
ตัวระบบจะมาพร้อมกับระบบ Defense Electronics Systems เพื่อแสดงข้อมูลแบบ digital ที่เชื่อมต่อกับรถถังคันอื่นๆ ประกอบด้วยยุทธวิธีและสถานการณ์ของสนามรบ และจอคำสั่งที่แสดงข้อมูลในแผนที่ ระหว่างรถเกราะฝ่ายตนเองและรถของผู้บังคับบัญชา
ทางด้านตัวเกราะของรถนั้น ตัวรถนั้นออกให้มีขนาดค่อนข้างเตี้ยเพื่อลดโอกาสในการตกเป็นเป้าสายตาของข้าศึก ป้อมตัวรถทำการจากเหล็กเชื่อมคุณภาพสูง ในตอนแรกจะมีการติดตั้งเกราะแบบ Chobham armour แต่ภายหลังได้ถูกปฏิเสธไปเนื่องจากตัวเกราะไม่สามารถป้องกันกระสุนแบบ shaped charge ได้ ทางกองทัพฝรั่งเศสจึงทำการพัฒนาเกราะ composite ของตัวเองเพื่อให้สามารถรับมือกระสุนแบบ sabot และ shape charge ได้การพัฒนาประสบความสำเร็จ เกราะ composite ที่มีส่วนผสมวัสดุที่มีความแข็งสูงอย่าง titanium และ kevlar และ ceremic พร้อมกับเกราะแบบ nera นั้นผ่านการทดสอบ และด้านข้างตัวรถยังติดตั้งเกราะ era อีกด้วย เกราะด้านบนและระบบไฟฟ้าในตัวรถออกแบบมาให้คงทนต่อขีปนาวุธต่อต้านรถถังที่โจมตีจากด้านบน เพื่อเพิ่มโอกาสความอยู่รอดในสนามรบ ตัวเกราะด้านหน้ารถนั้นออกแบบให้มีความลาดเอียงและยังมีหน้าที่เป็นบังโคลนไปในตัวอีกด้วย ด้านหน้าข้างซ้ายของตัวรถจะมีช่องเล็กๆไว้ให้คนขับเข้า-ออก ในตัวรถและตัวรถถูกออกแบบมาให้สามารถทำสงครามภายใต้สภาวะเคมี นิวเคลียร์ ชีวะ ได้
ด้วยขุมกำลัง SACM V8X-1500 Hyperbar 8 ลูกสูบ เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1500 แรงม้าควบคุมด้วยไฟฟ้า และถังน้ำมันขนาด 1300 ลิตร ตัวรถสามารถเคลื่อนมี่ด้วยความเร็วสูงสุด 72 กิโลเมตร/ชั่วโมง บนถนนและ 55 กิโลเมตร/ชั่วโมง บนภูมิประเทศ ด้วยน้ำหนักเพียง 56 ตัน ตัวรถ leclerc มี 5 เกียร์เดินหน้าและ 2 เกียร์ถอยหลัง ตัวเครื่องยนต์ถูกวางข้างหลังตัวเครื่องด้านซ้ายซึ่งจะวางไว้แยกในอีกห้องของตัวรถอีกทีเพื่อความปลอดภัยของพลในรถ เครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยอากาศเพื่อลดคลื่นความร้อนที่แผร่ออกมาจากตัวเครื่อง และยังติดตั้งเครื่องยนต์แกสเทอร์ไบน์ Turbomeca TM 307B เป็นเครื่องยนต์สำรองในกรณีที่เครื่องยนต์หลักเสียหายหรือทำการปิดเครื่องยนต์หลัก leclerc ได้ถูกขนานนามให้เป็นรถถังที่เบาที่สุดในหมู่ของรถถังตะวันตกด้วยกัน โดยมันสามารถเร่งความเร็วได้สูงสุดจาก 0-32 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 6 วินาที ตัวรถสามารถวิ่งได้ไกลสุด 550 กิโลเมตร และ 650 กิโลเมตร เมื่อติดถังน่ำมันภายนอกที่ด้านหลังป้อมตัวรถ 2 ถัง ขนาด 200 ลิตร สามารถปลดได้ทันทีเมื่อตัวรถถึงที่หมายและเข้าสู่สถานการณ์การสู้รบ ตัวรถยังสามารถดำน้ำได้ลึกสูงสุด 4 เมตรโดยต้องติดตั้งท่อช่วยหายใจใต้น้ำหรือ snorgel และฝรั่งเศสมี leclerc ประจำการทั้งหมด 406 คันโดยปัจจุบันได้ทำการปิดสายการผลิตไปแล้ว แต่ทาง nextar ยังคงเก็บและพร้อมเปิดสายการผลิตใหม่ๆแก่ลูกค้าที่สนใจ
