สวัสดีค่า วันนี้เราจะมาเล่าเรื่องที่เราเคยเจอนะคะ เป็นการเจอตอนไปเข้าค่ายค่ะ ต้องบอกก่อนนะคะว่าตัวของเราเนี่ยมีเซนส์พอสมควร เจอหรือรู้สึกอะไรบ่อยๆค่ะ เมื่อ3-4ปีก่อน ตอนนั้นเราอยู่ม.2ค่ะ โรงเรียนเราอยู่ที่กทม.นะคะ อยู่แถวๆห้วยขวางค่ะ คือโรงเรียนเราจัดเข้าค่ายจริยธรรมกันทุกปี หมายความว่าเรียนที่นี่3ปี ได้เข้าค่าย3ครั้ง อิ่มบุญกันทั่วหน้า 5555 วัดที่เราไปเข้าอยู่ที่นนทบุรีค่ะ เป็นวัดปฏิบัติธรรมที่มีชื่อเสียงพอสมควร วันนั้นเป็นวันพุธค่ะ ก็ไปถึงวัดประมาณ9โมงเช้าค่ะ วัดนี้แปลกอยู่อย่างนะคะ คือไม่ค่อยมีการเผาศพค่ะ เรื่องนี้พระอาจารย์เป็นคนเล่ามาให้ฟังนะคะ ว่าที่วัดไม่ได้เผาศพมานานแล้ว แต่วันที่โรงเรียนเราไปเข้าค่ายดันมีการเผาศพในรอยหลายปีพอดีเลยค่ะ แจ็คพอตตั้งแต่ต้นเลย มาพูดถึงเรือนนอน เรือนนอนเนี่ยจะแบ่งเป็นชายกับหญิงนะคะ นอนแยกกัน เรือนนอนของเราอยู่ที่ข้างๆเมรุเลยค่ะ ส่วนผู้ชายนอนใจหอปฏิบัติธรรม มาพูดถึงเรือนนอนหญิงนะคะ เป็นลักษณะห้องโถงกว้างๆค่ะ มีสองชั้น ชั้นล่างเป็นปูน ปูกระเบื้อง จะมีแอร์ด้วย ส่วนชั้นบนเป็นไม้ค่ะ มีแต่พัดลม 1ชั้นนอนได้ประมาณ 80คนค่ะ เราได้นอนข้างบน ตอนที่เข้าไปเลือกที่นอน เพื่อนของเรามันพุ่งเข้าไปเลือกเสาที่มีปลั๊กไฟเลยค่ะ เพราะมันจะแอบชาร์ตแบตโทรศัพท์ เราก็ไม่ได้ว่าอะไร กลุ่มเรามีกัน7คนนะคะ ที่ที่เราเลือกนอนถ้ามองจะประตู จะอยู่ฝั่งขวาของห้องค่ะ พวกเรานอนห่างจากประตูประมาณ2เมตรนะคะ ถ้านับในกลุ่ม เราได้นอนเป็นคนที่6 ตรงกับหน้าต่างพอดีค่ะ คือนอนแล้วมองไปปลายเท้าคือเห็นวิวข้างนอกเลย วิวที่เราได้เห็นทุกคืนก่อนนอนก็คือเมรุค่ะ 5555 เกริ่นมาซะเยอะ มาถึงเรื่องแปลกๆนะคะ คือหลังจากที่ทำวัดเย็นเสร็จ ก็จะมีการอบรมต่างๆก่อนจะปล่อยไปนอนประมาณ4ทุ่มค่ะ ทางวัดจะมีของว่างเป็นนมเปรี้ยวกับขนมปังให้กินก่อนนอนค่ะ เราก็ออกมาเอาของว่างตามปกติ ก็ยืนกินแถวๆนั้นค่ะ คือง่วงแล้ว แต่เรานึกยังไงไม่รู้ เงยหน้ามองไปบนฟ้าค่ะ ตอนแรกเราเห็นเป็นคล้ายๆกลุ่มควันสีขาว ขนาดกลางๆลอยค่ะ มันไม่ได้ลอยเหมือนเมฆนะคะ มันลอยไปลอยมา วูบๆ ตอนนั้นเราไม่ทัก คือถึงจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ทักทีไรเป็นเรื่องทุกที เลยเงียบๆไว้ แต่เพื่อนของเรา สมมติว่าชื่อนานะคะ นามันทักค่ะ มันทักว่า “นั่นอะไรวะ พวกแกเห็นมั้ย?”
ตอนนั้นเราก็คิดในใจว่า ‘เวรละ จะทักทำไม’ เท่านั้นยังไม่พอค่ะ เพื่อนอีกคนชื่อสิ ดันพูดว่า “เออวะ เห้ยดูดิ ลอยใหญ่เลย” ตอนนั้นทั้งกลุ่มคือเห็นพร้อมกันหมดค่ะ ส่วนเราตอนนั้นคือยืนนิ่งๆงียบๆ จนพวกมันหันมาถามว่า “ส้ม มันคือไรวะ?”
