การเดินทางในช่วง Golden Week ของหนูเล็กและผองเพื่อนในดินแแดนอาทิตย์อุทัยอันยาวนานเดินทางมาถึงวันสุดท้ายแล้ว
พวกเราได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การเดินทางในช่วง Golden Week ที่ญี่ปุ่นไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
ถ้าเราเตรียมตัวมาดี ปรับแผนการเดินทางให้หลีกลี้ผู้คนบ้าง ก็สามารถเดินทางได้
และที่สำคัญ การเดินทางในช่วง Golden Week หรือราวปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม
ทำให้เราได้สัมผัสรสชาติอันหลากหลายของประเทศญี่ปุ่น ไม่ใช่แค่เพียงหิมะ หรือดอกไม้ หรือใบไม้แดง อย่างใดอย่างหนึ่ง
แต่ทริปนี้ของหนูเล็กพาไปพบจนครบถ้วน ใครจะลอกเลียนแบบแผนการเดินทางตรงไหนก็จัดไปได้เลยค่ะ
ใครเพิ่งเปิดมาอ่านกระทู้นี้ ย้อนไปอ่านกระทู้ก่อนหน้าที่ต่อเนื่องมาหลายตอนก่อนก็ได้ค่ะ
ตอนที่ 1 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#1 (Kawaguchiko-Shibazakura)
http://ppantip.com/topic/34282313
ตอนที่ 2 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#2 (Drive to Karuizawa)
http://ppantip.com/topic/34286017
ตอนที่ 3 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#3 (สู่ Nagano ไป Zenkoji)
http://ppantip.com/topic/34296887
ตอนที่ 4 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#4 (Snow Monkey Park)
http://ppantip.com/topic/34306512
ตอนที่ 5 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#5 (Japan Alps - Snow Wall)
http://ppantip.com/topic/34324694
ตอนที่ 6 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#6 (Matsumoto Castle - Shirakawago)
http://ppantip.com/topic/34327452
ตอนที่ 7 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#7 (Silent day in Shirakawago -Takayama)
http://ppantip.com/topic/34334040
ตอนที่ 8 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#8 (Ancient time in Naraijuku)
http://ppantip.com/topic/34346381
ตอนที่ 9 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#9 (Bye Bye Fuji-san)
http://ppantip.com/topic/34354619
ตอนที่ 10 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#10 (Beautiful Wisteria at Ashikaga Flower Park)
http://ppantip.com/topic/34366849
ปอลิง : เลขของแต่ละตอนที่หัวกระทู้จริงบางตอนมีผิดพลาด เดินทางหลายวันเกิน สับสนไปนิดค่ะ
วันสุดท้ายสำหรับทริปนี้แล้ว ไปกันต่อเลยดีกว่าค่ะ
วันนี้ถือเป็นวันสุดท้ายแบบเต็มๆ สำหรับการมาเยือนญี่ปุ่นรอบนี้ที่รวมๆ แล้วก็ราว 12 วัน
วันนี้มีแผนเก็บตกสถานที่ท่องเที่ยวแบบชิลล์ๆ เน้นสถานที่ที่ยังไม่เคยไปเป็นหลัก
เพราะหนูเล็กกับพี่ใหญ่มาญี่ปุ่นหลายรอบและก็จะมีที่ไปที่ซ้ำๆ อยู่บางที่ คราวนี้เอาที่แปลกๆ ออกไปบ้าง
