เอาภาพนี้มาแปะแทนเพราะตอนนี้ไม่มีภาพเปิดครับ
- ต่อจากตอนก่อนที่ไอ้แว่นหัวดำไปหาเรื่องกับนักเรียนนักเลงที่มาดูถูกชมรมแบบไม่กลัวตาย
- ตัวหัวหน้านักเลงพอโดนด่าก็ยิ่งโมโหอัดไอ้แว่นหัวดำต่อเปรี้ยงใหญ่ พวกลิ่วล้อก็พูดจาทำนองดูถูกชมรมวรรณศิลป์เป็นชุด จนไอ้หนูหัวดำทนไม่ไหวตะคอกใส่ตัวหัวหน้านักเลงแบบลืมตัวลืมตายว่าถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะ
- ไอ้หัวหน้านักเลงเลยโมโหจะกระทืบต่อ ก็พอดีเพื่อนอ้วนของพระเอกกับเจ้าของร้านกะเทยควายผ่านมาพอดี เลยรีบเข้ามาระงับเหตุ ไอ้นักเลงไม่สนใจ เดินเข้าไปขู่ไล่เจ้าของร้านกะเทยควายไป แต่พอเห็นเจ้าของร้านสักรอยสักแบบยากูซ่า (อนึ่งเผื่อใครลืมแล้ว เจ้าของร้านแกเป็นอดีตยากูซ่าล้างมือจากวงการ) แถมเจอขู่ด้วยสายตากับคำพูดอีกสองสามคำก็ซีด พากันหนีไป
- หลังพวกนักเลงหนีไปแล้ว เจ้าของร้านกับเพื่อนอ้วนก็พาไอ้แว่นหัวดำมานั่งทำแผลที่ร้านของชมรมวรรณศิลป์ สมาชิกชมรมเห็นไอ้แว่นหัวดำน่วมกลับมาก็แตกตื่นกันใหญ่ ไอ้แว่นหัวดำเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทุกคนฟัง เรื่องที่ตัวเองยอมไม่ได้ที่พวกนักเลงมาพูดจาดูถูกผลงานที่ทุกคนในชมรมวรรณศิลป์ ทำเอาเจ้าของร้านกะเทยควายถึงกับซึ้ง วิ่งแจ้นกลับไปเอาชุดคาบาเร่ต์มาใส่เต้นเรียกแขกให้มาซื้อนิตยสารของชมรมวรรณศิลป์เฉย
- ปรากฏว่าได้ผล เพราะมีคนสนใจแวะเข้ามาที่บูธเรื่อยๆ จนนิตยสารขายดีเป็นเทน้ำเทท่าไปเลย
- ฉากตัดไปช่วงเย็นหลังเลิกงานวันแรก โดยพอเลิกงานโรงเรียน พระเอกกับคนน้องก็ชวนกันมาซื้อของสำหรับเตรียมทำขนมขายในงานโรงเรียนวันที่สอง
- ระหว่างเดินเลือกของอยู่ พระเอกก็ชวนคุยโน่นคุยนี่เกี่ยวกับเรื่องในวันนี้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่คนน้องกลับเอาแต่นิ่งฟังที่พระเอกพูดอยู่เงียบๆ ฝ่ายเดียวไม่ตอบอะไร
- ปล่อยให้พระเอกจ้ออยู่คนเดียวไปพักหนึ่ง คนน้องก็ตัดสินใจบอกขอบคุณพระเอกเรื่องที่มาช่วยที่บ้านผีสิงเมื่อกลางวัน ทำเอาพระเอกถึงกับชะงักออกอาการตะกุกตะกักไปนิด ก่อนจะพยายามปรับสีหน้าท่าทางมาคุยกันเป็นปกติพลางหยิบของเลือกของไป
- จังหวะนั้นเองคนน้องที่กำลังหยิบฟักทองจากชั้นวางก็เกิดทำฟักทองหลุดมือ เลยย่อตัวพรวดจะคว้าฟักทองไว้จนเสียหลักเกือบล้มฟาดพื้น แต่พระเอกหันมาเห็นก่อนเลยคว้าตัวไว้ทัน เลยเข้าท่ากึ่งซบอกกึ่งจับมือไปแบบไม่ตั้งใจ
