สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
ตามแนวที่ คห.๑๐ ให้ข้อมูลมา
ให้สังเกตนะครับ ก่อนจะวืด ไม่ได้ง่วง แม้รู้ตัวว่าวืดไป นั่งตัวตรงแล้ว ก็ไม่ได้ง่วง
และไม่สามารถบังคับไม่ให้วืดได้ ไม่รู้ตัวว่าจะวืดตอนไหน จับไม่ทัน
ถ้าตามที่ผมอธิบายมา สติคุณน้อยกว่าสมาธิมาก ถ้าผ่านจุดนี้ได้ คุณจะเข้าใจคำว่า
สติน้อยกว่าสมาธิ เรียกว่าไม่สมดุลกัน เมื่อเสริมการปฏิบัติแบบเพิ่มสติให้กล้าขึ้น
จะจับได้ว่ากำลังจะวืดแล้วจะรู้ทัน จะไม่วืดลงไป จะรู้ว่า ก่อนจะวืด สติไม่ได้อยู่กับปัจจุบันจริงๆที่กำหนด
เช่น ถ้ากำหนดเข้าออก ก็จะลืมเข้าออก จิตนิ่งไปเลย ไม่มีอะไรรบกวน หรือกำหนดพุทโธ จิตจะอยุ่ที่พุทโธ
แต่ไม่รู้ว่าตอนนั้นลมเข้าหรือออก แล้ววืดไป
ในผู้ปฏิบัติแบบพองยุบ จิตจะอยุ่ที่บริกรรมในใจ พองหนอ ยุบหนอ แต่ไม่ได้รู้ที่ท้อง แล้วก็วืดไป เหล่านี้เรียกว่า
สติน้อยกว่าสมาธิ ไม่สมดุลกัน
ทางแก้ เพิ่มสติด้วยการกำหนดรู้ให้ทันปัจจุบันที่ต้องกำหนด ข้อนี้ขึ้นอยุ่กับวิธีการตามแนวทางที่คุณปฏิบัติ แต่กรณีสาย
พองยุบ ให้เดินจงกรมระยะละเอียดหน่อย เดินมากกว่านั่ง กำหนดอิริยาบทย่อยมากๆถี่ให้ละเอียดขึ้นอีกแม้นอกบัลลังก์
ต่อเมื่อมีอาการของสติชัดเจนดี จึงปรับมานั่งเดินตามปกติ
ฝากไว้นิดนึงครับ การปฏิบัติจะก้าวหน้าไวหรือช้า อยู่ที่การปรับอินทรีย์ทั้ง ๕ ตัวให้สมดุล ควรแก่การใช้งาน(เห็นไตรลักษณ์)
อินทรีย์ ๕ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา
กรณีคุณ เพิ่มวิริยะนะครับ แนะนำให้เพิ่มสติก็คือการแนะนำให้เพิ่มวิริยะ เพราะวิริยะในการปฏิบัติไม่ใช่ควาเพียรหรือขยันเท่านั้น
แต่หมายถึง พยายาม รู้ กำหนดรู้ พยายามให้ทันปัจจุบัน ล้วนเป็นนิยามของวิริยะทั้งนั้นในการปฏิบัติ
วิริยะ เป็นฐานกำลังของ สติ ครับ
ให้สังเกตนะครับ ก่อนจะวืด ไม่ได้ง่วง แม้รู้ตัวว่าวืดไป นั่งตัวตรงแล้ว ก็ไม่ได้ง่วง
และไม่สามารถบังคับไม่ให้วืดได้ ไม่รู้ตัวว่าจะวืดตอนไหน จับไม่ทัน
ถ้าตามที่ผมอธิบายมา สติคุณน้อยกว่าสมาธิมาก ถ้าผ่านจุดนี้ได้ คุณจะเข้าใจคำว่า
สติน้อยกว่าสมาธิ เรียกว่าไม่สมดุลกัน เมื่อเสริมการปฏิบัติแบบเพิ่มสติให้กล้าขึ้น
จะจับได้ว่ากำลังจะวืดแล้วจะรู้ทัน จะไม่วืดลงไป จะรู้ว่า ก่อนจะวืด สติไม่ได้อยู่กับปัจจุบันจริงๆที่กำหนด
เช่น ถ้ากำหนดเข้าออก ก็จะลืมเข้าออก จิตนิ่งไปเลย ไม่มีอะไรรบกวน หรือกำหนดพุทโธ จิตจะอยุ่ที่พุทโธ
แต่ไม่รู้ว่าตอนนั้นลมเข้าหรือออก แล้ววืดไป
ในผู้ปฏิบัติแบบพองยุบ จิตจะอยุ่ที่บริกรรมในใจ พองหนอ ยุบหนอ แต่ไม่ได้รู้ที่ท้อง แล้วก็วืดไป เหล่านี้เรียกว่า
สติน้อยกว่าสมาธิ ไม่สมดุลกัน
ทางแก้ เพิ่มสติด้วยการกำหนดรู้ให้ทันปัจจุบันที่ต้องกำหนด ข้อนี้ขึ้นอยุ่กับวิธีการตามแนวทางที่คุณปฏิบัติ แต่กรณีสาย
พองยุบ ให้เดินจงกรมระยะละเอียดหน่อย เดินมากกว่านั่ง กำหนดอิริยาบทย่อยมากๆถี่ให้ละเอียดขึ้นอีกแม้นอกบัลลังก์
ต่อเมื่อมีอาการของสติชัดเจนดี จึงปรับมานั่งเดินตามปกติ
ฝากไว้นิดนึงครับ การปฏิบัติจะก้าวหน้าไวหรือช้า อยู่ที่การปรับอินทรีย์ทั้ง ๕ ตัวให้สมดุล ควรแก่การใช้งาน(เห็นไตรลักษณ์)
อินทรีย์ ๕ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา
กรณีคุณ เพิ่มวิริยะนะครับ แนะนำให้เพิ่มสติก็คือการแนะนำให้เพิ่มวิริยะ เพราะวิริยะในการปฏิบัติไม่ใช่ควาเพียรหรือขยันเท่านั้น
แต่หมายถึง พยายาม รู้ กำหนดรู้ พยายามให้ทันปัจจุบัน ล้วนเป็นนิยามของวิริยะทั้งนั้นในการปฏิบัติ
วิริยะ เป็นฐานกำลังของ สติ ครับ
แสดงความคิดเห็น
อาการวูบ ขณะนั้งสมาธิ