วันนี้เป็นวันที่หนูเล็กจะต้องนำรถไปคืนแล้ว จากนี้ไปเราจะเที่ยวกันแบบไม่มีรถกันแล้ว
แต่เดี๋ยวก่อน !!! ก่อนจะคืนรถขอใช้บริการกันจนวินาทีสุดท้ายเลยทีเดียวเชียว มาตามกันต่อค่ะว่าวันนี้เราจะไปไหนกันได้อีก
ใครเพิ่งมาเปิดอ่านบันทึกการเดินทางตอนนี้ สามารถย้อนไปอ่านตอนก่อนหน้าได้ค่ะ
ตอนที่ 1 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#1 (Kawaguchiko-Shibazakura)
http://ppantip.com/topic/34282313
ตอนที่ 2 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#2 (Drive to Karuizawa)
http://ppantip.com/topic/34286017
ตอนที่ 3 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#3 (สู่ Nagano ไป Zenkoji)
http://ppantip.com/topic/34296887
ตอนที่ 4 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#4 (Snow Monkey Park)
http://ppantip.com/topic/34306512
ตอนที่ 5 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#5 (Japan Alps - Snow Wall)
http://ppantip.com/topic/34324694
ตอนที่ 6 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#6 (Matsumoto Castle - Shirakawago)
http://ppantip.com/topic/34327452
ตอนที่ 7 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#7 (Silent day in Shirakawago -Takayama)
http://ppantip.com/topic/34334040
ตอนที่ 8 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#8 (Ancient time in Naraijuku)
http://ppantip.com/topic/34346381
ถ้าพร้อมแล้ว ไปกันต่อเลยค่ะ
กำหนดส่งคืนรถเรานัดไว้ที่สิบเอ็ดโมงเช้า จริงๆ ถ้าจะให้ไม่มีเศษของชั่วโมงให้ต้องเสียเงินเพิ่ม เราก็ต้องคืนเวลาเดียวกันกับที่นัดรับรถคือเก้าโมงเช้า
ซึ่งเราไม่แน่ใจเลยว่าจะทำได้สำเร็จ ก็เลยยอมเสียค่าเช่าเพิ่มอีกสองชั่วโมง เพราะขนาดนี้พวกเรายังต้องรีบตื่นตั้งแต่ตีสี่ เพื่อจะได้รีบออกเดินทางแต่เช้าจะว่าไปไม่ต้องโทษใครเพราะเราเองก็ไม่ยอมที่จะเสียค่าทางด่วนก็เลยต้องยอมตื่นเช้าและเริ่มออกเดินทางตั้งแต่ฟ้ายังมืด
การเดินทางจาก Matsumoto สู่ปลายทางที่ Kawaguchiko ค่อนข้างไกล ระยะทางประมาณ 140 กิโลเมตร (อย่าลืมว่าความเร็ว 50 กม./ชม.ค่ะ)
แต่เพราะเราออกแต่เช้าทำให้ถนนโล่ง รถน้อยมาก
หนูเล็กตั้ง GPS ไว้ที่ป้ายสุดท้ายของ Retro bus คือป้ายที่ 21 Kawaguchiko Shizen Seikatsukan
ปราศจากรถและผู้คน
เพื่อจะได้ทำเวลาได้อย่างที่ต้องการ พลขับของเราก็แอบมั่วๆ ขับเกินลิมิตที่เขากำหนดไปบ้างบางช่วง
เช้าวันนี้แม้ว่าทิวทัศน์จะชวนมอง แต่ดูเหมือนอาการง่วงเหงาหาวนอนของสมาชิกยังไม่สร่างซา