เช้านี้เราใช้แผนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวกันก่อน เรื่องของเรื่องคือตั้งใจจะเดินทางไปบริเวณมหาวิทยาลัยโตเกียว
เพราะมีเป้าหมายในใจอยู่สองแห่ง สองแห่งนี้หนูเล็กมุ่งมั่นมากว่าจะต้องไปเยือนให้ได้
ว่าแล้วเริ่มออกเดินทางกันเลยดีกว่า จะได้รู้ว่าเป้าหมายของหนูเล็กคือที่ไหนกัน
ริมทางสวยๆ
อดแวะเก็บภาพไม่ได้เลย
จากที่พักเราโดยสารรถไฟใต้ดินไปลงยังสถานี Nezu จากสถานีออก Exit 1
ออกเดินทางในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนเลยต้องเจอแบบนี้
และแบบนี้
ออกมาแล้วจะเจอป้ายนี้ค่ะ
จากนั้นเดินเท้าไปตามป้าย Nezujinja Shrine ประมาณ 450 เมตร เดินตามป้ายได้เลยไม่ต้องยุ่งยากอะไร
สักพักก็จะเจอประตูทางเข้าที่มีเสาโทริอิขนาดใหญ่
วันนี้เรามาเริ่มต้นทริปกันที่ศาลเจ้าเนซุ (Nezu Shrine) เป็นศาลเจ้าในลัทธิชินโตแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในโตเกียว
ซึ่งยังไม่เป็นที่ฮิตมากนักในหมู่นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวไทย ทางเข้าที่เรามาถึงเป็นประตูทางทิศใต้
เดินเข้าไปด้านในกันเลยค่ะ
สภาพแวดล้อมในศาลเจ้าเนซุนั้น ค่อนข้างกว้างขวาง รายล้อมไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพันธุ์
ทำให้ภายในศาลเจ้าแห่งนี้มีความร่มรื่นมาก
สาเหตุที่หนูเล็กอยากมาที่นี่ก็เพราะระหว่างวันที่ 11 เมษายน – 6 พฤษภาคม เป็นช่วงที่เขาจัดงาน Nezu Shrine Azalea Festival
ก็ที่นี่มีสวนดอกอาซาเลีย (Azalea) ซึ่งจะออกดอกทุกปีในช่วงกลางเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม
พวกเรามากันในวันที่งานหมดลงไปได้สามวัน แต่ก็คิดว่ายังไงคงได้มีโอกาสเห็นความงามของดอกอาซาเลียหลากสีแบบที่ได้เห็นในเว็บที่แนะนำ
นี่เลยค่ะ สาเหตุที่หนูเล็กอยากจะมา (ขอบคุณภาพจาก TravelByMyself.com)
และนี่คือสิ่งที่ปรากฏต่อสายตา
ปีนี้ดอกอาซาเลียไม่มากอย่างที่หวัง
มีแต่สีเขียวเต็มไปหมด
ไม่ค่อยงามนัก แม้ว่าเราจะมาหลังหมดงานเทศกาลไม่กี่วันก็ตาม
ดอกไม้ดูเหมือนบานไม่เต็มที่อย่างที่เคยเป็น
สาเหตุน่าจะเป็นเพราะปีนี้อากาศเปลี่ยนแปลงไปมาก
เมื่อหมดงานเขาจะไม่มีการเก็บค่าเข้าชมราคา 200 เยน ทำให้เขาปิดพื้นที่ส่วนของสวนไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินเข้าไปชมความงามแบบใกล้ๆ
หนูเล็กจึงได้แต่เก็บภาพที่ด้านนอกรั้วแบบไกลๆ แค่พอหายอยากเท่านั้นเอง
เสาโทริอิให้เดินขึ้นเขาไปเล็กน้อย
เรียงรายกันคล้ายเสาโทริอิชื่อดังที่ศาลเจ้า Fushimi-inari ที่เกียวโต
เดินมาสุดทางจะเป็นศาลเจ้า
ที่ศาลเจ้ามีกระดิ่งให้สั่นขอพรและแท่นบูชาที่มีไว้สักการะขอพร ตามธรรมเนียมคนญี่ปุ่นนั้นเขานิยมใช้เหรียญ 5 เยนในการขอพร
เพราะเชื่อว่าสิ่งที่ไม่ดีจะรอดผ่านช่องของเหรียญออกไปและพัดพาเอาสิ่งดีๆ กลับเข้ามาให้
พวกเรานั่งเก็บบรรยากาศเงียบสงบภายในศาลเจ้าเพื่อให้เกิดความสุขสงบให้แก่จิตใจกันสักพัก
