RMLญี่ปุ่นจีบขอร่วมทุนแบ็กล็อกเต็มมือกินยาว
ทันหุ้น - RML เข้าตานักลงทุนญี่ปุ่นขอร่วมทุนพัฒนาโครงการในประเทศไทย คาดปิดดีลเร็วๆ นี้ มั่นใจโกยยอดขายปีนี้เข้าเป้า 2,500-3,000 ล้านบาท หลังส่งโครงการใหม่ 2 โครงการ มูลค่ารวม 3,800 ล้านบาท ลงตลาดเพิ่มยอด พร้อมตุนมีงานในมือกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท รับรู้ยาวหลายปี ขณะที่โบรกแนะ "ถือ" มอง P/E ยังต่ำที่ 3.7 เท่า
นายวิท สุธีรชาติกุล นักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีนักลงทุนประเทศญี่ปุ่นให้ความสนใจ ติดต่อขอเจรจาร่วมเป็นพันธมิตรทำธุรกิจ โดยมีความประสงค์ที่จะมาลงทุนพัฒนาโครงการในประเทศไทย ซึ่งถือว่าให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในประเทศญี่ปุ่น คาดว่าจะมีการเจรจาเร็วๆ นี้
ยอดขายเข้าเป้า 2.5-3 พันล.
สำหรับยอดขายปีนี้คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ 2,500-3,000 ล้านบาท โดย 6 เดือนที่ผ่านมาสามารถทำได้แล้วกว่า 50% ของเป้าที่ตั้งไว้ จากการเปิดตัว 2 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 3,800 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการ มิวล์ เย็นอากาศ ซึ่งเป็นโครงการบ้านแฝด มูลค่า 720 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 25% และโครงการเดอะลอฟท์ อโศก ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมหรู สูง 45 ชั้น บนทำเลย่านสุขุมวิท จำนวน 211 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 3,000 ล้านบาท โดยจะเปิดขายพรีเซลวันที่ 6-8 พฤศจิกายน 2558 นี้ ราคาเริ่มต้น 6.1 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 20%
ลุยพัฒนาโครงการต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ชะลอแผนการซื้ออาคารสำนักงานให้เช่าจากเดิมที่คาดว่าจะสรุปได้ในปีนี้ 1 ดีล เป็นผลจากราคายังไม่เหมาะสมและราคาสูงเกินไป จึงชะลอแผนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ส่วนการพัฒนาโครงการของบริษัทในอนาคตยังคงเดินหน้าการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับบนอย่างต่อเนื่อง เพราะมองว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับบนในไทยยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะมีลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงอยู่เป็นจำนวนมาก และส่วนใหญ่ลูกค้าของบริษัทใช้เงินสดในการซื้อเป็นส่วนใหญ่ ทำให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อของบริษัท ต่ำกว่า 1%
ตุนแบ็กล็อกเต็มมือ