บรรยากาศในรถเงียบ คนนั่งก็งีบ ปล่อยให้สารถีและหนูเล็กผู้ทำหน้าที่เป็น navigator นำพาพวกเราบุกตะลุยไปลำพังเกือบตลอดทาง
ไม่นานนักภาพภูเขาขนาดมหึมาก็ค่อยๆ เข้ามาอยู่ในสายตา เราเข้าใกล้เป้าหมายมาทุกทีแล้ว
ถึงแล้วค่ะ
เมื่อไปถึงเราเอารถไปจอดที่ลานจอดรถ ภาพตรงหน้าทำเอาแทบไม่อยากละสายตาเอาเลย
เช้านี้ งามฝุดๆ
ป้ายที่ 21 Kawaguchiko Shizen Seikatsukan เป็นจุดที่เราสามารถชมภูเขาไฟฟูจิได้โดยไม่มีอะไรมาบดบัง
และสามารถเดินเที่ยวเล่นไปจนถึง Oishi Park ด้วย การมาเที่ยวที่นี่เขาแนะนำว่าควรไปก่อนเที่ยงเพื่อให้ถ่ายรูปออกมาไม่ย้อนแสง
จากมุมนี้จะสามารถเห็นภูเขาไฟฟูจิได้เต็มที่อย่างที่เขาว่าไว้จริงๆ ครั้งก่อนๆ ที่หนูเล็กมาเจอฝนกระหน่ำเสียจนลงจากรถไม่ได้ มองอะไรก็ไม่เห็น
คราวนี้ขอชื่นชมแบบเต็มๆ ตาสักครั้งแล้วกัน
ภูเขาไฟฟูจิแบบจำลองทำด้วยหิน
การได้นั่งจิบกาแฟร้อนๆ พร้อมกับอาหารเช้าเบาๆ โดยมีภูเขาไฟฟูจิตัวเป็นๆ อยู่ตรงหน้า มันช่างเป็นความสุนทรีย์ในอารมณ์เสียนี่กระไร
หลังจิบกาแฟก็เดินสำรวจบริเวณนั้นที่เขาจัดสวนไม้ดอกไม้ประดับไว้งดงามอร่ามตา
ประดับด้วยดอก shibazakura สีสันสดใส
ความงามราวภาพวาดเล่นเอาแทบสำลักความสุขกันเลยทีเดียว
อาจเป็นเพราะเริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ อากาศอุ่นขึ้น หิมะที่ด้านบนก็น้อยไปเยอะจนดูเหมือนเจ้าฟูจิซังลืมสวมหมวก
แต่ก็ไม่เป็นไร ได้มีโอกาสเห็นแบบเต็มๆ ตาอย่างชาวบ้านเขาบ้างเท่านี้ก็ดีใจแย่แล้ว
สวย สง่าในทุกมุมมอง
ลองมาดูอีกมุมกันบ้าง
ไม่ว่าจะมุมไหน เห็นแล้วก็ชวนฝันทั้งนั้นเลย
เสียดายที่มีลม ไม่เช่นนั้นคงได้เงาสะท้อนที่งามกว่านี้เป็นแน่
เมื่อพวกเราเก็บบรรยากาศกันจนพอใจ หนูเล็กก็ตั้ง GPS ปลายทางจุดหมายใหม่ นั่นคือ หมู่บ้านน้ำใส Oshino Hakkai
ยังคงอยู่ในสายตาของเราไปตลอดทาง
ถนนไต่ระดับขึ้นเขาไป และแล้ว เราก็จำเป็นต้องจอดรถข้างทางโดยพลัน
ภาพอำลาของเจ้าโตโยต้า วิทซ์กับฟูจิซัง
อยากจะเก็บไว้ทุกมุมมอง
หลังจากจอดเก็บภาพฟูจิซังริมทางแล้ว เราก็เดินทางสู่หมู่บ้านน้ำใสกันเสียที
หมู่บ้านน้ำใส ซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านที่ไม่ไกลจากทะเลสาบ Yamanakako มากนัก
ดูเหมือนเราจะมาถึงเช้าเกินไป ถ้าจะพูดจริงๆ ก็ดีตรงที่นักท่องเที่ยวยังน้อย
แต่ร้านค้าและร้านขายของที่ระลึก เหมือนเพิ่งเปิดให้บริการ
แต่ก็ไม่เป็นไรเราก็ไม่ได้ตั้งใจจะซื้ออะไรกันมากมายไปกว่าการได้มาชื่นชมความงามและความมหัศจรรย์ของบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งหมู่บ้านน้ำใส
เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ในบริเวณทะเลสาบทั้ง 5 แห่งของภูเขาไฟฟูจิ ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบ Kawaguchiko และ Yamanakako
น้ำในบ่อใสราวกับกระจก
หมู่บ้านนี้จะมีน้ำอยู่ทั้งหมด 8 บ่อ น้ำที่อยู่ในแต่ละบ่อมาจากการละลายของหิมะโดยรอบภูเขาไฟฟูจิซึมผ่านชั้นของลาวาที่เป็นรูพรุน
เป็นเช่นนี้มากว่า 80 ปีแล้ว ทำให้น้ำในบ่อนั้นใสมาก โดยได้รับการจัดลำดับเป็นแหล่งน้ำที่ดีหนึ่งในร้อยแห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น
เพราะมีความสมบูรณ์ทั้งด้านคุณภาพ ปริมาณ ประกอบกับทัศนียภาพของหมู่บ้านและบริเวณโดยรอบเพราะสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้เต็มตา
น้ำในบ่อแต่ละบ่อใสมากแม้ว่าบ่อน้ำจะมีความลึกพอสมควร แต่ละบ่อจะมีความลึกแตกต่างกัน 8 เมตรบ้าง 10 เมตรบ้าง
แต่ความใสของน้ำทำให้เรามองเห็นปลาที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำอย่างมีความสุข ต้นไม้น้ำที่พริ้วไหวไปตามแรงกระเพื่อม
สามารถเห็นปลาได้ชัดเจน
มีความเชื่อกันว่าน้ำในบ่อนั้นเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ เพราะชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อเกี่ยวกับภูเขาไฟฟูจิว่าเป็นที่สถิตย์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ผู้คนจึงพากันเดินทางมาขอพร และยังเชื่ออีกว่าน้ำแต่ละบ่อจะให้ผลสัมฤทธิ์ในเรื่องต่างๆกัน เช่น สุขภาพ คู่ครอง การเงินฯลฯ
และอาจเป็นเพราะความเชื่อถึงความศักดิ์สิทธิ์จึงทำให้มองเห็นเหรียญที่นักท่องเที่ยวอธิษฐานและโยนลงไปที่ก้นบ่อ
ความใสของน้ำทำให้เราสามารถมองเห็นได้ลึกถึงเพียงนี้เลยทีเดียว
บ่อหลักซึ่งมีความลึกถึง 10 เมตร
สำหรับบ่อหลักจะเป็นบ่อกลมที่นักท่องเที่ยวจะต้องเดินผ่านร้านขายของที่ระลึกก่อนแล้วจึงจะไปถึงบริเวณนั้น
ความงดงามของน้ำใสๆ ทัศนียภาพของหมู่บ้านที่สวยงามหมดจดกับภูเขาไฟฟูจิขนาดมหึมาที่เด่นเป็นสง่า เห็นได้ชัดเจนจากหมู่บ้าน
นี่อาจเป็นเสน่ห์หนึ่งที่ทำให้ใครๆ ก็อยากมาเยี่ยมเยือน
เห็นต้นไม้น้ำที่ก้นบ่อได้ชัดเจน
ปลาแหวกว่ายอย่างมีความสุข
ลองไปเดินดูของที่ระลึกกันค่ะ
โมจิปิ้งกลิ่นหอมกรุ่น
หากเดินผ่านร้านขายของที่ระลึกจะมีทางออกไปสู่เกาะกลางบ่อ
ดูปลากันแบบชัดๆ เลยค่ะ
น่าอิจฉาพวกมันจริงๆ เลย
ศาลเจ้าเล็กๆ ให้สักการะ
บรรยากาศทั่วไปร่มรื่นดีจริงๆ
ที่นี่คงเป็นที่ท่องเที่ยวสุดท้ายสำหรับพวกเราในยามที่มีรถ หมดเวลาการผจญภัยแบบนี้กันจริงๆ แล้ว
เราขับรถย้อนกลับไปยังสถานีรถไฟ Kawaguchiko อย่างไว เพราะใกล้เวลานัดหมายคืนรถแล้ว
และชาวญี่ปุ่นก็เป็นนักตรงเวลากันด้วย อย่าช้า ไปอย่างด่วนเลย........
