ภาพเปิดตอนนี้
- เปิดตอนมาที่ฉากประชุมวางแผนออกบูธงานโรงเรียนประจำปีครั้งสุดท้ายของชมรมวรรณศิลป์ต่อจากตอนที่แล้ว
- สมาชิกต่างคนต่างเสนอความคิดเรื่องการจัดงานในรูปแบบต่างๆ โดยหลังจากระดมความคิดกันได้พักหนึ่ง ทั้งหมดก็ตัดสินใจจะทำแบบปีก่อน คือออกหนังสือรวมบทความของชมรมและจัดงานออกร้านไปพร้อมๆ กันด้วย
- ซึ่งรายละเอียดงานออกร้านปีนี้จะต่างจากปีก่อนเล็กน้อย โดยไม่ใช้ธีมเมดคาเฟ่แบบปีก่อน แต่จะใช้ธีมร้านน้ำชาสไตล์ญี่ปุ่นแทน โดยมีคนน้องทำหน้าที่ทำขนมสำหรับขายในร้านให้
- ระหว่างที่นั่งประชุมคุยงานกันอยู่นั้น อัลกับคนน้องกลับยิ้มแย้มคุยกันเหมือนปกติ ทั้งที่เพิ่งโดนบังคับจูบมาเมื่อตอนปิดเทอม ทำเอาพระเอกถึงกับหน้าเสียไปเลย
- หลังคุยงานกันเสร็จ น้องประธานชมรมกับพระเอกก็เอาโครงงานที่เขียนเสร็จแล้วไปให้อ.คิริยะที่ปรึกษาชมรมตรวจดู อ.ก็ออกปากชมว่าเขียนได้ดี (มีแอบหยอดน้องประธานชมรมแบบไม่ตั้งใจด้วย จนน้องประธานอายม้วนไปเลย)
- ส่งโครงงานเสร็จพวกพระเอกก็ขอตัวกลับ แต่อ.คิริยะเรียกพระเอกไว้ แล้วถามถึงอ.นักเขียนที่พระเอกไปฝากตัวเป็นศิษย์ช่วงปิดเทอมหน้าร้อนด้วยดวงตาปิ๊งปั๊งจนผิดอิเมจปกติ (อ.คิริยะแกเป็นแฟนผลงานอ.นักเขียนคนนั้นอยู่)
- พระเอกนึกถึงสภาพของอ.นักเขียนแล้วก็ถึงกับออกอาการพูดไม่ออก ได้แต่ตอบเลี่ยงๆ ไปว่าก็เป็นคนละสไตล์กับอ.คิริยะเลยนั่นแหละ
- ระหว่างที่คุยกันอยู่นั้นจะได้รู้ด้วยว่าพระเอกยังเทียวไปเทียวมาทำงานกับอ.นักเขียนคนนั้นอยู่ ทั้งที่เดิมทีกำหนดไว้แค่ช่วงปิดเทอมหน้าร้อน เนื่องจากอ.นักเขียนเป็นคนออกปากเองว่าให้มาช่วยงานอีก อ.คิริยะได้ยินแบบนั้นก็อมยิ้มแล้วบอกพระเอกว่าอ.นักเขียนคนนั้นน่ะขึ้นชื่อเรื่องไม่ค่อยรับศิษย์ก็จริง แต่ก็ขึ้นชื่อเรื่องเอาใจยากจนลูกศิษย์กี่คนๆ ก็ทนไม่ไหวด้วยเช่นกัน ดังนั้นการที่อ.คนนั้นขอพระเอกไว้ช่วยงานต่อก็แสดงว่าอ.แกถูกใจพระเอก เห็นคุณสมบัตินักเขียนในตัวพระเอกเข้าแล้วนั่นแหละ พร้อมกับอวยพรให้พระเอกพยายามต่อไปไม่ให้เสียชื่อที่เป็นลูกศิษย์อ.นักเขียนระดับนั้น
- ฉากตัดอีกครั้ง มายังบ้านพระเอก พระเอกนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น โดยมีคนน้องนั่งเขียนรายการอาหารพร้อมคำนวณปริมาณวัตถุดิบที่ต้องใช้อยู่