ก็พากันเดินเท้าไปยังจุดหมายที่ไม่ไกลจากที่นี่
จากศาลเจ้าเนซุ เดินออกประตูเดิมแต่ไม่กลับทางที่มา เลี้ยวไปทางขวาเดินขึ้นเนินไปเล็กน้อยจะมีถนนนำพาเราไปสู่มหาวิทยาลัยโตเกียว
หลังจากเดินเลาะรั้วของอาณาเขตอันกว้างใหญ่ของมหาวิทยาลัยจนออกมายังถนนด้านหน้าทางเข้า
ถึงล่ะ มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของเอเชีย
สมแล้วที่เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ ดูตึกเก่าแก่มาก
ปัญหาถัดไปที่เราต้องขบคิดคือ การไปยังคณะเกษตร มันจะอยู่ตรงไหนนะนี่
ระหว่างที่หนูเล็กกับพี่ใหญ่กำลังหาคนที่เราพอจะถามได้บ้าง พี่ใหญ่ก็หันไปเห็นสิ่งที่เราตามหา
นี่ล่ะค่ะเป้าหมายของเรา ศาตราจารย์อูเอะโนะกับฮาจิโกะ
รูปปั้นฮาจิโกะพร้อมศาสตราจารย์อุเอะโนะ ที่เราดั้นด้นเดินทางมาหาปรากฏอยู่ตรงหน้านี้แล้ว
จริงๆ หาไม่ได้ยากเลยเพราะเมื่อเดินเข้าประตูทางเข้ามหาวิทยาลัยด้านที่ติดสถานีรถไฟใต้ดิน Todaimae ของสาย Namboku Line ก็เจอเลย
ภารกิจนี้นับว่าทำให้หนูเล็กคลายความผิดหวังจากภารกิจเมื่อสักครู่ได้ทั้งหมดเลยจริง จริ๊ง
การรอคอยอันยาวนานถึง 80 ปีได้สิ้นสุดลงแล้ว
ตำนานของฮาจิโกะไม่เพียงแต่ครองใจชาวญี่ปุ่น แต่ครองใจคนทั้งโลกด้วย
เพราะได้มีการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์โดย Richard Gere รับบทเป็น ท่านศาตราจารย์อุเอะโนะ
แต่แปลงเนื้อเรื่องเป็นยุค 90's ถึง 2000's แทน เปลี่ยนจากเมืองโตเกียวเป็นเมืองบริสทอล ประเทศอังกฤษ
แต่สิ่งที่เหมือนกันคือยี่สิบนาทีสุดท้ายของเรื่องที่กระชากน้ำตาของคนรักหมาได้ทุกคน ใครดูสิบครั้งก็ร้องไห้ทั้งสิบครั้ง หนูเล็กก็เช่นกัน
เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2015 ที่ผ่านมา ฮาจิโกะ ได้พบกับท่านศาตราจารย์อุเอะโนะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
รูปปั้นที่เกิดจากการระดมเงินทุนทางอินเตอร์เน็ตได้นำมาตั้งไว้ในวันครบรอบวันตายของฮาจิโกะที่มหาวิทยาลัยโตเกียว
เมื่อมาเห็นหนูเล็กอดน้ำตารื้นกับเรื่องราวความรักความซื่อสัตย์ของฮาจิโกะอีกไม่ได้
ภาพเคลื่อนไหวที่เคยได้เห็นจากในภาพยนตร์ทำให้เก็บความรู้สึกเกินบรรยายไว้ได้จริงๆ
หลังจากยืนร่วมเป็นพยานรักระหว่างฮาจิโกะและศาสตราจารย์อุเอะโนะกันเป็นนาน ก็ได้เวลาที่เราจะต้องออกเดินทางไปที่อื่นกันต่อแล้ว
เป้าหมายถัดไปของเรา ไปชมสวนดอกไม้กันอีกสักสวนค่ะ
ออกเดินทางไปยังสวนอุเอะโนกัน
ถึงที่หมายแล้ว สวนด้านศาลเจ้าอุเอะโนะ โตโชกุ (Ueno Toshogu)
เข้าไปกันเลยดีกว่า
ประตูทางเข้าศาลเจ้าอุเอะโนะ โตโชกุ
ประตูทางเข้านี้ถือเป็นสมบัติสำคัญของชาติ เพราะหากแหงนดูที่ตรงใจกลางประตูนี้จะมีการสลักคำว่า “โตโชกุ” ไว้ด้วย
ทางซ้ายมือจะเป็นสวนดอกโบตั๋นที่เราตั้งใจจะมากัน แต่เพื่อความเป็นสิริมงคล เราเลือกที่จะเดินเข้าไปสักการะศาลเจ้าด้านในกันก่อนค่ะ
[CR] Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#ตอนจบ (My last day in Tokyo)