หลังจากคืนรถที่บริษัท ณ จุดที่เช่ามาคือที่สถานีรถไฟ Kawaguchiko ตรวจความเรียบร้อยกันแล้ว ไม่มีอะไรเสียหาย จ่ายเพิ่มใด ๆ
เราก็ไปซื้อตั๋วรถบัสเพื่อกลับสู่ Shinjuku แบบเดียวกับขามากันในบัดดล ซึ่งเคาน์เตอร์จำหน่ายจะอยู่ในอาคารสถานีรถไฟ หาไม่ยาก
แต่เป็นที่น่าเสียดายที่เรามาช้าไปนิดเดียว ทำให้รถบัสปลายทาง Shinjuku เต็มแล้ว หากจะไปต้องรออีกเป็นชั่วโมง
เจ้าหน้าที่แจ้งว่าแต่หากไม่อยากรอก็จะมีรถบัสอีกสายหนึ่งที่ปลายทางคือ Shibuya
เอาน่ะ คงดีกว่าที่จะต้องรอให้เวลาผ่านไปโดยที่ไม่ทำอะไรเลย จาก shiubuya ไปที่พักคงไม่มีอะไรยากหรอก
โอเค ไปไหนไปกัน มาถึงขนาดนี้แล้ว
[CR] Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#9 (Bye Bye Fuji-san)
วันนี้เป็นวันที่หนูเล็กจะต้องนำรถไปคืนแล้ว จากนี้ไปเราจะเที่ยวกันแบบไม่มีรถกันแล้ว
แต่เดี๋ยวก่อน !!! ก่อนจะคืนรถขอใช้บริการกันจนวินาทีสุดท้ายเลยทีเดียวเชียว มาตามกันต่อค่ะว่าวันนี้เราจะไปไหนกันได้อีก
ใครเพิ่งมาเปิดอ่านบันทึกการเดินทางตอนนี้ สามารถย้อนไปอ่านตอนก่อนหน้าได้ค่ะ
ตอนที่ 1 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#1 (Kawaguchiko-Shibazakura)
http://ppantip.com/topic/34282313
ตอนที่ 2 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#2 (Drive to Karuizawa)
http://ppantip.com/topic/34286017
ตอนที่ 3 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#3 (สู่ Nagano ไป Zenkoji)
http://ppantip.com/topic/34296887
ตอนที่ 4 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#4 (Snow Monkey Park)
http://ppantip.com/topic/34306512
ตอนที่ 5 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#5 (Japan Alps - Snow Wall)
http://ppantip.com/topic/34324694
ตอนที่ 6 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#6 (Matsumoto Castle - Shirakawago)
http://ppantip.com/topic/34327452
ตอนที่ 7 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#7 (Silent day in Shirakawago -Takayama)
http://ppantip.com/topic/34334040
ตอนที่ 8 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#8 (Ancient time in Naraijuku)
http://ppantip.com/topic/34346381
