รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เก ลาฟรอฟ ตอบโต้สหรัฐฯ
หลังทำเนียบขาวมีคำสั่ง “บูทส์ออนเดอะกราว”
หรือการส่งทหารหน่วยกำลังรบพิเศษจำนวนเกือบ 50 นายไปยังพื้นที่ในซีเรีย
ซึ่งลาฟรอฟชี้ว่า "อาจบานปลายเป็นศึกสงครามตัวแทน"
วันศุกร์(30)สหรัฐฯ บารัค โอบามา ได้ออกคำสั่งปฎิบัติการบูทส์ออนเดอะกราวในซีเรียเป็นครั้งแรก
ด้วยการส่งทหารหน่วยรบพิเศษจำนวนเกือบ 50 นายเดินทางเข้าไปในซีเรีย
และทำให้รัสเซียไม่พอใจ โดยบีบีซี สื่ออังกฤษรายงานวันนี้(31)
รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียเซอร์เก ลาฟรอฟ ได้กล่าวเตือนสหรัฐฯว่า
“การตัดสินใจส่งกำลังเข้าไปในซีเรียอาจก่อให้เกิดสงครามตัวแทน
และส่งผลทำให้ทั้งรัสเซียและสหรัฐฯต้องเพิ่มความร่วมมือกันมากขึ้น"
บีบีซีระบุว่า ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของปฎิบัติการทางทหารที่เปิดเผยของสหรัฐฯในซีเรีย
อย่างไรก็ตามลาฟรอฟชี้ การตัดสินใจของวอชิงตันนั้น "ไม่เห็นความสำคัญของการเป็นผู้นำของคาราคัส”
และ “ส่วนตัวแล้วยังคงเชื่อมั่นว่า ทั้งมอสโกและวอชิงตันต่างไม่อยากเห็นสงครามตัวแทน หรือ พร็อกซีวอร์
แต่สำหรับผม ในสถานการณ์เช่นนี้กลับเห็นว่ายิ่งมีความจำเป็นมากขึ้นที่ต้องเพิ่มความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯและรัสเซีย”
สื่ออังกฤษรายงานว่า ลาฟรอฟให้สัมภาษณ์หลังจากเสร็จสิ้นการหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จอห์น เคร์รี
และทูตยูเอ็นประจำซีเรีย สแตฟฟาน เด มิสทูลา (Staffan de Mistura) ที่กรุงเวียนนา ออสเตรีย
ในขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ แอชตัน คาร์เตอร์ เปิดเผยเพิ่มเติมถึงปฎิบัติการนี้ว่า
“หลักการพื้นฐานและยุทธวิธีของสหรัฐฯคือการให้การสนับสนุนกองกำลังสู้รบในพื้นที่
แต่นั่นจะไม่ทำให้กองกำลังสหรัฐฯตกอยู่ในอันตรายหรือ? ใช่อย่างไม่ต้องสงสัย” คาร์เตอร์กล่าวกับผู้สื่อข่าว
และนอกจากนี้ คาร์เตอร์ยังไม่ปฎิเสธถึงความไปได้ในการส่งกองกำลังภาคพื้นของสหรัฐฯไปยังภูมิภาคตะวันออกกลางอีกครั้ง
หากมีความจำเป็นต้องการให้ภารกิจหลักประสบความสำเร็จ
สื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า ในระยะหลัง สหรัฐฯทอดทิ้งการฝึกซ้อมรบให้กับกลุ่มกบฏซีเรีย
โดยเลือกที่จะป้อนอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับผู้นำกลุ่มกบฎแทน
การแถลงข่าวเมื่อวานนี้(30) จอร์จ เอิร์นเนส โฆษกทำเนียบข่าวกล่าวว่า
ประธานาธิบดีโอบามาต้องการที่จะให้การสนับสนุนเพิ่มขึ้นกับสมาชิกกลุ่มสู้รบในพื้นที่ ซึ่งประสบความสำเร็จต่อต้านก่อการร้าย
บีบีซีวิเคราะห์ ทำเนียบขาวกล่าวว่ากองกำลังรบพิเศษนี้ถูกส่งไปเพื่อปฎิบัติการ
ร่วมกับกองกำลังรบในพื้นที่ต่อต้านกลุ่ม IS ทางเหนือของซีเรีย
ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า จะร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับกองกำลังชาวเคิร์ดที่เป็นพันธมิตรสู้รบกลุ่มก่อการร้าย IS ร่วมกับสหรัฐฯ
และประสบความสำเร็จต้านก่อการร้ายได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
และในการวิเคราะห์ยังตีความไปถึงคำว่า “ปฎิบัติการร่วม”
ซึ่งอาจหมายถึงการออกปฎิบัติการโจมตีทางอากาศในซีเรียมากยิ่งขึ้น
โดยทีมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการนั้นได้รับการฝึกทางยุทธวิธี ร่วมกับกองกำลังภาคพื้นในการเจาะจงเป้าหมาย และโจมตี
ซึ่งในปัจจุบันนี้เป็นที่ทราบดีว่าสหรัฐฯใช้เครื่องบินรบโจมตีภาคพื้น A-10 ในการโจมตีหลัก
หลังจากได้รับความร่วมมือกับตุรกีให้สามารถใช้ฐานทัพอากาศอินเซอร์ลิค ( Incirlik)เป็นฐานปฎิบัติการได้
อาจกล่าวได้ว่าเป็นปัจจัยหลักในยุทธวิธีการสู้ IS ของสหรัฐฯไปแล้ว
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000121527