- ต่างฝ่ายต่างชะงักนิ่งค้างไปหลายวินาที ก่อนที่พระเอกจะเป็นฝ่ายรีบูตหัวสมองได้ก่อน เลยรีบลนลานผละจากคนน้องทันที ส่วนคนน้องได้แต่ยืนนิ่งพลางก้มหน้าซ่อนสีหน้าที่แดงฉานเป็นลูกตำลึงไว้
- บรรยากาศกระอักกระอ่วนครอบคลุมรอบตัวพระเอกกับคนน้องอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่พระเอกจะตัดสินใจแก้เก้อด้วยการแยกตัวไปเลือกของอื่นอีกฟากหนึ่ง ทิ้งให้คนน้องยืนมองพระเอกหน้าแดงอยู่ที่เดิมแบบนั้น
- ระหว่างนั้น คนน้องก็นึกไปถึงตอนที่เดินเที่ยวงานกับอัลเมื่อช่วงพักวันนี้ โดยอัลบอกกับคนน้องตรงๆ เรื่องที่ตัวเองท้าพนันกับพระเอกเรื่องคนน้องไว้ และบอกกับคนน้องว่า ถ้าภายในวันงานโรงเรียนสองวันนี้พระเอกยังนิ่งเงียบไม่ยอมตัดสินใจให้เด็ดขาด ก็ขอให้คนน้องมาเป็นแฟนตัวเองด้วย
- แล้วก็ถึงวันงานโรงเรียนวันที่สอง โดยงานวันนี้ไอ้แว่นหัวดำจัดการทำโปสเตอร์โปรโมทชมรมมาซะสวย จนหนูแว่นถึงกับออกอาการประทับใจที่ไอ้แว่นเริ่มปรับตัวยอมรับฟังคนอื่นบ้างแล้ว
- ระหว่างนั้นน้องประธานชมรมก็กำลังคิดกลับไปกลับมาอยู่ในหัวว่าจะสารภาพรักกับอ.คิริยะดีมั้ย (อารมณ์ประมาณกลัวไม่ได้สารภาพรักก็กลัว กลัวสารภาพแล้วอาจารย์จะลำบากใจจนเข้าหน้าไม่ติดก็กลัวนั่นแล)
- กำลังจิตงุ่นง่านได้ที่ ก็พอดีมีคนแวะเข้ามาที่ชมรมระหว่างกำลังจัดข้าวของเตรียมออกร้าน พอออกไปดูก็ปรากฏว่าเป็นยัยหัวทองที่เคยมาก่อเรื่องที่ชมรมวรณศิลป์เมื่อปีที่แล้ว
ลงรูปเผื่อใครลืมหน้า
- ยัยหัวทองมาขอโทษอ.คิริยะกับชมรมวรรณศิลป์ทุกคนที่ก่อเรื่องให้ชมรมเดือดร้อนเมื่อปีที่แล้ว เลยซื้อชูครีมมาเป็นของฝากให้สมาชิกชมรมเป็นการไถ่โทษวันนี้ สร้างความยินดีให้กับสมาชิกชมรมคนอื่นเป็นอย่างมาก อ.คิริยะเองยังถึงกับอดยิ้มแบบเอ็นดูอีกฝ่ายไม่ได้ ในขณะที่ยัยหัวทองเห็นอาจารย์ยิ้มให้ก็ถึงกับหน้าแดงด้วยความเขิน
- ภาพทั้งหมดนั้นดำเนินไปท่ามกลางสายตากระสับกระส่ายปนอึดอัดของน้องประธานชมรมที่ยืนดูอยู่ห่างๆ
ก็จบงานโรงเรียนวันที่หนึ่งขึ้นงานวันที่สองเรียบร้อยแล้วแฮะตอนนี้
ตอนนี้เหลือแค่รอดูอย่างเดียวว่าพระเอกจะเริ่มเดินเกมเมื่อไหร่แฮะ ช่วงเวลาแข่งจีบสาวผ่านมาครึ่งทางแล้ว แถมสาวเจ้าก็รู้เงื่อนไขแล้ว แต่บักพระเอกกลับยังไม่มีทีท่าจะเริ่มทำอะไรเลย อีแบบนี้ถ้าไม่รีบลงมือมีหวังได้ไปร้องเพลง 25 Minutes ทีหลังแหงๆ
แต่ระหว่างนั้นก็คงต้องนั่งรอดูคู่อื่นๆ เคลียร์รูทกันไปละกัน (อยากเห็นคู่น้องประธานชมรมกับอ.คิริยะแฮะ ว่าจะเคลียร์กันออกมาเป็นแบบไหน)
