เชื่อว่าหลายคนจะต้องเคยตกอยู่ในสถานะการแบบเรา สถานะการที่ต้องตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น
ลูกคนนี้เกิดจากความรักของเรากับสามี เราดีใจที่มีเค้า ฉันเฝ้าทนุทนอมเค้าอย่างดี รอวันจะได้เจอหน้า พอถึงกำหนดผ่าคลอด เค้าออกมาร่างกายภายนอกแข็งแรงดี แต่อีกสองชั่วโมงต่อมาเค้าไม่สามรถหายใจเองได้ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ เรากับสามีตัดสินใจให้หมอใส่ท่อเพื่อช่วยหายใจ วันต่อมาอาการเริ่มดีขึ้น แต่พอตกตอนเย็นหมอเด็กกลับมาแจ้งว่าต้องเปลี่ยนเครื่องช่วยหายใจให้เค้าใหม่ที่มันดีกว่าเครื่องเดิมเพราะอาการเริ่มไม่คงที่ โดยหมอบอกว่า การใส่ท่อช่วยหายใจอาจจะทำให้ปอดแตกแต่ถ้าไม่ใส่ก็สมองก็จะขาดออกซิเจน เราตกลงให้หมอใส่และภาวะนาอย่าให้มีผลข้างเคียงเลย สามีเฝ้าลูกไม่หลับไม่นอน คอยดูอาการลูกอยู่หน้าไอซียู และสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดก็เกิด ปอดลูกเริ่มแตกหมอแจ้งว่าต้องเจาะสายยางเพื่อระบายแรงดันอากาศในปอด เราก็ยินยอมสงสารลูกจับใจโดนเจาะไปสี่เส้น สุดท้ายหมอมาแจ้งว่าต้องย้ายไป รพ.ที่มียาดีกว่านี้เพราะยาที่มีใน รพ.นี้นำมาใช้หมดแล้วแต่เด็กไม่ตอบสนอง จึงต้องน้ายไป รพ. อีกจังหวัดนึง ระยะทางเกือบร้อยกิโล ในเวลาตีหนึ่งของวันนั้น เราได้แต่คอยฟังข่าวเพราะต้องพักฟื้นแผลผ่าคลอดสามีไปกับลูก
สามีบอกเราว่าถ้าลูกเรารอดก็จะไม่ปกตินะจะตัวอ่อนช่วยเหลืตัวเองไม่ได้ ตอนนั้นคิดแค่ว่าจะเป็นแบบไหนก็พร้อมจะเลี้ยง ขอให้เค้าหาย แฟนกลับมาหาเราในตอนเช้าของอีกวันส่วนลูกอยู่ไอซียู หมอห้ามเข้าไปดูก็เลยมาหาเรา และสิ่งที่แม่ทุกคนไม่อยากให้เกิดก็เกิดขึ้น หมอโทรมาแจ้งว่าตอนนี้ลูกอยู่ได้เพราะเครื่องช่วยหายใจ หัวใจหยุดเต้นไปแล้วหนึ่งครั้งแต่ปั๊มกลับมาได้ หมอแจ้งว่าถ้าหัวใจหยุดเต้นอีกจะให้หมอปั๊มอีกหรือไม่เพราะตอนนี้อ่อนลงแล้ว แฟนเราบอกว่าถ้ารั้งเค้าไว้เค้าจะยิ่งทรมาน แต่ถ้าเกิดปั๊มหัวใจอีกและเค้ารอดมาได้เค้าจะพิการตลอดชีวิต ซึ่งมันก็ทำให้เค้าทรมานอยู่ดี แฟนให้เราตัดสินใจ เราจึงบอกหมอไปว่าปล่อยให้เค้าจากไปจะได้ไม่ทรมาน
แม้วันเวลาจะผ่านไปร่วมปี แต่ทุกสิ่งมันยังฝังอยู่ในใจ เราคิดเสมอว่าสิ่งที่เราตัดสินใจในครั้งนั้นเป็นการทำเพื่อลูกเพื่อไม่ให้เค้าทรมาน
ไม่มีใครอยากเจอเหตุการแบบนี้ ถ้าเป็นคุณจะผ่านมันไปได้ยังไง เราทำถูกแล้วใช่ไหมกับการตัดสินใจในครั้งนี้ เป็นคุณจะเลือกทางไหน ทุกวันนี้เฝ้าถามตัวเองเวลาเห็นคนที่เค้าเลี้ยงลูกพิการ มองดูตัวเองเหมือนแม่ใจร้ายยังไงไม่รู้
