เปิดคำวินิจฉัยองค์คณะศาลฎีกาฯ คดีทุจริตกู้กรุงไทย ระบุชัด พยาน ชี้ ทักษิณ-บุคคลใกล้ชิด ล้วงลูกการบริหารงานตลอดเวลา ปูด เยาวเรศ ชินวัตร เคยขอธนาคารลดหนี้ บริษัทคนรู้จัก ชื่อ บ.บลูริเวอร์ ไดมอนด์ วงเงิน 1,713 ล้านบาท อ้างลูกหนี้บอกไม่มีทรัพย์สินอื่นทั้งที่มีเพียบ
ภายหลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางเมืองได้พิพากษาคดีทุจริตปล่อยกู้เงินธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร.ท. สุชาย เชาว์วิศิษฐ อดีตประธานกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย นายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย กรรมการบริหาร คณะกรรมการสินเชื่อ เจ้าหน้าที่สินเชื่อของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทในเครือกฤษดามหานคร และ 3 บริษัทในเครือกฤษดามหานคร เป็นจำเลยที่ 1-27 ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2558 (อ่านข่าว วิโรจน์ นวลแข สุชาย เชาว์วิศิษฐ์ ถูกจำคุก 18 ปี คดีกรุงไทยปล่อยกู้กฤษดามหานคร)
ต่อมาสำนักข่าวอิศราได้รายงานความเห็นในการวินิจฉัยในคดีดังกล่าวของศาลอาญาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยสรุปดังนี้
คำวินิจฉัยส่วนหนึ่ง (หน้า93-94) ในประเด็นที่ว่า จำเลยที่ 2-5 (ร.ท. สุชาย เชาว์วิศิษฐ นายวิโรจน์ นวลแข นายมัชฌิมา กุญชร ณ อยุธยา นายพงศธร สิริโยธิน) และ จำเลยที่ 8-27 ได้ร่วมกันกระทำความผิดหรือสนับสนุน จำเลยที่ 1 (พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ยศในขณะนั้น) ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการดูแลกิจการธนาคารผู้เสียหาย ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตและโดยมิชอบเข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น
รายละเอียดคำวินิจฉัยศาลระบุว่า "โจทก์ (อัยการสูงสุด) มีนายชัยณรงค์ อินทรมีทรัพย์ กรรมการบริหารธนาคารผู้เสียหาย เป็นพยานเบิกความว่า เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2546 ซึ่งเป็นวันที่คณะกรรมการบริหารนัดประชุมพิจารณาสินเชื่อรายของจำเลยที่ 19 (บริษัท โกลเด้น เทคโนโลยี่ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด) จำเลยที่ 2 (ร.ท. สุชาย เชาว์วิศิษฐ) โทรศัพท์มาหาพยานพูดว่า เรื่องของจำเลยที่ 19 "นายบุญคลี" ได้ดูดีแล้วและ "ซุปเปอร์บอส" ได้ตกลงแล้ว อย่าสอบถามข้อมูลมากนัก และขอให้พิจารณาไปโดยเร็ว ทางพยานโต้แย้งว่า พยานเคยเกี่ยวข้องกับที่ดินบริเวณนั้น มันไม่เป็นอย่างนั้น ถ้าดีจริงธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) คงไม่ปล่อยมา แต่จำเลยที่ 2 (ร.ท. สุชาย เชาว์วิศิษฐ) ตอบกลับว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีปัญหา สามารถจัดการได้"
