นิยายออนไลน์ รูมเมทร้ายกับยัยน่ารัก บทที่ 8

บทที่ 8 แล้วฝากด้วยนะคะ ติดตามอ่านย้อนหลังตามลิ้งค์ข้างล่างค่า
บทที่ 1 http://ppantip.com/topic/34309672
บทที่ 2 http://ppantip.com/topic/34312776
บทที่ 3 http://ppantip.com/topic/34318241
บทที่ 4 http://ppantip.com/topic/34324517
บทที่ 5 http://ppantip.com/topic/34331346
บทที่ 6 http://ppantip.com/topic/34340038
บทที่ 7 http://ppantip.com/topic/34349167

ป.ล. มาตามนัดแล้วนะค๊า
-----------------------------------------------------------

บทที่ 8: อะไรแปลกๆไป

        “กรเมื่อกี้แกว่าอะไรนะ” ฉันถามขึ้นเพราะกำลังเหม่อลอยอยู่ เลยลืมฟังที่กรพูดเมื่อกี้

        “ช่วงนี้แกเป็นอะไรวะเกี๊ยว เหม่อลอยอย่างบ่อย ฉันบอกว่าตรงนี้แกต้องใส่สีเฉดนี้ลงไป เพราะมันจะได้ตัดกับตรงนี้พอดี” กรอธิบาย

        “อ่อ เออๆ ขอบใจๆ” ฉันตอบกรไป เดี๋ยวนี้กรไม่ได้ไปรับไปส่งฉันเหมือนแต่ก่อนแล้ว ไม่ใช่อะไรนะ เพราะฉันเป็นคนบอกกรเองว่าไม่ต้องมาแล้ว เนื่องจาก..อยู่ๆ อิตารูมเมทก็ใจดีบอกว่าไปทางเดียวกัน นั่งไปด้วยกันก็ได้ อืมนะ..เพิ่งจะมาคิดได้ ดังนั้นก่อนที่พีทจะไปที่ฟิตเนสที่ตาพีททำงาน คือเค้าทำงานเป็นเทรนเนอร์อ่ะนะงี้แหละเลยหุ่นดีแบบนี้ อ้าว..ออกทะเลอีกและ เข้าเรื่องๆ ดังนั้นพีทก็จะมาส่งฉันก่อนที่จะไปที่ทำงานของตัวเอง แต่อย่าถามว่าเค้าทำงานที่ไหนนะฉันไม่เคยได้ไปหรอก แค่ถามตาพีทยังไม่ตอบเลย ความลับเยอะจริง

        “เกี๊ยว” กรเรียกอีกล่ะ ช่วงนี้เพื่อนคนนี้สงสัยจะขาดความอบอุ่น

        “อะไรแก” ฉันหันกลับไปมองหน้าของกร กรหลบตาฉันทันทีที่เราสบตากัน

        “แกกับไอ้..เอ่อ..รูมเมทแกอ่ะ ตกลงเป็นยังไงกันแน่ พวกแกคบกันแล้วเหรอ” กรพูดออกมาโดยที่ไม่มองหน้าฉัน แต่กลับก้มหน้ามองที่จอคอมพิวเตอร์ของตัวเองแทน

        “ไอ้บ้า คิดอะไรของแกกร ฉันกับนายนั่นเนี่ยนะ เพื่อนกันๆ ก็เหมือนเราไง” ฉันพูดพลางกอดคอกร แต่กลับถูกกรดึงแขนออกจากคอของเค้าอย่างรวดเร็ว

        “อะไรของแกวะ ทำเป็นจับนิดจับหน่อยไม่ได้” ฉันถามด้วยความสงสัย ก่อนที่จะจั๊กจี้มันอย่างที่เคย แต่คราวนี้กรจับมือของฉันแน่น กรจ้องมองฉันอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

        “ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนกับแก” กรพูดขึ้น

        “เป็นอะไรวะกร แกโกรธอะไรฉันวะพูดดิไม่ใช่ทำอย่างนี้” ฉันยังคงสงสัยคำพูดของกร มันหมายความว่ายังไงกันแน่ แต่ที่แน่ๆ นั่นก็คือฉันยังไม่ได้ทะเลาะอะไรกับกรเลยนะ

