The Hacker [เรื่องสั้นเรื่องเเรกที่เเต่งจบ]

กระทู้คำถาม
ปี 2010 รัฐแคลิฟอร์เนีย
“รายงานข่าวจากทาง CIOในเรื่องของข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับองค์กรนาซ่าได้รั่วไหลออกมาโดยฝีมือของนักแฮกเกอร์มือฉกาจคนหนึ่งที่ได้ลงมือปล่อยข้อมูลลงอินเตอร์เน็ตซึ่งตอนนี้ได้มีการแชร์ข้อมูลกันอย่างแพร่หลาย ดังนั้นตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วโลกได้ร่วมมือกันที่จะจับผู้กระทำผิดคนนี้มาลงโทษตามกฎหมายคะ รายงานข่าวต่อไปเป็นเรื่อง….”

ติ้ด!!! ทีวีถูกปิดลงกระทันหันโดยฝีมือของใครคนหนึ่งก่อนจะเดินเข้ามากระชากหูฟังออกจากชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มที่นอนกระดิกเท้าเล่นเกมอย่างสบายใจเฉิบราวกับไม่สะทกสะท้านกับข่าวที่รายงานไปก่อนหน้านี้

“เฮ้ย อะไรเนี่ย” คนถูกขัดใจเอ่ยขึ้นเสียงห้วนพลางมองหน้าผู้หญิงตรงหน้าที่ยืนกอดอกพิงขอบโซฟาจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง

“เจอเรมี่ แกทำอะไรลงไปรู้ตัวหรือเปล่า”หญิงสาวที่สีผมไม่ต่างกันตะคอกใส่

“โธ่ นาตาชา ฉันทำอะไรผิดอีกแล้วล่ะเนี่ย” เจอเรมี่พูดด้วยน้ำเสียงรำคาญพลางยัดหูฟังใส่หูตามเดิม

“แกไปตกลงอะไรกับไอ้พวกนักธุรกิจที่แวะไปหาที่ไฮสคูล” นาตาชาถามพลางดึงหูฟังของเขาออกอีกครั้ง

“ผมเปล่า”

“ฉันไม่เชื่อแกหรอก”

“แล้วพี่จะมาจุ้นจ้านวุ่นวายกับเรื่องของผมทำไม”

“ฉันเป็นผู้ปกครองของแก จำไม่ได้เหรอไง ห๊า”นาตาชาทำสีหน้าหงุดหงิดเมื่อเจ้าน้องตัวดียังไม่ตอบคำถามดีๆ

“ผมก็เป็นน้องของพี่ แม้แต่งานที่พี่ทำส่งผมเรียนอยู่ทุกวันนี้ พี่ยังไม่เปิดปากบอกผมเลยด้วยซ้ำ”เจอเรมีผุดลุกขึ้นจากโซฟาพลางตะโกนใส่หน้านาตาชา

“มันไม่มีอะไรหรอก ขอแค่ฉันส่งแกเรียนได้ก็พอแล้ว”นาตาชาเสียงอ่อนลงเมื่อน้องชายมีความสงสัยเกี่ยวกับงานของเธอตลอดหลายปีมานี้

“ดูพูดเข้าสิ แล้วนี่อะไร” เจอเรมีเดินไปตรงไปยังห้องนอนของหญิงสาว คว้าชุดเดรสรัดรูปที่มีลักษณะวับๆแวมๆออกมาจากใต้เตียงที่มีชุดเหล่านั้นอยู่ในกระเป๋าเดินทางปาลงกับพื้นห้อง

แค่นี้ก็บ่งบอกได้เลยว่ามันเกี่ยวกับงานอะไร เพราะคงจะมีไม่กี่งานหรอกที่ชอบแอบย่องออกไปในตอนกลางคืนแบบเงียบๆ ใบหน้าของนาตาชามีแววตกใจเล็กน้อยแต่ก็ปรับสีหน้าได้ทันแล้วหันมาพูดใส่หน้าน้องชายเสียงกร้าว

“มันไม่ใช่อย่างที่แกคิด คือพี่ไม่ได้ทำงานแบบนั้น”  

“ถ้าพี่ต้องไปเสียศักดิ์ศรีแบบนั้น แค่ให้ผมช่วย มันคงไม่ต้องเป็นอย่างนี้”