การเดินทางในช่วง Golden Week ของหนูเล็กและผองเพื่อนในดินแแดนอาทิตย์อุทัยอันยาวนานเดินทางมาถึงวันสุดท้ายแล้ว
พวกเราได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การเดินทางในช่วง Golden Week ที่ญี่ปุ่นไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
ถ้าเราเตรียมตัวมาดี ปรับแผนการเดินทางให้หลีกลี้ผู้คนบ้าง ก็สามารถเดินทางได้
และที่สำคัญ การเดินทางในช่วง Golden Week หรือราวปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม
ทำให้เราได้สัมผัสรสชาติอันหลากหลายของประเทศญี่ปุ่น ไม่ใช่แค่เพียงหิมะ หรือดอกไม้ หรือใบไม้แดง อย่างใดอย่างหนึ่ง
แต่ทริปนี้ของหนูเล็กพาไปพบจนครบถ้วน ใครจะลอกเลียนแบบแผนการเดินทางตรงไหนก็จัดไปได้เลยค่ะ
ใครเพิ่งเปิดมาอ่านกระทู้นี้ ย้อนไปอ่านกระทู้ก่อนหน้าที่ต่อเนื่องมาหลายตอนก่อนก็ได้ค่ะ
ตอนที่ 1 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#1 (Kawaguchiko-Shibazakura)
http://ppantip.com/topic/34282313
ตอนที่ 2 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#2 (Drive to Karuizawa)
http://ppantip.com/topic/34286017
ตอนที่ 3 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#3 (สู่ Nagano ไป Zenkoji)
http://ppantip.com/topic/34296887
ตอนที่ 4 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#4 (Snow Monkey Park)
http://ppantip.com/topic/34306512
ตอนที่ 5 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#5 (Japan Alps - Snow Wall)
http://ppantip.com/topic/34324694
ตอนที่ 6 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#6 (Matsumoto Castle - Shirakawago)
http://ppantip.com/topic/34327452
ตอนที่ 7 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#7 (Silent day in Shirakawago -Takayama)
http://ppantip.com/topic/34334040
ตอนที่ 8 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#8 (Ancient time in Naraijuku)
http://ppantip.com/topic/34346381
ตอนที่ 9 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#9 (Bye Bye Fuji-san)
http://ppantip.com/topic/34354619
ตอนที่ 10 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#10 (Beautiful Wisteria at Ashikaga Flower Park)
http://ppantip.com/topic/34366849
ปอลิง : เลขของแต่ละตอนที่หัวกระทู้จริงบางตอนมีผิดพลาด เดินทางหลายวันเกิน สับสนไปนิดค่ะ
วันสุดท้ายสำหรับทริปนี้แล้ว ไปกันต่อเลยดีกว่าค่ะ
วันนี้ถือเป็นวันสุดท้ายแบบเต็มๆ สำหรับการมาเยือนญี่ปุ่นรอบนี้ที่รวมๆ แล้วก็ราว 12 วัน
วันนี้มีแผนเก็บตกสถานที่ท่องเที่ยวแบบชิลล์ๆ เน้นสถานที่ที่ยังไม่เคยไปเป็นหลัก
เพราะหนูเล็กกับพี่ใหญ่มาญี่ปุ่นหลายรอบและก็จะมีที่ไปที่ซ้ำๆ อยู่บางที่ คราวนี้เอาที่แปลกๆ ออกไปบ้าง