        กรถอนหายใจหลังจากที่ฟังคำพูดของฉัน ก่อนที่จะคลายมือที่กุมฉันออก

        “ขอโทษ ฉันเครียดเรื่องงานไปหน่อยน่ะเกี๊ยว” กรพูดออกมา

        “อืม” ฉันตอบเบาๆ ก็นะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับมันดีอ่ะ แต่ก่อนที่จะอึดอัดไปมากกว่านี้เสียงโทรศัพท์ฉันก็ดังขึ้น ไม่ใช่ใครที่ไหน พีทคนดีคนเดิมเพิ่มเติมคือความกวนประสาทน่ะสิ

        “ว่าไง” ฉันรับสายทันทีที่เห็นชื่อ

        “นี่มันเป็นวิธีรับสายของกุลสตรีเหรอไง” ดูๆ ตานี่กวนฉันไม่เลิกจริงๆ

        “มีอะไรล่ะ พูดมาสิ”

        “วันนี้กลับกี่โมง ฉันจะได้ไปรับ”

        “วันนี้เหรอ งานไม่เยอะมาก ก็เดี๋ยวอีกชั่วโมงนึงล่ะ”

        “โอเคตามนั้น เดี๋ยวเจอกันนะ”

        “ย่ะ” ฉันตอบกลับตาบ้าพีทไป แต่ไม่รู้ทำไมนะปากฉันกลับยิ้มกว้างคงเพราะนิสัยกวนๆ ของพีทล่ะมั้งที่มันดูน่าตลกดี แต่ฉันก็ไม่รู้นะว่ามันเริ่มตลกสำหรับฉันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หึ้ย~หุบยิ้มไม่ได้เลย

        “อยากกลับบ้านตรงเวลาก็ทำงานซะสิ” กรพูดขึ้นทำลายความเงียบ และรอยยิ้มของฉัน หน้าตาบูดบึ้งอีกล่ะ อะไรกันนะเพื่อนคนนี้นี่ขี้งอลจริงๆ เลย ทำอะไรผิดไปรึเปล่านะเรา

        1 ชั่วโมงผ่านไป..

        “รอนานไหม” พีทเดินเข้ามาหาฉันที่นั่งรออยู่หน้าที่ทำงาน ตอนนี้ทุกคนก็กลับไปหมดแล้ว จะมีก็คงเป็นกรที่รถมีปัญหาทุกๆ เย็นเลยไม่รู้ทำไมตอนที่ฉันกลับด้วยก็ไม่ยักกะมีปัญหานะ อ้าวว่าแล้วจู่ๆ รถกรก็สตาร์ทติดซะงั้น เค้าขี่ออกไปอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่หันมามองหน้าฉันเลย หลังๆ มานี่นางตึงๆ ใส่ยังไงก็ไม่รู้สิ

        “ไม่นานหรอก ไปกันเถอะหิวข้าวแล้วอ่ะ” ฉันเงยหน้า และตอบพีทไป ขณะที่ฉันกำลังจับกระเป๋าให้เข้าที่อยู่นั้น มือใหญ่ๆ ก็มาดึงเอากระเป๋าออกไปจากมือของฉัน แล้วพีทก็ส่งมืออีกข้างมา

        “ส่งมือมาสิ” หืมม..

        ฉันไม่ได้พูดอะไรแต่สถานการณ์มันแปลกๆ ไปจริงๆ นะตั้งแต่เราทั้ง 2 ผ่านสถานการณ์ต่างๆ มาด้วยกัน ฉันจับมือเค้าแล้วยันตัวขึ้นตัวฉันยังคงโอนเอนอยู่เล็กน้อย เมื่อตัวเหยียดตรงจึงไปชนเข้ากับแผงอกแน่นๆ ของพีท

        “ขอโทษที” ฉันพูดออกไปเพื่อทำลายความเงียบ พีทยิ้มน้อยๆ แล้วจูงมือฉันไปที่รถ เราต่างคนต่างแยกย้ายไปนั่งกันคนล่ะฝั่ง แล้วพีทก็สตาร์ทรถ และพูดขึ้นว่า

        “อยากกินอะไรล่ะ”

        “นายล่ะอยากกินอะไร” คือเอาจริงๆ หัวฉันมันโล่งไปหมดเวลาอยู่กับนายนี่

        “เดี๋ยวนี้เธอไม่ค่อยเลือกเลย ยังไม่สบายอยู่รึไง” พีทพูดพลางเอามือมาแตะที่หน้าผากฉัน