อย่างไรก็ตามบริษัทยอมรับว่าปีนี้ รายได้จะต่ำกว่าปีก่อน โดยคาดว่าจะมีรายได้ 6,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 6,640 ล้านบาท เป็นผลจากในปีนี้มียอดโอนโครงการเข้ามาน้อย ขณะเดียวกันในช่วงปลายปีจะมีการโอนโครงการยูนิค พัทยา มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 75% ซึ่งหากยอดโอนของยูนิคเข้ามาอาจจะทำให้รายได้เกินกว่าที่ตั้งไว้ โดยปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) 1.7 หมื่นล้านบาท
สำหรับยอดปฏิเสธสินเชื่อของบริษัทในปัจจุบันอยู่ต่ำกว่า 1% เนื่องจากลูกค้าของบริษัทเป็นระดับไฮเอนด์ ซื้อเงินสดมากกว่าการกู้เงิน จึงทำให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อต่ำกว่าระบบ และฐานลูกค้ากว่า 70% จะมีการซื้อบ้านราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งอายุเฉลี่ย 40-60 ปี บ่งบอกได้ว่าลูกค้าของบริษัทเป็นวัยที่มีกำลังซื้อสินค้าและต้องการบ้านหลังที่สอง
กูรูแนะถือ-P/E ยังต่ำ
บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด คำแนะนำ "ถือ" RML ราคาพื้นฐานล่าสุดเป็น 1.30 บาท ประเมินด้วย P/BV ปี 2558 ที่ 1 เท่า ราคาปิดมีส่วนเพิ่ม 14% ถือว่าถ่างมากขึ้น หลังราคาหุ้นปรับตัวลงมามาก แต่คาดการณ์กำไรปีนี้ลดลง 9% และปีหน้าลดลงถึง 38% จากปีก่อน เพราะขาดรายได้ที่จะมารับรู้ สืบเนื่องจาก 2-3 ปีที่ผ่านมา ขาดการเปิดโครงการใหม่มาชดเชยโครงการปัจจุบัน ขณะที่ระยะนี้ไม่มีปัจจัยบวกใดๆ มากระตุ้นราคาหุ้น ส่วนที่ยังแนะให้ถือ เพราะมีข้อดีคือ P/E ปี 2558 อยู่ในเกณฑ์ต่ำเป็น 3.7 เท่า ส่วนปี 2559 จะขยับเพิ่มเป็น 6.0 เท่า อันเป็นผลมาจากแนวโน้มกำไรต่อหุ้นที่ต่ำลง--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น
ตามข่าวแล้ว บริษัทจะได้ประโยชน์อะไรจากการที่ญี่ปุ่น จีน มาร่วมทุน หรือว่าจีน ญี่ปุ่น
จะมาเหมาซื้อคอนโด ทำให้รับรู้รายได้เร็วแล้วขึ้นโครงการใหม่ๆได้อืก ใครพอทราบบ้างครับ
เพราะผมเห็นว่าแบ็คล๊อคเยอะแยะแค่รอโอนทำไมต้องร่วมทุน จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตหรือกำไร
เพิ่มได้อย่างไรกันเชียว
ญี่ปุ่นจะมาร่วมทุน RML จริงหรือเปล่า??
ทันหุ้น - RML เข้าตานักลงทุนญี่ปุ่นขอร่วมทุนพัฒนาโครงการในประเทศไทย คาดปิดดีลเร็วๆ นี้ มั่นใจโกยยอดขายปีนี้เข้าเป้า 2,500-3,000 ล้านบาท หลังส่งโครงการใหม่ 2 โครงการ มูลค่ารวม 3,800 ล้านบาท ลงตลาดเพิ่มยอด พร้อมตุนมีงานในมือกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท รับรู้ยาวหลายปี ขณะที่โบรกแนะ "ถือ" มอง P/E ยังต่ำที่ 3.7 เท่า
นายวิท สุธีรชาติกุล นักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีนักลงทุนประเทศญี่ปุ่นให้ความสนใจ ติดต่อขอเจรจาร่วมเป็นพันธมิตรทำธุรกิจ โดยมีความประสงค์ที่จะมาลงทุนพัฒนาโครงการในประเทศไทย ซึ่งถือว่าให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในประเทศญี่ปุ่น คาดว่าจะมีการเจรจาเร็วๆ นี้
ยอดขายเข้าเป้า 2.5-3 พันล.