ถ้าพร้อมแล้ว ไปกันต่อเลยค่ะ
กำหนดส่งคืนรถเรานัดไว้ที่สิบเอ็ดโมงเช้า จริงๆ ถ้าจะให้ไม่มีเศษของชั่วโมงให้ต้องเสียเงินเพิ่ม เราก็ต้องคืนเวลาเดียวกันกับที่นัดรับรถคือเก้าโมงเช้า
ซึ่งเราไม่แน่ใจเลยว่าจะทำได้สำเร็จ ก็เลยยอมเสียค่าเช่าเพิ่มอีกสองชั่วโมง เพราะขนาดนี้พวกเรายังต้องรีบตื่นตั้งแต่ตีสี่ เพื่อจะได้รีบออกเดินทางแต่เช้าจะว่าไปไม่ต้องโทษใครเพราะเราเองก็ไม่ยอมที่จะเสียค่าทางด่วนก็เลยต้องยอมตื่นเช้าและเริ่มออกเดินทางตั้งแต่ฟ้ายังมืด
การเดินทางจาก Matsumoto สู่ปลายทางที่ Kawaguchiko ค่อนข้างไกล ระยะทางประมาณ 140 กิโลเมตร (อย่าลืมว่าความเร็ว 50 กม./ชม.ค่ะ)
แต่เพราะเราออกแต่เช้าทำให้ถนนโล่ง รถน้อยมาก
หนูเล็กตั้ง GPS ไว้ที่ป้ายสุดท้ายของ Retro bus คือป้ายที่ 21 Kawaguchiko Shizen Seikatsukan
ปราศจากรถและผู้คน
เพื่อจะได้ทำเวลาได้อย่างที่ต้องการ พลขับของเราก็แอบมั่วๆ ขับเกินลิมิตที่เขากำหนดไปบ้างบางช่วง
เช้าวันนี้แม้ว่าทิวทัศน์จะชวนมอง แต่ดูเหมือนอาการง่วงเหงาหาวนอนของสมาชิกยังไม่สร่างซา
บรรยากาศในรถเงียบ คนนั่งก็งีบ ปล่อยให้สารถีและหนูเล็กผู้ทำหน้าที่เป็น navigator นำพาพวกเราบุกตะลุยไปลำพังเกือบตลอดทาง
ไม่นานนักภาพภูเขาขนาดมหึมาก็ค่อยๆ เข้ามาอยู่ในสายตา เราเข้าใกล้เป้าหมายมาทุกทีแล้ว
ถึงแล้วค่ะ
เมื่อไปถึงเราเอารถไปจอดที่ลานจอดรถ ภาพตรงหน้าทำเอาแทบไม่อยากละสายตาเอาเลย
เช้านี้ งามฝุดๆ
ป้ายที่ 21 Kawaguchiko Shizen Seikatsukan เป็นจุดที่เราสามารถชมภูเขาไฟฟูจิได้โดยไม่มีอะไรมาบดบัง
และสามารถเดินเที่ยวเล่นไปจนถึง Oishi Park ด้วย การมาเที่ยวที่นี่เขาแนะนำว่าควรไปก่อนเที่ยงเพื่อให้ถ่ายรูปออกมาไม่ย้อนแสง
จากมุมนี้จะสามารถเห็นภูเขาไฟฟูจิได้เต็มที่อย่างที่เขาว่าไว้จริงๆ ครั้งก่อนๆ ที่หนูเล็กมาเจอฝนกระหน่ำเสียจนลงจากรถไม่ได้ มองอะไรก็ไม่เห็น
คราวนี้ขอชื่นชมแบบเต็มๆ ตาสักครั้งแล้วกัน
ภูเขาไฟฟูจิแบบจำลองทำด้วยหิน
การได้นั่งจิบกาแฟร้อนๆ พร้อมกับอาหารเช้าเบาๆ โดยมีภูเขาไฟฟูจิตัวเป็นๆ อยู่ตรงหน้า มันช่างเป็นความสุนทรีย์ในอารมณ์เสียนี่กระไร
หลังจิบกาแฟก็เดินสำรวจบริเวณนั้นที่เขาจัดสวนไม้ดอกไม้ประดับไว้งดงามอร่ามตา
ประดับด้วยดอก shibazakura สีสันสดใส
ความงามราวภาพวาดเล่นเอาแทบสำลักความสุขกันเลยทีเดียว