“เจอร์ พี่ไม่อยากให้แกทำอะไรทั้งนั้น แค่อยู่เฉยๆอย่างที่พี่บอก”

“นี่ คนที่พี่ว่า เขายื่นงานนี้ให้ผมแล้วตอนนี้ก็เช็คบัญชีได้เลยนะ ว่าเงินไหลมามากแค่ไหน”เขายื่นแฟ้มเอกสารเกี่ยวกับสัญญาว่าจ้างออกมาจากกระเป๋าเป้ที่วางอยู่บนโซฟา

“เจอร์ แกจะโดนหมายหัวทั่วโลก แกจะถูกจับเข้าคุก นี่แกบ้าไปแล้วเหรอ” นาตาชาผลักอกน้องชาย ก่อนจะพยายามทึ้งเอกสารเหล่านั้นให้ขาดกระจุย

“แล้วนี่พิสูจน์ไม่ได้เหรอไง ว่าผมก็ช่วยพี่เรื่องเงินได้ เราจะไม่ได้อยู่ในอพาร์ทเม้นท์เท่ารังหนูแบบนี้อีกแล้วไง” เจอเรมียื้อมันออกมาจากมือพี่สาวได้พลางยัดใส่กระเป๋าตามเดิมก่อนจะเดินหนี

หญิงสาวมองตามน้องชายที่เดินออกไปจากห้องเช่า เธอพยายามจะให้น้องของเธอที่มีความพิเศษเหนือกว่าเด็กวัยรุ่นสมัยนี้มาเก็บให้พ้นจากสายตาพวกที่พยายามจะทำลายองค์กรดังอย่าง CIA ต้องล่มสลายลงโดยใช้หัวสมองของเจอเรมี่ที่เชี่ยวชาญในเรื่องแฮกข้อมูลมาเป็นเบี้ยตัวหนึ่งบนเกมหมากรุกของพวกมัน ซึ่งนั่นเธอยอมไม่ได้

เธอไม่ต้องการให้น้องชายของเธอต้องมาร่วมมือกับพวกมือสกปรกที่คิดเอาแต่จะทำให้ความน่าเชื่อถือทางความลับที่ไม่ควรจะเผยแพร่ต่อผู้คนทั่วโลก ต้องถูกเปิดโปงโดยฝีมือของผู้ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อย่างน้องชายเธอ นาตาชาเดินเข้าไปในห้องนอนพลางโละเตียงไม้ออกมาเป็นแผ่นๆก่อนจะหยิบอาวุธออกมาพลางใส่ลูกซอง อัดลูกกระสุนให้เต็มแม็ก

เธอเดินเข้าไปในห้องครัวพลางเปิดตู้ใส่อาหารออก  เธอกดสวิทช์ตรงข้างๆก่อนมันจะถูกเลื่อนออกมา สิ่งที่ปรากฏต่อสายตามันคือมีดพกขนาดสั้น และปืนพกขนาดกลางวางอยู่ เธอหยิบออกมาก่อนจะยัดมันลงในกระเป๋าพลางแทรกมันไว้บริเวณข้อเท้ากันไว้ในยามฉุกละหุก เพราะเรื่องที่น้องเธอไม่เคยรู้มาก่อน มันควรจะเปิดเผยแล้วสินะ

“เดวิด ฉันมีเรื่องอยากให้นายช่วยหน่อย” นาตาชากดโทรหาเพื่อนในสำนักงานคนหนึ่งที่เธอไว้ใจเพื่อมาช่วยเหลือกับปัญหาครั้งใหญ่ ป่านนี้คงมีคนออกตามล่าน้องชายเธอกันวุ่นไปหมดแล้วแน่ๆ

หญิงสาวคิดพลางหยิบโน๊ตบุ๊คเครื่องเล็กมากดเปิดสัญญาณบางอย่าง ก่อนจะยิ้มกริ่มเมื่อจีพีเอสที่เธอแอบใส่ไว้ในจี้สร้อยของน้องชายที่แม่ของพวกเขาให้ไว้ ตอนนี้มันปรากฏต่อสายตาเธอแล้ว น้องชายเธอกำลังมุ่งหน้าไปยังโรงเรียน ซึ่งมันคงไม่ดีแน่ถ้าหากพวกนั้นมันนัดหมายให้เจอเรมีออกไปตกลงสัญญาบ้าๆบอๆนั่น