รัสเซียระบุ “อาจเกิดสงครามตัวแทน” หลังโอบามาส่งรบพิเศษเข้าซีเรีย
หลังทำเนียบขาวมีคำสั่ง “บูทส์ออนเดอะกราว”
หรือการส่งทหารหน่วยกำลังรบพิเศษจำนวนเกือบ 50 นายไปยังพื้นที่ในซีเรีย
ซึ่งลาฟรอฟชี้ว่า "อาจบานปลายเป็นศึกสงครามตัวแทน"
วันศุกร์(30)สหรัฐฯ บารัค โอบามา ได้ออกคำสั่งปฎิบัติการบูทส์ออนเดอะกราวในซีเรียเป็นครั้งแรก
ด้วยการส่งทหารหน่วยรบพิเศษจำนวนเกือบ 50 นายเดินทางเข้าไปในซีเรีย
และทำให้รัสเซียไม่พอใจ โดยบีบีซี สื่ออังกฤษรายงานวันนี้(31)
รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียเซอร์เก ลาฟรอฟ ได้กล่าวเตือนสหรัฐฯว่า
“การตัดสินใจส่งกำลังเข้าไปในซีเรียอาจก่อให้เกิดสงครามตัวแทน
และส่งผลทำให้ทั้งรัสเซียและสหรัฐฯต้องเพิ่มความร่วมมือกันมากขึ้น"
บีบีซีระบุว่า ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของปฎิบัติการทางทหารที่เปิดเผยของสหรัฐฯในซีเรีย
อย่างไรก็ตามลาฟรอฟชี้ การตัดสินใจของวอชิงตันนั้น "ไม่เห็นความสำคัญของการเป็นผู้นำของคาราคัส”
และ “ส่วนตัวแล้วยังคงเชื่อมั่นว่า ทั้งมอสโกและวอชิงตันต่างไม่อยากเห็นสงครามตัวแทน หรือ พร็อกซีวอร์
แต่สำหรับผม ในสถานการณ์เช่นนี้กลับเห็นว่ายิ่งมีความจำเป็นมากขึ้นที่ต้องเพิ่มความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯและรัสเซีย”
สื่ออังกฤษรายงานว่า ลาฟรอฟให้สัมภาษณ์หลังจากเสร็จสิ้นการหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จอห์น เคร์รี
และทูตยูเอ็นประจำซีเรีย สแตฟฟาน เด มิสทูลา (Staffan de Mistura) ที่กรุงเวียนนา ออสเตรีย
ในขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ แอชตัน คาร์เตอร์ เปิดเผยเพิ่มเติมถึงปฎิบัติการนี้ว่า
“หลักการพื้นฐานและยุทธวิธีของสหรัฐฯคือการให้การสนับสนุนกองกำลังสู้รบในพื้นที่
แต่นั่นจะไม่ทำให้กองกำลังสหรัฐฯตกอยู่ในอันตรายหรือ? ใช่อย่างไม่ต้องสงสัย” คาร์เตอร์กล่าวกับผู้สื่อข่าว
และนอกจากนี้ คาร์เตอร์ยังไม่ปฎิเสธถึงความไปได้ในการส่งกองกำลังภาคพื้นของสหรัฐฯไปยังภูมิภาคตะวันออกกลางอีกครั้ง
หากมีความจำเป็นต้องการให้ภารกิจหลักประสบความสำเร็จ
สื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า ในระยะหลัง สหรัฐฯทอดทิ้งการฝึกซ้อมรบให้กับกลุ่มกบฏซีเรีย
โดยเลือกที่จะป้อนอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับผู้นำกลุ่มกบฎแทน
การแถลงข่าวเมื่อวานนี้(30) จอร์จ เอิร์นเนส โฆษกทำเนียบข่าวกล่าวว่า
ประธานาธิบดีโอบามาต้องการที่จะให้การสนับสนุนเพิ่มขึ้นกับสมาชิกกลุ่มสู้รบในพื้นที่ ซึ่งประสบความสำเร็จต่อต้านก่อการร้าย
บีบีซีวิเคราะห์ ทำเนียบขาวกล่าวว่ากองกำลังรบพิเศษนี้ถูกส่งไปเพื่อปฎิบัติการ
ร่วมกับกองกำลังรบในพื้นที่ต่อต้านกลุ่ม IS ทางเหนือของซีเรีย
ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า จะร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับกองกำลังชาวเคิร์ดที่เป็นพันธมิตรสู้รบกลุ่มก่อการร้าย IS ร่วมกับสหรัฐฯ
และประสบความสำเร็จต้านก่อการร้ายได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
และในการวิเคราะห์ยังตีความไปถึงคำว่า “ปฎิบัติการร่วม”
ซึ่งอาจหมายถึงการออกปฎิบัติการโจมตีทางอากาศในซีเรียมากยิ่งขึ้น
โดยทีมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการนั้นได้รับการฝึกทางยุทธวิธี ร่วมกับกองกำลังภาคพื้นในการเจาะจงเป้าหมาย และโจมตี
ซึ่งในปัจจุบันนี้เป็นที่ทราบดีว่าสหรัฐฯใช้เครื่องบินรบโจมตีภาคพื้น A-10 ในการโจมตีหลัก
หลังจากได้รับความร่วมมือกับตุรกีให้สามารถใช้ฐานทัพอากาศอินเซอร์ลิค ( Incirlik)เป็นฐานปฎิบัติการได้
อาจกล่าวได้ว่าเป็นปัจจัยหลักในยุทธวิธีการสู้ IS ของสหรัฐฯไปแล้ว
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000121527