[Spoil] Domestic na Kanojo #111 - งานโรงเรียนวันที่สอง
- ต่อจากตอนก่อนที่ไอ้แว่นหัวดำไปหาเรื่องกับนักเรียนนักเลงที่มาดูถูกชมรมแบบไม่กลัวตาย
- ตัวหัวหน้านักเลงพอโดนด่าก็ยิ่งโมโหอัดไอ้แว่นหัวดำต่อเปรี้ยงใหญ่ พวกลิ่วล้อก็พูดจาทำนองดูถูกชมรมวรรณศิลป์เป็นชุด จนไอ้หนูหัวดำทนไม่ไหวตะคอกใส่ตัวหัวหน้านักเลงแบบลืมตัวลืมตายว่าถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะ
- ไอ้หัวหน้านักเลงเลยโมโหจะกระทืบต่อ ก็พอดีเพื่อนอ้วนของพระเอกกับเจ้าของร้านกะเทยควายผ่านมาพอดี เลยรีบเข้ามาระงับเหตุ ไอ้นักเลงไม่สนใจ เดินเข้าไปขู่ไล่เจ้าของร้านกะเทยควายไป แต่พอเห็นเจ้าของร้านสักรอยสักแบบยากูซ่า (อนึ่งเผื่อใครลืมแล้ว เจ้าของร้านแกเป็นอดีตยากูซ่าล้างมือจากวงการ) แถมเจอขู่ด้วยสายตากับคำพูดอีกสองสามคำก็ซีด พากันหนีไป
- หลังพวกนักเลงหนีไปแล้ว เจ้าของร้านกับเพื่อนอ้วนก็พาไอ้แว่นหัวดำมานั่งทำแผลที่ร้านของชมรมวรรณศิลป์ สมาชิกชมรมเห็นไอ้แว่นหัวดำน่วมกลับมาก็แตกตื่นกันใหญ่ ไอ้แว่นหัวดำเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทุกคนฟัง เรื่องที่ตัวเองยอมไม่ได้ที่พวกนักเลงมาพูดจาดูถูกผลงานที่ทุกคนในชมรมวรรณศิลป์ ทำเอาเจ้าของร้านกะเทยควายถึงกับซึ้ง วิ่งแจ้นกลับไปเอาชุดคาบาเร่ต์มาใส่เต้นเรียกแขกให้มาซื้อนิตยสารของชมรมวรรณศิลป์เฉย
- ปรากฏว่าได้ผล เพราะมีคนสนใจแวะเข้ามาที่บูธเรื่อยๆ จนนิตยสารขายดีเป็นเทน้ำเทท่าไปเลย
- ฉากตัดไปช่วงเย็นหลังเลิกงานวันแรก โดยพอเลิกงานโรงเรียน พระเอกกับคนน้องก็ชวนกันมาซื้อของสำหรับเตรียมทำขนมขายในงานโรงเรียนวันที่สอง
- ระหว่างเดินเลือกของอยู่ พระเอกก็ชวนคุยโน่นคุยนี่เกี่ยวกับเรื่องในวันนี้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่คนน้องกลับเอาแต่นิ่งฟังที่พระเอกพูดอยู่เงียบๆ ฝ่ายเดียวไม่ตอบอะไร
- ปล่อยให้พระเอกจ้ออยู่คนเดียวไปพักหนึ่ง คนน้องก็ตัดสินใจบอกขอบคุณพระเอกเรื่องที่มาช่วยที่บ้านผีสิงเมื่อกลางวัน ทำเอาพระเอกถึงกับชะงักออกอาการตะกุกตะกักไปนิด ก่อนจะพยายามปรับสีหน้าท่าทางมาคุยกันเป็นปกติพลางหยิบของเลือกของไป
- จังหวะนั้นเองคนน้องที่กำลังหยิบฟักทองจากชั้นวางก็เกิดทำฟักทองหลุดมือ เลยย่อตัวพรวดจะคว้าฟักทองไว้จนเสียหลักเกือบล้มฟาดพื้น แต่พระเอกหันมาเห็นก่อนเลยคว้าตัวไว้ทัน เลยเข้าท่ากึ่งซบอกกึ่งจับมือไปแบบไม่ตั้งใจ