- พระเอกนั่งยุกยิกกระสับกระส่ายอยู่พักหนึ่งก็กลั้นใจถามเลียบๆ เคียงๆ เรื่องที่คนน้องยังคุยกับอัลได้เป็นปกติ (ทั้งที่ตอนปิดเทอมเพิ่งโดนบังคับจูบมา) คนน้องก็ตอบพระเอกหน้าตาเฉยว่าก็หลังจากนั้นเค้าไลน์มาขอโทษนี่นา พระเอกก็แกล้งรับคำเหมือนไม่ใส่ใจ แล้วเสไปถามเรื่องงานโรงเรียนว่านัดไปเดินเที่ยวกับใครรึเปล่า
- คนน้องก็ตอบง่ายๆ เหมือนเคยว่าตัวเองโดนอัลชวนไปเดินเที่ยวงานแล้ว แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเอายังไง เล่นเอาพระเอกชะงักกึก
- แต่ยังไม่ทันถามอะไรต่อ พ่อพระเอกกับแม่คนน้องได้ยินว่ามีหนุ่มมาชวนคนน้องไปเที่ยวงานโรงเรียนก็กระดี๊กระด๊าเข้ามาขอฟังรายละเอียดด้วย แถมแม่คนน้องยังทำท่าถูกใจอัลในฐานะลูกเขยเข้าอีก เล่นเอาพระเอกออกอาการนอยด์จนคนน้องสังเกตเห็น
- ฉากตัดไปที่โรงเรียนวันต่อมา น้องประธานชมรม ยัยเอ๋อ กับอัลนั่งกินข้าวเที่ยงด้วยกันอยู่
- ยัยเอ๋อคุยกับอัลทำนองว่างานโรงเรียนปีนี้เป็นอีเวนท์สำคัญอีเวนท์สุดท้ายที่ต่างฝ่ายจะเก็บอีเวนท์สารภาพรักแล้ว (อัล = คนน้อง, ยัยเอ๋อ = พระเอก) และอวยพรให้ต่างฝ่ายต่างพยายามให้เต็มที่
- ระหว่างนั้น ไอ้หนูหัวทองรุ่นน้องในชมรมวรรณศิลป์ที่แอบชอบยัยเอ๋ออยู่ก็ผ่านมาได้ยินเข้า และตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมยกยัยเอ๋อให้พระเอกเด็ดขาด
- ฉากตัดไปช่วงเย็นหลังเลิกเรียน มาทางฝั่งไอ้แว่นหัวดำกับหนูแว่นกำลังเดินกลับบ้านด้วยกัน
- ไอ้แว่นหัวดำบ่นเรื่องต้องมาพิมพ์ต้นฉบับนิยายของคนอื่นในชมรมลงคอม (เพราะในชมรมมีคนที่เขียนต้นฉบับด้วยวิธีเขียนมือ เช่น พระเอก อยู่หลายคน) อยู่คนเดียว หนูแว่นเลยอาสาจะช่วยงานด้วย ไอ้แว่นก็ชะงักเหมือนไม่อยากให้มาช่วย แต่พอเห็นความตั้งใจของหนูแว่นก็เลยใจอ่อนยอมพากลับบ้านให้ไปช่วยกันพิมพ์ด้วย
- ระหว่างพิมพ์งานอยู่นั้น หนูแว่นก็ถามไอ้แว่นว่ายังโกรธพวกคู่ค้าที่ไม่ช่วยตอนบริษัทของพ่อไอ้แว่นล้มละลายรึเปล่า ไอ้แว่นก็ชะงักว่าอยู่ดีๆ ถามทำไม หนูแว่นก็ได้แต่อึกอักไม่กล้าเซ้าซี้ต่อ
- สุดท้ายพอเห็นหนูแว่นไม่มีเจตนาร้าย ไอ้แว่นเลยบอกว่าแรกๆ น่ะก็โกรธอยู่ แต่ตอนนี้ไม่ได้โกรธไม่ได้แค้นอะไรแล้ว เพราะเริ่มเข้าใจว่าพวกคู่ค้าที่ไม่ช่วยก็มีเหตุผลของตัวเองเหมือนกัน แถมตัวไอ้แว่นเองจะเอาแต่โทษว่าที่ตัวเองโชคร้ายเป็นเพราะคนอื่นไปตลอดก็ไม่ได้ด้วย หนูแว่นได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่แอบอมยิ้มอยู่กับตัวเองเท่านั้น