โรงเรียนมัธยมxxx
เจอเรมีเดินหนีออกมาจากอพาร์ทเม้นท์ของพี่สาวด้วยอารมณ์กึ่งรำคาญกึ่งข้องใจ เขาทรุดตัวลงนั่งฟุตบาทคิดว่าการกระทำของพี่สาวมันดูแปลกไป ดูเหมือนมีเลศนัยหรือพยายามจะปกปิดเขาไม่ให้มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ยอมรับเลยว่าเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบงอมืองอเท้า รวมถึงหลายปีมานี้เขาจะตัดตัวเองออกจากโลกภายนอก ไม่มีเพื่อน หรือแม้กระทั่งแฟนสาว

บรื้นนนน  มีรถคันสีดำติดฟิล์มกระจกหนาทึบและนั่นก็คงจะเป็นกระจกกันกระสุนด้วยเช่นกันแล่นเข้ามาจอดอยู่ข้างหน้าสถาบันการศึกษา

เจอเรมีลุกขึ้นเดินไปยังรถคันดังกล่าว ประตูถูกเลื่อนเปิดออกเขาก้าวเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับชายวัยกลางคนที่แต่งกายด้วยชุดสูทสีดำสนิท อายุราวๆ40ปี ปากคีบด้วยบุหรี่

“ไง เจ้าหนู งานที่แล้วทำได้ดีมากเลยนะ น่าจะเห็นแล้วว่าฉันโอนให้ไป 500,000เหรียญ ตามสัญญา” ชายคนนั้นกล่าวพลางพ่นควันสีขาวออกมาซึ่งนั้นทำให้เจอเรมีชักสีหน้าเล็กน้อย พลางล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋าซึ่งมันก็คือแฟ้มนั่นเอง ถึงแม้จะมีสภาพที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เนื่องจากเป็นฝีมือของพี่สาวเขา ยื่นให้แก่ชายคนนั้นก่อจะเอ่ยว่า

“ผมพอแล้ว คุณก็น่าจะเห็นว่าข่าวที่ออกเมื่อเช้า ผู้คนพากันหมายหัวว่าผมเป็นอาชญากรกันทั้งนั้น”

“ไม่เอาน่า เธอไม่อยากแบ่งเบาภาระพี่สาวเธอหรือไง เธอฉลาดเป็นกรดและงานแรกก็ไปได้สวยด้วยซ้ำ ไม่เห็นจะต้องกังวลเมื่อมีฉัน ไอ้พวกสายลับนั่นไม่มีทางทำร้ายเธอแน่เจอเรมี” ชายคนดังกล่าวดันแฟ้มกลับคืนเพื่อหยิบยื่นโอกาสให้เขาตัดสินใจอีกครั้ง

“ไม่!! ผมไม่ขอเสี่ยงจะดีกว่า ขอบคุณสำหรับค่าตอบแทน นี่มันชีวิตผมทั้งชีวิต ผมขอตัว” เจอเรมีเปิดประตูออกไปพลางวางแฟ้มไว้บนเบาะที่เขาเคยนั่ง

“เดี๋ยวเจ้าหนู ไม่ว่าพี่สาวขอเธอจะทำงานอะไร แต่เพียงแค่เธอทำให้ฉันเพียงพริบตาเดียวเธอก็ได้เงินเป็นล้านล้านมาไว้บนมือได้แล้ว แค่ใช้ความสามารถของเธอเท่านั้น เธอจะได้ไม่ดูไร้ค่ายังไงละ” ชายคนนั้นเดินลงมาจากรถ ขณะที่เขาเดินห่างไปไม่กี่ก้าว

“ผมยืนยันคำพูดของผม” เขากล่าวเพื่อยุติเรื่องยุ่งเหยิงที่เขาสร้างขึ้น ก่อนจะเดินหนี แต่ทว่า!!