leclerc กับ snorgel
ซีรี่ต่างๆ
ตัวรถ leclerc นั้นได้รับการอัพเกรดตามยุคโดยใน series 2 ตัวรถได้เพิ่ม
-integrates ระบบเครื่องปรับอากาศคุณภาพสูงแบบ hybid เข้ากับตัวรถ
-ติดตั้งเครื่องปรับอากาศหลังห้องคนขับ
-เพิ่มเครื่องปรับอากาศ และเพิ่มความหนาของเกราะตรงห้องส่วนผู้บัญชาการ
-แก้ไขระบบระบายอากาศตรงเฟืองรถถัง
-เพิ่มกระบังโคลนตรงหน้าตัวรถ
-เพิ่มรีโมตควบคุมระบบไฮโดรลิคในตัวรถ
-เพิ่มความหนาของเกราะท้ายป้อมปืน
-กล้องเล็งแบบ savan 20 ถูกถอดออกแล้วแทนที่ด้วยกล้องเล็งสร้างภาพด้วยความร้อนแบบ iris
leclerc series 2
หลังจากปรับปรุงเสร็จก็ได้มีการพัฒนาเพิ่มเติมในชื่อ series xxi โดยเพิ่ม
-เกราะ composite แบบใหม่โดยมีส่วนผสมของทังสเตนและเป็นเกราะแบบ semi-reactive armor
-กล้องพาโนรามิคสำหรับผู้บัญชาการแบบ hl70 ได้ถูกถอดออกและแทนที่ด้วยกล้องเล็งด้วยเลเซอร์แบบ hl120 ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าแทน
-ระบบไฟฟ้าสำหรับควบคุมภายนอกป้อมปืน
-ระบบพิสูจน์ฝ่ายแบบ iff stanag 4579 ถูกเพิ่มเข้าไป
-พื้นที่ภายในของป้อมตัวรถมีขนาดเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการติดตั้งเกราะเสริม
leclerc xxi
นอกจากนี้ตัวรถยังได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมในปี 2006 เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องหลังจากได้ลงสมรภูมิจริงที่อัฟกานิซสถาน ในการปรับปรุงครั้งนี้ตัวรถได้ถูกตั้งชื่อว่า leclerc azur โดยเพิ่มชุด azur kit ประกอบด้วย
-เกราะด้านข้างแบบ composite
-เพิ่มตะแกรงด้านหลังตัวป้อมปืนและตัวรถเพื่อเอาไว้กัน rpg โดยเฉพาะ
-เพิ่มรีโมทสำหรับควบคุมปืน 120 mm และปืนขนาด 7.62x51mm
leclerc azur
รายละเอียดโดยรวม
ประเทศผู้ผลิต: ฝรั่งเศส
อาวุธประจำตัวรถ: ปืนใหญ่ GIAT CN120-26 ขนาด 120 mm, ปืนกลขนาด 7.62x51mm, ปืนกล m2hb ขนาด 12.7x99mm
ความเร็วสูงสุด: 72 กิโลเมตร/ชั่วโมง บนถนน, 55 กิโลเมตร/ชั่วโมง บนภูมิประเทศ
เครื่องยนต์: SACM V8X-1500 Hyperbar 8 ลูกสูบ ระบายความร้อนด้วยอากาศ ให้อัตราแรงขับต่อย้ำหนัก 27.2 แรงม้า/ตัน
น้ำหนักตัวรถ: 56 ตัน
พลรถถัง: 3 คน(commander,gunner,driver)
แถม:
