FV4034 Challenger 2 ไอ้รถถังสุดถึกจากแดนผู้ดี



รายละเอียด
     Challenger 2 ใชปืนใหญ่แบบ L30A1 55 คาลิเบอร์ ขนาด 120mm อัตราการยิง 5-6 นัด/นาที จาก BAE Systems ตัวลำกล้องปืนทำจากโครเมี่ยมอัลลอย ผ่านกระบวนการ Electro-slag remelting ซึ่งให้ความแข็งแกร่งอย่างสูง ตัวปืนลำกล้องปืนหุ้มด้วย  thermal sleeve เหมือนกับรถถังรุ่นท็อปทั่วๆไปตัวปืนควบคุมด้วยไฟฟ้าบวกกับระบบ stabilizer แบบ 2 แกน เป็นระบบจาก  BAE Systems เจ้าเดิม ทำให้ตัวรถสามารถยิงเป้าหมายด้วยความแม่นยำในขณะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ตัวป้อมปืนสามารถหมุนรอบตัวครบ 360 องศาภายใน 8 วินาที นอกจากนี้ตัวปืนใหญ่ยังเป็นปืนใหญ่ของปืนตัวท็อปไม่กี่แบบในโลกที่ตัวลำกล้องยังคงใช้เกลียวภายในลำกล้องอยู่ ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับกับกระสุนแบบ high explosive squash head หรือ hesh ซึ่งเป้นกระสุนเจาะเกราะอานุภาพทำลายล้างสูงและมีระยะยิงที่ไกลถึง 5 กิโลเมตรและถ้าใช้กระสุนแบบต่อระยะจะสามารถเพิ่มได้เป็น 8 กิโลเมตร และตัวปืนยังรองรับกระสุนยูเรเนียมหรือ du ได้อีกด้วย ตัวรถมีกระสุนอยู่ทั้งหมด 52 นัด โดยตัวกระสุนจะเก็บแบบแยกประจุและเก็บไว้ในห้องแยกที่มีความแข็งแกร่งสูงเพื่อลดอัตราที่ตัวกระสุนจะระเบิดเมื่อได้รับความเสียหายจากฝ่ายตรงข้าม เพื่อความปลอดภัยของพลรถถัง ตัวรถยังมาพร้อมกับปืนกลร่วมแกนแบบ  L94A1 ขนาด 7.62x51mm อยู่ข้างซ้ายของตัวปืนหลักพร้อมกับปืนบนป้อมอย่าง l37a2 ขนาด 7.62x51 mm พร้อมกระสุน 4200 นัดสำหรับยิงอากศยานระดับต่ำหรือจะเปลี่ยนไปติดตั้งปืนกลแบบ m2hb หรือ เครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 40 mm แล้วแต่สถานการณ์  เดิมทีตัวรถจะใช้ระบบ automatic loader แบบรถถังสมัยใหม่ทั่วๆไป แต่ได้มีการวิเคราะห์ระบบ automatic loader หรือระบบบรรจุแบบอัตโนมัตินั้นมีความเสี่ยงและลดอัตราการอยู่รอดในสนามรบ โดยเฉพาะในกรณีที่ตัวระบบมีปัญหาไม่สามารถใช้งานได้ ทำให้ต้องเสียเวลาในการซ่อมแซมซึ่งใช้เวลานานและมีอัตราเสี่ยงที่จะถูกยิงสูงทำให้สุดท้ายตัวรถจึงเพิ่มพลบรรจุเข้ามาเพิ่มอีกคน ทำให้ตัวรถมีพลรถถังทั้งหมด 4 คน(ผู้บัญชาการ,พลยิง,พลขับ,พลบรรจุ)
สังเกตว่าปืนใหญ่แบบ l30a1 ข้างในมันจะมีเกลียวสำหรับยิงกระสุนแบบ hesh โดยเฉพาะ