เอี้ยดดดด มีรถเบนซ์คันหนึ่งแล่นมาขวางทางเขาไว้ หากพอเขาขยับจะวิ่งหนีรถคันดังกล่าวก็ยังเคลื่อนที่ตามเขา กระจกได้ถูกเลื่อนลงเผยให้เห็นใบหน้าของคนขับที่มีตาข้างเดียวอีกข้างเป็นรอยบากทางยาวผ่าดวงตาไปนั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่เขาคนนั้นมีตาอยู่ข้างเดียว แถมยังแสยะสุดแสนจะน่าเกลียดพร้อมกับฟันบิ่นๆที่มันทำให้เจอเรมีชักจะกลัวขึ้นมาทันทีทันใด

“อย่าพยายามหนีเลยเจ้าหนู หนุ่มน้อยหัวสมองกะทิอย่างเธอ ควรจะใช้มันให้เกิดประโยชน์นะรู้ตัวหรือเปล่า” ชายผู้ว่าจ้างเอ่ยขึ้นจากข้างหลัง นั่นทำให้เจอเรมีรู้สึกเหมือนถูกบีบ

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรว่ะ”

เจอเรมีเริ่มนึกถึงคำที่นาตาชาบอก พลางมองซ้ายมองขวาหาโอกาส เขาเหลือบไปเห็นตึกวิทยาศาสตร์ไม่ไกลจากจุดยืน ไหวเท่าความคิดเขาก็ออกตัววิ่งตรงไปยังตึกนั่นโดยทันที

บรื้นนน
รถได้ตามหลังเขามาในระยะกระชั้นชิด เขากระโดดผ่านพุ่มไม้ที่ทำเป็นสวนหย่อมอยู่หน้าตึกก่อนจะวิ่งเข้าไปข้างในเพื่อหาทางหลบซ่อน เขาวิ่งผ่านห้องต่างๆจุดเป้าหมายของเขามีอยู่ที่เดียวก็คือชั้น 9 ที่มีสะพานเชื่อมต่อกับอีกตึกหนึ่ง มันสามารถพาเขาไปด้านหลังโรงเรียนเพราะหลังคือทางหนีของเขาให้ออกจากที่นี่แต่ทว่า

ตึง ประตูที่กั้นระหว่างทางได้มีโซ่คล้องไว้ เจอเรมีเตะเข้าที่ประตูอย่างหัวเสีย พลางวิ่งลงไปยังชั้น8 เพื่อไปเอาขวานมาฟันสายให้ขาด พอเขาเห็นไม่มีใครอยู่ตรงนั้นจึงรีบวิ่งโร่เข้าไปใช้ถังดับเพลิงกระแทกที่ตู้นั้นให้แตก

“หยุดนะ ทำอะไรน่ะ วางมันลงเดี๋ยวนี้”  เจอเรมีค่อยๆหันตัวมาพลางยกมือขึ้นหลังจากวางขวานลงอย่างช้าๆ

“รปภ.ครับ ข้างนอกนั่นมีคนจะฆ่าผม ช่วยผมด้วยนะครับ” เขาอ้อนวอน รปภ.คนนั้นจากที่ค้างอยู่ในท่าปืนจ่อตรงหน้าเขากลับค่อยๆลดมันลง

“เฮ้ ไอ้หนู นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ บ้านแกอยู่ไหน”

“คุณไม่ได้ยินที่ผมพูดอยู่หรือไง พวกนั่นมาตามล่าผม”

“หยุดพูดเรื่องไร้สาระของแกเจ้าหนู คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้”เจอเรมีสบถออกมาก่อนจะกระแทกเข่าลงนั่ง

มีเสียงบางอย่างดังขึ้นด้านล่าง แต่ที่แน่ๆดูเหมือนมีเสียงปืน พวกมันตามเขามาได้แล้ว!!

“พวกมันมาแล้ว ปล่อยผมไปเถอะ”

“ไม่ คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้ รออยู่ตรงนี้ อย่าไปไหน” รปภ.คนนั้นออกคำสั่งพลางเดินย่องไปสำรวจดูที่กำเนิดเสียง

“โอ พระเจ้า”  เจอเรมีพูดออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนรน

ปัง ทันใดนั้นร่างของรปภ.คนดังกล่าวล้มกระแทกลงพื้น ปืนได้กระเด็นมาทางเจอเรมี มือที่สั่นๆของเขาหยิบปืนกระบอกนั้นขึ้นมาด้วยความตกใจก่อนจะคว้าขวานวิ่งขึ้นไปยังชั้น 9 พลางสังเกตเห็นคนที่เกือบจะขับรถชนเขาหรือคนที่มีตาข้างเดียวคนนั้นกำลังเดินขึ้นบันไดมาพลางถือปืนพร้อมจะยิงตลอดเวลา