อาจเป็นเพราะเริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ อากาศอุ่นขึ้น หิมะที่ด้านบนก็น้อยไปเยอะจนดูเหมือนเจ้าฟูจิซังลืมสวมหมวก
แต่ก็ไม่เป็นไร ได้มีโอกาสเห็นแบบเต็มๆ ตาอย่างชาวบ้านเขาบ้างเท่านี้ก็ดีใจแย่แล้ว
สวย สง่าในทุกมุมมอง
ลองมาดูอีกมุมกันบ้าง
ไม่ว่าจะมุมไหน เห็นแล้วก็ชวนฝันทั้งนั้นเลย
เสียดายที่มีลม ไม่เช่นนั้นคงได้เงาสะท้อนที่งามกว่านี้เป็นแน่
เมื่อพวกเราเก็บบรรยากาศกันจนพอใจ หนูเล็กก็ตั้ง GPS ปลายทางจุดหมายใหม่ นั่นคือ หมู่บ้านน้ำใส Oshino Hakkai
ยังคงอยู่ในสายตาของเราไปตลอดทาง
ถนนไต่ระดับขึ้นเขาไป และแล้ว เราก็จำเป็นต้องจอดรถข้างทางโดยพลัน
ภาพอำลาของเจ้าโตโยต้า วิทซ์กับฟูจิซัง
อยากจะเก็บไว้ทุกมุมมอง
หลังจากจอดเก็บภาพฟูจิซังริมทางแล้ว เราก็เดินทางสู่หมู่บ้านน้ำใสกันเสียที
หมู่บ้านน้ำใส ซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านที่ไม่ไกลจากทะเลสาบ Yamanakako มากนัก
ดูเหมือนเราจะมาถึงเช้าเกินไป ถ้าจะพูดจริงๆ ก็ดีตรงที่นักท่องเที่ยวยังน้อย
แต่ร้านค้าและร้านขายของที่ระลึก เหมือนเพิ่งเปิดให้บริการ
แต่ก็ไม่เป็นไรเราก็ไม่ได้ตั้งใจจะซื้ออะไรกันมากมายไปกว่าการได้มาชื่นชมความงามและความมหัศจรรย์ของบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งหมู่บ้านน้ำใส
เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ในบริเวณทะเลสาบทั้ง 5 แห่งของภูเขาไฟฟูจิ ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบ Kawaguchiko และ Yamanakako
น้ำในบ่อใสราวกับกระจก
หมู่บ้านนี้จะมีน้ำอยู่ทั้งหมด 8 บ่อ น้ำที่อยู่ในแต่ละบ่อมาจากการละลายของหิมะโดยรอบภูเขาไฟฟูจิซึมผ่านชั้นของลาวาที่เป็นรูพรุน
เป็นเช่นนี้มากว่า 80 ปีแล้ว ทำให้น้ำในบ่อนั้นใสมาก โดยได้รับการจัดลำดับเป็นแหล่งน้ำที่ดีหนึ่งในร้อยแห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น
เพราะมีความสมบูรณ์ทั้งด้านคุณภาพ ปริมาณ ประกอบกับทัศนียภาพของหมู่บ้านและบริเวณโดยรอบเพราะสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้เต็มตา
น้ำในบ่อแต่ละบ่อใสมากแม้ว่าบ่อน้ำจะมีความลึกพอสมควร แต่ละบ่อจะมีความลึกแตกต่างกัน 8 เมตรบ้าง 10 เมตรบ้าง
แต่ความใสของน้ำทำให้เรามองเห็นปลาที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำอย่างมีความสุข ต้นไม้น้ำที่พริ้วไหวไปตามแรงกระเพื่อม
