[CR] Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#9 (Beautiful Wisteria at Ashikaga Flower Park)


หลังจากตระเวนเที่ยววงนอกมาหลายวันจนจะหมดทริป คราวนี้เราออกเดินทางไปเที่ยวนอกเมืองโตเกียวกันบ้างดีกว่า
การเดินทางวันนี้หันมาใช้บริการรถไฟนั่งไปชิลล์ๆ ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็...ไม่ได้นะ อมยิ้ม16 (ก็อยากไปให้ถึงน่ะนะ)
พร้อมแล้วก็ไปกันต่อเลยค่ะ
เม่ากิจกรรม
การเดินทางในวันก่อนหน้าตามนี้ค่ะ
ตอนที่ 1 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#1 (Kawaguchiko-Shibazakura)
http://ppantip.com/topic/34282313
ตอนที่ 2 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#2 (Drive to Karuizawa)
http://ppantip.com/topic/34286017
ตอนที่ 3 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#3 (สู่ Nagano ไป Zenkoji)
http://ppantip.com/topic/34296887
ตอนที่ 4 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#4 (Snow Monkey Park)
http://ppantip.com/topic/34306512
ตอนที่ 5 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#5 (Japan Alps - Snow Wall)
http://ppantip.com/topic/34324694
ตอนที่ 6 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#6 (Matsumoto Castle - Shirakawago)
http://ppantip.com/topic/34327452
ตอนที่ 7 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#7 (Silent day in Shirakawago -Takayama)
http://ppantip.com/topic/34334040
ตอนที่ 8 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#8 (Ancient time in Naraijuku)
http://ppantip.com/topic/34346381
ตอนที่ 9 Japan Golden Week ไปก็ไป เอาไงเอากัน#9 (Bye Bye Fuji-san)
http://ppantip.com/topic/34354619
จริงๆ แล้วบริการสาธารณะของญี่ปุ่นมีไว้รองรับการเดินทางไปทั่วทั้งประเทศ เพียงแต่พี่ใหญ่กับหนูเล็กนิยมการแวะเก็บเล็กผสมน้อยตามรายทาง
ก็เลยมักใช้วิธีการเช่ารถขับเที่ยวแบบวันก่อนๆ ที่ผ่านมา ซึ่งแต่ละที่เราจะสามารถใช้เวลากันได้เต็มที่โดยไม่ต้องมีเวลาของรถไฟ รถบัส มากำกับไว้
สำหรับวันนี้เราจะออกเดินทางไปเที่ยวเมืองใกล้ๆ โตเกียว ใช้เวลาเดินทางราวชั่วโมงกว่าๆ

จากที่พัก นั่งรถไฟใต้ดินไปยัง Asakusa  
จากโตเกียวเราเลือกเดินทางที่ราคาย่อมเยาตามเคย คือไปขึ้นรถไฟที่สถานี Asakusa ของบริษัท Tobu สาย Tobu Isesaki  
ซึ่งเขาจะมีทั้งรถเร็วแบบ Limited Express ซึ่งใช้เวลาราว 70 นาที ค่าโดยสารเกือบๆ 2000 เยน กับอีกแบบคือรถไฟแบบธรรมดาทุกขบวน
ที่ไปยังปลายทางสถานี Ota จะผ่านสถานี Ashikagashi ที่เป็นเป้าหมายของเราในราคาไม่ถึงพันเยน ใช้เวลาเพิ่มขึ้นมาอีกราว 20 นาที
ขบวนที่เรานั่งออกไปจะผ่านสถานี Tokyo Sky Tree ด้วย แต่เราขอผ่านค่ะ

บรรยากาศบนรถไฟ

ขบวน Limited Express หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ ใครต้องการประหยัดเวลาก็ต้องเลือกแบบนี้

Hikifune สถานีรายทาง
รถไฟจะวิ่งผ่าน Saitama และ Gunma ไปเรื่อยๆ สองข้างทางแรกๆ จะเป็นบ้านเรือน พอเริ่มออกนอกเมืองก็จะมีแปลงนามากขึ้น

เมื่อถึงสถานี มีมาสคอตรอต้อนรับ

เดินออกจากสถานีแล้วเลี้ยวขวาค่ะ (ประตูทางทิศใต้) จะมองเห็นรถบัสจอดรอรับนักท่องเที่ยวอยู่

เป็น shuttle bus ที่พาไปยังบริเวณจัดงาน ขาละ 300 เยน ค่ะ ขากลับก็ต้องซื้อตั๋วใหม่อีกรอบ

ได้รับตั๋วมาถือไว้เป็นหลักฐาน

เลือกที่นั่งได้ตามใจชอบค่ะ

ทิวทัศน์ระหว่างทางสู่พื้นที่จัดงาน
สาเหตุที่เรามาที่เมืองนี้ก็เพราะในช่วงนี้เขาจัดงาน  A Tale of Wisteria ที่ Ashikaga Flower Park
จริงๆ สวนนี้มีการจัดงานตลอดทั้งปี เพียงแต่ว่าจะจัดแสดงเกี่ยวกับดอกอะไรเป็นพิเศษ
แต่ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวมากที่สุดจะเป็นช่วงที่ต้น Fuji
ใช่แล้วค่ะอ่านไม่ผิดหรอก ชื่อของดอกไปตรงกับภูเขาไฟเจ้าเสน่ห์พอดิบพอดี แต่พวกเราจะรู้จักกันในชื่อ Wisteria
กำลังบานเต็มพื้นที่ ถ้าใครนึกภาพ Wisteria ไม่ออก ก็ต้องนึกถึงต้นชัยพฤกษ์เพราะเป็นสายพันธุ์เดียวกัน
แต่ที่นี่มีหลายสี ที่เด่นที่สุดและนักท่องเที่ยวรวมทั้งพวกเราอยากเห็นที่สุดก็คือ สีม่วง
ดอกของมันจะห้อยตกลงมาเป็นระย้าราวกับน้ำตกสีม่วง กระจายอาณาเขตวงกว้างครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,000 ตร.ม.
เมื่อไปถึงรถบัสจะจอดที่จุดจอดรถ ซึ่งขากลับเราก็สามารถมาขึ้นที่จุดเดิม แต่ควรเช็คเวลาไว้ล่วงหน้าว่ารถบัสเที่ยวสุดท้ายหมดกี่โมง