นอกจากนี้พยาน (นายชัยณรงค์ อินทรมีทรัพย์) ยังเบิกความว่า "คำว่า ซุปเปอร์บอส หมายถึง จำเลยที่ 1 (พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร) ถ้าเป็นคุณหญิงพจมาน จะต้องมีนักธุรกิจคนหนึ่งเข้ามาเกี่ยวข้อง จำเลยที่ 1 และคุณหญิงพจมานหรือบุคคลใกล้ชิดมีการแทรกแซงการบริหารงานของธนาคารผู้เสียหายปรากฏชัด จากการเปลี่ยนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจาก นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็น ร้อยเอก สุชาติ เชาว์วิศิษฐ ได้มีการผลักดันให้นักธุรกิจคนหนึ่ง เป็นกรรมการธนาคารผู้เสียหาย แต่เนื่องจากนักธุรกิจคนดังกล่าวขาดคุณสมบัติจึงไม่สามารถแต่งตั้งได้"
พยานยังเบิกความไปอีกว่า นางเยาวเรศ ชินวัตร น้องของจำเลยที่ 1 (พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร) ก็เคยขอให้ธนาคารผู้เสียหายลดหนี้ให้บริษัท บลูริเวอร์ ไดมอนด์ จำกัด จำนวน 1,713,000,000 บาท โดยจำเลยที่ 3 (นายวิโรจน์ นวลแข) แจ้งคณะกรรมการบริหารว่า ได้คุยกับนางเยาวเรศ ซึ่งรู้จักลูกหนี้ นางเยาวเรศบอกว่าลูกหนี้แจ้งว่า ไม่มีทรัพย์สินอื่น ทั้ง ๆ ที่ ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ธนาคารผู้เสียหายสืบหาทรัพย์สินของลูกหนี้พบว่าลูกหนี้เป็นนายกสมาคมและยังมีทรัพย์สินจำนวนมาก ในที่สุดธนาคารผู้เสียหายก็ยินยอมลดหนี้จำนวนดังกล่าวให้
จากการตรวจสอบพบว่า นางเยาวเรศ ชินวัตร เป็นกรรมการธุรกิจทั้งสิ้น 12 บริษัท 10 บริษัท เลิกกิจการและบางแห่งเป็นกิจการร้าง มีเพียง 2 แห่งที่ยังเปิดดำเนินการ คือ บริษัท ชินวัตร (ภูเก็ต) จำกัด และ บริษัท ชินวัตร โฮม มาร์ท จำกัด
ด้าน บริษัท บลูริเวอร์ ไดมอนด์ จำกัด ที่ถูกพยานเบิกความว่า นางเยาวเรศ ได้ขอให้ลดหนี้จำนวน 1,713,000,000 บาท โดยบริษัทดังกล่าวจดทะเบียนวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2525 ทุนปัจจุบัน 50 ล้านบาท ประกอบธุรกิจ จำหน่ายเครื่องประดับและอัญมณี ที่ตั้งเลขที่ 1737/7-8 ถนนลาดพร้าว แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ โดยมี นางวิภาดา ภารดีวิสุทธิ์ เป็นกรรมการ ณ 30 เมษายน 2558 น.ส.พัชรา ธรรมาวรานุคุปต์ ถือหุ้นใหญ่ 4,000 หุ้น, นางอุไรวรรณ ภารดีวิสุทธิ์ 600 หุ้น, และ น.ส.ปัทมา ธรรมาวรานุคุปต์ 400 หุ้น แจ้งผลประกอบการ ปี 2557 รายได้ 29,702,568 บาท ขาดทุนสุทธิ 1,682,079 บาท สินทรัพย์ 63,698,490 บาท หนี้สิน 2,655,498 บาท กำไรสะสม 11,042,991 บาท
ที่มา
http://hilight.kapook.com/view/127789
#################################################################################
รบกวนเปิดไปแล้วอ่านเม้นแรกด้วยนะครับในหน้าที่ผมให้ลิงค์ โดนใจผมมาก
ผมบอกแล้วใครทำอะไรก็จะออกมาเห็นผลเอง กองเชียร์ก็เชียร์ไป โลกสวยเสียอย่างอย่างแดงห้องนี้บางกลุ่ม ไม่ว่าฟ้าจะถล่มดินจะทลาย ประเทศจะ...หาย ไม่สน ตระกูลนี้โดยเฉพาะพี่ทักกี้ของสาวก ดีหมด โดนคนอื่นแกล้ง โถๆ ทักกี้ใช้ท่าหงส์ร่อนหรือไง "โอม จงรักตู หลงตู ซื่อสัตย์กับตู " อิอิ