        “เปล่าสักหน่อย” ฉันผลักมือเค้าออกก่อนที่จะตอบไป โอ้ยยย~สถานการณ์แบบนี้อีกแล้ว

        “ยัยนี่นิ งั้นฉันจะไปร้านเดิมนะ”

        “กินอะไรก็ไปเถอะ” ฉันตอบกลับไป ก็คนมันคิดไม่ออกนี่น่า

        สถานการณ์บนรถยังคงดำเนินต่อไปอย่างอึดอัด ฉันนั่งเงียบไม่พูดไม่จา ส่วนตาพีทก็ขับรถเงียบๆ เช่นเดียวกัน จะทนให้มันเป็นแบบนี้ไม่ไหวแล้ว

        “ฉันเปิดเพลงนะ” ฉันถามขึ้นมาเพื่อทำลายความเงียบ

        “อยากทำอะไรก็ทำสิ” พีทยักไหล่พลางตอบฉัน ฉันจึงเอื้อมมือไปกดวิทยุ

        ‘ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ที่ฉันต้องทนเก็บทุกสิ่ง ปิดบังความจริงในใจทุกๆ อย่าง~’ เอ่อ..เพลงนี้ยิ่งทำให้สถานการณ์มันแปลกๆ เข้าไปอีกเปลี่ยนช่องดีกว่า

        ‘หยุดไม่ได้แล้วทุกอย่าง ใจของฉันนั้นรักเธอ ตั้งแต่เรา..’ ฉันกดเปลี่ยนช่องทันที เดี๋ยวนี้ทำไมมันถึงเปิดแต่เพลงอย่างนี้เนี้ย

        ‘ให้ฉันนั้นรักเธอต่อไป ขอเธออย่าห้ามกันได้ไหม จากนี้..ชีวิตของฉันไม่อาจรักใครได้อีก~’ โอ้ยยย เอาเข้าไปจะมีแต่เพลงแบบนี้ทุกช่องเลยใช่ไหมเนี้ย

        “นี่เธอเลือกได้สักช่องยัง” พีทพูดขึ้นมาขัดการเปลี่ยนช่องวิทยุของฉัน

        “ฉันไม่ชอบฟังเพลงพวกนี้ เดี๋ยวนี้มีแต่เพลงไร้สาระ ไม่ฟังซะดีกว่าเน๊อะ” ฉันพูดพลางปิดวิทยุไป

        “จริงๆ ฉันว่ามันก็เพราะดีออก เธอไม่ฟังงั้นฉันเปิดช่องที่ฉันฟังประจำนะ” ฉันพยักหน้าแล้วก็หันออกไปมองวิวนอกหน้าต่าง ช่วงนี้ฉันสู้หน้านายนี่ไม่ค่อยไหวทำไมก็ไม่รู้

        ‘..แอบหลงรักเธออยู่ แต่เธอคงดูไม่ออก ซ่อนความรักไม่กล้าบอก กลัวเธอจะเปลี่ยนไป~’ ดีค่าาา หนีไม่พ้นเพลงแบบนี้จริงๆ ฉันแอบเหลือบเห็นตาพีทนั่งยิ้มอะไรไม่รู้ เอาเป็นว่าไม่ถามแล้วกัน เมื่อไหร่จะถึงที่กินข้าวซักทีนะหู้ววว..

        ณ ดอนโดLuxury Life…

        อิ่มจังตังอยู่ครบ รูมเมทฉันนี่เกิดจะใจดีก็ดีจริงๆ นะช่วงนี้เลี้ยงข้าวบ๊อยบ่อย

        “ยัยเกี๊ยว ดูหนังไหม” หืมม..เรียกฉันอีกล่ะ

        “แนวไหนล่ะ”

        “ตลกน่ะ” อ่ะ! แนวนี้ฉันชอบ โอเครดูด้วยก็ได้

        “โอเค เดี๋ยวฉันอาบน้ำก่อนนายเปิดโฮมเทียเตอร์รอได้เลย” ขณะที่ฉันกำลังเดินจะไปเข้าห้องน้ำ นายพีทก็ยังพูดขึ้นอีก

        “แต่เราต้องทำข้อตกลงกันก่อนนะ”