leclerc เคยได้ขึ้นชื่อว่าเป็นรถถังที่"แพง"ที่สุดในโลกก่อนมันจะโดนทำลายสถิติโดย k2 black panther ผู้มาทีหลังในราคาคันละ 8.8 million dollar/คัน
อ้างอิง
https://en.m.wikipedia.org/wiki/AMX_Leclerc
http://www.army-technology.com/projects/leclerc/
http://www.military-today.com/tanks/leclerc.htm
http://www.militaryfactory.com/armor/detail-page-2.asp?armor_id=100
โหวตและกดถูกใจกระทู้ จขกท.จะเป็นการให้กำลังใจ จขกท.อย่างดีครับ
AMX Leclerc รถถังเพชรฆาตรของเมืองน้ำหอม
รายละเอียด
leclerc นั้นตั้งตามชื่อของนายพล Philippe Leclerc de Hauteclocque ซึ่งเป็นนายพลผู้นำขบวนกองทัพฝรั่งเศสเข้าปลดปล่อยปารีสจากนาซีเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2 leclerc ใช้ปืนใหญ่แบบ GIAT CN120-26 52 คาลิเบอร์ขนาด 120mm ตัวปืนใหญ่เป็น auto-loading หรือบรรจุอัตโนมัติควบคุมด้วยไฟฟ้าทั้งหมดเพื่อเพิ่มความแม่นยำ โดยระบบ auto-loading ของ leclerc นั้นออกแบบมาอย่างดีเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ระบบ auto-loading ในรถถังแบบอื่นๆเคยประสบ ตัวปืนมีกระสุนใน auto-loading พร้อมยิงจำนวน 22 นัดและเก็บอยู่ในด้านหลังป้อมอีก 18 นัดพร้อมใช้งานซึ่งในห้องเก็บกระสุนจะเป็นห้องแยกอีกทีจากพลในรถเพื่อลดโอกาสเสี่ยงที่ถ้าโดนยิงจากคลังกระสุนเต็มๆแล้วแรงระเบิดจะไปทำอันตรายคนในรถและตัวห้องยังออกแบบให้ทนต่อการโจมตีจากด้านบนให้มากที่สุดเพื่อออกแบบให้ตัวห้องนั้นระเบิดยากที่สุดในตัวรถ ตัวปืนมีอัตราการยิงที่สูงถึง 12 นัด/นาที พร้อมกับปืนกลร่วมแกนขนาด 7.62x51mm พร้อมกระสุน 3000 นัด และปืนกลแบบ m2hb กระสุนขนาด 12.7x99mm พร้อมกระสุนอีก 1100 นัดติดตั้งอยู่บนป้อมปืนพร้อมระบบควบคุมปืนด้วยรีโมท ตัวกระบอกปืนหุ้มด้วย thermal sleeve
ตัวระบบควบคุมการยิงเป็นแบบ digital สามารถควบคุมการยิงโดยผู้บัญชาการหรือคนยิงก็ได้ ตัวระบบจะจับเป้าหมายพร้อมกันได้ถึง 6 เป้าในเวลา 30 วินาทีและเลือกเป้าหมายที่ดีสุดให้พลรถถังทำการยิง ด้วยระบบ stabilizer ที่มีประสิทธิภาพสูงและระบบวัดระยะเล็งด้วยเลเซอร์ leclerc สามารถยิงเป้าหมายที่อยู่ห่างออกไป 4 กิโลเมตรขนาดวิ่งด้วยความเร็ว 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตัวระบบจะะทำการเชื่อมและรับข้อมูลจากกล้องเล็งของตัวรถและเซนเซอร์ตัวรถถัง ห้องผู้บัญชาการที่อยู่ทางด้านซ้ายของปืนหลักมีกล้องโพลิสโคปร์ถึง 8 ตัวรอบคันสำหรับสังเกตสถานการณ์การรบและติดกล้องพาโนรามิคแบบทั้งกลางวันและกลางคืนแบบ hl70 สามารถค้นหาเป้าหมายได้ไกลสูงสุด 