สวัสดีครับ วันนี้ขอบรรยายการไปเที่ยวปีนังนะครับ
ทริปนี้เกิดจากมีพี่คนนึงอ่านนวนิยายเรื่องปริศนา แล้วก็เกริ่นๆว่าอยากไปจังปีนัง
เราก็แบบในกลุ่มก็ไม่มีใครห้ามเลย ส่งเสริมกันเสียจริง
อารมณ์แบบไป ไป ไป แล้วตกลงว่าจะแชร์กันทุกอย่าง
เราก็เลยจองตั๋วของแอร์เอเชีย ไป 4 ที่นั่ง
พี่คนนึงในกลุ่มได้ตั๋วโปร เราได้ราคาปกติ
ส่วนอีกคนได้บัตรบินฟรีไปประเทศไหนก็ได้ในประเทศอาเซียน 2 ที่นั่ง เสียแต่ค่าธรรมเนียม ตั๋วนี้ได้มาตอนงานปีใหม่เมื่อหลายปีมาแล้ว และทุกวันนี้เขาไม่ผลิตอันนี้ (ซึ่งพี่แกได้มานานมา นานจนพนักงานงง งงว่ามันมีบัตรนี้ด้วยเหรอ)
เฉลี่ยตกคนละ 2700 บาท (ไม่รวมของกินและที่พักนะ)
วันที่เดินทางเราไม่ถ่ายรูปเลย เพราะมันแบบฉับพลันทันด่วนมาก
และเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน คือ
-1-
ทางที่ไปดอนเมือง รถขนดินท็ดินร่วง ทำให้ถนนต้องปิดไปเลนนึง เราและผองเพื่อนติดอยู่ตรงนั้นเกือบชั่วโมง
พอหลุดมาได้ก็ให้พี่ Taxi บึ่งด่วนแบบมาถึงที่ดอนเมืองแบบหวุดหวิด
-2-
ความวุ่นวายในสนามบิน
หลังจากที่มาถึงดอนเมืองแล้ว ใช่ว่าจะผ่านได้เลยนะ
เป็นที่รู้ๆกันอยู่นะว่าที่นี่ค่อนข้างแบบ อืม (นิยายามสั้นๆ ไม่รู้จะอธิบายยังไง)
เพราะต้องฟันฝ่าอุปสรรคกับกองทัพชาวจีนจำนวนมากมายก่ายกองมหาศาลบานตะไท
คุนพระ! จะเยอะไปไหนเนี่ย
โชคดีที่มีนักศึกษาฝึกงานมาสอบถามว่ามีสัมภาระให้โหลดไหม
เราบอกว่ามี 2 คน อีก 2 คนไม่มี น้องเขาเลยเอาไปเช็คอินให้กับ ตู้ kios
ส่วนของที่ต้องโหลดนั้น คิวยาวเว่อร์ เวลาก็เร่งมาเรื่อยๆ
เข้าใจอาการแบบยืนสั่นเพราะเร่งรีบเลย
คือแบบ ยืนรอนานมาก ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทำงานช้านะ
แต่พวกนักท่องเที่ยวชาวจีน พวกสันขวานนี้จะอะไรนักหนา
ยืนด่ากันบ้าง จะตบกันบ้าง เอาตัวมุดเข้าไปตรงเครื่องเอ็กซเรย์เพื่อเอากระเป๋าตัวเอง
โอ๊ย! ไมเกรนจะขึ้น
ไอเราก็รีบ กลัวตกเครื่อง
-3-
คนจะแซงคิว
แล้วยังต้องระวังการแซงคิวทางพวกคุณสันขวานพวกนี้อีก
คือพยายามเอารถเข็นมาจ่อแทรก พอแถวเคลื่อนที่ไปข้างหน้าก็เดินตาม