        “อะไรอีกล่ะ” อีตานี้เริ่มกวนประสาทอีกและ ไหนอะไรอีกว่ามาเลยย่ะ

        “ใครลุกหนี พรุ่งนี้ต้องเลี้ยงข้าวนะ” ฉันมองหน้านายนั่นทำท่ายักคิ้ว และทำหน้ากวนๆ อะไรของเค้าอีกเนี้ยแค่หนังตลกแค่นี้ทำไมต้องทำให้มันยุ่งยากด้วย

        “เออๆ ฉันไปอาบน้ำได้ยัง” ฉันตอบไป

        “เชิญครับ” ตานั่นยิ้ม ช่างเถอะไร้สาระอีกตามเคยล่ะมั้งไปอาบน้ำดีกว่า

        ไม่นานหลังจากนั้น..

        “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” ฉันกรี๊ดสุดเสียงนี่เพิ่งเริ่มต้นเรื่องไม่นานนะ ผีออกมาอีกแล้ว อีตาพีทไหนแกบอกว่าหนังตลกไงงงง

        “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ น่ากลัวมากเลยเหรอโอ๋ๆ” พีทหัวเราะเสียงดังลั่นห้องมากพร้อมกับเอื้อมมือเข้ามาจะโอบเพื่อกอดปลอบฉัน

        “ไม่ต้อง! ไหนบอกหนังตลกไง” ฉันหันไปว่าตาพีทก่อนที่จะตีๆๆ อย่างนี้มันต้องตีให้ตาย

        “โอ๊ยๆ พอๆ แต่เธอจะลุกไปก่อนก็ได้นะ พรุ่งนี้ฉันจะได้กินข้าวฟรี ฮิฮิ” นายคนบาปยังคงหัวเราะเยาะเย้ยฉัน แต่ไม่มีทางที่ฉันจะไม่ยอมเสียเงินให้กับนายนี่เด็ดขาด

        “ไม่ย่ะ แล้วถ้าฉันดูจนจบนายต้องเลี้ยงข้าวฉันนะ”

        “ได้เลย เรื่องแค่นี้สบายมากกกก” นายนั่นยักคิ้วใส่ฉัน แต่แล้วก็..

        “กรี๊ดดดดดดดดดดดด” ผีมันออกมาอีกแล้วไง โอ๊ยใครก็ได้ช่วยที


        ตลอดเรื่องฉันได้แต่กรี๊ดๆ แล้วก็จิ๊กเนื้ออีตานั่นไปหลายที นายพีทก็เอาแต่ขำ ซึ่งดูจากเวลาแล้วนี่กำลังเป็นช่วงใกล้จะจบแล้วล่ะ แต่ช่วงจบเนี้ยมันคือช่วงที่ผีจะออกมามากที่สุดเลยน่ะสิ ตายแน่เกี๊ยวว

        “กรี๊ดดดดดดดด” นั่นไงเอาอีกแล้ว แม่จ๋าๆ น่ากลัวมาก ฉันสะดุ้งสุดตัวคราวนี้กระโดดเข้าไปใกล้นายพีทมากขึ้น หึ้ย~อารมณ์ไม่ดี ทำไมต้องโดนนายพีทหลอกมาดูหนังแบบนี้ด้วยเนี้ย ขอชกอิตาพีทอีกสักหน่อยเถอะ อ่ะ..

        ฉันหันจะไปชกอีตาบ้าพีท ซึ่งเค้าก็หันมาพอดี ครั้งนี้เราไม่ได้แค่ชนกันแบบธรรมดา และเพราะว่าเรานั่งบนโซฟาด้วยทำให้ระดับหัวของเราอยู่ใกล้เคียงกัน ทำให้ริมฝีปากของเค้าชนเข้ากับริมฝีปากของฉัน!

        “อ่ะ.. ตา..” ฉันกำลังจะด่าเค้าต่อหลังจากที่ริมฝีปากเราทั้งคู่ถอยห่างออกมา แต่แล้วท่าทีของนายพีทก็เปลี่ยนไปเค้ารุกเข้ามา และจูบย้ำที่ริมฝีปากของฉันอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่แค่การจูบกันแบบริมฝีปากแตะริมฝีกปาก แต่เป็นการจูบกันแบบผู้ใหญ่ เค้าค่อยๆ สอดลิ้นเข้ามากลิ่นหวานๆ ส่งผ่านมาตามริมฝีปากเค้า สติของฉันกระเจิดกระเจิง ในหัวขาวโพล่นไปหมด เค้าอยู่ในท่ากำลังคร่อมฉันอยู่ และริมฝีปากของเราก็ยังไม่แยกออกจากกัน จากสถานการณ์ที่สยองขวัญ กลายเป็นหนังรักเร้าร้อนตั้งแต่ตอนไหน สมองของฉันก็ยังประมวลผลไม่ได้ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ฉันรู้สึกว่าจะขาดอากาศหายใจแล้ว แต่ลิ้นของเค้าก็ยังคงซุกซนอยู่ในปากของฉัน

