เอาภาพนี้มาแปะแทนเพราะไม่อยากเอาภาพสปอยล์ขึ้นภาพแรก
- ต่อจากตอนที่แล้วที่คนน้องถามพระเอกว่าจะไปตามหาคนพี่ด้วยกันมั้ย
- พระเอกนิ่งคิดอยู่พักเดียวก็ตอบกลับทันทีว่าไม่ไป คนน้องก็ทำท่าตกใจเพราะผิดคาด ร้องถามว่าทำไมล่ะ อยู่ๆ ก็หายตัวไปแบบนั้นไม่รู้สึกคาใจบ้างรึไง พระเอกนิ่งไปนิดหนึ่งก็ยืนยันคำเดิมว่าไม่ไป แล้วตัดบทเดินหนี ทิ้งให้คนน้องยืนหน้าบูดอยู่ข้างหลัง
- คนน้องเห็นพระเอกทำท่าแบบนั้นก็อารมณ์เสียขึ้นมา วันรุ่งขึ้นเลยไปนั่งบ่นให้เจ้าของร้านกะเทยกับพนักงานร้านฟังว่าไม่เข้าใจเลยว่าพระเอกคิดอะไรอยู่
- เจ้าของร้านก็เปลี่ยนเรื่องไปถามคนน้องว่าแล้วตัวคนน้องล่ะจะเอาไงต่อ คนน้องก็ถามว่าเรื่องอะไร เจ้าของร้านก็บอกว่าก็เรื่องกับพระเอกไง คนน้องชอบพระเอกอยู่แท้ๆ ทำไมถึงพยายามหาทางทำให้พระเอกกับคนพี่ที่แยกจากกันไปแล้วให้กลับมาเจอกันอีก ทำไมไม่ฉวยโอกาสทำคะแนนให้ตัวเองล่ะ
- คนน้องนิ่งไปนิดนึงก็ตอบว่า ตัวเองแค่อยากเคลียร์เรื่องให้มันชัดเจนแค่นั้น เพราะตัวคนน้องก็เข้าใจดีว่าความรู้สึกขุ่นมัวเพราะไม่ได้บอกเรื่องที่อยากบอกกับอีกฝ่ายให้ชัดเจนนั้นเป็นยังไง ถึงได้อยากช่วยให้พระเอกเคลียร์เรื่องนั้นได้ เจ้าของร้านได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่พึมพำแบบอ่อนใจว่าความรักของคนน้องนี่แปลกดีนะ
- เย็นวันนั้น คนน้องดักรอคุณแม่กลับบ้าน แล้วถามเรื่องที่อยู่ของคนพี่ แต่ก็เจอคุณแม่ตัดบทเหมือนเดิมว่าไม่รู้ (จริงๆ คือรู้แต่จงใจปิดบังไว้) คนน้องก็โวยว่าคนในครอบครัวตัวเองหายไปแบบนี้ไม่คิดจะตามหาบ้างเลยเหรอ คุณแม่ก็บอกว่าก็เพราะเป็นครอบครัวเดียวกันน่ะสิถึงไม่คิดจะตามหา ถึงจะห่วงพี่แค่ไหนก็เถอะ ตัวพี่เองก็เป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว ดังนั้นถ้าเค้าบอกไม่เป็นไรก็มีแต่ต้องเชื่อว่าไม่เป็นไรแล้วรอต่อไปเท่านั้น ว่าจบคุณแม่ก็ตัดบทกลับขึ้นห้องไป ทิ้งให้คนน้องมองตามด้วยสีหน้าผิดหวัง
- สุดท้ายพอถามเอากับแม่ไม่ได้ คนน้องก็เริ่มหว่านแหถามคนที่น่าจะรู้ไปทั่ว แถมยังเล่นแรงถึงขั้นขู่ว่าถ้าไม่บอกจะเปิดเผยความลับที่ไม่อยากให้ใครรู้อีก
- โดยเหยื่อคนแรกก็คือ อ.คิริยะที่สนิทกับคนพี่พอสมควร อ.คิริยะโดนทั้งขู่ทั้งบีบน้ำตาเข้าเป็นชุดก็ได้แต่บอกว่าตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะเคสของคนพี่ถือเป็นเคสพิเศษ พวกอาจารย์เลยไม่มีใครรู้อะไรเลย คราวนี้เลยโดนไล่เบี้ยต่อว่าแล้วใครน่าจะรู้บ้าง อ.คิริยะโดนกดดันมากเข้าก็บอกว่าอาจารย์หัวหน้าชั้นปีน่าจะรู้ (หมายเหตุ - คนนี้ในตอนก่อนๆ ผมเคยแปลไปว่าอาจารย์หัวหน้าภาคเพราะไม่ได้เห็นชื่อตำแหน่งเต็มๆ แต่มาตอนนี้เห็นชื่อตำแหน่งเต็มๆ แล้ว ต้องเป็นอาจารย์หัวหน้าชั้นปี...คืออาจารย์ที่ทำหน้าที่ดูแลอ.ที่ปรึกษาของชั้นปีใดชั้นปีหนึ่งครับ)