คืออยากจะกินวุ้นแปลภาษาจีนแมนดารินแล้วด่าพวกเธอจังเลย (ตอนนั้นลืมเรื่องจะตกเครื่องไปชั่วขณะ)
เราและคนไทยข้างหน้าไม่ได้พูดกันนะและเหมือนมองตาแล้วเข้าใจกันว่า
เราต้องผนึกกำลังกันเพื่อไม่ให้ถูกแซง ต้องรักษาสิทธิของเรา
เอาซิ! แทรกได้แทรก ให้มันรู้กันไป
ถ้าให้คะแนนความพยายามนะ เราให้ 10 10 10 (3 ผ่านเลยอ่ะ)
ต้องยอมรับในความพยายามของนักท่องเที่ยวคนนี้จริงๆนะที่จะแทรกเข้ามาให้ได้ แต่ฝันไปเถอะ
ระหว่างที่เรารอโหลดกระเป๋ากะพี่อีกคนนั้น ส่วนอีกสองคนวิ่งไปดูทางอื่นเผื่อมีเคาน์เตอร์เช็คอินไหนว่าง
เหมือนฟ้าบันดาลใจ มีเคาน์เตอร์นึงว่าง คนนึงวิ่งไปถาม อีกคนนึงวิ่งมาตาม
เราก็เข็นกระป๋งกระเป๋าแบบสุดชีวิต
เจ้าหน้าที่บอกว่าอีกนิดจะปิดแล้วนะคะ โชคดีที่มาทัน
พวกเราก็กล่าวขอโทษขอโพยไป แล้วก็ผ่านเช็คอินมาได้ด้วยดี
-4-
ในตั๋วไม่บอกว่าต้องไปประตูไหน
คือเรากะพี่ที่เช็คอินผ่านเครื่องจะไม่มีบอกว่าต้องไปประตูไหน ส่วนพี่อีกสองคนที่โหลดกระเป๋าเจ้าหน้าที่เขาจะบอก
ซึ่งพี่แกก็บอกคร่าวๆแหละ แต่คิดว่าเราจำได้ไหม? คุณคิดผิดจ้ะ?
เพราะตอนเข้าข้างใน พวกเราทั้งสี่คนก็เดินตามๆกันมา แต่ต้องสะดุดตรงที่พี่คนนึงต้องเอาครีมออกจากกระเป๋าทำให้เสียเวลาไปพักนึง เราก็เลยอยู่เป็นพี่แก (ซึ่งพี่คนนี้ก็เช็ดอินผ่านเครื่องเหมือนกัน)
สองคนที่เหลือให้เขาเดินนำไปก่อน เด้วรีบวิ่งตามไป พอหลุดมาได้เท่านั้นแหละ
สี่คูณร้อยเลยครับงานนี้ วิ่งแบบเป็นตัวแทนทีมชาติในโอลิมปิกเลย
จนวิ่งมาสักพัก
พี่ : ประตูไหน?
เรา : ในตั๋วไง ไม่มีเหรอ
พี่ : ไม่มีอ่ะ
เรา : (ฉิบหาไม่เจอ)
พี่ : แต่เห็นพี่อ้อมบอกว่า ประตู 70 กว่าเนี่ยแหละ
เรา : เคๆ เราไปถึงแถวนั้นก่อน แล้วค่อยดูป้ายประกาศ
พอไปถึงแถวนั้นก็วิ่งดูแต่เคาน์เตอร์ว่า ประตูไหนไปปีนัง
จนพี่อ้อมพี่ที่ไปก่อนต้องเดินมาเรียกว่า ฉันตะโกนเรียกพวกแกตั้งนาน งงว่าพวกแกจะวิ่งไปไหน ยืนโบกมือไม่เห็นเหรอ
เออ ลืมบอกรออีกสิบนาทีนะ เครื่องดีเลย์
เรา+พี่ : อืม (พร้อมหอบ หัวใจนี่คือเต้นเร็วรัวมากอีกนิดคือหลุดจากร่าง หัวใจจะวาย)
และก็ได้ขึ้นเครื่องจนเดินทางมาถึงปีนังตอน ประมาณ 18.00 น. (เด้วมาต่อนะครับ)