        “อึก” ฉันพยายามผลักเค้าออก ซึ่งนายพีทก็เหมือนจะได้สติ และเค้าก็ถอนริมฝีปากออกจากฉัน

        “ฉัน ฉัน..หายใจไม่ออก” ฉันตัดสินใจพูดออกไป แล้วหันกลับไปที่ทีวีเพื่อแก้เขิน ซึ่งพอมาถึงจังหวะนี้หนังก็ดันจบไปแล้ว กลายเป็นว่ารายชื่อนักแสดงกำลังเคลื่อนตัวอยู่ที่หน้าจอ แต่ก็นะสมองของฉันตอนนี้ก็ปะติดปะต่อเนื้อเรื่องในหนังไม่ถูกแล้วล่ะ

        “พรุ่งนี้นายเลี้ยงข้าวด้วยนะ! ฉันดูจนจบแล้ว ไปละ” ฉันลุกขึ้นอย่างรวดเร็วรีบพูดๆ และรีบเดินออกไปจากตรงนั้นทันที

        “ยัยเกี๊ยว” จู่ๆ พีทก็เรียกฉันอีกครั้ง ไม่อยากหันไปเลย

        “อะไรเหรอ” ฉันตอบเค้าไปทั้งๆ ที่ยังหันหลังให้อยู่นั่นแหละ

        “ชุดนอนเธอน่ะ” พูดอะไรแปลกๆ อีกแล้ว จะพูดอะไรอีกนะตาบ้า

        “ทะ..ทำไมเหรอ” จะพูดอะไรๆๆๆๆๆๆ

        “ก็ข้างหลังมันถลกขึ้น ฉันเห็นกางเกงในคิตตี้เธอหมดแล้วตอนนี้”

        ห่ะ! ฉันรีบกระโดดหันหน้าไปหาพีททันที หน้าตอนนี้ฉันคงแดงกร่ำ แต่เดี๋ยวนะ ฉันใส่กางเกงนอนนี่น่า

        “ไอ้บ้าฉันใส่กางเกงนอน นายหลอกฉันอีกแล้ว!”

        “ฮ่าๆๆๆๆ หลอกง่ายชะมัด” ตาพีทหัวเราะอย่างซะใจ นี่นายลืมเหตุการณ์เมื่อกี้แล้วรึไงนะ

        “ไอ้บ้าๆๆๆๆๆ” ฉันยังคงด่าตานั่นไม่เลิก

        “ฉันแค่อยากมองหน้าเธอก่อนนอนเท่านั้นล่ะ ฝันดีนะ” พีทเปลี่ยนจากโหมดกวนประสาทกลายมาเป็นโหมดนี้ได้ไง โอ๊ยฉันทำอะไรไม่ถูกอีกแล้ว กลับห้องดีกว่า

        “เกี๊ยว!” พีทเรียกชื่อฉันอีกครั้ง

        “เรียกจังเลย จะอะไรอีก!” ฉันตะโกนออกไปอย่าหงุดหงิด

        “ก็ทางที่เธอเดินไปน่ะ ห้องนอนฉันนะ จะนอนกับฉันเหรอ” ฉันเงยหน้าขึ้นมองไปตามทางเดิน เอ่อ..ก็จริงแฮะ ฉันกำลังไปที่ห้องเค้านี่น่า

        “ไอ้บ้า!” ฉันด่าเค้าก่อนที่จะวกรีบเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง ฉันได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นตามมาแต่ก็นะ ไม่หันกลับไปมองหรอก หึ้ย~ช่วงนี้นี่มันอะไรกัน ทุกอย่างมันแปลกๆ ไป แปลกไปหมด คืนนี้คงนอนไม่หลับแน่ๆ ไม่ใช่เพราะหนังผีนะ เพราะจูบอิตาพีทเนี้ยแหละ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่