เช้านี้เราใช้แผนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวกันก่อน เรื่องของเรื่องคือตั้งใจจะเดินทางไปบริเวณมหาวิทยาลัยโตเกียว
เพราะมีเป้าหมายในใจอยู่สองแห่ง สองแห่งนี้หนูเล็กมุ่งมั่นมากว่าจะต้องไปเยือนให้ได้
ว่าแล้วเริ่มออกเดินทางกันเลยดีกว่า จะได้รู้ว่าเป้าหมายของหนูเล็กคือที่ไหนกัน
ริมทางสวยๆ
อดแวะเก็บภาพไม่ได้เลย
จากที่พักเราโดยสารรถไฟใต้ดินไปลงยังสถานี Nezu จากสถานีออก Exit 1
ออกเดินทางในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนเลยต้องเจอแบบนี้
และแบบนี้
ออกมาแล้วจะเจอป้ายนี้ค่ะ
จากนั้นเดินเท้าไปตามป้าย Nezujinja Shrine ประมาณ 450 เมตร เดินตามป้ายได้เลยไม่ต้องยุ่งยากอะไร
สักพักก็จะเจอประตูทางเข้าที่มีเสาโทริอิขนาดใหญ่
วันนี้เรามาเริ่มต้นทริปกันที่ศาลเจ้าเนซุ (Nezu Shrine) เป็นศาลเจ้าในลัทธิชินโตแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในโตเกียว
ซึ่งยังไม่เป็นที่ฮิตมากนักในหมู่นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวไทย ทางเข้าที่เรามาถึงเป็นประตูทางทิศใต้
เดินเข้าไปด้านในกันเลยค่ะ
สภาพแวดล้อมในศาลเจ้าเนซุนั้น ค่อนข้างกว้างขวาง รายล้อมไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพันธุ์
ทำให้ภายในศาลเจ้าแห่งนี้มีความร่มรื่นมาก
สาเหตุที่หนูเล็กอยากมาที่นี่ก็เพราะระหว่างวันที่ 11 เมษายน – 6 พฤษภาคม เป็นช่วงที่เขาจัดงาน Nezu Shrine Azalea Festival
ก็ที่นี่มีสวนดอกอาซาเลีย (Azalea) ซึ่งจะออกดอกทุกปีในช่วงกลางเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม
พวกเรามากันในวันที่งานหมดลงไปได้สามวัน แต่ก็คิดว่ายังไงคงได้มีโอกาสเห็นความงามของดอกอาซาเลียหลากสีแบบที่ได้เห็นในเว็บที่แนะนำ
นี่เลยค่ะ สาเหตุที่หนูเล็กอยากจะมา (ขอบคุณภาพจาก TravelByMyself.com)
และนี่คือสิ่งที่ปรากฏต่อสายตา
ปีนี้ดอกอาซาเลียไม่มากอย่างที่หวัง
มีแต่สีเขียวเต็มไปหมด
ไม่ค่อยงามนัก แม้ว่าเราจะมาหลังหมดงานเทศกาลไม่กี่วันก็ตาม
ดอกไม้ดูเหมือนบานไม่เต็มที่อย่างที่เคยเป็น
สาเหตุน่าจะเป็นเพราะปีนี้อากาศเปลี่ยนแปลงไปมาก
เมื่อหมดงานเขาจะไม่มีการเก็บค่าเข้าชมราคา 200 เยน ทำให้เขาปิดพื้นที่ส่วนของสวนไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินเข้าไปชมความงามแบบใกล้ๆ
หนูเล็กจึงได้แต่เก็บภาพที่ด้านนอกรั้วแบบไกลๆ แค่พอหายอยากเท่านั้นเอง
เสาโทริอิให้เดินขึ้นเขาไปเล็กน้อย
เรียงรายกันคล้ายเสาโทริอิชื่อดังที่ศาลเจ้า Fushimi-inari ที่เกียวโต
เดินมาสุดทางจะเป็นศาลเจ้า
ที่ศาลเจ้ามีกระดิ่งให้สั่นขอพรและแท่นบูชาที่มีไว้สักการะขอพร ตามธรรมเนียมคนญี่ปุ่นนั้นเขานิยมใช้เหรียญ 5 เยนในการขอพร
เพราะเชื่อว่าสิ่งที่ไม่ดีจะรอดผ่านช่องของเหรียญออกไปและพัดพาเอาสิ่งดีๆ กลับเข้ามาให้
พวกเรานั่งเก็บบรรยากาศเงียบสงบภายในศาลเจ้าเพื่อให้เกิดความสุขสงบให้แก่จิตใจกันสักพัก