เราก็เลยหันไปมองหน้ามันแล้วก็พูดว่า “ไม่รู้ แต่mungจะทักทำไม เดี๋ยวก็เดือดร้อนหรอก” พอพูดจบ พวกมันก็เงียบกันหมด เราเลยเดินไปทิ้งขยะแล้วชวนพวกมันไปนอน ทางเดินจากหอปฏิบัติธรรม มาถึงเรือนนอนก็ประมาณ 100เมตร ตลอดทางเดินเราเห็นนะคะว่าสีหน้าของนาดูไม่ดีเลย แต่เราก็เฉยๆ พอมาถึงที่นอนก็ไปแปรงฟันล้างหน้ากัน
เมื่อทำธุระเสร็จก็กลับมาที่นอนตอนนั้นก็เกือบๆห้าทุ่มแล้วค่ะ พวกเราก็กำลังจะนอนกัน แต่อยู่ๆนามันก็ร้องไห้ค่ะ ร้องไห้แบบร้องเหมือนใจจะขาดค่ะ เราก็ตกใจไม่รู้จะทำยังไงเพราะครูก็ไปประชุมที่หอปฏิบัติธรรมไม่มีใครอยู่เลย ตอนนั้นเริ่มวุ่นวายค่ะ
นามีอาการร้องไห้ แล้วก็ตัวสั่นค่ะ สั่นเป็นทั้งตัวเลยนะคะ ตาแข็งๆ เราก็ไม่รู้จะทำยังไง เลยถอดสร้อยหลวงพ่อปลอดภัยใส่ให้มัน ก็ไม่หายค่ะ แต่มันหันมามองหน้าเรานะ มองแบบตาขวาง เราก็เลยจ้องมันกลับ คือเราไม่รู้ว่ามันผีเข้าหรืออะไร เพราะเราเรียกชื่อมัน มันก็ยังหัน แต่แววตามันแปลกๆไป ตอนนั้นทั้งหอนอนชั้นบนมามุงที่มันคนเดียวเลยค่ะ เพื่อนเราคนหนึ่งเลยพูดขึ้นมาว่า พามันไปที่หอปฏิบัติธรรมเถอะ มีพระองค์ใหญ่ พวกเราเลยจะพามันไป แต่มันไม่ไปค่ะ ตอนนั้นกลัวก็กลัว ห่วงเพื่อนด้วย ครูก็ไม่มาสักที เราเลยพูดกับมันว่าแกอยากได้อะไร มันก็ส่ายหน้า เลยถามอีกว่า แล้วจะเอายังไง มันก็ส่ายหน้าแล้วก็นอนลงไปเลย พวกเราก็มองหน้ากัน แล้วก็ตัดสินใจนอน ทีนี้เป็นเรื่องสิคะ ไม่มีใครกล้าไปนอนข้างๆมันเลย เพราะมันยังร้องไห้ กับตัวสั่นตลอด คือทุกคนก็มานอนเบียดๆกันจนในที่สุด เราทนไม่ไหว มันร้อนอ่ะ รำคาญด้วยเลยลุกไปนอนข้างๆมัน
สรุปว่าคืนนั้นมันก็เป็นอย่างนี้ทั้งคืนคือ ร้องไห้ ตัวสั่น พอตอนเช้ามันก็หายค่ะ คือหายแบบเป็นปกติเลย พวกเราก็งง เลยถามมันว่าเมื่อคือเป็นอะไร มันบอกว่าไม่รู้เหมือนกัน รู้สึกร้อน หงุดหงิด เหมือนไม่ใช่ตัวเองแบบรู้ตัวนะคะแต่ทำอะไรไม่ได้
เรื่องก็มีเท่านี้ค่ะ แต่มีเรื่องตลกๆของคืนที่สองมาเล่าให้ฟังคือ เวลานอน พวกเพื่อนเรามันก็กลัวกันเลยจะสวดมนต์ แบบสวดพร้อมกันทีนี้ พวกมันก็คิดว่าสวดบทธรรมดาแล้วไม่อุ่นใจ อยากได้บทที่มันกันภัยได้อะไรแบบนี้ เราก็เลยบอกว่า กูสวดคาถายันทุนได้นะ มันเลยให้เรานำสวดค่ะ มาคิดตอนนี้แล้วตลกดี ทุกคนพร้อมใจกันนั่งพนมมือ แล้วพูดตามเราที่นำสวด
จริงๆมีอีกเรื่องนะคะ แต่เรื่องนี้ครูเราเจอกับตัว แล้วมาเล่าให้เราฟังหลังจากกลับจากค่าย เดี๋ยวเราพิมพ์เสร็จจะมาลงในคอมเม้นให้ค่า
เรื่องเกิด..เมื่อฉันไปค่ายจริยธรรม....