- ตัดมาทางบ้านน้องประธานชมรม ยัยเอ๋อมานอนค้างที่บ้านน้องประธานชมรม โดยหลังจากกินข้าวทำโน่นทำนี่เสร็จก็มาแช่น้ำร้อนด้วยกัน
- น้องประธานชมรมบอกยัยเอ๋อว่าในงานโรงเรียนครั้งนี้ตัวเองตั้งใจจะสารภาพรักกับอ.คิริยะตรงๆ แม้จะไม่ได้คาดหวังว่าจะได้คบเป็นแฟนกับอาจารย์ ยัยเอ๋อได้ยินแบบนั้นก็โผเข้ากอดน้องประธานชมรมไว้ แล้วให้กำลังใจทั้งน้ำตาว่าพยายามเข้านะ ตัวเองจะเชียร์เต็มที่เลย
- ได้ยินเพื่อนให้กำลังใจแบบนั้น น้องประธานชมรมก็ยิ้มบางๆ อย่างตื้นตันใจ แล้วรับคำเบาๆ ว่าเข้าใจแล้ว
- หลังจากนั้นภาพก็ฉายให้เห็นสมาชิกชมรมวรรณศิลป์กำลังเตรียมตัวจัดบูธออกร้านในงานโรงเรียนกัน
- ฉากตัดไปที่บ้านพระเอกกับคนน้อง คนน้องกำลังทำขนมสำหรับขายในร้านอยู่ โดยจัดการทำไว้เกือบหมดแล้ว เหลือแต่ฟักทองหวานเป็นของหวานอย่างสุดท้าย และเป็นของหวานที่อัลเสนอให้ลองทำออกร้านดูตอนประชุมคุยงานกัน
- พอทำเสร็จคนน้องก็เอามาให้พระเอกลองชิมดู พระเอกก็แอบชักสีหน้าไม่พอใจเพราะรู้ว่าเป็นขนมที่อัลเสนอ ยิ่งพอกินแล้วรสชาติอร่อยก็ยิ่งออกอาการนอยด์กว่าเดิม เผลอหลุดปากตอบกึ่งๆ แขวะออกไปว่าก็อร่อยดีนี่ ไอ้ขนมที่อัลอยากกินนี่น่ะ
- คนน้องถึงกับสะอึก แต่ก็ไม่อยากมีเรื่องเลยแกล้งรับคำตัดบทไปแกนๆ ไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วย แต่พระเอกไม่ยอมเลิก หันไปถามคนน้องต่อว่าเดี๋ยวนี้ไม่ติดกิ๊บติดผมอันนั้นเลยนะ (กิ๊บติดผมที่พระเอกซื้อให้ตอนไปช่วยบูธออกงานที่ร้านกาแฟ) เลยเจอคนน้องแขวะกลับบ้างว่าก็โยนทิ้งไปตั้งแต่ตอนไปทัศนศึกษาที่เกาะแล้วนี่นา
- พระเอกเลยสะอึกไปบ้าง ก่อนจะนั่งโครมลงกับโซฟา แล้วแกล้งบ่นออกมาดังๆ เป็นชุดๆ ว่าก็นั่นสิน้า คิดดูดีๆ แล้วคนน้องไปคบกับอัลยังไงก็มีความสุขมากกว่า (มาคบกับคนอย่างตัวเอง?) จริงๆ นั่นแหละ หมอนั่นทั้งใจดี ช่างเอาใจใส่ พ่อกับแม่คนน้องก็ปลื้ม สำคัญสุดคือไม่ใช่พี่น้องกับคนน้องอีก ก็เลยไม่ต้องมานั่งคิดมากนั่งลังเลนั่งเสียใจทีหลัง
- เจอแขวะคราวนี้เข้าไปคนน้องเลยเลือดขึ้นหน้า เดินฉับๆ เข้ามาผลักพระเอกกระแทกกับโซฟาดังโครม แล้วตะคอกใส่หน้าว่านายเป็นบ้าอะไรของนาย พอชั้นเป็นฝ่ายพยายามเข้าใกล้ก็ตีตัวออกห่าง แต่พอชั้นตัดสินใจตีตัวออกห่างก็กลับมาพยายามเข้าใกล้ ชอบทำเป็นผลักไสออกห่าง ทั้งที่ในใจก็หวงก้างอยู่ชัดๆ
- คนน้อง
"ไอ้นิสัยแบบนั้นของนายนั่นแหละ...ที่น่าโมโหที่สุด!!!"