4 กิโลเมตรและสามารถระบุเอกลักษณ์เป้าหมายในระยะ 2.5 กิโลเมตร หลังจากตัวระบบสามารถระบุเอกลักษณ์เป้าหมายได้ตัวปืนจะสามารถทำการยิงแบบอัตโนมัติได้เกือบจะทันที หรือผู้บัญชาการรถสามารถนำภาพเป้าหมายที่เห็นส่งให้พลยิงจัดการต่อหรือตัวเองจะจัดการเองก็ได้ในกรณีควบคุมการยิงโดยตัวเอง ทางด้านพลยิงเองที่อยู่ทางด้านขวาของปืนก็มีกล้องเพอร์ริปสโปถึง 3 ตัวรอบห้องพลยิงพร้อมกล้องเล็งหลักแบบ hl60 พร้อมใช้งานและกล้องเล็งสร้างภาพด้วยความร้อนแบบ savan 20 พร้อม lcd อีก 3 จอ แต่ตัวรถกลับไม่มีศูนย์เล็งแบบสำรองให้ใช้ และห้องพลขับที่อยู่ทางด้านซ้ายหน้สตัวรถติดกล้องแบบ ob 60 ตัวกล้องมีโหมดทั้งกลางวันและกลางคืน โดยกล้องทั้งหมดและเซนเซอร์ในตัวรถเป็นแบบ real time สามารถอัพเดทสถานการณ์การรบได้ทันทีเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลง ทางห้องของของผู้บัญชาการรบและพลยิงถูกออกแบบมาให้เห็นทัศนะวิสัยในสนามรบได้กว้างที่สุดพร้อมติดตั้งวิทยุสื่อสารแบบ antenna 2x ตรงดานหลังป้อมปืน
ห้องของพลขับ เมื่อมองจากด้านบน
ทางด้านระบบป้องกันตัวตัวรถจอดตั้งระบบ Galix combat vehicle protection system ประกอบไปด้วยช่องยิงระเบิดขนาด 80mm 27 ท่อที่มีทั้งระเบิดควันสำหรับเบี่ยงวิถีเลเซอร์ที่ยิงถูกตัวรถและระเบิดแบบสังหารบุคคล และระเบิดแบบต่อต้านคลื่นอินฟาเรด ระบบป้องกันแบบ KBCM ประกอบไปด้วยเครื่องแจ้งเตือนเมื่อถูกยิงโดยเลเซอร์ ระบบแจ้งเตือนเมื่อถูกหัวจรวดนำวิถีแบบต่างๆยิงเข้าใส่ และระบบสำหรับแจมเครื่องที่ปล่อยรังสีอินฟาเรดใส่ตัวรถตัวระบบจะถูกลิง์เชื่อมข้อมูลกับระบบ FINDERS battle management system หรือระบบจัดการข้อมูลการรบ ของ nextar ประกอบด้วยจอแสดงแผนที่แบบสีเพื่อแสดงข้อมูลตำแหน่งของฝ่ายตนและศัตรู เพื่อประกอบในการตัดสินใจการวิเคราะห์วางแผนทางยุทธวิธีของพลในรถ ตัวระบบจะทำการเชื่อมต่อข้อมูลกับรถถังคันอื่นๆแบบ real time และส่งข้อมูลไปยังผู้บัญชาการรถโดยตรง ตัวรถยังติดตั้ง
terminal information system หรือ Tis ที่จะทำการเชื่อมต่อข้อมูลกับรถถังของฝ่ายตนเองได้มากถึง 100 กว่าคัน
ตัวระบบจะมาพร้อมกับระบบ Defense Electronics Systems เพื่อแสดงข้อมูลแบบ digital ที่เชื่อมต่อกับรถถังคันอื่นๆ ประกอบด้วยยุทธวิธีและสถานการณ์ของสนามรบ และจอคำสั่งที่แสดงข้อมูลในแผนที่ ระหว่างรถเกราะฝ่ายตนเองและรถของผู้บังคับบัญชา