ตอนนั้นเราก็คิดในใจว่า ‘เวรละ จะทักทำไม’ เท่านั้นยังไม่พอค่ะ เพื่อนอีกคนชื่อสิ ดันพูดว่า “เออวะ เห้ยดูดิ ลอยใหญ่เลย” ตอนนั้นทั้งกลุ่มคือเห็นพร้อมกันหมดค่ะ ส่วนเราตอนนั้นคือยืนนิ่งๆงียบๆ จนพวกมันหันมาถามว่า “ส้ม มันคือไรวะ?”
เราก็เลยหันไปมองหน้ามันแล้วก็พูดว่า “ไม่รู้ แต่mungจะทักทำไม เดี๋ยวก็เดือดร้อนหรอก” พอพูดจบ พวกมันก็เงียบกันหมด เราเลยเดินไปทิ้งขยะแล้วชวนพวกมันไปนอน ทางเดินจากหอปฏิบัติธรรม มาถึงเรือนนอนก็ประมาณ 100เมตร ตลอดทางเดินเราเห็นนะคะว่าสีหน้าของนาดูไม่ดีเลย แต่เราก็เฉยๆ พอมาถึงที่นอนก็ไปแปรงฟันล้างหน้ากัน
เมื่อทำธุระเสร็จก็กลับมาที่นอนตอนนั้นก็เกือบๆห้าทุ่มแล้วค่ะ พวกเราก็กำลังจะนอนกัน แต่อยู่ๆนามันก็ร้องไห้ค่ะ ร้องไห้แบบร้องเหมือนใจจะขาดค่ะ เราก็ตกใจไม่รู้จะทำยังไงเพราะครูก็ไปประชุมที่หอปฏิบัติธรรมไม่มีใครอยู่เลย ตอนนั้นเริ่มวุ่นวายค่ะ
นามีอาการร้องไห้ แล้วก็ตัวสั่นค่ะ สั่นเป็นทั้งตัวเลยนะคะ ตาแข็งๆ เราก็ไม่รู้จะทำยังไง เลยถอดสร้อยหลวงพ่อปลอดภัยใส่ให้มัน ก็ไม่หายค่ะ แต่มันหันมามองหน้าเรานะ มองแบบตาขวาง เราก็เลยจ้องมันกลับ คือเราไม่รู้ว่ามันผีเข้าหรืออะไร เพราะเราเรียกชื่อมัน มันก็ยังหัน แต่แววตามันแปลกๆไป ตอนนั้นทั้งหอนอนชั้นบนมามุงที่มันคนเดียวเลยค่ะ เพื่อนเราคนหนึ่งเลยพูดขึ้นมาว่า พามันไปที่หอปฏิบัติธรรมเถอะ มีพระองค์ใหญ่ พวกเราเลยจะพามันไป แต่มันไม่ไปค่ะ ตอนนั้นกลัวก็กลัว ห่วงเพื่อนด้วย ครูก็ไม่มาสักที เราเลยพูดกับมันว่าแกอยากได้อะไร มันก็ส่ายหน้า เลยถามอีกว่า แล้วจะเอายังไง มันก็ส่ายหน้าแล้วก็นอนลงไปเลย พวกเราก็มองหน้ากัน แล้วก็ตัดสินใจนอน ทีนี้เป็นเรื่องสิคะ ไม่มีใครกล้าไปนอนข้างๆมันเลย เพราะมันยังร้องไห้ กับตัวสั่นตลอด คือทุกคนก็มานอนเบียดๆกันจนในที่สุด เราทนไม่ไหว มันร้อนอ่ะ รำคาญด้วยเลยลุกไปนอนข้างๆมัน
สรุปว่าคืนนั้นมันก็เป็นอย่างนี้ทั้งคืนคือ ร้องไห้ ตัวสั่น พอตอนเช้ามันก็หายค่ะ คือหายแบบเป็นปกติเลย พวกเราก็งง เลยถามมันว่าเมื่อคือเป็นอะไร มันบอกว่าไม่รู้เหมือนกัน รู้สึกร้อน หงุดหงิด เหมือนไม่ใช่ตัวเองแบบรู้ตัวนะคะแต่ทำอะไรไม่ได้
เรื่องก็มีเท่านี้ค่ะ แต่มีเรื่องตลกๆของคืนที่สองมาเล่าให้ฟังคือ เวลานอน พวกเพื่อนเรามันก็กลัวกันเลยจะสวดมนต์ แบบสวดพร้อมกันทีนี้ พวกมันก็คิดว่าสวดบทธรรมดาแล้วไม่อุ่นใจ อยากได้บทที่มันกันภัยได้อะไรแบบนี้ เราก็เลยบอกว่า กูสวดคาถายันทุนได้นะ มันเลยให้เรานำสวดค่ะ มาคิดตอนนี้แล้วตลกดี ทุกคนพร้อมใจกันนั่งพนมมือ แล้วพูดตามเราที่นำสวด
จริงๆมีอีกเรื่องนะคะ แต่เรื่องนี้ครูเราเจอกับตัว แล้วมาเล่าให้เราฟังหลังจากกลับจากค่าย เดี๋ยวเราพิมพ์เสร็จจะมาลงในคอมเม้นให้ค่า