การบังคับใช้กฏหมาย(แบบไทยๆ) ที่เนื่องกับวิจารณญาณของคณะกรรมการฯ กรณีภาพยนตร์เรื่องอาบัติ

ขออนุญาตออกตัวเอาก่อนเลยนะครับ ว่า

1 ผมไม่ใช่แฟนหนัง และไม่เดือดร้อนอะไรเลย ไม่ว่าหนังเรื่องอาบัติ จะได้ฉายหรือไม่ ดังนั้น กรุณา ไม่ต้องเข้ามา ดรามา ในประเด็นนี้ นะครับท่าน
2 ปกติผมอยู่ในโต๊ะศาสนา จึงพอมีความรู้ความเข้าใจในพระธรรมคำสอน และพระพุทธบัญญัติอยู่พอสมควร
จึงไม่มีเจตนาจะสนทนาถกเถียงในประเด็นที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ นะครับท่าน
3 แต่ผมมีข้อสงสัยเกี่ยวกับ การบังคับใช้กฏหมายในประเทศไทย ในส่วนทึ่เกี่ยวข้องกับการใช้วิจารณญาณของผู้มีอำนาจตามกฏหมาย
ซึ่งอาจกระทบกระเทือนต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งจำเป็นต้องมีในประเทศที่เป็นประชาธิปไตย น่ะครับ




เมื่อ ผมไปเปิดดูกฏหมาย พรบ. ภาพยนต์และวิดีทัศน์ 2551 ก็ได้ความว่า ในกรณีที่เป็นภาพยนต์ข่าว ฯลฯ ไม่ต้องผ่านการพิจารณา อนุญาต
จากคณะกรรมการฯ ตามกฏหมายนี้ ดังนั้น จึงไม่แปลก ที่เราจะพบว่ามีการนำเสนอข่าวสารเกี่ยวกับอลัชชีในพระพุทธศาสนา โดยไม่มีการปิดกั้น
คือ น่าจะเป็นการประกัน หลักสิทธิเสรีภาพของสื่อ น่ะครับ



ทีนี้ ในส่วนของหนังทั่วๆไป ก็ต้องอยู่ภายใต้ พรบ ฉบับนี้ นะครับ โดยประเด็นที่ผมสงสัย มันอยู่ใน กฏกระทรวง กำหนดลักษณะของภาพยนตร์ ครับท่าน
คือ ทั้งใน พรบ และกฏกระทรวง ได้ระบุถึงหนังประเภทที่ 7 คือ ภาพยนตร์ที่ห้ามเผยแพร่ในราชอาณาจักร และได้กำหนดลักษณะเอาไว้ว่า ......



สิ่งที่ผมสงสัยก็คือ ในกรณีหนังเรื่องอาบัติ หากจะถูกห้ามฉาย เหตุผล มันคืออะไร หละครับ ?
เหตุผลที่ดูเหมือนจะมีความใกล้เคียงมากที่สุด มีสองข้อ นะครับ คือ

1 สาระสำคัญของเรื่องเป็นการเหยียดหยามหรือนำความเสื่อมเสียมาสู่ศาสนาหรือไม่เคารพต่อปูชนียบุคคล ปูชนียสถาน หรือปูชนียวัตถุ
2 เนื้อหาที่ก่อให้เกิดการแตกความสามัคคีระหว่างคนในชาติ

ในความเห็นส่วนตัวนะครับ ผมเข้าใจว่า ความแตกต่างทางความคิดของคนในสังคม เป็นสิ่งปกติในสังคมประชาธิปไตย นะครับ
และยังเข้าใจว่า ความแตกต่างทางความคิดเห็น จะสามารถเชื่อมโยงกับประเด็นการแตกสามัคคีของคนในชาติได้ก็ต่อเมื่อ ประเทศของเรา
ปกครองกันด้วยระบบอื่น ที่ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย เท่านั้น ซึ่งผมขออนุญาต สงวนสิทธิ์ ที่จะไม่อภิปรายในประเด็นนี้ต่อ นะครับท่าน
เพราะประเด็นหลัก ที่เป็นใจความสำคัญในการ แบนหนัง น่าจะเป็นเหตุผลที่เกี่ยวกับ ศาสนา มั้งครับ ?

แต่ข้อความจากกฏกระทรวง ก็ยังทำให้ผมรู้สึกสงสัยอยู่ดี นะครับท่าน
คือ ในกฏกระทรวงระบุว่า สามารถ แบนหนัง ได้ด้วยเหตุผลคือ ......

1 สาระสำคัญของเรื่องเป็นการเหยียดหยามหรือนำความเสื่อมเสียมาสู่ศาสนา
2 หรือไม่เคารพต่อปูชนียบุคคล ปูชนียสถาน หรือปูชนียวัตถุ

คำถามก็คือ การที่หนัง นำเสนอข้อเท็จจริงเพียงบางส่วน(เมื่อเทียบกับข่าว) ที่เป็นความผิดพลาดบกพร่องของอลัชชี
สมควรถูกประเมิน หรือ ตัดสินว่า นั่นคือการ เหยียดหยาม หรือ นำความเสื่อมเสียมาสู่ พระพุทธศาสนา หรือไม่ ?
เพราะในความเห็นของผม ความเสื่อมเสียที่อาจจะเกิดขึ้นแก่พระศาสนา มันมีสาเหตุมาจากการทำผิดอลัชชี นี่ครับ

ลองเปรียบเทียบกับสื่อ ดูสิครับ มันคงแปลกมากๆ หากใครสักคน โวยวายขึ้นมาว่า สื่อ ได้นำความเสื่อมเสียมาสู่วงศ์ตระกูลของเขา
ด้วยการนำเสนอข่าวซึ่งเป็นข้อเท็จจริงว่า คนในครอบครัวของเขา ค้ายาบ้า หรือ คอรัปชั่น ฯลฯ เป็นต้น
คำถาม ก็คือ เราควรมีความเข้าใจว่า ความเสื่อมเสียที่เกิดขึ้น มันมีสาเหตุมาจาก เขาทำชั่ว หรือ ผู้อื่นเปิดเผยความชั่วของเขา กันหละครับ ?

เป็นไปได้ไหมครับ ว่าที่จริงแล้ว ผู้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ก็ไม่พอใจการนำเสนอข่าวของสื่อสารมวลชน อยู่เช่นกัน
เพียงแต่กฏหมายบ้านเมือง ไม่เอื้อให้สามารถจัดการอะไรกับสื่อสารมวลชนได้ ก็เลยตกอยู่ในภาวะจำยอม ...... ?

ขออนุญาตสรุปสั้นๆ อย่างนี้ครับว่า ในฐานะที่กฏหมายสองฉบับนี้ ริดรอนสิทธิเสรีภาพ ในการใช้วิจารณญาณส่วนบุคคลของประชาชนอยู่มาก
ผมจึงต้องการรับฟังคำอธิบายจากคณะกรรมการฯ ถึงเหตุผลในการกระทำของพวกท่าน โดยอ้างอิงเทียบเคียงกับบทบัญญัติทางกฏหมาย ที่ท่านอ้างใช้อยู่
อย่างกระจ่างแจ้ง และสมเหตุสมผล ด้วยครับท่าน อึกทั้งยังต้องการฟัง ความเห็นจากสมาชิกหลายๆท่าน ในพันทิป อย่างกว้างขวาง ด้วยครับ

เม่าฝึกจิต

ขออนุโมทนา และขอบคุณ ครับท่าน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่