ทางด้านตัวเกราะของรถนั้น ตัวรถนั้นออกให้มีขนาดค่อนข้างเตี้ยเพื่อลดโอกาสในการตกเป็นเป้าสายตาของข้าศึก ป้อมตัวรถทำการจากเหล็กเชื่อมคุณภาพสูง ในตอนแรกจะมีการติดตั้งเกราะแบบ Chobham armour แต่ภายหลังได้ถูกปฏิเสธไปเนื่องจากตัวเกราะไม่สามารถป้องกันกระสุนแบบ shaped charge ได้ ทางกองทัพฝรั่งเศสจึงทำการพัฒนาเกราะ composite ของตัวเองเพื่อให้สามารถรับมือกระสุนแบบ sabot และ shape charge ได้การพัฒนาประสบความสำเร็จ เกราะ composite ที่มีส่วนผสมวัสดุที่มีความแข็งสูงอย่าง titanium และ kevlar และ ceremic พร้อมกับเกราะแบบ nera นั้นผ่านการทดสอบ และด้านข้างตัวรถยังติดตั้งเกราะ era อีกด้วย เกราะด้านบนและระบบไฟฟ้าในตัวรถออกแบบมาให้คงทนต่อขีปนาวุธต่อต้านรถถังที่โจมตีจากด้านบน เพื่อเพิ่มโอกาสความอยู่รอดในสนามรบ ตัวเกราะด้านหน้ารถนั้นออกแบบให้มีความลาดเอียงและยังมีหน้าที่เป็นบังโคลนไปในตัวอีกด้วย ด้านหน้าข้างซ้ายของตัวรถจะมีช่องเล็กๆไว้ให้คนขับเข้า-ออก ในตัวรถและตัวรถถูกออกแบบมาให้สามารถทำสงครามภายใต้สภาวะเคมี นิวเคลียร์ ชีวะ ได้
ด้วยขุมกำลัง SACM V8X-1500 Hyperbar 8 ลูกสูบ เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1500 แรงม้าควบคุมด้วยไฟฟ้า และถังน้ำมันขนาด 1300 ลิตร ตัวรถสามารถเคลื่อนมี่ด้วยความเร็วสูงสุด 72 กิโลเมตร/ชั่วโมง บนถนนและ 55 กิโลเมตร/ชั่วโมง บนภูมิประเทศ ด้วยน้ำหนักเพียง 56 ตัน ตัวรถ leclerc มี 5 เกียร์เดินหน้าและ 2 เกียร์ถอยหลัง ตัวเครื่องยนต์ถูกวางข้างหลังตัวเครื่องด้านซ้ายซึ่งจะวางไว้แยกในอีกห้องของตัวรถอีกทีเพื่อความปลอดภัยของพลในรถ เครื่องยนต์ระบายความร้อนด้วยอากาศเพื่อลดคลื่นความร้อนที่แผร่ออกมาจากตัวเครื่อง และยังติดตั้งเครื่องยนต์แกสเทอร์ไบน์ Turbomeca TM 307B เป็นเครื่องยนต์สำรองในกรณีที่เครื่องยนต์หลักเสียหายหรือทำการปิดเครื่องยนต์หลัก leclerc ได้ถูกขนานนามให้เป็นรถถังที่เบาที่สุดในหมู่ของรถถังตะวันตกด้วยกัน โดยมันสามารถเร่งความเร็วได้สูงสุดจาก 0-32 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 6 วินาที ตัวรถสามารถวิ่งได้ไกลสุด 550 กิโลเมตร และ 650 กิโลเมตร เมื่อติดถังน่ำมันภายนอกที่ด้านหลังป้อมตัวรถ 2 ถัง ขนาด 200 ลิตร สามารถปลดได้ทันทีเมื่อตัวรถถึงที่หมายและเข้าสู่สถานการณ์การสู้รบ ตัวรถยังสามารถดำน้ำได้ลึกสูงสุด 4 เมตรโดยต้องติดตั้งท่อช่วยหายใจใต้น้ำหรือ snorgel และฝรั่งเศสมี leclerc ประจำการทั้งหมด 406 คันโดยปัจจุบันได้ทำการปิดสายการผลิตไปแล้ว แต่ทาง nextar ยังคงเก็บและพร้อมเปิดสายการผลิตใหม่ๆแก่ลูกค้าที่สนใจ
leclerc กับ snorgel
ซีรี่ต่างๆ
ตัวรถ leclerc นั้นได้รับการอัพเกรดตามยุคโดยใน series 2 ตัวรถได้เพิ่ม
-integrates ระบบเครื่องปรับอากาศคุณภาพสูงแบบ hybid เข้ากับตัวรถ
-ติดตั้งเครื่องปรับอากาศหลังห้องคนขับ
-เพิ่มเครื่องปรับอากาศ และเพิ่มความหนาของเกราะตรงห้องส่วนผู้บัญชาการ
-แก้ไขระบบระบายอากาศตรงเฟืองรถถัง
-เพิ่มกระบังโคลนตรงหน้าตัวรถ
-เพิ่มรีโมตควบคุมระบบไฮโดรลิคในตัวรถ
-เพิ่มความหนาของเกราะท้ายป้อมปืน
-กล้องเล็งแบบ savan 20 ถูกถอดออกแล้วแทนที่ด้วยกล้องเล็งสร้างภาพด้วยความร้อนแบบ iris
leclerc series 2
หลังจากปรับปรุงเสร็จก็ได้มีการพัฒนาเพิ่มเติมในชื่อ series xxi โดยเพิ่ม
-เกราะ composite แบบใหม่โดยมีส่วนผสมของทังสเตนและเป็นเกราะแบบ semi-reactive armor
-กล้องพาโนรามิคสำหรับผู้บัญชาการแบบ hl70 ได้ถูกถอดออกและแทนที่ด้วยกล้องเล็งด้วยเลเซอร์แบบ hl120 ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าแทน
-ระบบไฟฟ้าสำหรับควบคุมภายนอกป้อมปืน
-ระบบพิสูจน์ฝ่ายแบบ iff stanag 4579 ถูกเพิ่มเข้าไป
-พื้นที่ภายในของป้อมตัวรถมีขนาดเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการติดตั้งเกราะเสริม
leclerc xxi
นอกจากนี้ตัวรถยังได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมในปี 2006 เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องหลังจากได้ลงสมรภูมิจริงที่อัฟกานิซสถาน ในการปรับปรุงครั้งนี้ตัวรถได้ถูกตั้งชื่อว่า leclerc azur โดยเพิ่มชุด azur kit ประกอบด้วย
-เกราะด้านข้างแบบ composite
-เพิ่มตะแกรงด้านหลังตัวป้อมปืนและตัวรถเพื่อเอาไว้กัน rpg โดยเฉพาะ
-เพิ่มรีโมทสำหรับควบคุมปืน 120 mm และปืนขนาด 7.62x51mm
leclerc azur
รายละเอียดโดยรวม
ประเทศผู้ผลิต: ฝรั่งเศส
อาวุธประจำตัวรถ: ปืนใหญ่ GIAT CN120-26 ขนาด 120 mm, ปืนกลขนาด 7.62x51mm, ปืนกล m2hb ขนาด 12.7x99mm
ความเร็วสูงสุด: 72 กิโลเมตร/ชั่วโมง บนถนน, 55 กิโลเมตร/ชั่วโมง บนภูมิประเทศ
เครื่องยนต์: SACM V8X-1500 Hyperbar 8 ลูกสูบ ระบายความร้อนด้วยอากาศ ให้อัตราแรงขับต่อย้ำหนัก 27.2 แรงม้า/ตัน
น้ำหนักตัวรถ: 56 ตัน
พลรถถัง: 3 คน(commander,gunner,driver)
แถม:
leclerc เคยได้ขึ้นชื่อว่าเป็นรถถังที่"แพง"ที่สุดในโลกก่อนมันจะโดนทำลายสถิติโดย k2 black panther ผู้มาทีหลังในราคาคันละ 8.8 million dollar/คัน
อ้างอิง
https://en.m.wikipedia.org/wiki/AMX_Leclerc
http://www.army-technology.com/projects/leclerc/
http://www.military-today.com/tanks/leclerc.htm
http://www.militaryfactory.com/armor/detail-page-2.asp?armor_id=100
โหวตและกดถูกใจกระทู้ จขกท.จะเป็นการให้กำลังใจ จขกท.อย่างดีครับ