      ตัวคอมพิวเตอร์ควบคุมการยิงแบบขนาด 32 bit มาพร้อมกับ ระบบข้อมูลแบบ MIL STD1553B หรือ PBISA ซึ่งเป็นระบบที่ทำหน้าที่จัดการและควบคุมข้อมูลต่างๆในสนามรบซึ่งจะรวมตัวระบบสั่งการ ระบบนำทาง ระบบข้อมูลดำเนินการแบบดิจิตอล ระบบการขับเคลื่อนและระบบช่วงล่างของตัวรถ และซอว์ฟแวร์บางส่วนของตัวรถเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้พลในรถสามารถทำงานแรกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวรถยังติดตั้งระบบ bowman tactical จาก General Dynamics ซึ่งประกอบไปด้วยระบบสื่อสารแบบดิจิตอล ระบบรักษาและพิสูจน์ข้อมูลด้วยเสียง ระบบข้อมูลดาต้าการสื่อสาร ระบบระบุพิกัดของตัวรถแบบอัตโนมัติ ตัวระบบจัดการและสื่อสารข้อมูลของตัว challenger 2 นั้นมีความคล้ายคลึงกับ m1a2 abram ของสหรัฐเพื่อที่จะได้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลด้วยกันได้ ในห้องผู้บัญชาการที่อยู่ด้านขวา่บนป้อมปืนจะมาพร้อมกับกล้องพาโนรามิคแบบ SAGEM VS 580-10 พร้อมกับเลเซอร์วัดระยะ ตัวห้องผู้บัญชาการมาพร้อมกับกล้องเพอริสโคป 8 ตัวรอบห้องเพื่อมุมมองในการตรวจการสนามรบที่ครบ 360 องศา ด้านห้องของคนยิงที่อยู่ทางด้านซ้ายของตัวป้อมจะมาพร้อมกับกล้องเล็งและสังเกตการณ์แบบสร้างภาพด้วยความร้อนแบบ TOGS II จาก thales และกล้องเล็งตรวจการแบบ TICM ตัวกล้องยังมีระบบวัดระยะด้วยเลเซอร์มีระยะเล็งตั้งแต่ 200 เมตรถึง 10 กิโลเมตรและยังติดระบบมองการคืนมาด้วย ตัวรถเป็นแบบ hunter-killer ลักษณะคือผู้บัญชาการและคนยิงจะเห็นภาพเป้าหมายบนจอของตนเองพร้อมกัน โดยสามารถเลือกว่าจะให้ใครจัดการจะให้พลยิงเป็นผู้จัดการเลยก็ได้หรือตัวผู้บัญชาการก็สามารถทำได้เช่นกัน  ในด้านห้องคนขับซึ่งอยู่ด้านล่างตรงข้างหน้าของตัวรถมาพร้อมกับกล้องสร้างภาพด้วยความร้อนแบบ PDP จาก thale กล้องมองหน้าและกล้องมองหลัง ทำให้ตัวรถสามารถปฏิบัติการได้ทั้งกลางวันและกลางคืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งกล้องเล็งทั้งหมดต่างออกให้มีความเป็นมิตรต่อผู้ใช้ในทุกสถานการณ์
      ตัวรถยังมาพร้อมกับเกราะป้องกันแบบ Chobham armour รุ่นที่ 2 ซึ่งได้รับขนานนามว่าเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุดในโลก เกราะด้านหน้าของตัวรถนั้นออกแบบให้ลาดเอียง ตัวเกราะมีความแข็งแกร่งแต่มีน้ำหนักน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเกราะ  Chobham armour รุ่นแรก ส่วนผสมของมันเป็นความลับแต่ที่แน่ๆมันมีส่วนผสมของวัสดุที่แข็งแกร่งที่ทนพลังอำนาจทำลายล้างของกระสุนรถถังของฝ่ายตรงข้ามมากกว่า 2 ชนิด ตัวเกราะออกแบบให้พลในรถปลอดภัยสูงสุดจากรถถังฝ่ายตรงข้าม ตัวรถยังใช้ระบบ solid state electric drive ควบคุมการหมุนของป้องปืนและตัวลำกล้องเพื่อลดความเสี่ยงจากระบบไฮโดรลิคในป้อมปืน ตัวรถยังวสามารถติดเกราะ era เพิ่มเติมและตะแกรงสำหรับเอาไว้กัน rpg โดยเฉพาะ ตัวรถออกแบบเพื่อรองรับสภาวะสงครามแบบ นิวเคลียร์ เคมี ชีวะ แบบรถถังรุ่นอื่นทั่วๆไป  ตัวรถมาพร้อมกับท่อปล่อยระเบิดควันแบบควบคุมด้วยไฟฟ้าขนาด 80 mm แบบ l8 10 ท่อยิงจาก Thales ข้างหน้าป้อมข้างละ 5 ท่อ สำหรับปล่อยระเบิดควันอำพรางตัวเมื่อถูกเลเซอร์อีกฝ่ายยิงเข้ามาใส่ นอกจากนี้ตัวรถยังสามารถปล่อยึวันอำพรางตัวโดยการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าตัวท่อไอเสียของตัวรถเพื่อทำการสร้างม่านควันดำสำหรับอำพรางตัว และยังสามารถติดท่อยิงระเบืดควันแบบ VIRSSS เพื่ออำพรางตัวและต่อต้านตัวรถจากคลื่นอินฟาเรดได้อีกด้วย
      ด้วยขุมกำลังของเครื่องยนต์แบบ Perkins CV-12 V12 ขนาด 12 ลูกสูบให้กำลัง 1200 แรงม้า ระบายความร้อนด้วยอากาศและเครื่องยนต์สำรองแบบ david brown tn54 สำหรับใช้ในกรณีเครื่องยนต์หลักเสียหายหรือปิดเครื่องยนต์หลัก ตัวรถสามารถทำความเร็วได้สูงสุด 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง บนนถนนและทำความเร็วได้สูงสุด 40 กิโลเมตร/ชั่วโมง บนสภาพภูมิประเทศ ตัวรถมี 6 เกียร์เดินหน้า 2 เกียร์ถอยหลัง ตัวรถมาพร้อมกับถถังน้ำมัน 1600 ลิตร สามารถวิ่งได้ไกลสุด 450 กิโลเมตรและ 550 กิโลเมตรเมื่อติดถังน้ำมันภายนอก และ 250 กิโลเมตรเมื่อวิ่งบนภูมิประเทศ และชิ้นส่วนของตัวรถประมาณ 5% สามารถแลกเปลี่ยนกับตัวรถถัง challenger 1 ซึ่งเป็นรุ่นที่เก่ากว่าได้ ปัจจุบันอังกฤษมี challenger 2 รวมทุกรุ่น 408 คัน(227 อยู่ในสภาพพร้อมรบ 59 คันเป็นรถสำหรับฝึกที่เหลือเป็นอะไหล่)
     ตัวรถยังมีเรื่องน่ารักๆอีกด้วย ในตัวรถถังนั้นมีหม้อน้ำร้อนสำหรับเอาไว้ชงชาเอาไว้กินตามประเพณีของอังกฤษด้วย ซึ่งนอกจากชาแล้วยังสามารถเอาไว้ชงเครื่องดื่มอื่นๆและเอาไว้อุ่นอาอาหารได้อีกด้วย(น่ารักจริงๆ) ซึ่งรถเกราะของอังกฤษเกือบทุกรุ่นจะมีระบบนี้หมด
ทหารอังกฤษขนาดกำลังจะดื่มชาร้อนๆในตัวรถ น่ารักมุ้งมิ้งจริงๆ