จากนั้นพวกเราเดินเท้าต่อไปยังสวน ระยะทางไม่ไกลมากนัก เดินตามๆ กันไปได้เลยค่ะ มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลชี้ทางให้
เมื่อไปถึงเราจะต้องไปติดต่อซื้อบัตรเข้าชมงานก่อน

ราคา ณ ตอนที่เราไปใกล้จะถึงช่วงที่ดอก Wisteria จะบานสะพรั่งอย่างเต็มที่หรือที่เรียกง่ายๆ ว่า Bloom นั่นล่ะ
ทำให้ราคาสูงถึง 1,500 เยน หากมีบัตรส่วนลดที่ได้จากการลงทะเบียนในเว็บไซต์ก็จะซื้อได้ในราคา 1,380 เยน
แต่ดูเหมือนจะเฉพาะชาวญี่ปุ่นเท่านั้นเพราะหนูเล็กลองเข้าไปแล้วอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่กระดิกสักตัวเดียวอมยิ้ม17
ราคาค่าเข้าชมจะมีราคาตั้งแต่ 900 – 1700 เยน ราคาไม่แน่นอนผันแปรไปตามความ Peak ของดอก
ถ้ามีเต็มที่คือช่วงต้นเดือนพฤษภาคมราคาจะค่อนข้างสูง
นอกจากนี้ยังมีให้ชมช่วงกลางคืนด้วย โดยเขาจะเปิดไฟเป็น Light Up ก็จะคิดราคาอีกแบบหนึ่ง
พาพันอยากรู้
หลังจากซื้อบัตรเป็นที่เรียบร้อยทีนี้ก็เข้าไปชมด้านในกันได้เลย ก่อนเข้าอย่าลืมหยิบแผนที่ติดไม้ติดมือมาด้วยจะได้รู้ว่าจะเดินไปทางไหนได้บ้าง
ส่วนใดเป็นสวนอะไรจะทำให้สามารถเดินได้ทั่วถึง หรือถ้ามีเวลาน้อยก็จะได้เลือกชมเฉพาะบริเวณที่อยากมาดูจริงๆ

เมื่อเข้าประตูด้านในเข้าไป นี่คือภาพแรกที่ปรากฏต่อสายตา
บริเวณนี้จะมีร้านอาหารอยู่จำนวนหนึ่ง หากหิวก็สามารถหาอะไรรองท้องได้ก่อนเลย
เมื่ออิ่มท้องเรียบร้อยจะได้เดินเที่ยวได้ต่อเนื่อง
พร้อมกันหรือยังคะ เราออกชมสวนกันเลยดีกว่า

แถวนี้เป็นแปลงดอกพิทูเนีย




เดินเที่ยวกันต่อไปเลยนะคะ

เอิ่ม อันนี้ไม่รู้ดอกอะไรค่ะ

ดอกอาซาเลียก็มีค่ะ


และแล้วเราก็มาถึงเป้าหมาย





ต้นนี้เป็นต้นที่ใหญ่ที่สุดมีอายุเก่าแก่กว่า 150 ปี มีลำต้นเดียวแต่มีดอกห้อยระย้าแผ่กว้างอย่างที่เห็น



เวลาต้องลม ราวกับมันกำลังเต้นระบำ




หลังจากชมกันจนอิ่ม เดินต่อกันค่ะ





ถัดไปชมดอก Wisteria สีขาวกันบ้าง





แซมริมทางด้วยดอกโบตั๋น

ทีนี้ไปลอดอุโมงค์ Wisteria กันค่ะ

อุโมงค์ยาวกว่า 80 เมตร

ระหว่างเดินจะได้กลิ่นหอมอ่อนๆ





ถ่ายรูปกันจนเพลินเลยค่ะ
ไปดูดอกไม้อื่นๆ กันบ้าง



อันนี้สายพันธุ์เดียวกับดอก Poppy ค่ะ

เดินมาเจอสีเหลืองด้วยค่ะ แต่ยังไม่ Bloom เท่าไรนัก

วันที่ไปแดดค่อนข้างแรง เลยขอหลบแดดมานั่งพักก่อนแพร๊พนึงค่ะ มองไปเห็น Wisteria สีม่วงด้วย เดี๋ยวก่อนนะ เดี๋ยวเจอกั๊นนนพาพันดี๊ด๊า
ระหว่างนั่งพักก็ชมดอกไม้อื่นๆ ไปพลางๆ ก่อนค่ะ

Wowww!!!


นั่งร่มๆ ให้หายร้อนกันสักพัก ออกเดินกันต่อค่ะ
เดินไปดูดอก Wisteria สีม่วงที่เราเห็นกันเมื่อกี้ดีกว่า
ไปกันๆๆๆ เม่าเริงร่า
ชื่อสินค้า:   ประเทศญี่ปุ่น
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่