ปีนัง...ไปก็ได้ ไม่ไปก็พลาด
ทริปนี้เกิดจากมีพี่คนนึงอ่านนวนิยายเรื่องปริศนา แล้วก็เกริ่นๆว่าอยากไปจังปีนัง
เราก็แบบในกลุ่มก็ไม่มีใครห้ามเลย ส่งเสริมกันเสียจริง
อารมณ์แบบไป ไป ไป แล้วตกลงว่าจะแชร์กันทุกอย่าง
เราก็เลยจองตั๋วของแอร์เอเชีย ไป 4 ที่นั่ง
พี่คนนึงในกลุ่มได้ตั๋วโปร เราได้ราคาปกติ
ส่วนอีกคนได้บัตรบินฟรีไปประเทศไหนก็ได้ในประเทศอาเซียน 2 ที่นั่ง เสียแต่ค่าธรรมเนียม ตั๋วนี้ได้มาตอนงานปีใหม่เมื่อหลายปีมาแล้ว และทุกวันนี้เขาไม่ผลิตอันนี้ (ซึ่งพี่แกได้มานานมา นานจนพนักงานงง งงว่ามันมีบัตรนี้ด้วยเหรอ)
เฉลี่ยตกคนละ 2700 บาท (ไม่รวมของกินและที่พักนะ)
วันที่เดินทางเราไม่ถ่ายรูปเลย เพราะมันแบบฉับพลันทันด่วนมาก
และเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน คือ
-1-
ทางที่ไปดอนเมือง รถขนดินท็ดินร่วง ทำให้ถนนต้องปิดไปเลนนึง เราและผองเพื่อนติดอยู่ตรงนั้นเกือบชั่วโมง
พอหลุดมาได้ก็ให้พี่ Taxi บึ่งด่วนแบบมาถึงที่ดอนเมืองแบบหวุดหวิด
-2-
ความวุ่นวายในสนามบิน
หลังจากที่มาถึงดอนเมืองแล้ว ใช่ว่าจะผ่านได้เลยนะ
เป็นที่รู้ๆกันอยู่นะว่าที่นี่ค่อนข้างแบบ อืม (นิยายามสั้นๆ ไม่รู้จะอธิบายยังไง)
เพราะต้องฟันฝ่าอุปสรรคกับกองทัพชาวจีนจำนวนมากมายก่ายกองมหาศาลบานตะไท
คุนพระ! จะเยอะไปไหนเนี่ย
โชคดีที่มีนักศึกษาฝึกงานมาสอบถามว่ามีสัมภาระให้โหลดไหม
เราบอกว่ามี 2 คน อีก 2 คนไม่มี น้องเขาเลยเอาไปเช็คอินให้กับ ตู้ kios
ส่วนของที่ต้องโหลดนั้น คิวยาวเว่อร์ เวลาก็เร่งมาเรื่อยๆ
เข้าใจอาการแบบยืนสั่นเพราะเร่งรีบเลย
คือแบบ ยืนรอนานมาก ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทำงานช้านะ
แต่พวกนักท่องเที่ยวชาวจีน พวกสันขวานนี้จะอะไรนักหนา
ยืนด่ากันบ้าง จะตบกันบ้าง เอาตัวมุดเข้าไปตรงเครื่องเอ็กซเรย์เพื่อเอากระเป๋าตัวเอง
โอ๊ย! ไมเกรนจะขึ้น
ไอเราก็รีบ กลัวตกเครื่อง
-3-
คนจะแซงคิว
แล้วยังต้องระวังการแซงคิวทางพวกคุณสันขวานพวกนี้อีก
คือพยายามเอารถเข็นมาจ่อแทรก พอแถวเคลื่อนที่ไปข้างหน้าก็เดินตาม