- ตะคอกจบ คนน้องก็ผละออกแล้วเดินโครมๆ ออกจากห้องครัวไป ทิ้งให้พระเอกนั่งวางสีหน้าไม่ถูกอยู่แบบนั้น
- และพร้อมๆ กับที่ความคิดคำนึงของแต่ละคนในชมรมค่อยๆ ดำเนินไปนั้นเอง งานโรงเรียนครั้งสุดท้ายของบรรดานักเรียนปี 3 ชมรมวรรณศิลป์ก็เริ่มต้นขึ้นในที่สุด
ก็ตามนี้แฮะสำหรับตอนนี้
ดูๆ ไปงานนี้น่าจะเป็นอีเวนท์ใหญ่ครั้งสุดท้ายของก๊วนเพื่อนกลุ่มนี้แล้วแฮะ เพราะต่างฝ่ายต่างเตรียมแผนมาเผด็จศึกในสงครามความรักของแต่ละฝ่ายกันเต็มที่เลย ชวนให้อยากเห็นจริงๆ แฮะว่าความรักของแต่ละคนจะลงเอยอีรูปไหน
แต่ยังไงอีเวนท์ใหญ่สุดน่าจะเป็นรักสามเส้าของพระเอก คนน้อง แล้วก็อัลนี่แหละ อยากเห็นจริงๆ ว่าเลือกช้อยส์พลาดรัวๆ ตั้งแต่ก่อนเข้าอีเวนท์ใหญ่แบบนี้พระเอกมันจะแก้สถานการณ์ยังไงต่อ ยิ่งงานนี้เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว ถ้าพลาดละก็มีหวังได้ไปร้องเพลงนี้แก้ช้ำในแหงๆ
[Spoil] Domestic na Kanojo #108 - ความคิดคำนึงของแต่ละคน
- เปิดตอนมาที่ฉากประชุมวางแผนออกบูธงานโรงเรียนประจำปีครั้งสุดท้ายของชมรมวรรณศิลป์ต่อจากตอนที่แล้ว
- สมาชิกต่างคนต่างเสนอความคิดเรื่องการจัดงานในรูปแบบต่างๆ โดยหลังจากระดมความคิดกันได้พักหนึ่ง ทั้งหมดก็ตัดสินใจจะทำแบบปีก่อน คือออกหนังสือรวมบทความของชมรมและจัดงานออกร้านไปพร้อมๆ กันด้วย
- ซึ่งรายละเอียดงานออกร้านปีนี้จะต่างจากปีก่อนเล็กน้อย โดยไม่ใช้ธีมเมดคาเฟ่แบบปีก่อน แต่จะใช้ธีมร้านน้ำชาสไตล์ญี่ปุ่นแทน โดยมีคนน้องทำหน้าที่ทำขนมสำหรับขายในร้านให้
- ระหว่างที่นั่งประชุมคุยงานกันอยู่นั้น อัลกับคนน้องกลับยิ้มแย้มคุยกันเหมือนปกติ ทั้งที่เพิ่งโดนบังคับจูบมาเมื่อตอนปิดเทอม ทำเอาพระเอกถึงกับหน้าเสียไปเลย
- หลังคุยงานกันเสร็จ น้องประธานชมรมกับพระเอกก็เอาโครงงานที่เขียนเสร็จแล้วไปให้อ.คิริยะที่ปรึกษาชมรมตรวจดู อ.ก็ออกปากชมว่าเขียนได้ดี (มีแอบหยอดน้องประธานชมรมแบบไม่ตั้งใจด้วย จนน้องประธานอายม้วนไปเลย)
- ส่งโครงงานเสร็จพวกพระเอกก็ขอตัวกลับ แต่อ.คิริยะเรียกพระเอกไว้ แล้วถามถึงอ.นักเขียนที่พระเอกไปฝากตัวเป็นศิษย์ช่วงปิดเทอมหน้าร้อนด้วยดวงตาปิ๊งปั๊งจนผิดอิเมจปกติ (อ.คิริยะแกเป็นแฟนผลงานอ.นักเขียนคนนั้นอยู่)