- คนน้องเลยไปไล่เบี้ยเอากับอ.หัวหน้าชั้นปีเรื่องที่อยู่ของคนพี่อีกรอบ ทีแรกอาจารย์ก็อึกอักทำท่าไม่อยากตอบ คนน้องต้องบอกว่าหนูเป็นน้องนะ มีสิทธิ์รู้ว่าพี่ตัวเองไปอยู่ไหนไม่ใช่เหรอ ว่าจบก็ควักเอาภาพลับของอ.หัวหน้าชั้นปีมาขู่ จนอ.ต้องยอมแต่โดยดี
- หลังรู้ที่อยู่คนพี่แล้ว เลิกเรียนวันนั้นคนน้องก็วิ่งไปหาพระเอก ลากตัวไปด้วยกันจะพาไปหาคนพี่ให้ได้ พระเอกต้องกระชากมือกลับแล้วขึ้นเสียงใส่ถึงยอมหยุด
- เห็นทีท่าของพระเอกแบบนั้น คนน้องก็ทำท่าไม่เข้าใจ ถามพระเอกว่าทำไมล่ะ อยากเจอคนพี่ไม่ใช่เหรอ พระเอกก็บอกว่าอยากสิ แต่ในจดหมายคนพี่เขียนบอกไว้ว่าอย่าตามหา กับให้ทำความฝันที่อยากเป็นนักเขียนนิยายให้เป็นจริงให้ได้ เพราะงั้นตัวเขายังไปตามหาคนพี่ตอนนี้ไม่ได้หรอก ขืนไปหาตอนนี้ ที่คนพี่เตรียมใจมาก็สูญเปล่าหมด เขาตัดสินใจแล้วว่าตัวเองจะไปหาคนพี่ได้ก็ต่อเมื่อตัวเองมีคุณสมบัติจะเจอหน้าคนพี่ได้แล้วเท่านั้น
- คนน้องได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่เงียบพูดอะไรไม่ออก พระเอกเห็นคนน้องทำท่าแบบนั้นก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากบอกขอบคุณที่เป็นห่วงเท่านั้น
- หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไป พระเอกกับคนน้องก็กลับไปใช้ชีวิตประจำวันเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
- จนวันหนึ่ง อ.คิริยะก็มาบอกพระเอกให้ไปหาที่อพาร์ทเมนท์ พระเอกก็ไปหาแบบงงๆ ว่ามีอะไรหว่า
- พอไปถึงก็เจออ.คิริยะนั่งรออยู่พร้อมกับผู้ชายวัยพอๆ กับอาจารย์อีกคน ผู้ชายคนนั้นพอเห็นหน้าพระเอกก็ยิ้มกว้าง เดินเข้ามาทักทายแบบสนิทสนมสุดๆ พร้อมแนะนำตัวว่าชื่อ
"สึทายะ โซอิจิโร่" มาที่นี่เพื่อ
"ฉกตัวพระเอกไป"
- พระเอกได้แต่ยืนเอ๋ออยู่กับที่ (แอบซีดหน่อยๆ เพราะวิธีพูดแกส่อวายเหลือเกิน) อย่างไม่เข้าใจสถานการณ์เป็นอันจบตอนนี้
- จบตอน 69 -
ตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเหมือนเดิมแฮะ นอกจากคนน้องไล่ถามหาที่อยู่คนพี่ไปเรื่อย (จนตอนนี้รู้แล้วว่าอยู่ไหน) มีน่าพูดถึงแค่ตัวละครใหม่ที่อ.คิริยะแนะนำให้พระเอกรู้จักในตอนนี้เท่านั้น
เดาว่าคงเป็นบ.ก.สำนักพิมพ์ หรือคนทำงานเกี่ยวข้องกับนิยายหรือสิ่งพิมพ์ด้านใดด้านหนึ่งแฮะ
ส่วนจะคุยกันเรื่องอะไรนั้นคงต้องรอดูตอนหน้าอย่างเดียวแฮะ
