รีวิว ประสบการณ์ จากการใช้บริการ ศูนย์ซ่อม ของ โทรศัพท์แบรนด์ วีโก ( Wiko )
ก่อนอื่นต้องชี้แจงว่า ปัญหาที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อตัวเครื่อง เป็นความผิดพลาด และความประมาทของตัวผู้ใช้งานเอง
เป็นเหตุให้ โทรศัพท์ ร่วงตกกระแทก จนเกิดความเสียหายขึ้น และหวั่นใจในตอนแรกว่า บริการหลังการขายของแบรนด์น้องใหม่นี้
จะเป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยเหตุที่ไม่สามารถหาร้านทั่วไปซ่อมได้ จึงต้องลองเข้าศูนย์บริการ
หลังจากเกิดเหตุ คิดในใจว่า ชิบ.... แล้ว ทำโทรศัพท์ตก จอจะแตกมั้ย...
จับโทรศัพท์มาดูอย่างละเอียด ก็เห็นว่า สภาพจอ ไม่มีปัญหาอะไร แต่จุดสังเกตที่เห็นได้ชัดคือ บริเวณปุ่มกด มีการกระแทกจนเสียรูปทรง
ทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ
ปุ่มกด ใช้งานไม่ได้
เนื่องจากโทรศัพท์ยังซื้อมาได้ไม่นานนัก ประมาณ 3 เดือน และ ยังอยู่ในระยะประกัน แต่ในใจก็หวั่นๆว่า ทางศูนย์ จะมีเงื่อนไข ไม่รับประกันกรณี เครื่องตกกระแทก เพื่อความแน่ใจ จึงได้เช็ครายละเอียดจากเว็บไซต์ ของ Wiko ก็พบว่า ไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความคิดแรกที่เกิดขึ้นกับผมคือ จะทำอย่างไร ให้ศูนย์บริการ ไม่มองว่ามีปัญหาจากการตกกระแทก แต่นั่นก็เป็นแค่ความคิดของคนไม่ยอมรับ
ความจริง ท้ายสุดแล้ว คงต้องกลับยอมจำนนด้วยหลักฐาน ความเสียหายจากตัวเครื่อง ซึ่งจะหาข้อแก้ตัว ก็คงไม่มีประโยชน์อะไร
ผมจึงเลือกที่จะนำเครื่อง เข้าศูนย์บริการ ของ Wiko ซึ่งเป็นศูนย์ซ่อม ที่อยู่ในจังหวัด
(สาเหตุที่ไม่นำไปส่งตัวแทนจำหน่าย หรือ ร้านที่ซื้อมา เพราะคิดว่า นำไปให้ตัวแทนจำหน่าย ก็จะต้องรอมาส่งศูนย์ซ่อมอีกที จะเสียเวลาไปเปล่า )
ไปวันแรก เป็นวันเสาร์ พบความผิดหวัง เพราะศูนย์บริการ ปิดทำการ
ไปศูนย์ครั้งที่สอง ในวันจันทร์ ได้นำเครื่องเข้าไปแจ้งอาการ ซึ่งจุดนี้เองผมก็แจ้งถึงสาเหตุที่โทรศัพท์เกิดความเสียหาย กับ เจ้าหน้าที่ อย่างตรงไปตรงมา และยอมรับว่า เป็นความผิดพลาดของผู้ใช้เอง ทางเจ้าหน้าที่ก็ให้บริการดี พูดคุย ยิ้มแย้ม และให้คำอธิบาย ตามเงื่อนไขที่ Wiko กำหนดไว้
เจ้าหน้าที่ ได้ถอดซิมการ์ด และการ์ดต่างๆ ออกคืนให้ผม และลงทะเบียนการซ่อมเอาไว้
วันต่อมา ผมโทรไปสอบถามที่ศูนย์ ถึงเรื่องการซ่อม และเน้นย้ำว่า หากมีค่าใช้จ่ายใดๆ ให้ทางศูนย์บริการ แจ้งล่วงหน้าก่อนดำเนินการซ่อม
( ผมคิดไว้ในใจว่า หากมีค่าซ่อม เกินกว่า 1500 ก็จะไม่ซ่อม และยอมหาซื้อเครื่องใหม่ ดีกว่า )
ถัดมาอีก 1 วัน เจ้าหน้าที่จากศูนย์บริการโทรแจ้งว่า ตรวจเช็คแล้ว จะดำเนินการแก้ไข โดยมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 670 บาท จึงได้ตอบตกลงให้ดำเนินการซ่อม
พร้อมกันนั้น เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่า ให้มารับโทรศัพท์ที่ซ่อมเสร็จแล้ว ได้ในช่วงเย็นๆ ( ในใจก็คิด เอ่อ ก็ซ่อมเร็วดีนี่หว่า....)