เมื่อฉันทำให้เค้าเกิดมา ฉันจึงต้องเลือกที่จะเป็นคนทำให้เค้าจากไปแบบไม่มีวันกลับ ด้วยตัวฉันเอง
ลูกคนนี้เกิดจากความรักของเรากับสามี เราดีใจที่มีเค้า ฉันเฝ้าทนุทนอมเค้าอย่างดี รอวันจะได้เจอหน้า พอถึงกำหนดผ่าคลอด เค้าออกมาร่างกายภายนอกแข็งแรงดี แต่อีกสองชั่วโมงต่อมาเค้าไม่สามรถหายใจเองได้ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ เรากับสามีตัดสินใจให้หมอใส่ท่อเพื่อช่วยหายใจ วันต่อมาอาการเริ่มดีขึ้น แต่พอตกตอนเย็นหมอเด็กกลับมาแจ้งว่าต้องเปลี่ยนเครื่องช่วยหายใจให้เค้าใหม่ที่มันดีกว่าเครื่องเดิมเพราะอาการเริ่มไม่คงที่ โดยหมอบอกว่า การใส่ท่อช่วยหายใจอาจจะทำให้ปอดแตกแต่ถ้าไม่ใส่ก็สมองก็จะขาดออกซิเจน เราตกลงให้หมอใส่และภาวะนาอย่าให้มีผลข้างเคียงเลย สามีเฝ้าลูกไม่หลับไม่นอน คอยดูอาการลูกอยู่หน้าไอซียู และสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดก็เกิด ปอดลูกเริ่มแตกหมอแจ้งว่าต้องเจาะสายยางเพื่อระบายแรงดันอากาศในปอด เราก็ยินยอมสงสารลูกจับใจโดนเจาะไปสี่เส้น สุดท้ายหมอมาแจ้งว่าต้องย้ายไป รพ.ที่มียาดีกว่านี้เพราะยาที่มีใน รพ.นี้นำมาใช้หมดแล้วแต่เด็กไม่ตอบสนอง จึงต้องน้ายไป รพ. อีกจังหวัดนึง ระยะทางเกือบร้อยกิโล ในเวลาตีหนึ่งของวันนั้น เราได้แต่คอยฟังข่าวเพราะต้องพักฟื้นแผลผ่าคลอดสามีไปกับลูก
สามีบอกเราว่าถ้าลูกเรารอดก็จะไม่ปกตินะจะตัวอ่อนช่วยเหลืตัวเองไม่ได้ ตอนนั้นคิดแค่ว่าจะเป็นแบบไหนก็พร้อมจะเลี้ยง ขอให้เค้าหาย แฟนกลับมาหาเราในตอนเช้าของอีกวันส่วนลูกอยู่ไอซียู หมอห้ามเข้าไปดูก็เลยมาหาเรา และสิ่งที่แม่ทุกคนไม่อยากให้เกิดก็เกิดขึ้น หมอโทรมาแจ้งว่าตอนนี้ลูกอยู่ได้เพราะเครื่องช่วยหายใจ หัวใจหยุดเต้นไปแล้วหนึ่งครั้งแต่ปั๊มกลับมาได้ หมอแจ้งว่าถ้าหัวใจหยุดเต้นอีกจะให้หมอปั๊มอีกหรือไม่เพราะตอนนี้อ่อนลงแล้ว แฟนเราบอกว่าถ้ารั้งเค้าไว้เค้าจะยิ่งทรมาน แต่ถ้าเกิดปั๊มหัวใจอีกและเค้ารอดมาได้เค้าจะพิการตลอดชีวิต ซึ่งมันก็ทำให้เค้าทรมานอยู่ดี แฟนให้เราตัดสินใจ เราจึงบอกหมอไปว่าปล่อยให้เค้าจากไปจะได้ไม่ทรมาน
แม้วันเวลาจะผ่านไปร่วมปี แต่ทุกสิ่งมันยังฝังอยู่ในใจ เราคิดเสมอว่าสิ่งที่เราตัดสินใจในครั้งนั้นเป็นการทำเพื่อลูกเพื่อไม่ให้เค้าทรมาน
ไม่มีใครอยากเจอเหตุการแบบนี้ ถ้าเป็นคุณจะผ่านมันไปได้ยังไง เราทำถูกแล้วใช่ไหมกับการตัดสินใจในครั้งนี้ เป็นคุณจะเลือกทางไหน ทุกวันนี้เฝ้าถามตัวเองเวลาเห็นคนที่เค้าเลี้ยงลูกพิการ มองดูตัวเองเหมือนแม่ใจร้ายยังไงไม่รู้