- พระเอกนึกถึงสภาพของอ.นักเขียนแล้วก็ถึงกับออกอาการพูดไม่ออก ได้แต่ตอบเลี่ยงๆ ไปว่าก็เป็นคนละสไตล์กับอ.คิริยะเลยนั่นแหละ
- ระหว่างที่คุยกันอยู่นั้นจะได้รู้ด้วยว่าพระเอกยังเทียวไปเทียวมาทำงานกับอ.นักเขียนคนนั้นอยู่ ทั้งที่เดิมทีกำหนดไว้แค่ช่วงปิดเทอมหน้าร้อน เนื่องจากอ.นักเขียนเป็นคนออกปากเองว่าให้มาช่วยงานอีก อ.คิริยะได้ยินแบบนั้นก็อมยิ้มแล้วบอกพระเอกว่าอ.นักเขียนคนนั้นน่ะขึ้นชื่อเรื่องไม่ค่อยรับศิษย์ก็จริง แต่ก็ขึ้นชื่อเรื่องเอาใจยากจนลูกศิษย์กี่คนๆ ก็ทนไม่ไหวด้วยเช่นกัน ดังนั้นการที่อ.คนนั้นขอพระเอกไว้ช่วยงานต่อก็แสดงว่าอ.แกถูกใจพระเอก เห็นคุณสมบัตินักเขียนในตัวพระเอกเข้าแล้วนั่นแหละ พร้อมกับอวยพรให้พระเอกพยายามต่อไปไม่ให้เสียชื่อที่เป็นลูกศิษย์อ.นักเขียนระดับนั้น
- ฉากตัดอีกครั้ง มายังบ้านพระเอก พระเอกนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น โดยมีคนน้องนั่งเขียนรายการอาหารพร้อมคำนวณปริมาณวัตถุดิบที่ต้องใช้อยู่
- พระเอกนั่งยุกยิกกระสับกระส่ายอยู่พักหนึ่งก็กลั้นใจถามเลียบๆ เคียงๆ เรื่องที่คนน้องยังคุยกับอัลได้เป็นปกติ (ทั้งที่ตอนปิดเทอมเพิ่งโดนบังคับจูบมา) คนน้องก็ตอบพระเอกหน้าตาเฉยว่าก็หลังจากนั้นเค้าไลน์มาขอโทษนี่นา พระเอกก็แกล้งรับคำเหมือนไม่ใส่ใจ แล้วเสไปถามเรื่องงานโรงเรียนว่านัดไปเดินเที่ยวกับใครรึเปล่า
- คนน้องก็ตอบง่ายๆ เหมือนเคยว่าตัวเองโดนอัลชวนไปเดินเที่ยวงานแล้ว แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเอายังไง เล่นเอาพระเอกชะงักกึก
- แต่ยังไม่ทันถามอะไรต่อ พ่อพระเอกกับแม่คนน้องได้ยินว่ามีหนุ่มมาชวนคนน้องไปเที่ยวงานโรงเรียนก็กระดี๊กระด๊าเข้ามาขอฟังรายละเอียดด้วย แถมแม่คนน้องยังทำท่าถูกใจอัลในฐานะลูกเขยเข้าอีก เล่นเอาพระเอกออกอาการนอยด์จนคนน้องสังเกตเห็น
- ฉากตัดไปที่โรงเรียนวันต่อมา น้องประธานชมรม ยัยเอ๋อ กับอัลนั่งกินข้าวเที่ยงด้วยกันอยู่
- ยัยเอ๋อคุยกับอัลทำนองว่างานโรงเรียนปีนี้เป็นอีเวนท์สำคัญอีเวนท์สุดท้ายที่ต่างฝ่ายจะเก็บอีเวนท์สารภาพรักแล้ว (อัล = คนน้อง, ยัยเอ๋อ = พระเอก) และอวยพรให้ต่างฝ่ายต่างพยายามให้เต็มที่
- ระหว่างนั้น ไอ้หนูหัวทองรุ่นน้องในชมรมวรรณศิลป์ที่แอบชอบยัยเอ๋ออยู่ก็ผ่านมาได้ยินเข้า และตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมยกยัยเอ๋อให้พระเอกเด็ดขาด