ตอนเย็น ได้ไปรับเครื่องที่ศูนย์บริการ เจ้าหน้าที่ยังคงยิ้มแย้ม ให้บริการดีเช่นเดิม มีการชี้แจงรายละเอียดการซ่อมต่างๆ
ซึ่งในตอนแรก ยังคิดว่า เจ้าหน้าที่น่าจะมีการแกะเปลี่ยนเฉพาะปุ่มเฉยๆ
แต่ไม่ใช่ ผลสรุปก็คือ ดำเนินการ "เปลี่ยนเครื่อง" ให้ใหม่ โดยใช้แบตเตอรี่ อันเดิม ( อีมี่และหมายเลข Serial Number ของตัวเครื่องเปลี่ยนไป )
ตอนแรก ก็หวั่นในเรื่องของบริการหลังการขาย หรือ ปัญหาเรื่องการบ่ายเบี่ยงกรณี เครื่องตกเสียหาย แล้วฟันค่าซ่อมแพงๆ เพราะอยู่นอกเงื่อนไขการรับประกัน แต่หลังจากทดลองใช้บริการแล้ว ผมคิดว่า การให้บริการต่างๆ ของศูนย์ซ่อม Wiko จัดได้ว่าค่อนข้างดี มีความรวดเร็ว ในการบริการครับ
นับระยะเวลา ตั้งแต่ ส่งเข้าศูนย์ซ่อม จนถึงวันรับเครื่องหลังซ่อมเสร็จ เป็นเวลาทั้งหมด 3 วัน หมดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนเครื่อง 670 บาท
ศูนย์บริการ จะเปิดทำการเฉพาะ วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ เท่านั้น หยุดเสาร์ อาทิตย์
จึงมาเขียนรีวิวฝากเอาไว้ เพื่อแบ่งปันประสบการณ์การส่งเครื่องเข้าศูนย์ Wiko
ปล. ฝากทีมงาน Wiko อัพ OS ให้เป็น Android 5 เร็วๆ นะครับ
แก้ไขเพิ่มเติม
ขอย้ำว่า การเปลี่ยนเครื่อง และค่าใช้จ่าย ขึ้นอยู่กับระดับความเสียหายของตัวเครื่อง ( ดังนั้น เครื่องตก จอแตก กับ เครื่องตก จอไม่แตก แม้จะมีการเปลี่ยนเครื่องให้เหมือนกัน แต่ค่าใช้จ่ายจะไม่เท่ากันครับ ) และการอยู่นอกเงื่อนไขการรับประกัน ในช่วงระยะประกัน ยังคงมีค่าใช้จ่ายอยู่ครับ
[CR] บริการหลังการขาย โทรศัพท์แบรนด์ Wiko ลองมาแล้ว
ก่อนอื่นต้องชี้แจงว่า ปัญหาที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อตัวเครื่อง เป็นความผิดพลาด และความประมาทของตัวผู้ใช้งานเอง
เป็นเหตุให้ โทรศัพท์ ร่วงตกกระแทก จนเกิดความเสียหายขึ้น และหวั่นใจในตอนแรกว่า บริการหลังการขายของแบรนด์น้องใหม่นี้
จะเป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยเหตุที่ไม่สามารถหาร้านทั่วไปซ่อมได้ จึงต้องลองเข้าศูนย์บริการ
หลังจากเกิดเหตุ คิดในใจว่า ชิบ.... แล้ว ทำโทรศัพท์ตก จอจะแตกมั้ย...
จับโทรศัพท์มาดูอย่างละเอียด ก็เห็นว่า สภาพจอ ไม่มีปัญหาอะไร แต่จุดสังเกตที่เห็นได้ชัดคือ บริเวณปุ่มกด มีการกระแทกจนเสียรูปทรง
ทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ปุ่มกด ใช้งานไม่ได้
เนื่องจากโทรศัพท์ยังซื้อมาได้ไม่นานนัก ประมาณ 3 เดือน และ ยังอยู่ในระยะประกัน แต่ในใจก็หวั่นๆว่า ทางศูนย์ จะมีเงื่อนไข ไม่รับประกันกรณี เครื่องตกกระแทก เพื่อความแน่ใจ จึงได้เช็ครายละเอียดจากเว็บไซต์ ของ Wiko ก็พบว่า ไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความคิดแรกที่เกิดขึ้นกับผมคือ จะทำอย่างไร ให้ศูนย์บริการ ไม่มองว่ามีปัญหาจากการตกกระแทก แต่นั่นก็เป็นแค่ความคิดของคนไม่ยอมรับ
ความจริง ท้ายสุดแล้ว คงต้องกลับยอมจำนนด้วยหลักฐาน ความเสียหายจากตัวเครื่อง ซึ่งจะหาข้อแก้ตัว ก็คงไม่มีประโยชน์อะไร