เตรียมตัวเหลือแต่ชื่ออย่างที่ คุณ โจขิง เขียนไว้กระทู้ด้านล่างละกัน อิอิ
เปิดคำวินิจฉัยคดีกู้กรุงไทย ปูด เยาวเรศ ขอลดหนี้ให้บริษัทคนรู้จัก 1,713 ล้าน ... เห้ยนี่มัน (By Identity Idea )
ภายหลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางเมืองได้พิพากษาคดีทุจริตปล่อยกู้เงินธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร.ท. สุชาย เชาว์วิศิษฐ อดีตประธานกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย นายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย กรรมการบริหาร คณะกรรมการสินเชื่อ เจ้าหน้าที่สินเชื่อของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทในเครือกฤษดามหานคร และ 3 บริษัทในเครือกฤษดามหานคร เป็นจำเลยที่ 1-27 ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2558 (อ่านข่าว วิโรจน์ นวลแข สุชาย เชาว์วิศิษฐ์ ถูกจำคุก 18 ปี คดีกรุงไทยปล่อยกู้กฤษดามหานคร)
ต่อมาสำนักข่าวอิศราได้รายงานความเห็นในการวินิจฉัยในคดีดังกล่าวของศาลอาญาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยสรุปดังนี้
คำวินิจฉัยส่วนหนึ่ง (หน้า93-94) ในประเด็นที่ว่า จำเลยที่ 2-5 (ร.ท. สุชาย เชาว์วิศิษฐ นายวิโรจน์ นวลแข นายมัชฌิมา กุญชร ณ อยุธยา นายพงศธร สิริโยธิน) และ จำเลยที่ 8-27 ได้ร่วมกันกระทำความผิดหรือสนับสนุน จำเลยที่ 1 (พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ยศในขณะนั้น) ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการดูแลกิจการธนาคารผู้เสียหาย ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตและโดยมิชอบเข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น
รายละเอียดคำวินิจฉัยศาลระบุว่า "โจทก์ (อัยการสูงสุด) มีนายชัยณรงค์ อินทรมีทรัพย์ กรรมการบริหารธนาคารผู้เสียหาย เป็นพยานเบิกความว่า เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2546 ซึ่งเป็นวันที่คณะกรรมการบริหารนัดประชุมพิจารณาสินเชื่อรายของจำเลยที่ 19 (บริษัท โกลเด้น เทคโนโลยี่ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด) จำเลยที่ 2 (ร.ท. สุชาย เชาว์วิศิษฐ) โทรศัพท์มาหาพยานพูดว่า เรื่องของจำเลยที่ 19 "นายบุญคลี" ได้ดูดีแล้วและ "ซุปเปอร์บอส" ได้ตกลงแล้ว อย่าสอบถามข้อมูลมากนัก และขอให้พิจารณาไปโดยเร็ว ทางพยานโต้แย้งว่า พยานเคยเกี่ยวข้องกับที่ดินบริเวณนั้น มันไม่เป็นอย่างนั้น ถ้าดีจริงธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) คงไม่ปล่อยมา แต่จำเลยที่ 2 (ร.ท. สุชาย เชาว์วิศิษฐ) ตอบกลับว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีปัญหา สามารถจัดการได้"