การอัพเกรด
    challenger 2 ยังได้มีการอัพเกรดตามยุคสมัยในชื่อ challenger 2 CLIP/CLEP โดย
-ถอดปืน l30a1 ออกแล้วทดแทนด้วยปืนใหญ่แบบ Rheinmetall  l/55 ขนาด 120mm เพื่อให้สามารถใช้กระสุนร่วมกับทางนาโต้และสหรัฐได้มากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกระสุนแบบ hesh นั้นทางอังกฤษไม่ผลิตเพิ่มอีกแล้วเนื่องจากมีอยู่เต็มคลังแล้วและมีกระสุนแบบใหม่ที่มีประสิทธิ ภาพมากกว่ากระสุนแบบ hesh ทำให้ทางอังกฤษแทบไม่จำเป็นต้องใช้ปืนใหญ่แบบมีเกลียวเพื่อรองรับกับกระสุนแบบ hesh อีก อย่างไรก็ตามในปี 2009 ทางเบลเยียมสามารถคิดต้นกระสุนแบบ hesh ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิมได้ พร้อมกับกระสุนแบบยูเรเนียมซึ่งทางตัวปืน l30a1 นั้นรองรับโดยตัวกระสุนนั้นรอการสั่งซื้อจากทางอังกฤษในอนาคต
-ติดตั้งระบบเพื่อรองรับสภาวะสงคราม นิวเคลียร์-เคมี-ชีวะที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิมแทน
-ติดตั้งปืนกลบนช่องทางออกของพลบรรจุพร้อมกับระบบควบคุมตัวปืนด้วยรีดมททำให้พลบรรจุไม่จำเป็นต้องเอาหัวออกไปนอกตัวรถเมื่อทำการยิงปืนกลบนป้อมของตน
-เดิมทีจะมีการอัพเกรดตัวรถทั้งหมดแต่ติดปัญหาด้านงบประาณเลยอัพเกรดได้แค่บางส่วน
challenger 2 CLIP/CLEP