[Spoil] Domestic na Kanojo #69 - การเตรียมใจของพระเอก
- ต่อจากตอนที่แล้วที่คนน้องถามพระเอกว่าจะไปตามหาคนพี่ด้วยกันมั้ย
- พระเอกนิ่งคิดอยู่พักเดียวก็ตอบกลับทันทีว่าไม่ไป คนน้องก็ทำท่าตกใจเพราะผิดคาด ร้องถามว่าทำไมล่ะ อยู่ๆ ก็หายตัวไปแบบนั้นไม่รู้สึกคาใจบ้างรึไง พระเอกนิ่งไปนิดหนึ่งก็ยืนยันคำเดิมว่าไม่ไป แล้วตัดบทเดินหนี ทิ้งให้คนน้องยืนหน้าบูดอยู่ข้างหลัง
- คนน้องเห็นพระเอกทำท่าแบบนั้นก็อารมณ์เสียขึ้นมา วันรุ่งขึ้นเลยไปนั่งบ่นให้เจ้าของร้านกะเทยกับพนักงานร้านฟังว่าไม่เข้าใจเลยว่าพระเอกคิดอะไรอยู่
- เจ้าของร้านก็เปลี่ยนเรื่องไปถามคนน้องว่าแล้วตัวคนน้องล่ะจะเอาไงต่อ คนน้องก็ถามว่าเรื่องอะไร เจ้าของร้านก็บอกว่าก็เรื่องกับพระเอกไง คนน้องชอบพระเอกอยู่แท้ๆ ทำไมถึงพยายามหาทางทำให้พระเอกกับคนพี่ที่แยกจากกันไปแล้วให้กลับมาเจอกันอีก ทำไมไม่ฉวยโอกาสทำคะแนนให้ตัวเองล่ะ
- คนน้องนิ่งไปนิดนึงก็ตอบว่า ตัวเองแค่อยากเคลียร์เรื่องให้มันชัดเจนแค่นั้น เพราะตัวคนน้องก็เข้าใจดีว่าความรู้สึกขุ่นมัวเพราะไม่ได้บอกเรื่องที่อยากบอกกับอีกฝ่ายให้ชัดเจนนั้นเป็นยังไง ถึงได้อยากช่วยให้พระเอกเคลียร์เรื่องนั้นได้ เจ้าของร้านได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่พึมพำแบบอ่อนใจว่าความรักของคนน้องนี่แปลกดีนะ
- เย็นวันนั้น คนน้องดักรอคุณแม่กลับบ้าน แล้วถามเรื่องที่อยู่ของคนพี่ แต่ก็เจอคุณแม่ตัดบทเหมือนเดิมว่าไม่รู้ (จริงๆ คือรู้แต่จงใจปิดบังไว้) คนน้องก็โวยว่าคนในครอบครัวตัวเองหายไปแบบนี้ไม่คิดจะตามหาบ้างเลยเหรอ คุณแม่ก็บอกว่าก็เพราะเป็นครอบครัวเดียวกันน่ะสิถึงไม่คิดจะตามหา ถึงจะห่วงพี่แค่ไหนก็เถอะ ตัวพี่เองก็เป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว ดังนั้นถ้าเค้าบอกไม่เป็นไรก็มีแต่ต้องเชื่อว่าไม่เป็นไรแล้วรอต่อไปเท่านั้น ว่าจบคุณแม่ก็ตัดบทกลับขึ้นห้องไป ทิ้งให้คนน้องมองตามด้วยสีหน้าผิดหวัง
- สุดท้ายพอถามเอากับแม่ไม่ได้ คนน้องก็เริ่มหว่านแหถามคนที่น่าจะรู้ไปทั่ว แถมยังเล่นแรงถึงขั้นขู่ว่าถ้าไม่บอกจะเปิดเผยความลับที่ไม่อยากให้ใครรู้อีก
- โดยเหยื่อคนแรกก็คือ อ.คิริยะที่สนิทกับคนพี่พอสมควร อ.คิริยะโดนทั้งขู่ทั้งบีบน้ำตาเข้าเป็นชุดก็ได้แต่บอกว่าตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะเคสของคนพี่ถือเป็นเคสพิเศษ พวกอาจารย์เลยไม่มีใครรู้อะไรเลย คราวนี้เลยโดนไล่เบี้ยต่อว่าแล้วใครน่าจะรู้บ้าง อ.คิริยะโดนกดดันมากเข้าก็บอกว่าอาจารย์หัวหน้าชั้นปีน่าจะรู้ (หมายเหตุ - คนนี้ในตอนก่อนๆ ผมเคยแปลไปว่าอาจารย์หัวหน้าภาคเพราะไม่ได้เห็นชื่อตำแหน่งเต็มๆ แต่มาตอนนี้เห็นชื่อตำแหน่งเต็มๆ แล้ว ต้องเป็นอาจารย์หัวหน้าชั้นปี...คืออาจารย์ที่ทำหน้าที่ดูแลอ.ที่ปรึกษาของชั้นปีใดชั้นปีหนึ่งครับ)