ตึง ตึง ตึง เจอเรมีพยายามกระแทกปลายดาบขวานด้วยความรีบเร่ง บวกกับที่มือของเขาก็แทบจะควบคุมไม่ให้สั่นได้ก่อนจะใจชื้นขึ้นมาเมื่อสายโซ่ดังกล่าวได้ไหลลงมากระแทกพื้นเมื่ออะดรีนาลีนเร่งเร้าให้เขาทำอะไรที่เหนือเกินความคาดหมาย

ในระหว่างที่เขากำลังวิ่งผ่านประตูอีกด้านเพื่อเข้าสู่อีกตึกหนึ่ง ต้องก้มหัวลงเมื่อพวกมันยิงไล่หลังเขามาก่อนจะรู้สึกเหมือนเจ็บแปล๊บๆที่สีข้างแต่เขายังคงวิ่งอ้อมอาศัยกับความคุ้นเคยของสถานที่นั่งหลบอยู่ห้องๆหนึ่งที่มีระเบียง แผลเริ่มทวีคูณความเจ็บขึ้นเรื่อยๆ ให้ตายสิ พระเจ้ากลั่นแกล้งกันหรือไง

เขาจำได้ว่าข้างหลังตึกนี้มีกำแพงกั้นไว้เท่านั้น มันคือแสงสว่างเพื่อให้เขารอดพ้นจากนรกนี่เสียที หนุ่มน้อยคิดในใจพลางนึกถึงแต่ประโยคของพี่สาวที่เอ่ยเตือนเขาไว้ แต่ดูเหมือนพระเจ้าจะเข้าข้างเมื่อรู้สึกเหมือนแรงสั่นสะเทือนภายในกางเกงที่เขาไม่รู้มาก่อนว่านำมันติดมาด้วย

“นาตาชา ช่วยด้วย ฉันอยู่ด้านหลัง กำลังจะปีนข้ามไปถนนใหญ่” เขากรอกเสียงลงไปด้วยความร้อนรน

“พี่กำลังไป”เมื่อได้ยินเสียงตอบรับของพี่สาวเขาถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางหันไปเห็นระเบียง ทั้งที่อีกด้านเมื่อได้ยินเสียงน้องชายตัวเองก็โล่งอกเพราะโชคยังดีที่น้องชายของเธอไม่ได้อยู่กับพวกมัน พลางหันไปสั่งคนข้างตัว

“เดวิดรีบอ้อมไปด้านหลัง เขากำลังหนีออกมา” เขาพยักหน้า ก่อนจะหักเลี้ยวเหยียบจนมิด ขณะที่นาตาชาที่ปืนไว้มั่น

โอ้ย ด้วยความที่แผลเริ่มปริออกมันยิ่งทำให้เลือดไหลออกมาไม่หยุด เขาเหวี่ยงตัวไปเกาะขอบเหล็กที่ทอดยาวลงไปจนสุดพลางไต่ลงมาอย่างทุลักทุเลพร้อมกับฟันที่ขบกันจนดังเป็นเสียงกรอดเพราะแผลเริ่มทวีความเจ็บแสบมากขึ้นทุกวินาที นั่นทำให้สติของเขาเริ่มลางเลือน

เขาสะดุ้งก้มหัวลงเมื่อมีพวกมันคนหนึ่งไล่ยิงเข้าลงมาจากด้านบน โดยภาพรวมเขาเสียเปรียบเห็นๆแต่ดันมาฉุกคิดเมื่อลืมไปมามีปืนเหน็บไว้ทางข้างเอวเขาจึงกระชากมันออกปดเซฟตี้มายิงตอบพลางรีบสอยเท้าลงอย่างรวดเร็ว หลังจากเท้าแตะลงพื้นเขารีบตรงไปยังกำแพงแล้วปีนขึ้นไปพลางสูดลมหายใจแล้วกระโดดข้ามไปอีกฝั่ง

“นาตาชา นาตาชา”

เมื่อพ้นเขตโรงเรียน เขาเหลือบไปเห็นทางหนีที่อยู่ตรงข้ามถนนเป็นซอกตึกไม่ใกล้ไม่ไกลจากจุดที่เขายืนอยู่ปาดก็พร่ำเรียกแต่ชื่อพี่สาวของตน ก้าวแต่ละก้าวของคนเรื่องเฉื่อยชะลอลงเรื่อยๆ ก่อนจะรู้สึกเหมือนมีเสียงดังอื้ออึงอยู่ในหัวและภาพทั้งหมดก็ดับลง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่