- ต่างฝ่ายต่างชะงักนิ่งค้างไปหลายวินาที ก่อนที่พระเอกจะเป็นฝ่ายรีบูตหัวสมองได้ก่อน เลยรีบลนลานผละจากคนน้องทันที ส่วนคนน้องได้แต่ยืนนิ่งพลางก้มหน้าซ่อนสีหน้าที่แดงฉานเป็นลูกตำลึงไว้
- บรรยากาศกระอักกระอ่วนครอบคลุมรอบตัวพระเอกกับคนน้องอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่พระเอกจะตัดสินใจแก้เก้อด้วยการแยกตัวไปเลือกของอื่นอีกฟากหนึ่ง ทิ้งให้คนน้องยืนมองพระเอกหน้าแดงอยู่ที่เดิมแบบนั้น
- ระหว่างนั้น คนน้องก็นึกไปถึงตอนที่เดินเที่ยวงานกับอัลเมื่อช่วงพักวันนี้ โดยอัลบอกกับคนน้องตรงๆ เรื่องที่ตัวเองท้าพนันกับพระเอกเรื่องคนน้องไว้ และบอกกับคนน้องว่า ถ้าภายในวันงานโรงเรียนสองวันนี้พระเอกยังนิ่งเงียบไม่ยอมตัดสินใจให้เด็ดขาด ก็ขอให้คนน้องมาเป็นแฟนตัวเองด้วย
- แล้วก็ถึงวันงานโรงเรียนวันที่สอง โดยงานวันนี้ไอ้แว่นหัวดำจัดการทำโปสเตอร์โปรโมทชมรมมาซะสวย จนหนูแว่นถึงกับออกอาการประทับใจที่ไอ้แว่นเริ่มปรับตัวยอมรับฟังคนอื่นบ้างแล้ว
- ระหว่างนั้นน้องประธานชมรมก็กำลังคิดกลับไปกลับมาอยู่ในหัวว่าจะสารภาพรักกับอ.คิริยะดีมั้ย (อารมณ์ประมาณกลัวไม่ได้สารภาพรักก็กลัว กลัวสารภาพแล้วอาจารย์จะลำบากใจจนเข้าหน้าไม่ติดก็กลัวนั่นแล)
- กำลังจิตงุ่นง่านได้ที่ ก็พอดีมีคนแวะเข้ามาที่ชมรมระหว่างกำลังจัดข้าวของเตรียมออกร้าน พอออกไปดูก็ปรากฏว่าเป็นยัยหัวทองที่เคยมาก่อเรื่องที่ชมรมวรณศิลป์เมื่อปีที่แล้ว
ลงรูปเผื่อใครลืมหน้า
- ยัยหัวทองมาขอโทษอ.คิริยะกับชมรมวรรณศิลป์ทุกคนที่ก่อเรื่องให้ชมรมเดือดร้อนเมื่อปีที่แล้ว เลยซื้อชูครีมมาเป็นของฝากให้สมาชิกชมรมเป็นการไถ่โทษวันนี้ สร้างความยินดีให้กับสมาชิกชมรมคนอื่นเป็นอย่างมาก อ.คิริยะเองยังถึงกับอดยิ้มแบบเอ็นดูอีกฝ่ายไม่ได้ ในขณะที่ยัยหัวทองเห็นอาจารย์ยิ้มให้ก็ถึงกับหน้าแดงด้วยความเขิน
- ภาพทั้งหมดนั้นดำเนินไปท่ามกลางสายตากระสับกระส่ายปนอึดอัดของน้องประธานชมรมที่ยืนดูอยู่ห่างๆ
ก็จบงานโรงเรียนวันที่หนึ่งขึ้นงานวันที่สองเรียบร้อยแล้วแฮะตอนนี้
ตอนนี้เหลือแค่รอดูอย่างเดียวว่าพระเอกจะเริ่มเดินเกมเมื่อไหร่แฮะ ช่วงเวลาแข่งจีบสาวผ่านมาครึ่งทางแล้ว แถมสาวเจ้าก็รู้เงื่อนไขแล้ว แต่บักพระเอกกลับยังไม่มีทีท่าจะเริ่มทำอะไรเลย อีแบบนี้ถ้าไม่รีบลงมือมีหวังได้ไปร้องเพลง 25 Minutes ทีหลังแหงๆ
แต่ระหว่างนั้นก็คงต้องนั่งรอดูคู่อื่นๆ เคลียร์รูทกันไปละกัน (อยากเห็นคู่น้องประธานชมรมกับอ.คิริยะแฮะ ว่าจะเคลียร์กันออกมาเป็นแบบไหน)