คืออยากจะกินวุ้นแปลภาษาจีนแมนดารินแล้วด่าพวกเธอจังเลย (ตอนนั้นลืมเรื่องจะตกเครื่องไปชั่วขณะ)
เราและคนไทยข้างหน้าไม่ได้พูดกันนะและเหมือนมองตาแล้วเข้าใจกันว่า
เราต้องผนึกกำลังกันเพื่อไม่ให้ถูกแซง ต้องรักษาสิทธิของเรา
เอาซิ! แทรกได้แทรก ให้มันรู้กันไป
ถ้าให้คะแนนความพยายามนะ เราให้ 10 10 10 (3 ผ่านเลยอ่ะ)
ต้องยอมรับในความพยายามของนักท่องเที่ยวคนนี้จริงๆนะที่จะแทรกเข้ามาให้ได้ แต่ฝันไปเถอะ
ระหว่างที่เรารอโหลดกระเป๋ากะพี่อีกคนนั้น ส่วนอีกสองคนวิ่งไปดูทางอื่นเผื่อมีเคาน์เตอร์เช็คอินไหนว่าง
เหมือนฟ้าบันดาลใจ มีเคาน์เตอร์นึงว่าง คนนึงวิ่งไปถาม อีกคนนึงวิ่งมาตาม
เราก็เข็นกระป๋งกระเป๋าแบบสุดชีวิต
เจ้าหน้าที่บอกว่าอีกนิดจะปิดแล้วนะคะ โชคดีที่มาทัน
พวกเราก็กล่าวขอโทษขอโพยไป แล้วก็ผ่านเช็คอินมาได้ด้วยดี
-4-
ในตั๋วไม่บอกว่าต้องไปประตูไหน
คือเรากะพี่ที่เช็คอินผ่านเครื่องจะไม่มีบอกว่าต้องไปประตูไหน ส่วนพี่อีกสองคนที่โหลดกระเป๋าเจ้าหน้าที่เขาจะบอก
ซึ่งพี่แกก็บอกคร่าวๆแหละ แต่คิดว่าเราจำได้ไหม? คุณคิดผิดจ้ะ?
เพราะตอนเข้าข้างใน พวกเราทั้งสี่คนก็เดินตามๆกันมา แต่ต้องสะดุดตรงที่พี่คนนึงต้องเอาครีมออกจากกระเป๋าทำให้เสียเวลาไปพักนึง เราก็เลยอยู่เป็นพี่แก (ซึ่งพี่คนนี้ก็เช็ดอินผ่านเครื่องเหมือนกัน)
สองคนที่เหลือให้เขาเดินนำไปก่อน เด้วรีบวิ่งตามไป พอหลุดมาได้เท่านั้นแหละ
สี่คูณร้อยเลยครับงานนี้ วิ่งแบบเป็นตัวแทนทีมชาติในโอลิมปิกเลย
จนวิ่งมาสักพัก
พี่ : ประตูไหน?
เรา : ในตั๋วไง ไม่มีเหรอ
พี่ : ไม่มีอ่ะ
เรา : (ฉิบหาไม่เจอ)
พี่ : แต่เห็นพี่อ้อมบอกว่า ประตู 70 กว่าเนี่ยแหละ
เรา : เคๆ เราไปถึงแถวนั้นก่อน แล้วค่อยดูป้ายประกาศ
พอไปถึงแถวนั้นก็วิ่งดูแต่เคาน์เตอร์ว่า ประตูไหนไปปีนัง
จนพี่อ้อมพี่ที่ไปก่อนต้องเดินมาเรียกว่า ฉันตะโกนเรียกพวกแกตั้งนาน งงว่าพวกแกจะวิ่งไปไหน ยืนโบกมือไม่เห็นเหรอ
เออ ลืมบอกรออีกสิบนาทีนะ เครื่องดีเลย์
เรา+พี่ : อืม (พร้อมหอบ หัวใจนี่คือเต้นเร็วรัวมากอีกนิดคือหลุดจากร่าง หัวใจจะวาย)
และก็ได้ขึ้นเครื่องจนเดินทางมาถึงปีนังตอน ประมาณ 18.00 น. (เด้วมาต่อนะครับ)