ผมจึงเลือกที่จะนำเครื่อง เข้าศูนย์บริการ ของ Wiko ซึ่งเป็นศูนย์ซ่อม ที่อยู่ในจังหวัด
(สาเหตุที่ไม่นำไปส่งตัวแทนจำหน่าย หรือ ร้านที่ซื้อมา เพราะคิดว่า นำไปให้ตัวแทนจำหน่าย ก็จะต้องรอมาส่งศูนย์ซ่อมอีกที จะเสียเวลาไปเปล่า )
ไปวันแรก เป็นวันเสาร์ พบความผิดหวัง เพราะศูนย์บริการ ปิดทำการ
ไปศูนย์ครั้งที่สอง ในวันจันทร์ ได้นำเครื่องเข้าไปแจ้งอาการ ซึ่งจุดนี้เองผมก็แจ้งถึงสาเหตุที่โทรศัพท์เกิดความเสียหาย กับ เจ้าหน้าที่ อย่างตรงไปตรงมา และยอมรับว่า เป็นความผิดพลาดของผู้ใช้เอง ทางเจ้าหน้าที่ก็ให้บริการดี พูดคุย ยิ้มแย้ม และให้คำอธิบาย ตามเงื่อนไขที่ Wiko กำหนดไว้
เจ้าหน้าที่ ได้ถอดซิมการ์ด และการ์ดต่างๆ ออกคืนให้ผม และลงทะเบียนการซ่อมเอาไว้
วันต่อมา ผมโทรไปสอบถามที่ศูนย์ ถึงเรื่องการซ่อม และเน้นย้ำว่า หากมีค่าใช้จ่ายใดๆ ให้ทางศูนย์บริการ แจ้งล่วงหน้าก่อนดำเนินการซ่อม
( ผมคิดไว้ในใจว่า หากมีค่าซ่อม เกินกว่า 1500 ก็จะไม่ซ่อม และยอมหาซื้อเครื่องใหม่ ดีกว่า )
ถัดมาอีก 1 วัน เจ้าหน้าที่จากศูนย์บริการโทรแจ้งว่า ตรวจเช็คแล้ว จะดำเนินการแก้ไข โดยมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 670 บาท จึงได้ตอบตกลงให้ดำเนินการซ่อม
พร้อมกันนั้น เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่า ให้มารับโทรศัพท์ที่ซ่อมเสร็จแล้ว ได้ในช่วงเย็นๆ ( ในใจก็คิด เอ่อ ก็ซ่อมเร็วดีนี่หว่า....)
ตอนเย็น ได้ไปรับเครื่องที่ศูนย์บริการ เจ้าหน้าที่ยังคงยิ้มแย้ม ให้บริการดีเช่นเดิม มีการชี้แจงรายละเอียดการซ่อมต่างๆ
ซึ่งในตอนแรก ยังคิดว่า เจ้าหน้าที่น่าจะมีการแกะเปลี่ยนเฉพาะปุ่มเฉยๆ
แต่ไม่ใช่ ผลสรุปก็คือ ดำเนินการ "เปลี่ยนเครื่อง" ให้ใหม่ โดยใช้แบตเตอรี่ อันเดิม ( อีมี่และหมายเลข Serial Number ของตัวเครื่องเปลี่ยนไป )
ตอนแรก ก็หวั่นในเรื่องของบริการหลังการขาย หรือ ปัญหาเรื่องการบ่ายเบี่ยงกรณี เครื่องตกเสียหาย แล้วฟันค่าซ่อมแพงๆ เพราะอยู่นอกเงื่อนไขการรับประกัน แต่หลังจากทดลองใช้บริการแล้ว ผมคิดว่า การให้บริการต่างๆ ของศูนย์ซ่อม Wiko จัดได้ว่าค่อนข้างดี มีความรวดเร็ว ในการบริการครับ
นับระยะเวลา ตั้งแต่ ส่งเข้าศูนย์ซ่อม จนถึงวันรับเครื่องหลังซ่อมเสร็จ เป็นเวลาทั้งหมด 3 วัน หมดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนเครื่อง 670 บาท
ศูนย์บริการ จะเปิดทำการเฉพาะ วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ เท่านั้น หยุดเสาร์ อาทิตย์
จึงมาเขียนรีวิวฝากเอาไว้ เพื่อแบ่งปันประสบการณ์การส่งเครื่องเข้าศูนย์ Wiko
ปล. ฝากทีมงาน Wiko อัพ OS ให้เป็น Android 5 เร็วๆ นะครับ
แก้ไขเพิ่มเติม
ขอย้ำว่า การเปลี่ยนเครื่อง และค่าใช้จ่าย ขึ้นอยู่กับระดับความเสียหายของตัวเครื่อง ( ดังนั้น เครื่องตก จอแตก กับ เครื่องตก จอไม่แตก แม้จะมีการเปลี่ยนเครื่องให้เหมือนกัน แต่ค่าใช้จ่ายจะไม่เท่ากันครับ ) และการอยู่นอกเงื่อนไขการรับประกัน ในช่วงระยะประกัน ยังคงมีค่าใช้จ่ายอยู่ครับ