เคล็ดลับความสุขแบบหวานใจ...เมื่อความทุกข์ทำให้ฉันพบ"สุข" แชร์เรื่องราวชีวิตอดีตเด็กนอกกรอบ

เคยมีคนถามจขกท.อยู่บ่อยๆว่า
“ทำไมเป็นคนดูมีความสุขตลอดเวลาเลย  เคยรู้จักมีความทุกข์อะไรกับเค้าบ้างไหม  อิจฉา อยากเกิดมาเป็นอย่างเธอบ้างจัง”
วันนี้จขกท.ขอเล่าให้ฟังแบบม้วนเดียวจบถึงเบื้องหลังของความสุขนะคะ ว่ามันได้มาแต่ใด  
เผื่อว่ามันอาจจะเป็นประโยชน์กับหลายๆคนที่ผ่านมาอ่านเล็กๆน้อยๆก็ยังดี ซึ่งกว่าจะมีวันนี้ได้ก็ต้องเจออะไรมาเยอะ

กว่าจะมีงานทำดีๆมีความสุขได้อย่างทุกวันนี้ ก็เคยอยากฆ่าตัวตาย เคยเรียนอะไรก็ไม่จบ เคยทำงานเป็น Maid
เป็นเด็กเช็ดกระจก ตักข้าวแกงขาย พี่เลี้ยงเด็ก ติวเตอร์  นักร้องคาเฟ่ เลขาฯ สารพัดอาชีพ
จากอดีตคนเต้นกินรำกิน....มาถึงปัจจุบันเป็นคนเต้นกินรำกินตัวแม่!!!  


#tag  ปัญหาครอบครัว  การศึกษา ชีวิตวัยรุ่นและสุขภาพจิต เพราะอยากให้สถาบันครอบครัวได้อ่าน  
เผื่อผู้ปกครองท่านใดอ่านแล้วจะฉุกคิดอะไรได้ทัน ไม่บังคับให้ลูกหลานต้องกล้ำกลืนเรียนอะไรที่ตัวเองไม่ถนัด  
tag มนุษย์เงินเดือน เพราะจขกท.ยังเป็นมนุษย์เงินเดือน และกว่าจะมีงานดีๆอย่างทุกวันนี้ ก็เคยติดลบมาก่อน
tag ศาสนา เพราะชีวิตจขกท.ผ่านวิกฤตทุกอย่างมาได้เพราะ”ธรรมะ” ช่วยดึงไว้ค่ะ จนทุกวันนี้มีสติและใช้ชีวิตแบบมี"มองเห็นทุกข์" แต่เลิกแบกทุกข์


หมายเหตุ เรื่องนี้ยาวค่ะ  แต่เขียนเสร็จแล้วจะกลับมาสรุปย่อ  5 บรรทัดให้อ่านกันอีกทีนะคะ สำหรับแฟนคลับเรื่องไม่เกิด 8 บรรทัด
แนะนำให้แวะมาอ่านพรุ่งนี้ค่ะ ^___^



ขออนุญาตแทนชื่อตัวเองว่าหวานใจนะคะ  หลายๆคนอาจจะเคยผ่านๆมาบ้างจากกระทู้เกี่ยวกับเจ้ากรรมนายเวร
(อ๋อ ยายเพี้ยนนี่เอง!!)  มีหลายๆเสียงหลังไมค์มาขอให้เล่าเรื่องของพี่หวานใจบ้าง   แต่กระทู้นี้ไม่มีเรื่องไสยศาสตร์นะคะ
ไม่เน้นเขียนเรียกเรตติ้ง  แค่มีคนผ่านมาอ่านคนสองคน อ่านแล้วพอได้อะไรติดกลับไปบ้าง แค่นี้ก็พอใจแล้วค่ะ  

ก่อนจะเล่าถึงปัจจุบัน ขอปูเสื่อท้าวความไปยังที่มาตั้งแต่สมัยเด็กๆก่อนค่ะ  ข้อดีของหวานใจก็คือ...เป็นคนอารมณ์ดี
ขี้ลืม พอมีอะไรแป๊บๆก็ลืม ไม่ค่อยคิดอะไรให้มันซับซ้อน ตอนเด็กๆขี้แยมากๆ ชีวิตไม่ได้ลำบากอะไรมากมายจนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัย
ถึงเรียนรู้ถึงคำว่า "ดราม่า"

บทเรียนชีวิตเริ่มครั้งแรกตอนอายุ 6 ขวบค่ะ   ตอนนั้นพ่อกับแม่กำลังจะแยกทางกัน  คุณแม่ไปเรียนต่ออยู่กทม.
ส่วนหวานใจและน้องสาวอยู่กับพ่อที่ตจว. สมัยนั้น พ่อยังเป็นหนุ่มลั้นลาทำงานรับราชการอยู่อีกฝั่งของตัวเมือง
อยู่มาวันนึงพ่อก็ลืมมารับค่ะ  ยืนคอยอยู่หน้าโรงเรียนจนค่ำอยู่คนเดียว พ่อก็ยังไม่มา  
เนื่องจากเข้าเรียนก่อนเกณฑ์ก็เลยต้องไปเรียนรร.ขอบๆชานเมืองแทน  ส่วนน้องสาวเรียนรร.อนุบาลในตัวเมือง  
คอยๆๆ พ่อก็ไม่มา คอยจนมืดแล้ว อยู่คนเดียวในโรงเรียน กลัว...ร้องไห้....
สุดท้ายเด็ก 6 ขวบก็เลยเดินไปร้องไห้ไปหาน้องที่เรียนอนุบาลอยู่ในเมือง  พอไปถึง เห็นน้องวิ่งเล่นอยู่สนุกสนานไม่คิดอะไร  
ไอ้เราเป็นพี่ เห็นน้องปุ๊บ เราก็ร้องๆๆๆโฮหนักกว่าเดิม บอกว่าพ่อลืมมารับพี่  น้องเป็นเด็ก 4 ขวบ ต้องเป็นคนปลอบพี่สาวให้ไม่ร้อง  
แล้วหวานใจก็เดินร้องไห้จูงมือน้องเดินไปหาพ่อที่ทำงาน (รวมๆกันวันนั้นเดินก็หลายกิโลเมตรอยู่ค่ะ)  
พอไปถึงที่ทำงานพ่อ ก็มืดมากแล้ว โชคดีที่พ่อยังอยู่ที่ทำงาน กินเหล้าอยู่กับเพื่อนๆเฮฮามีความสุข..........
สุขจนลืมไปว่ามีลูก สุขจนลืมไปรับลูกกลับจากโรงเรียน................บทเรียนบทที่ 1
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่