- ฉากตัดไปช่วงเย็นหลังเลิกเรียน มาทางฝั่งไอ้แว่นหัวดำกับหนูแว่นกำลังเดินกลับบ้านด้วยกัน
- ไอ้แว่นหัวดำบ่นเรื่องต้องมาพิมพ์ต้นฉบับนิยายของคนอื่นในชมรมลงคอม (เพราะในชมรมมีคนที่เขียนต้นฉบับด้วยวิธีเขียนมือ เช่น พระเอก อยู่หลายคน) อยู่คนเดียว หนูแว่นเลยอาสาจะช่วยงานด้วย ไอ้แว่นก็ชะงักเหมือนไม่อยากให้มาช่วย แต่พอเห็นความตั้งใจของหนูแว่นก็เลยใจอ่อนยอมพากลับบ้านให้ไปช่วยกันพิมพ์ด้วย
- ระหว่างพิมพ์งานอยู่นั้น หนูแว่นก็ถามไอ้แว่นว่ายังโกรธพวกคู่ค้าที่ไม่ช่วยตอนบริษัทของพ่อไอ้แว่นล้มละลายรึเปล่า ไอ้แว่นก็ชะงักว่าอยู่ดีๆ ถามทำไม หนูแว่นก็ได้แต่อึกอักไม่กล้าเซ้าซี้ต่อ
- สุดท้ายพอเห็นหนูแว่นไม่มีเจตนาร้าย ไอ้แว่นเลยบอกว่าแรกๆ น่ะก็โกรธอยู่ แต่ตอนนี้ไม่ได้โกรธไม่ได้แค้นอะไรแล้ว เพราะเริ่มเข้าใจว่าพวกคู่ค้าที่ไม่ช่วยก็มีเหตุผลของตัวเองเหมือนกัน แถมตัวไอ้แว่นเองจะเอาแต่โทษว่าที่ตัวเองโชคร้ายเป็นเพราะคนอื่นไปตลอดก็ไม่ได้ด้วย หนูแว่นได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่แอบอมยิ้มอยู่กับตัวเองเท่านั้น
- ตัดมาทางบ้านน้องประธานชมรม ยัยเอ๋อมานอนค้างที่บ้านน้องประธานชมรม โดยหลังจากกินข้าวทำโน่นทำนี่เสร็จก็มาแช่น้ำร้อนด้วยกัน
- น้องประธานชมรมบอกยัยเอ๋อว่าในงานโรงเรียนครั้งนี้ตัวเองตั้งใจจะสารภาพรักกับอ.คิริยะตรงๆ แม้จะไม่ได้คาดหวังว่าจะได้คบเป็นแฟนกับอาจารย์ ยัยเอ๋อได้ยินแบบนั้นก็โผเข้ากอดน้องประธานชมรมไว้ แล้วให้กำลังใจทั้งน้ำตาว่าพยายามเข้านะ ตัวเองจะเชียร์เต็มที่เลย
- ได้ยินเพื่อนให้กำลังใจแบบนั้น น้องประธานชมรมก็ยิ้มบางๆ อย่างตื้นตันใจ แล้วรับคำเบาๆ ว่าเข้าใจแล้ว
- หลังจากนั้นภาพก็ฉายให้เห็นสมาชิกชมรมวรรณศิลป์กำลังเตรียมตัวจัดบูธออกร้านในงานโรงเรียนกัน
- ฉากตัดไปที่บ้านพระเอกกับคนน้อง คนน้องกำลังทำขนมสำหรับขายในร้านอยู่ โดยจัดการทำไว้เกือบหมดแล้ว เหลือแต่ฟักทองหวานเป็นของหวานอย่างสุดท้าย และเป็นของหวานที่อัลเสนอให้ลองทำออกร้านดูตอนประชุมคุยงานกัน
- พอทำเสร็จคนน้องก็เอามาให้พระเอกลองชิมดู พระเอกก็แอบชักสีหน้าไม่พอใจเพราะรู้ว่าเป็นขนมที่อัลเสนอ ยิ่งพอกินแล้วรสชาติอร่อยก็ยิ่งออกอาการนอยด์กว่าเดิม เผลอหลุดปากตอบกึ่งๆ แขวะออกไปว่าก็อร่อยดีนี่ ไอ้ขนมที่อัลอยากกินนี่น่ะ