สามารถเห็นปลาได้ชัดเจน
มีความเชื่อกันว่าน้ำในบ่อนั้นเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ เพราะชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อเกี่ยวกับภูเขาไฟฟูจิว่าเป็นที่สถิตย์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ผู้คนจึงพากันเดินทางมาขอพร และยังเชื่ออีกว่าน้ำแต่ละบ่อจะให้ผลสัมฤทธิ์ในเรื่องต่างๆกัน เช่น สุขภาพ คู่ครอง การเงินฯลฯ
และอาจเป็นเพราะความเชื่อถึงความศักดิ์สิทธิ์จึงทำให้มองเห็นเหรียญที่นักท่องเที่ยวอธิษฐานและโยนลงไปที่ก้นบ่อ
ความใสของน้ำทำให้เราสามารถมองเห็นได้ลึกถึงเพียงนี้เลยทีเดียว
บ่อหลักซึ่งมีความลึกถึง 10 เมตร
สำหรับบ่อหลักจะเป็นบ่อกลมที่นักท่องเที่ยวจะต้องเดินผ่านร้านขายของที่ระลึกก่อนแล้วจึงจะไปถึงบริเวณนั้น
ความงดงามของน้ำใสๆ ทัศนียภาพของหมู่บ้านที่สวยงามหมดจดกับภูเขาไฟฟูจิขนาดมหึมาที่เด่นเป็นสง่า เห็นได้ชัดเจนจากหมู่บ้าน
นี่อาจเป็นเสน่ห์หนึ่งที่ทำให้ใครๆ ก็อยากมาเยี่ยมเยือน
เห็นต้นไม้น้ำที่ก้นบ่อได้ชัดเจน
ปลาแหวกว่ายอย่างมีความสุข
ลองไปเดินดูของที่ระลึกกันค่ะ
โมจิปิ้งกลิ่นหอมกรุ่น
หากเดินผ่านร้านขายของที่ระลึกจะมีทางออกไปสู่เกาะกลางบ่อ
ดูปลากันแบบชัดๆ เลยค่ะ
น่าอิจฉาพวกมันจริงๆ เลย
ศาลเจ้าเล็กๆ ให้สักการะ
บรรยากาศทั่วไปร่มรื่นดีจริงๆ
ที่นี่คงเป็นที่ท่องเที่ยวสุดท้ายสำหรับพวกเราในยามที่มีรถ หมดเวลาการผจญภัยแบบนี้กันจริงๆ แล้ว
เราขับรถย้อนกลับไปยังสถานีรถไฟ Kawaguchiko อย่างไว เพราะใกล้เวลานัดหมายคืนรถแล้ว
และชาวญี่ปุ่นก็เป็นนักตรงเวลากันด้วย อย่าช้า ไปอย่างด่วนเลย........
หลังจากคืนรถที่บริษัท ณ จุดที่เช่ามาคือที่สถานีรถไฟ Kawaguchiko ตรวจความเรียบร้อยกันแล้ว ไม่มีอะไรเสียหาย จ่ายเพิ่มใด ๆ
เราก็ไปซื้อตั๋วรถบัสเพื่อกลับสู่ Shinjuku แบบเดียวกับขามากันในบัดดล ซึ่งเคาน์เตอร์จำหน่ายจะอยู่ในอาคารสถานีรถไฟ หาไม่ยาก
แต่เป็นที่น่าเสียดายที่เรามาช้าไปนิดเดียว ทำให้รถบัสปลายทาง Shinjuku เต็มแล้ว หากจะไปต้องรออีกเป็นชั่วโมง
เจ้าหน้าที่แจ้งว่าแต่หากไม่อยากรอก็จะมีรถบัสอีกสายหนึ่งที่ปลายทางคือ Shibuya
เอาน่ะ คงดีกว่าที่จะต้องรอให้เวลาผ่านไปโดยที่ไม่ทำอะไรเลย จาก shiubuya ไปที่พักคงไม่มีอะไรยากหรอก
โอเค ไปไหนไปกัน มาถึงขนาดนี้แล้ว