นอกจากนี้พยาน (นายชัยณรงค์ อินทรมีทรัพย์) ยังเบิกความว่า "คำว่า ซุปเปอร์บอส หมายถึง จำเลยที่ 1 (พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร) ถ้าเป็นคุณหญิงพจมาน จะต้องมีนักธุรกิจคนหนึ่งเข้ามาเกี่ยวข้อง จำเลยที่ 1 และคุณหญิงพจมานหรือบุคคลใกล้ชิดมีการแทรกแซงการบริหารงานของธนาคารผู้เสียหายปรากฏชัด จากการเปลี่ยนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจาก นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็น ร้อยเอก สุชาติ เชาว์วิศิษฐ ได้มีการผลักดันให้นักธุรกิจคนหนึ่ง เป็นกรรมการธนาคารผู้เสียหาย แต่เนื่องจากนักธุรกิจคนดังกล่าวขาดคุณสมบัติจึงไม่สามารถแต่งตั้งได้"
พยานยังเบิกความไปอีกว่า นางเยาวเรศ ชินวัตร น้องของจำเลยที่ 1 (พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร) ก็เคยขอให้ธนาคารผู้เสียหายลดหนี้ให้บริษัท บลูริเวอร์ ไดมอนด์ จำกัด จำนวน 1,713,000,000 บาท โดยจำเลยที่ 3 (นายวิโรจน์ นวลแข) แจ้งคณะกรรมการบริหารว่า ได้คุยกับนางเยาวเรศ ซึ่งรู้จักลูกหนี้ นางเยาวเรศบอกว่าลูกหนี้แจ้งว่า ไม่มีทรัพย์สินอื่น ทั้ง ๆ ที่ ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ธนาคารผู้เสียหายสืบหาทรัพย์สินของลูกหนี้พบว่าลูกหนี้เป็นนายกสมาคมและยังมีทรัพย์สินจำนวนมาก ในที่สุดธนาคารผู้เสียหายก็ยินยอมลดหนี้จำนวนดังกล่าวให้
จากการตรวจสอบพบว่า นางเยาวเรศ ชินวัตร เป็นกรรมการธุรกิจทั้งสิ้น 12 บริษัท 10 บริษัท เลิกกิจการและบางแห่งเป็นกิจการร้าง มีเพียง 2 แห่งที่ยังเปิดดำเนินการ คือ บริษัท ชินวัตร (ภูเก็ต) จำกัด และ บริษัท ชินวัตร โฮม มาร์ท จำกัด
ด้าน บริษัท บลูริเวอร์ ไดมอนด์ จำกัด ที่ถูกพยานเบิกความว่า นางเยาวเรศ ได้ขอให้ลดหนี้จำนวน 1,713,000,000 บาท โดยบริษัทดังกล่าวจดทะเบียนวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2525 ทุนปัจจุบัน 50 ล้านบาท ประกอบธุรกิจ จำหน่ายเครื่องประดับและอัญมณี ที่ตั้งเลขที่ 1737/7-8 ถนนลาดพร้าว แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ โดยมี นางวิภาดา ภารดีวิสุทธิ์ เป็นกรรมการ ณ 30 เมษายน 2558 น.ส.พัชรา ธรรมาวรานุคุปต์ ถือหุ้นใหญ่ 4,000 หุ้น, นางอุไรวรรณ ภารดีวิสุทธิ์ 600 หุ้น, และ น.ส.ปัทมา ธรรมาวรานุคุปต์ 400 หุ้น แจ้งผลประกอบการ ปี 2557 รายได้ 29,702,568 บาท ขาดทุนสุทธิ 1,682,079 บาท สินทรัพย์ 63,698,490 บาท หนี้สิน 2,655,498 บาท กำไรสะสม 11,042,991 บาท
ที่มา http://hilight.kapook.com/view/127789
#################################################################################
รบกวนเปิดไปแล้วอ่านเม้นแรกด้วยนะครับในหน้าที่ผมให้ลิงค์ โดนใจผมมาก
ผมบอกแล้วใครทำอะไรก็จะออกมาเห็นผลเอง กองเชียร์ก็เชียร์ไป โลกสวยเสียอย่างอย่างแดงห้องนี้บางกลุ่ม ไม่ว่าฟ้าจะถล่มดินจะทลาย ประเทศจะ...หาย ไม่สน ตระกูลนี้โดยเฉพาะพี่ทักกี้ของสาวก ดีหมด โดนคนอื่นแกล้ง โถๆ ทักกี้ใช้ท่าหงส์ร่อนหรือไง "โอม จงรักตู หลงตู ซื่อสัตย์กับตู " อิอิ
เตรียมตัวเหลือแต่ชื่ออย่างที่ คุณ โจขิง เขียนไว้กระทู้ด้านล่างละกัน อิอิ