- คนน้องถึงกับสะอึก แต่ก็ไม่อยากมีเรื่องเลยแกล้งรับคำตัดบทไปแกนๆ ไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วย แต่พระเอกไม่ยอมเลิก หันไปถามคนน้องต่อว่าเดี๋ยวนี้ไม่ติดกิ๊บติดผมอันนั้นเลยนะ (กิ๊บติดผมที่พระเอกซื้อให้ตอนไปช่วยบูธออกงานที่ร้านกาแฟ) เลยเจอคนน้องแขวะกลับบ้างว่าก็โยนทิ้งไปตั้งแต่ตอนไปทัศนศึกษาที่เกาะแล้วนี่นา
- พระเอกเลยสะอึกไปบ้าง ก่อนจะนั่งโครมลงกับโซฟา แล้วแกล้งบ่นออกมาดังๆ เป็นชุดๆ ว่าก็นั่นสิน้า คิดดูดีๆ แล้วคนน้องไปคบกับอัลยังไงก็มีความสุขมากกว่า (มาคบกับคนอย่างตัวเอง?) จริงๆ นั่นแหละ หมอนั่นทั้งใจดี ช่างเอาใจใส่ พ่อกับแม่คนน้องก็ปลื้ม สำคัญสุดคือไม่ใช่พี่น้องกับคนน้องอีก ก็เลยไม่ต้องมานั่งคิดมากนั่งลังเลนั่งเสียใจทีหลัง
- เจอแขวะคราวนี้เข้าไปคนน้องเลยเลือดขึ้นหน้า เดินฉับๆ เข้ามาผลักพระเอกกระแทกกับโซฟาดังโครม แล้วตะคอกใส่หน้าว่านายเป็นบ้าอะไรของนาย พอชั้นเป็นฝ่ายพยายามเข้าใกล้ก็ตีตัวออกห่าง แต่พอชั้นตัดสินใจตีตัวออกห่างก็กลับมาพยายามเข้าใกล้ ชอบทำเป็นผลักไสออกห่าง ทั้งที่ในใจก็หวงก้างอยู่ชัดๆ
- คนน้อง "ไอ้นิสัยแบบนั้นของนายนั่นแหละ...ที่น่าโมโหที่สุด!!!"
- ตะคอกจบ คนน้องก็ผละออกแล้วเดินโครมๆ ออกจากห้องครัวไป ทิ้งให้พระเอกนั่งวางสีหน้าไม่ถูกอยู่แบบนั้น
- และพร้อมๆ กับที่ความคิดคำนึงของแต่ละคนในชมรมค่อยๆ ดำเนินไปนั้นเอง งานโรงเรียนครั้งสุดท้ายของบรรดานักเรียนปี 3 ชมรมวรรณศิลป์ก็เริ่มต้นขึ้นในที่สุด
ก็ตามนี้แฮะสำหรับตอนนี้
ดูๆ ไปงานนี้น่าจะเป็นอีเวนท์ใหญ่ครั้งสุดท้ายของก๊วนเพื่อนกลุ่มนี้แล้วแฮะ เพราะต่างฝ่ายต่างเตรียมแผนมาเผด็จศึกในสงครามความรักของแต่ละฝ่ายกันเต็มที่เลย ชวนให้อยากเห็นจริงๆ แฮะว่าความรักของแต่ละคนจะลงเอยอีรูปไหน
แต่ยังไงอีเวนท์ใหญ่สุดน่าจะเป็นรักสามเส้าของพระเอก คนน้อง แล้วก็อัลนี่แหละ อยากเห็นจริงๆ ว่าเลือกช้อยส์พลาดรัวๆ ตั้งแต่ก่อนเข้าอีเวนท์ใหญ่แบบนี้พระเอกมันจะแก้สถานการณ์ยังไงต่อ ยิ่งงานนี้เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว ถ้าพลาดละก็มีหวังได้ไปร้องเพลงนี้แก้ช้ำในแหงๆ