ก็พากันเดินเท้าไปยังจุดหมายที่ไม่ไกลจากที่นี่
จากศาลเจ้าเนซุ เดินออกประตูเดิมแต่ไม่กลับทางที่มา เลี้ยวไปทางขวาเดินขึ้นเนินไปเล็กน้อยจะมีถนนนำพาเราไปสู่มหาวิทยาลัยโตเกียว
หลังจากเดินเลาะรั้วของอาณาเขตอันกว้างใหญ่ของมหาวิทยาลัยจนออกมายังถนนด้านหน้าทางเข้า
ถึงล่ะ มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของเอเชีย
สมแล้วที่เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ ดูตึกเก่าแก่มาก
ปัญหาถัดไปที่เราต้องขบคิดคือ การไปยังคณะเกษตร มันจะอยู่ตรงไหนนะนี่
ระหว่างที่หนูเล็กกับพี่ใหญ่กำลังหาคนที่เราพอจะถามได้บ้าง พี่ใหญ่ก็หันไปเห็นสิ่งที่เราตามหา
นี่ล่ะค่ะเป้าหมายของเรา ศาตราจารย์อูเอะโนะกับฮาจิโกะ
รูปปั้นฮาจิโกะพร้อมศาสตราจารย์อุเอะโนะ ที่เราดั้นด้นเดินทางมาหาปรากฏอยู่ตรงหน้านี้แล้ว
จริงๆ หาไม่ได้ยากเลยเพราะเมื่อเดินเข้าประตูทางเข้ามหาวิทยาลัยด้านที่ติดสถานีรถไฟใต้ดิน Todaimae ของสาย Namboku Line ก็เจอเลย
ภารกิจนี้นับว่าทำให้หนูเล็กคลายความผิดหวังจากภารกิจเมื่อสักครู่ได้ทั้งหมดเลยจริง จริ๊ง
การรอคอยอันยาวนานถึง 80 ปีได้สิ้นสุดลงแล้ว
ตำนานของฮาจิโกะไม่เพียงแต่ครองใจชาวญี่ปุ่น แต่ครองใจคนทั้งโลกด้วย
เพราะได้มีการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์โดย Richard Gere รับบทเป็น ท่านศาตราจารย์อุเอะโนะ
แต่แปลงเนื้อเรื่องเป็นยุค 90's ถึง 2000's แทน เปลี่ยนจากเมืองโตเกียวเป็นเมืองบริสทอล ประเทศอังกฤษ
แต่สิ่งที่เหมือนกันคือยี่สิบนาทีสุดท้ายของเรื่องที่กระชากน้ำตาของคนรักหมาได้ทุกคน ใครดูสิบครั้งก็ร้องไห้ทั้งสิบครั้ง หนูเล็กก็เช่นกัน
เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2015 ที่ผ่านมา ฮาจิโกะ ได้พบกับท่านศาตราจารย์อุเอะโนะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
รูปปั้นที่เกิดจากการระดมเงินทุนทางอินเตอร์เน็ตได้นำมาตั้งไว้ในวันครบรอบวันตายของฮาจิโกะที่มหาวิทยาลัยโตเกียว
เมื่อมาเห็นหนูเล็กอดน้ำตารื้นกับเรื่องราวความรักความซื่อสัตย์ของฮาจิโกะอีกไม่ได้
ภาพเคลื่อนไหวที่เคยได้เห็นจากในภาพยนตร์ทำให้เก็บความรู้สึกเกินบรรยายไว้ได้จริงๆ
หลังจากยืนร่วมเป็นพยานรักระหว่างฮาจิโกะและศาสตราจารย์อุเอะโนะกันเป็นนาน ก็ได้เวลาที่เราจะต้องออกเดินทางไปที่อื่นกันต่อแล้ว
เป้าหมายถัดไปของเรา ไปชมสวนดอกไม้กันอีกสักสวนค่ะ ออกเดินทางไปยังสวนอุเอะโนกัน
ถึงที่หมายแล้ว สวนด้านศาลเจ้าอุเอะโนะ โตโชกุ (Ueno Toshogu)
เข้าไปกันเลยดีกว่า
ประตูทางเข้าศาลเจ้าอุเอะโนะ โตโชกุ
ประตูทางเข้านี้ถือเป็นสมบัติสำคัญของชาติ เพราะหากแหงนดูที่ตรงใจกลางประตูนี้จะมีการสลักคำว่า “โตโชกุ” ไว้ด้วย
ทางซ้ายมือจะเป็นสวนดอกโบตั๋นที่เราตั้งใจจะมากัน แต่เพื่อความเป็นสิริมงคล เราเลือกที่จะเดินเข้าไปสักการะศาลเจ้าด้านในกันก่อนค่ะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น