- คนน้องเลยไปไล่เบี้ยเอากับอ.หัวหน้าชั้นปีเรื่องที่อยู่ของคนพี่อีกรอบ ทีแรกอาจารย์ก็อึกอักทำท่าไม่อยากตอบ คนน้องต้องบอกว่าหนูเป็นน้องนะ มีสิทธิ์รู้ว่าพี่ตัวเองไปอยู่ไหนไม่ใช่เหรอ ว่าจบก็ควักเอาภาพลับของอ.หัวหน้าชั้นปีมาขู่ จนอ.ต้องยอมแต่โดยดี
- หลังรู้ที่อยู่คนพี่แล้ว เลิกเรียนวันนั้นคนน้องก็วิ่งไปหาพระเอก ลากตัวไปด้วยกันจะพาไปหาคนพี่ให้ได้ พระเอกต้องกระชากมือกลับแล้วขึ้นเสียงใส่ถึงยอมหยุด
- เห็นทีท่าของพระเอกแบบนั้น คนน้องก็ทำท่าไม่เข้าใจ ถามพระเอกว่าทำไมล่ะ อยากเจอคนพี่ไม่ใช่เหรอ พระเอกก็บอกว่าอยากสิ แต่ในจดหมายคนพี่เขียนบอกไว้ว่าอย่าตามหา กับให้ทำความฝันที่อยากเป็นนักเขียนนิยายให้เป็นจริงให้ได้ เพราะงั้นตัวเขายังไปตามหาคนพี่ตอนนี้ไม่ได้หรอก ขืนไปหาตอนนี้ ที่คนพี่เตรียมใจมาก็สูญเปล่าหมด เขาตัดสินใจแล้วว่าตัวเองจะไปหาคนพี่ได้ก็ต่อเมื่อตัวเองมีคุณสมบัติจะเจอหน้าคนพี่ได้แล้วเท่านั้น
- คนน้องได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่เงียบพูดอะไรไม่ออก พระเอกเห็นคนน้องทำท่าแบบนั้นก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากบอกขอบคุณที่เป็นห่วงเท่านั้น
- หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไป พระเอกกับคนน้องก็กลับไปใช้ชีวิตประจำวันเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
- จนวันหนึ่ง อ.คิริยะก็มาบอกพระเอกให้ไปหาที่อพาร์ทเมนท์ พระเอกก็ไปหาแบบงงๆ ว่ามีอะไรหว่า
- พอไปถึงก็เจออ.คิริยะนั่งรออยู่พร้อมกับผู้ชายวัยพอๆ กับอาจารย์อีกคน ผู้ชายคนนั้นพอเห็นหน้าพระเอกก็ยิ้มกว้าง เดินเข้ามาทักทายแบบสนิทสนมสุดๆ พร้อมแนะนำตัวว่าชื่อ "สึทายะ โซอิจิโร่" มาที่นี่เพื่อ "ฉกตัวพระเอกไป"
- พระเอกได้แต่ยืนเอ๋ออยู่กับที่ (แอบซีดหน่อยๆ เพราะวิธีพูดแกส่อวายเหลือเกิน) อย่างไม่เข้าใจสถานการณ์เป็นอันจบตอนนี้
- จบตอน 69 -
ตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเหมือนเดิมแฮะ นอกจากคนน้องไล่ถามหาที่อยู่คนพี่ไปเรื่อย (จนตอนนี้รู้แล้วว่าอยู่ไหน) มีน่าพูดถึงแค่ตัวละครใหม่ที่อ.คิริยะแนะนำให้พระเอกรู้จักในตอนนี้เท่านั้น
เดาว่าคงเป็นบ.ก.สำนักพิมพ์ หรือคนทำงานเกี่ยวข้องกับนิยายหรือสิ่งพิมพ์ด้านใดด้านหนึ่งแฮะ
ส่วนจะคุยกันเรื่องอะไรนั้นคงต้องรอดูตอนหน้าอย่างเดียวแฮะ