นอกจากนี้ตัวปืนยังมีรุ่นส่งออกในชื่อ challenger 2e โดยเปลี่ยนระบบจัดการข้อมูลการรบ และระบบควบคุมการการยิงแบบใหม่ กล้องเล็งของพลยิงแบบ TOGS II 2 ถูกถอดออกและแทนที่ด้วยกล้องเล็งสร้างภาพด้วยความร้อนแบบ SAGEM SAVAN 15 ที่มีประสิทธิภาพที่สูงกว่าซึ่งตัวเลเซอร์ของกล้องเล็งแบบ  SAGEM SAVAN 15 นั้นมีความเป็นมิตรกับตาของคนยิง ตัวรถยังมาพร้อมกับเครื่องยนแบบใหม่อย่าง MTU MT 883 ระบายความร้อนด้วยอากาศ ขนาด 1500 แรงม้า ที่มีขนาดเครื่องที่เล็กและกินน้ำมันน้อยกว่าเครื่องยนต์แบบ Perkins CV-12 V12  และเครื่องยนต์สำรองอย่าง Renk HSWL 295TM และเพิ่มพื้นที่ภายในตัวรถเพื่อเพิ่มขนาดถังน้ำมันและกระสุนด้วยคุณลักษณะที่กล่าวมานี้ทำให้ challenger 2e มีระยะเดินทางไกลสุดเพิ่มขึ้นมาเป็น 550 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม challenger 2e ได้ถูกยกเลิกไปเนื่องจากพ่ายแพ้ให้กับ leopard 2a5 ในการจัดหารถถังรุ่นใหม่ของกรีซในปี 2002
challenger 2e


นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชั่นสำหรับ engineer โดยแบ่งเป็น
-titan เป็นรถสำหรับทำหน้าที่เป็นสะพานสำหรับให้รถถังคันอื่นข้ามโดยใช้ตัวรถของ challenger 2 มาทำ ตัวสะพานมีความยาว 26 เมตร สำหรับสะพานเดี่ยวและ 12 เมตร สำหรับสะพานคู่
titan

-trojan เช่นเดียวกับ titan คือเอาตัวรถของ challenger 2 มาใช้ ตัวรถติดตั้ง dozer blade และรางสำหรับขนของและเอาไว้สร้างสะพาน
trojan

CRARRV
-CRARRV เป็นรถที่ทำหน้าที่กู้ซ่อมและจูงรถถังที่เสียหายกลับฐานทัพ ตัวรถมี 5 ที่นั่งและใช้ตัวรถของ chellenger 2 มาทำเช่นเคยโดยตัวรถจะขับและควบคุมโดยทีมทหารช่างเพื่อนำรถถังที่เสียหายมากู้ซ่อมหรือจูงไปในที่ปลอดภัย ตัวรถมี 5 ที่นั่ง 3 ที่นั่งสำหรับทหารช่างอีก 2 ที่นั่งสำหรับพลของรถถังที่เสียหาย
CRARRV



ข้อมูลโดยรวม
ประเทศผู้ผลิต: สหราชอาณาจักร
อาวุธประจำรถ:  L30A1 ขนาด 120mm, ปืนกลร่วมแกนแบบ l94a1 ขนาด 7.62x51mm, ปืนกล l37a2 ขนาด 7.62x51 mm พร้อมกระสุน 4200 นัด
เครื่องยนต์: Perkins CV-12 V12 12 ลูกสูบ ระบายความร้อนด้วยอากาศขนาด 1200 แรงม้าให้อัตราแรงขับ 19.2 แรงม้า/ตัน
ความเร็ว: 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง บนถนน, 40 กิโลเมตร/ชั่วโมง บนภูมิประเทศ
พลประจำรถ: 4 คน(commander,gunner,driver,loader)
น้ำหนัก: 63 ตัน

อ้างอิง
http://www.army-technology.com/projects/challenger2/
https://en.wikipedia.org/wiki/Challenger_2
http://www.military-today.com/tanks/challenger_2.htm
http://www.militaryfactory.com/armor/detail.asp?armor_id=11

โหวตและกดถูกใจกระทู้ จขกท.จะเป็นการให้กำลังใจ จขกท.อย่างดีครับ อมยิ้ม07อมยิ้ม07

กระทู้เก่าๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่