สำหรับยอดขายปีนี้คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ 2,500-3,000 ล้านบาท โดย 6 เดือนที่ผ่านมาสามารถทำได้แล้วกว่า 50% ของเป้าที่ตั้งไว้ จากการเปิดตัว 2 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 3,800 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการ มิวล์ เย็นอากาศ ซึ่งเป็นโครงการบ้านแฝด มูลค่า 720 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 25% และโครงการเดอะลอฟท์ อโศก ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมหรู สูง 45 ชั้น บนทำเลย่านสุขุมวิท จำนวน 211 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 3,000 ล้านบาท โดยจะเปิดขายพรีเซลวันที่ 6-8 พฤศจิกายน 2558 นี้ ราคาเริ่มต้น 6.1 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 20%
ลุยพัฒนาโครงการต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ชะลอแผนการซื้ออาคารสำนักงานให้เช่าจากเดิมที่คาดว่าจะสรุปได้ในปีนี้ 1 ดีล เป็นผลจากราคายังไม่เหมาะสมและราคาสูงเกินไป จึงชะลอแผนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ส่วนการพัฒนาโครงการของบริษัทในอนาคตยังคงเดินหน้าการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับบนอย่างต่อเนื่อง เพราะมองว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับบนในไทยยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะมีลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงอยู่เป็นจำนวนมาก และส่วนใหญ่ลูกค้าของบริษัทใช้เงินสดในการซื้อเป็นส่วนใหญ่ ทำให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อของบริษัท ต่ำกว่า 1%
ตุนแบ็กล็อกเต็มมือ
อย่างไรก็ตามบริษัทยอมรับว่าปีนี้ รายได้จะต่ำกว่าปีก่อน โดยคาดว่าจะมีรายได้ 6,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 6,640 ล้านบาท เป็นผลจากในปีนี้มียอดโอนโครงการเข้ามาน้อย ขณะเดียวกันในช่วงปลายปีจะมีการโอนโครงการยูนิค พัทยา มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 75% ซึ่งหากยอดโอนของยูนิคเข้ามาอาจจะทำให้รายได้เกินกว่าที่ตั้งไว้ โดยปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) 1.7 หมื่นล้านบาท
สำหรับยอดปฏิเสธสินเชื่อของบริษัทในปัจจุบันอยู่ต่ำกว่า 1% เนื่องจากลูกค้าของบริษัทเป็นระดับไฮเอนด์ ซื้อเงินสดมากกว่าการกู้เงิน จึงทำให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อต่ำกว่าระบบ และฐานลูกค้ากว่า 70% จะมีการซื้อบ้านราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งอายุเฉลี่ย 40-60 ปี บ่งบอกได้ว่าลูกค้าของบริษัทเป็นวัยที่มีกำลังซื้อสินค้าและต้องการบ้านหลังที่สอง
กูรูแนะถือ-P/E ยังต่ำ
บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด คำแนะนำ "ถือ" RML ราคาพื้นฐานล่าสุดเป็น 1.30 บาท ประเมินด้วย P/BV ปี 2558 ที่ 1 เท่า ราคาปิดมีส่วนเพิ่ม 14% ถือว่าถ่างมากขึ้น หลังราคาหุ้นปรับตัวลงมามาก แต่คาดการณ์กำไรปีนี้ลดลง 9% และปีหน้าลดลงถึง 38% จากปีก่อน เพราะขาดรายได้ที่จะมารับรู้ สืบเนื่องจาก 2-3 ปีที่ผ่านมา ขาดการเปิดโครงการใหม่มาชดเชยโครงการปัจจุบัน ขณะที่ระยะนี้ไม่มีปัจจัยบวกใดๆ มากระตุ้นราคาหุ้น ส่วนที่ยังแนะให้ถือ เพราะมีข้อดีคือ P/E ปี 2558 อยู่ในเกณฑ์ต่ำเป็น 3.7 เท่า ส่วนปี 2559 จะขยับเพิ่มเป็น 6.0 เท่า อันเป็นผลมาจากแนวโน้มกำไรต่อหุ้นที่ต่ำลง--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น
ตามข่าวแล้ว บริษัทจะได้ประโยชน์อะไรจากการที่ญี่ปุ่น จีน มาร่วมทุน หรือว่าจีน ญี่ปุ่น
จะมาเหมาซื้อคอนโด ทำให้รับรู้รายได้เร็วแล้วขึ้นโครงการใหม่ๆได้อืก ใครพอทราบบ้างครับ
เพราะผมเห็นว่าแบ็คล๊อคเยอะแยะแค่รอโอนทำไมต้องร่วมทุน จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตหรือกำไร
เพิ่มได้อย่างไรกันเชียว