คราวเพ้อพร่ำรำพึงคำนึงอยู่
จึงได้รู้บางอย่างบนทางเหงา
ดั่งดวงจันทร์อ่อนแสงแฝงเมฆเทา
มีแต่เงาเคียงข้างอย่างเดียวดาย
ร้อยเล่มเกีวยนมารยาเบื่อจะอ้าง
เหตุผลสร้างคำคนบ่นเสียหาย
ทั้งเข็ดกลัวเล่ห์หลอนบ่อนทำลาย
มิเคยหมายยั่วเย้าเพื่อเคล้าเคียง
หวานน้ำคำฉ่ำจิตดุจพิษยื่น
กลับกลายฝืนกลืนเก็บเจ็บไม่เถียง
อ้อนรักฝากอักษรซ่อนสำเนียง
ไร้ซึ่งเสียงบอกกล่าวให้เข้าใจ
สำนวนศิลป์รินร่ายเพียงปลายถ้อย
บางบทร้อยคล้อยตามจนหวามไหว
โศกกำศรวลล้วนหลอนสะท้อนนัย
น้ำตารินหลั่งไหลห้วงใจตรม
อยากเขียนคำพร่ำรักสลักไว้
แต่ฤทัยถูกอำด้วยความขม
คำว่ารักดั่งเพียงเสียงคลื่นลม
ที่พร่างพรมเบาบางแล้วลางเลือน
เหลือแต่รอยระทมที่ถมทับ
เก็บประดับห้วงในคล้ายเชือดเฉือน
คราบน้ำตาอาบแก้มคอยแย้มเตือน
เปรียบเราเหมือนธุลีที่ล่องลอย-
ไม่มีค่าสิ่งใดให้จำจด
ถูกกำหนดชะตาพาเหงาหงอย
สิ่งที่หวังกลายเจ็บเกินเก็บคอย
หมดสิ้นรอยสุขรับเพื่อซับจินต์
จึงต้องอยู่อย่างไร้ใครเคียงข้าง
เป็นแนววางทางเหงาบนเงาศิลป์
กับบทกลอนรอนร้าวเศร้าชีวิน
ที่ร้อยรินเรียงร่ายจากใจตรม...
“สุนันท์ยา”
***รอยเหงาบนเงาศิลป์***
คราวเพ้อพร่ำรำพึงคำนึงอยู่
จึงได้รู้บางอย่างบนทางเหงา
ดั่งดวงจันทร์อ่อนแสงแฝงเมฆเทา
มีแต่เงาเคียงข้างอย่างเดียวดาย
ร้อยเล่มเกีวยนมารยาเบื่อจะอ้าง
เหตุผลสร้างคำคนบ่นเสียหาย
ทั้งเข็ดกลัวเล่ห์หลอนบ่อนทำลาย
มิเคยหมายยั่วเย้าเพื่อเคล้าเคียง
หวานน้ำคำฉ่ำจิตดุจพิษยื่น
กลับกลายฝืนกลืนเก็บเจ็บไม่เถียง
อ้อนรักฝากอักษรซ่อนสำเนียง
ไร้ซึ่งเสียงบอกกล่าวให้เข้าใจ
สำนวนศิลป์รินร่ายเพียงปลายถ้อย
บางบทร้อยคล้อยตามจนหวามไหว
โศกกำศรวลล้วนหลอนสะท้อนนัย
น้ำตารินหลั่งไหลห้วงใจตรม
อยากเขียนคำพร่ำรักสลักไว้
แต่ฤทัยถูกอำด้วยความขม
คำว่ารักดั่งเพียงเสียงคลื่นลม
ที่พร่างพรมเบาบางแล้วลางเลือน
เหลือแต่รอยระทมที่ถมทับ
เก็บประดับห้วงในคล้ายเชือดเฉือน
คราบน้ำตาอาบแก้มคอยแย้มเตือน
เปรียบเราเหมือนธุลีที่ล่องลอย-
ไม่มีค่าสิ่งใดให้จำจด
ถูกกำหนดชะตาพาเหงาหงอย
สิ่งที่หวังกลายเจ็บเกินเก็บคอย
หมดสิ้นรอยสุขรับเพื่อซับจินต์
จึงต้องอยู่อย่างไร้ใครเคียงข้าง
เป็นแนววางทางเหงาบนเงาศิลป์
กับบทกลอนรอนร้าวเศร้าชีวิน
ที่ร้อยรินเรียงร่ายจากใจตรม...
“สุนันท์ยา”