"วจีสุจริต"
.. คือ
- เว้นจากการพูดเท็จ ๑
- เว้นจากการพูดส่อเสียด ๑
- เว้นจากการพูดคำหยาบ ๑
- เว้นจากการพูดเพ้อเจ้อเหลวไหล ๑
คือแม้ว่าจะเป็นความจริง แต่หากว่า
"เป็นคำส่อเสียดก่อให้เกิดความแตกร้าว"
เช่นนำความข้างนี้ไปบอกข้างนั้น นำความข้างนั้นมาบอกข้างนี้
"เพื่อจะยุให้ทั้งสองฝ่ายแตกกัน" แม้จะเป็นความจริงที่ไม่ควรพูด
เพราะทำให้เขาแตกกัน เข้าในพวกส่อเสียด
หรือแม้ว่าเป็นคำหยาบ ไม่ได้มุ่งจะหลอกลวงให้เข้าใจผิด
แต่ว่า
"เป็นคำหยาบคาย" เช่นเป็นคำด่าว่า "เป็นสัตว์ดิรัจฉานอย่างโน้นอย่างนี้"
อะไรเป็นต้นหรือแม้วาจาอย่างอื่นซึ่งเป็นการกล่าว
"กดให้เลวลง"
ซึ่งทุกคนก็รู้ว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้นและก็ไม่ได้มุ่งที่จะหลอก
แต่ว่า
"กล่าวด้วยความโกรธ ด้วยความเหยียดหยาม ต้องการจะกดเขาให้เลว" ก็ไม่ควรพูด
แม้ว่าเป็นคำที่เพ้อเจ้อเหลวไหล
"ไม่เป็นธรรม ไม่เป็นวินัย ไม่มีขอบเขตจำกัด"
หาสาระแก่นสารมิได้ หรือว่า มีสาระแก่นสารน้อยเกินไป ก็เป็นคำไม่ควรพูด .. "
สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
วจีสุจริต (สมเด็จพระญาณสังวร)
"วจีสุจริต"
.. คือ
- เว้นจากการพูดเท็จ ๑
- เว้นจากการพูดส่อเสียด ๑
- เว้นจากการพูดคำหยาบ ๑
- เว้นจากการพูดเพ้อเจ้อเหลวไหล ๑
คือแม้ว่าจะเป็นความจริง แต่หากว่า "เป็นคำส่อเสียดก่อให้เกิดความแตกร้าว"
เช่นนำความข้างนี้ไปบอกข้างนั้น นำความข้างนั้นมาบอกข้างนี้
"เพื่อจะยุให้ทั้งสองฝ่ายแตกกัน" แม้จะเป็นความจริงที่ไม่ควรพูด
เพราะทำให้เขาแตกกัน เข้าในพวกส่อเสียด
หรือแม้ว่าเป็นคำหยาบ ไม่ได้มุ่งจะหลอกลวงให้เข้าใจผิด
แต่ว่า "เป็นคำหยาบคาย" เช่นเป็นคำด่าว่า "เป็นสัตว์ดิรัจฉานอย่างโน้นอย่างนี้"
อะไรเป็นต้นหรือแม้วาจาอย่างอื่นซึ่งเป็นการกล่าว "กดให้เลวลง"
ซึ่งทุกคนก็รู้ว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้นและก็ไม่ได้มุ่งที่จะหลอก
แต่ว่า "กล่าวด้วยความโกรธ ด้วยความเหยียดหยาม ต้องการจะกดเขาให้เลว" ก็ไม่ควรพูด
แม้ว่าเป็นคำที่เพ้อเจ้อเหลวไหล "ไม่เป็นธรรม ไม่เป็นวินัย ไม่มีขอบเขตจำกัด"
หาสาระแก่นสารมิได้ หรือว่า มีสาระแก่นสารน้อยเกินไป ก็เป็นคำไม่ควรพูด .. "
สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก