[Work and holiday story 2014]ประสบการณ์ขุดทองในออสเตรเลีย
ต่อจากกระทู้ที่1
http://ppantip.com/topic/34304658
ทำฟาร์มวันแรกคนที่บ้านก็มาถามว่าเป็นไงบ้าง ไหวมั้ย แต่มันพูดไม่ออกจริงๆ ไม่รู้จะอธิบายยังไง ต้องมาลองดูเอง ซึ้งแล้วที่ใครๆ ได้บอกเอาไว้ว่ามันเหนื่อย ความจริงต้องบอกว่าโครตเหนื่อยเลยต่างหาก วันที่สองก็ทำเหมือนวันแรกคือนั่งรถไปตัดเบบี้บัคชอย พี่ที่บ้านบอกว่าเรามีเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่จะผ่านโปร ขนาดฟาร์มผักยังมีผ่านโปรเลย ฮือๆ แล้วบองก็บอกว่าเราเลซี้มาก ให้ตั้งใจกว่านี้
ยิ่งพูดยิ่งขึ้น ศรีจะไม่ทนค่ะ วันนี้เตรียมใจมาแล้ว ลงจากรถveg ก็รีบวิ่งเข้าใส่เบบี้บัคชอยเลย วันนี้ศรีต้องตัดให้ได้เป็นพันต้น พอเห็นเราตั้งใจทำก็มีพี่มาสอนวิธีตัดที่จะมัดได้เลยในทีเดียว ช่วงแรกก็เงอะๆงะๆ แต่สักพักก็เริ่มจับจุดได้ แต่ฝึกได้ไม่เท่าไหร่ ก็ต้องย้ายไปตัด pak choy เห็นแล้วจะเป็นลมค่ะ เป็นผักที่หัวใหญ่เท่ากำปั้น น้ำหนักก็เยอะกว่าผักชนิดแรก ตัดก็ยากกว่ามาก และด้วยดีกรี วศ.บ ศรีก็ใช้เวลาเรียนรู้การตัดผักไปเกือบวันเลยค่ะ กว่าจะตัดเป็น บ่อล๊วกมาก ฝนก็ตกลงมาอีก น้ำมูกก็ย้อยอีก บองก็มาจิกให้ตัดเร็วๆ อยากกลับบ้าน ฮือๆ
วันที่สามศรียังหน้าด้านมาทำงานต่อค่ะ เราจะไม่ย่อท้อต่อคำสบประมาท รีบวิ่งพุ่งเข้าใส่แพคชอย ทำการโจมตีด้วยมีดอย่างรุนแรง เฮอะ ว่าตูขี้เกียจเหรอ ว่าตูช้าใช่มั้ย ว่าตูบ่อล๊วกตัดผักก็ไม่ขาด ระบายกับผักค่ะ มันจะยากสักแค่ไหนเชียวกะอีแค่ตัดผักเนี้ย ฝนก็ยังตกลงมาไม่ขาดสาย ขอบคุณสวรรค์
หมดวันบองริกกี้มาบอกว่าทึ่งกับพัฒนาการของเรามาก เทียบกับวันแรกเป็นคนละคนเลย อ้าว บองไม่รู้ซะแล้วนี่ใคร และแล้วน้องพีซนางงามสันติภาพก็ได้ถือกำเกิด ณ ฟาร์มผัก กลับบ้านมาทุกคนก็ยังถามอยู่ว่าจะทำงานต่อมั้ย พูดไม่รู้เรื่องเลยวุ้ย ระดับนี้ไม่มีถอย แต่ในหัวรู้สึกมึนบอกไม่ถูก หลังจากตากฝนมาสามวันติดก็มีอาการเจ็บคอ บ่งบอกว่าเรากำลังจะป่วย แต่งานก็เพิ่งเริ่มเอง ไม่อยากหยุดเลย บอกตัวเอง ศรีทนได้ค่ะ
วันที่สี่นี่เพลียร่างมาก เมื่อคืนกินยาดักไว้แล้ว ทั้งพาราดอน(ยาพาราชนิดหนึ่ง) ไทลีนอลอัดเต็มที่ ดูซิว่าเชื้อโรคหรือว่าคนจะตายก่อนกัน หุๆๆ วันนี้ฝนไม่ตกค่ะ ขุ่นพระ! โชคดีอะไรอย่างนี้ ได้ตัดผักกลางแสงแดดรำไรเป็นครั้งแรก ตัดเบบี้บัคชอยกับแพคชอย ฮุๆๆ ของกล้วยๆ เวลาบ่ายโมงแดดก็ยิ่งส่องสว่างจ้า เอิ่ม ลดลงหน่อยก็ได้ ร้อนจะตายอยู่แล้ว พอฝนไม่ตกแดดก็ออก ซันบล็อกเอาไม่อยู่จริงๆ นะ ศรีอยากจะบ้า
บองจอนหัวหน้ารถveg เรียกขึ้นรถไปลองติดticketให้ผักที่จะส่งขายในซูเปอร์มาเกต งานสบายๆ ที่ไม่ต้องตากแดด ยืนติดticketสวยๆ จนหมดวันก็ได้เงินแล้ว เพิ่งจะรู้ว่าฟาร์มก็มีงานสบายด้วยเหมือนกัน ให้ตูคลานตัดผักอยู่ตั้งนาน อาทิตย์แรกผ่านไปแล้ว ย้าฮู้! รู้สึกนานเหมือนเป็นปี
อาทิตย์ที่สองเป็นช่วงที่โดนหวัดเล่นงาน ถูกเรียกขึ้นไปติดticket บนรถบ่อยขึ้น จึงไม่เหนื่อยเหมือนอาทิตย์แรก แถมมีโอกาสได้ตัดผักชนิดอื่นอีก เช่น chinese broccoli กับ choy sum ที่กลายเป็นของง่าย เพราะเราตัดแพคชอยซึ่งยากที่สุดได้แล้ว อย่างอื่นก็เป็นเร็วขึ้น แต่กลับเป็นช่วงที่ทรมานที่สุดเพราะฝืนร่างกายมาถึงขีดสุดจนต้องขอลาหยุด
ไม่รู้ว่าผ่านมาถึงอาทิตย์ที่สามได้ไง รู้แต่ว่าได้เงินค่าตั๋วเครื่องบินกลับบ้านแล้ว ฮ่าๆๆ กลับไทยเลยดีมั้ย เพิ่งมาได้เดือนเดียวเอง อยู่ที่นี่ก็มีแต่ต้องทำงานรากหญ้า ศรีจะไม่ทน... ความลังเลทำให้เราลากยาวต่อโดยไม่รู้ตัว อาทิตย์ที่สามได้เปิดหูเปิดตาเมื่อโดนจับไปอยู่รถมอนสเตอร์ รถตัดผักสุดอลังที่มีคนมากกว่ารถvegเท่าตัว ทั้งหมดเป็นสาวๆ แคมโบ้เดียและอินโดเน้เซียปนกันไป และที่สำคัญมีคนไทยด้วย
ตื่นเต้นๆ หลังจากที่คุยกับผักมานาน เราก็จะได้คุยกับคนล้าววว ได้เจอพี่คนหนึ่งซึ่งเป็นเด็กเวริ์ครุ่นแรกๆ ตั้งแต่เค้ายังต่อแถวกันสมัครโควต้า นางเล่าว่าทำมาหลายฟาร์ม เจอมาทุกรูปแบบแล้ว และขอบอกว่าที่ฟาร์มนี้งานสบายมาก หะ!ยังมีหนักกว่านี้อีกเหรอ
เริ่มต้นการตัดผักที่รถมอนสเตอร์กดดันสุดๆ ทุกคนเป็นมือโปรด้านการตัดผัก ทุกคนคล่องแคล่วว่องไวมาก แบ่งกลุ่มครึ่งหนึ่งไปตัดบนแปลง ผักจะถูกส่งขึ้นรถมาตามสายพายผ่านน้ำมาถึงคนมัด ซึ่งเป็นอีกครึ่งที่ได้อยู่บนรถ เสร็จแล้วจะมีคนติดticketและแพ็คผักใส่กล่อง สุดท้ายคือเรียงกล่องใส่พาเล็ทอีกที ทุกอย่างเป็นระบบเสร็จสรรพจนเราตามแทบไม่ทันเลย ศรีได้เริ่มที่ตัดผักก่อน การตัดผักจะต้องตัดตามรถที่เคลื่อนไปข้างหน้าตลอดเวลา และคนตัดจะต้องตัดให้ทันรถวิ่ง ช็อคจ้า
ศรีนึกว่าเราตัดผักได้แล้วจะจบแค่นั้น แต่ไม่ใช่ เราต้องทำงานเป็นทีม ถ้าเราช้าเพื่อนข้างๆ ก็ต้องมาช่วยเราตัดเพื่อให้เราวิ่งตามรถให้ทัน ตอนแรกศรีก็พยายามเร่งตัดให้ทันเพื่อนๆ แต่พวกนางตัดเร็วมากจนมองตามไม่ทันเลย ต้องมีคนมาช่วยศรีตัดทุกสามนาที พอได้เปลี่ยนขึ้นไปมัดก็ไม่ทันอีก ร้องไห้หนักมาก
เข้าเดือนพฤศจิกาอากาศเริ่มร้อน อุณภูมิขึ้นถึง30องศาเกือบทุกวัน ต้องพกน้ำและมีดติดตัวตลอดเวลา ช่วงนี้จะถูกสลับระหว่างรถvegและมอนสเตอร์เพื่อฝึกให้ตัดทันเพื่อนๆ วันไหนได้ไปมอนสเตอร์นี่กลับบ้านมาหมดแรงทุกทีเลย แต่เหมือนร่างกายจะชินชากับความเจ็บปวดแล้ว วันสุดท้ายของอาทิตย์ได้เจอมอนสเตอร์อีกครั้ง อากาศร้อนจนหัวแทบระเบิด ไม่รู้ทำไมสาวๆ ประจำรถมอนสเตอร์ยิ่งร้อนยิ่งตัดผักเร็ว ศรีก็ตายสิคะ
อยู่บ้านดีดเปียโนสวยๆ อยู่เมืองนอกต้องมาทำไร่ทำนาจ้า วินาทีนั้นก้มหน้าตัดแบบไม่คิดชีวิตเลย หลังจากตัดผักไปเป็นหมื่นๆ หัว พบว่ามีดที่ใช้มาตลอดทื่อไปแล้ว ยิ่งตัดยิ่งต้องออกแรงแขนมากขึ้นจนมือถลอกเลือดออกซิบๆ ภาวนาให้จบวันไปเร็วๆ โชคดีที่เพื่อนแคมโบ้เดียเห็นเราเริ่มช้า นางก็เข้ามาช่วย แถมยังช่วยลับมีดให้ด้วย สรุปว่าการได้อยู่รถมอนสเตอร์ถึงเหนื่อยแต่ก็สนุกค่ะ สาวๆ ที่รถคันนี้เฮฮามาก งานก็ช่วยเหลือกัน มีข้าวก็แบ่งกันกิน ไม่แบ่งเชื้อชาติ ศรีประทับใจค่ะ(นางงามสุดๆ)วันนั้นกลับบ้านไปให้พี่ๆ ที่บ้านสอนรับมีดด่วนเลย ไม่ไหวแล้ว
พอได้หยุดเสาร์อาทิตย์ด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงตกลงไปทำฟาร์มองุ่นกับพี่ๆ ที่บ้าน ฮึๆ ยังเหนื่อยไม่พอ ฟาร์มองุ่นแตกต่างจากฟาร์มผักคนละเรื่องเลย วิวสวยมากกก ไม่มีกลิ่นน้ำขี้ไก่(คาดว่าเป็นกลิ่นปุ๋ย)เหมือนฟาร์มผักด้วย ถ่ายรูปเพลิน แต่งานก็มีทั้งหนักและเบาต่างกันไป ศรีได้ไปดึงลวดมาค่า สวยมากกก เหมือนทำท่าคลีนแอนเจิคทุกสามวินาที เป็นงานเหมาที่ให้เงินตามจำนวนแปลงที่เราดึงลวดได้ แต่งานนี่ไม่คุ้มเลยจริงๆ เหนื่อยกว่าฟาร์มผักสิบเท่า กลับมาบ้านต้องพอกยาเขียวทั้งตัว แถมมีบ้งตัวขนๆ ติดตามเสื้อผ้ากลับมาด้วย
ภาพไร่องุ่น การดึงลวดเพื่อประคองต้นเล็กที่กำลังจะงอกสูงขึ้นไป
อาทิตย์ที่สี่ปวดร่างจนไม่ค่อยมีสมาธิทำงาน ต้องกินพาราทุกๆ สองชั่วโมง อยากกลับไทยจะแย่อยู่แล้ว แต่อีกใจหนึ่งก็อยากลบคำสบประมาทของใครต่อใครที่บอกว่าเราจะทำฟาร์มไม่ได้ อย่างน้อยต้องทำให้ได้สักเดือนก่อน หลังจากนั้นตูจะถีบส่งตัวเองไปไกลๆ วันแรกศรีกำลังลงไปตัดผักสวยๆ ก็ถูกบองจอนเรียกไปฝึกแพคผักใส่กล่องบนรถ คราวนี้น้องพีซก็สวยสิคะไม่ต้องลงไปตากแดด แพคผักก็แค่จำชนิดผัดและร้านค้าที่เราจะไปส่ง คัดแยกผักที่ไม่สวยออกแล้วเรียงลงกล่อง สุดท้ายคือยกกล่องเรียงบนพาเลท เป็นงานง่ายๆ ของคนสวยค่ะ แต่บองจอนบอกว่าศรีเรียนรู้ได้เร็วมาก เพราะการวางพาเลทไม่มีรูปแบบที่ตายตัวแต่ต้องเรียงให้ได้ตามแนวที่กำหนดซึ่งบางคนฝึกเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้ บองเห็นเราทำได้ก็ชมใหญ่เลย ไม่ค่ะ ไม่บ้ายอ
วันหนึ่งขณะยืนตัด chinese broccoliสวยๆ รถเจ้าของฟาร์มก็มาจอดอยู่ด้านหน้าแปลงผัก แม้จะเพิ่งมาทำงานได้ไม่นาน แต่ศรีจดจำได้ค่ะ เพราะนางชอบมาแอบจอดอยู่ตามแปลงต่างๆ เพื่อสังเกตการณ์ ศรีรู้ตัวก็รีบเร่งสปีดเลยค่ะ ด้วยความที่เป็นคนไม่ชอบประจบสอพอจึงเร่งทำท่าขยันขันแข็งอย่างรวดเร็วค่ะ ฮิๆๆ ได้ผลค่ะ เจ้าของฟาร์มเดินเข้ามาทักศรีเองเลยค่า ฮาว อา ยู?อ้อ แอม ควาย แต้ง กิ้ว แอน ยู หุๆ เสร็จภารกิจเอาหน้าแบบสวยๆ
วันต่อมาก็มีรายชื่อน้องพีซให้เข้าไปทำงานในshedค่ะ ตอนนั้นก็ไม่เข้าใจว่ามันคืออัลไล แต่ทุกคนบอกแค่ว่ายูลัคกี้มากนะ เพราะคนทำงานที่นี่มานานเป็นปียังไม่มีโอกาสได้เข้าไปทำงานในนั้นเลย แสดงว่าที่โรงเรียนไม่มีสอนวิชาเอาหน้าล่ะสิ ฮุๆๆ ศรีก็หลั่นล้าเดินเข้าshedไปโดยที่ไม่รู้อะไรเลยค่า
ในshedจะมีคนใต้หวันทำอยู่กับแอลบาเนียเป็นส่วนใหญ่ แล้วก็มีคนไทยโผล่ไปบ้าง งานหลักก็คือแพคบล็อกโคลี่ค่ะ ด้วยความไม่ประสีประสาศรีก็ได้เจนนี่สาวใต้หวันมาเทรนให้ค่ะ พอรู้ว่าเราพูดจีนได้ นางก็พูดจีนฉอดๆๆ เลยค่ะ บางทีศรีก็ตามไม่ทันนะคะ ช่วยลดความเร็วของลงหน่อย แต่งานที่นี่ทำแข่งกับเวลาค่ะ นางจึงยังคงความเร็วต่อไป และแล้วศรีก็งงค่ะ รู้สึกว่าการแพคบล็อคโคลี่มันยากกว่าถอดแคลคูลัสอีกนะ เป็นไปได้ไง จบวันก็ยังทำไม่ได้ แง้ๆๆ หลังจากวันนั้นมีโอกาสได้เข้าไปแพคอีกครั้งหนึ่งถึงรู้ว่าง่ายมาก จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมวันนั้นถึงทำไม่ได้
วันต่อมาเลยต้องกลับมาอยู่รถvegคันเดิมกับบองจอนขี้หม้อ แค่เห็นศรีก็เพลียแล้วค่ะ นอกจากรถมอนสเตอร์ ยังมีโอกาสได้ไปตัดผักที่รถกาก้า ซึ่งทำงานคล้ายกับรถมอนสเตอร์มาก แถมยังใช้คนเท่าๆ กันอีกด้วย ช่วงหลังพอได้ขึ้นรถพวกนี้กลับรู้สึกสนุกมากกว่าเหนื่อย ทำไปๆ งานฟาร์มก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถ แต่นั่นเป็นแค่ความคิดค่ะ เพราะหลังจากนั้นไม่นานเราก็เริ่มมีอาการเจ็บข้อมือ การใช้มีดตัดผักทุกวันทำให้ข้อมือบาดเจ็บค่ะ จนหยิบจับอะไรแทบไม่ได้เลย
ฟาร์มสตรอเบอรรี่ช่วงซัมเมอร์จะมีหมอกลงในตอนเช้า
ต่อกระทู้ที่3
http://ppantip.com/topic/34304878 ยาวมาก
แชร์ประสบการณ์ในออสเตรเลีย[Work and holiday story 2014] ภาค2
ต่อจากกระทู้ที่1 http://ppantip.com/topic/34304658
ทำฟาร์มวันแรกคนที่บ้านก็มาถามว่าเป็นไงบ้าง ไหวมั้ย แต่มันพูดไม่ออกจริงๆ ไม่รู้จะอธิบายยังไง ต้องมาลองดูเอง ซึ้งแล้วที่ใครๆ ได้บอกเอาไว้ว่ามันเหนื่อย ความจริงต้องบอกว่าโครตเหนื่อยเลยต่างหาก วันที่สองก็ทำเหมือนวันแรกคือนั่งรถไปตัดเบบี้บัคชอย พี่ที่บ้านบอกว่าเรามีเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่จะผ่านโปร ขนาดฟาร์มผักยังมีผ่านโปรเลย ฮือๆ แล้วบองก็บอกว่าเราเลซี้มาก ให้ตั้งใจกว่านี้
ยิ่งพูดยิ่งขึ้น ศรีจะไม่ทนค่ะ วันนี้เตรียมใจมาแล้ว ลงจากรถveg ก็รีบวิ่งเข้าใส่เบบี้บัคชอยเลย วันนี้ศรีต้องตัดให้ได้เป็นพันต้น พอเห็นเราตั้งใจทำก็มีพี่มาสอนวิธีตัดที่จะมัดได้เลยในทีเดียว ช่วงแรกก็เงอะๆงะๆ แต่สักพักก็เริ่มจับจุดได้ แต่ฝึกได้ไม่เท่าไหร่ ก็ต้องย้ายไปตัด pak choy เห็นแล้วจะเป็นลมค่ะ เป็นผักที่หัวใหญ่เท่ากำปั้น น้ำหนักก็เยอะกว่าผักชนิดแรก ตัดก็ยากกว่ามาก และด้วยดีกรี วศ.บ ศรีก็ใช้เวลาเรียนรู้การตัดผักไปเกือบวันเลยค่ะ กว่าจะตัดเป็น บ่อล๊วกมาก ฝนก็ตกลงมาอีก น้ำมูกก็ย้อยอีก บองก็มาจิกให้ตัดเร็วๆ อยากกลับบ้าน ฮือๆ
วันที่สามศรียังหน้าด้านมาทำงานต่อค่ะ เราจะไม่ย่อท้อต่อคำสบประมาท รีบวิ่งพุ่งเข้าใส่แพคชอย ทำการโจมตีด้วยมีดอย่างรุนแรง เฮอะ ว่าตูขี้เกียจเหรอ ว่าตูช้าใช่มั้ย ว่าตูบ่อล๊วกตัดผักก็ไม่ขาด ระบายกับผักค่ะ มันจะยากสักแค่ไหนเชียวกะอีแค่ตัดผักเนี้ย ฝนก็ยังตกลงมาไม่ขาดสาย ขอบคุณสวรรค์
หมดวันบองริกกี้มาบอกว่าทึ่งกับพัฒนาการของเรามาก เทียบกับวันแรกเป็นคนละคนเลย อ้าว บองไม่รู้ซะแล้วนี่ใคร และแล้วน้องพีซนางงามสันติภาพก็ได้ถือกำเกิด ณ ฟาร์มผัก กลับบ้านมาทุกคนก็ยังถามอยู่ว่าจะทำงานต่อมั้ย พูดไม่รู้เรื่องเลยวุ้ย ระดับนี้ไม่มีถอย แต่ในหัวรู้สึกมึนบอกไม่ถูก หลังจากตากฝนมาสามวันติดก็มีอาการเจ็บคอ บ่งบอกว่าเรากำลังจะป่วย แต่งานก็เพิ่งเริ่มเอง ไม่อยากหยุดเลย บอกตัวเอง ศรีทนได้ค่ะ
วันที่สี่นี่เพลียร่างมาก เมื่อคืนกินยาดักไว้แล้ว ทั้งพาราดอน(ยาพาราชนิดหนึ่ง) ไทลีนอลอัดเต็มที่ ดูซิว่าเชื้อโรคหรือว่าคนจะตายก่อนกัน หุๆๆ วันนี้ฝนไม่ตกค่ะ ขุ่นพระ! โชคดีอะไรอย่างนี้ ได้ตัดผักกลางแสงแดดรำไรเป็นครั้งแรก ตัดเบบี้บัคชอยกับแพคชอย ฮุๆๆ ของกล้วยๆ เวลาบ่ายโมงแดดก็ยิ่งส่องสว่างจ้า เอิ่ม ลดลงหน่อยก็ได้ ร้อนจะตายอยู่แล้ว พอฝนไม่ตกแดดก็ออก ซันบล็อกเอาไม่อยู่จริงๆ นะ ศรีอยากจะบ้า
บองจอนหัวหน้ารถveg เรียกขึ้นรถไปลองติดticketให้ผักที่จะส่งขายในซูเปอร์มาเกต งานสบายๆ ที่ไม่ต้องตากแดด ยืนติดticketสวยๆ จนหมดวันก็ได้เงินแล้ว เพิ่งจะรู้ว่าฟาร์มก็มีงานสบายด้วยเหมือนกัน ให้ตูคลานตัดผักอยู่ตั้งนาน อาทิตย์แรกผ่านไปแล้ว ย้าฮู้! รู้สึกนานเหมือนเป็นปี
อาทิตย์ที่สองเป็นช่วงที่โดนหวัดเล่นงาน ถูกเรียกขึ้นไปติดticket บนรถบ่อยขึ้น จึงไม่เหนื่อยเหมือนอาทิตย์แรก แถมมีโอกาสได้ตัดผักชนิดอื่นอีก เช่น chinese broccoli กับ choy sum ที่กลายเป็นของง่าย เพราะเราตัดแพคชอยซึ่งยากที่สุดได้แล้ว อย่างอื่นก็เป็นเร็วขึ้น แต่กลับเป็นช่วงที่ทรมานที่สุดเพราะฝืนร่างกายมาถึงขีดสุดจนต้องขอลาหยุด
ไม่รู้ว่าผ่านมาถึงอาทิตย์ที่สามได้ไง รู้แต่ว่าได้เงินค่าตั๋วเครื่องบินกลับบ้านแล้ว ฮ่าๆๆ กลับไทยเลยดีมั้ย เพิ่งมาได้เดือนเดียวเอง อยู่ที่นี่ก็มีแต่ต้องทำงานรากหญ้า ศรีจะไม่ทน... ความลังเลทำให้เราลากยาวต่อโดยไม่รู้ตัว อาทิตย์ที่สามได้เปิดหูเปิดตาเมื่อโดนจับไปอยู่รถมอนสเตอร์ รถตัดผักสุดอลังที่มีคนมากกว่ารถvegเท่าตัว ทั้งหมดเป็นสาวๆ แคมโบ้เดียและอินโดเน้เซียปนกันไป และที่สำคัญมีคนไทยด้วย
ตื่นเต้นๆ หลังจากที่คุยกับผักมานาน เราก็จะได้คุยกับคนล้าววว ได้เจอพี่คนหนึ่งซึ่งเป็นเด็กเวริ์ครุ่นแรกๆ ตั้งแต่เค้ายังต่อแถวกันสมัครโควต้า นางเล่าว่าทำมาหลายฟาร์ม เจอมาทุกรูปแบบแล้ว และขอบอกว่าที่ฟาร์มนี้งานสบายมาก หะ!ยังมีหนักกว่านี้อีกเหรอ
เริ่มต้นการตัดผักที่รถมอนสเตอร์กดดันสุดๆ ทุกคนเป็นมือโปรด้านการตัดผัก ทุกคนคล่องแคล่วว่องไวมาก แบ่งกลุ่มครึ่งหนึ่งไปตัดบนแปลง ผักจะถูกส่งขึ้นรถมาตามสายพายผ่านน้ำมาถึงคนมัด ซึ่งเป็นอีกครึ่งที่ได้อยู่บนรถ เสร็จแล้วจะมีคนติดticketและแพ็คผักใส่กล่อง สุดท้ายคือเรียงกล่องใส่พาเล็ทอีกที ทุกอย่างเป็นระบบเสร็จสรรพจนเราตามแทบไม่ทันเลย ศรีได้เริ่มที่ตัดผักก่อน การตัดผักจะต้องตัดตามรถที่เคลื่อนไปข้างหน้าตลอดเวลา และคนตัดจะต้องตัดให้ทันรถวิ่ง ช็อคจ้า
ศรีนึกว่าเราตัดผักได้แล้วจะจบแค่นั้น แต่ไม่ใช่ เราต้องทำงานเป็นทีม ถ้าเราช้าเพื่อนข้างๆ ก็ต้องมาช่วยเราตัดเพื่อให้เราวิ่งตามรถให้ทัน ตอนแรกศรีก็พยายามเร่งตัดให้ทันเพื่อนๆ แต่พวกนางตัดเร็วมากจนมองตามไม่ทันเลย ต้องมีคนมาช่วยศรีตัดทุกสามนาที พอได้เปลี่ยนขึ้นไปมัดก็ไม่ทันอีก ร้องไห้หนักมาก
เข้าเดือนพฤศจิกาอากาศเริ่มร้อน อุณภูมิขึ้นถึง30องศาเกือบทุกวัน ต้องพกน้ำและมีดติดตัวตลอดเวลา ช่วงนี้จะถูกสลับระหว่างรถvegและมอนสเตอร์เพื่อฝึกให้ตัดทันเพื่อนๆ วันไหนได้ไปมอนสเตอร์นี่กลับบ้านมาหมดแรงทุกทีเลย แต่เหมือนร่างกายจะชินชากับความเจ็บปวดแล้ว วันสุดท้ายของอาทิตย์ได้เจอมอนสเตอร์อีกครั้ง อากาศร้อนจนหัวแทบระเบิด ไม่รู้ทำไมสาวๆ ประจำรถมอนสเตอร์ยิ่งร้อนยิ่งตัดผักเร็ว ศรีก็ตายสิคะ
อยู่บ้านดีดเปียโนสวยๆ อยู่เมืองนอกต้องมาทำไร่ทำนาจ้า วินาทีนั้นก้มหน้าตัดแบบไม่คิดชีวิตเลย หลังจากตัดผักไปเป็นหมื่นๆ หัว พบว่ามีดที่ใช้มาตลอดทื่อไปแล้ว ยิ่งตัดยิ่งต้องออกแรงแขนมากขึ้นจนมือถลอกเลือดออกซิบๆ ภาวนาให้จบวันไปเร็วๆ โชคดีที่เพื่อนแคมโบ้เดียเห็นเราเริ่มช้า นางก็เข้ามาช่วย แถมยังช่วยลับมีดให้ด้วย สรุปว่าการได้อยู่รถมอนสเตอร์ถึงเหนื่อยแต่ก็สนุกค่ะ สาวๆ ที่รถคันนี้เฮฮามาก งานก็ช่วยเหลือกัน มีข้าวก็แบ่งกันกิน ไม่แบ่งเชื้อชาติ ศรีประทับใจค่ะ(นางงามสุดๆ)วันนั้นกลับบ้านไปให้พี่ๆ ที่บ้านสอนรับมีดด่วนเลย ไม่ไหวแล้ว
พอได้หยุดเสาร์อาทิตย์ด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงตกลงไปทำฟาร์มองุ่นกับพี่ๆ ที่บ้าน ฮึๆ ยังเหนื่อยไม่พอ ฟาร์มองุ่นแตกต่างจากฟาร์มผักคนละเรื่องเลย วิวสวยมากกก ไม่มีกลิ่นน้ำขี้ไก่(คาดว่าเป็นกลิ่นปุ๋ย)เหมือนฟาร์มผักด้วย ถ่ายรูปเพลิน แต่งานก็มีทั้งหนักและเบาต่างกันไป ศรีได้ไปดึงลวดมาค่า สวยมากกก เหมือนทำท่าคลีนแอนเจิคทุกสามวินาที เป็นงานเหมาที่ให้เงินตามจำนวนแปลงที่เราดึงลวดได้ แต่งานนี่ไม่คุ้มเลยจริงๆ เหนื่อยกว่าฟาร์มผักสิบเท่า กลับมาบ้านต้องพอกยาเขียวทั้งตัว แถมมีบ้งตัวขนๆ ติดตามเสื้อผ้ากลับมาด้วย
อาทิตย์ที่สี่ปวดร่างจนไม่ค่อยมีสมาธิทำงาน ต้องกินพาราทุกๆ สองชั่วโมง อยากกลับไทยจะแย่อยู่แล้ว แต่อีกใจหนึ่งก็อยากลบคำสบประมาทของใครต่อใครที่บอกว่าเราจะทำฟาร์มไม่ได้ อย่างน้อยต้องทำให้ได้สักเดือนก่อน หลังจากนั้นตูจะถีบส่งตัวเองไปไกลๆ วันแรกศรีกำลังลงไปตัดผักสวยๆ ก็ถูกบองจอนเรียกไปฝึกแพคผักใส่กล่องบนรถ คราวนี้น้องพีซก็สวยสิคะไม่ต้องลงไปตากแดด แพคผักก็แค่จำชนิดผัดและร้านค้าที่เราจะไปส่ง คัดแยกผักที่ไม่สวยออกแล้วเรียงลงกล่อง สุดท้ายคือยกกล่องเรียงบนพาเลท เป็นงานง่ายๆ ของคนสวยค่ะ แต่บองจอนบอกว่าศรีเรียนรู้ได้เร็วมาก เพราะการวางพาเลทไม่มีรูปแบบที่ตายตัวแต่ต้องเรียงให้ได้ตามแนวที่กำหนดซึ่งบางคนฝึกเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้ บองเห็นเราทำได้ก็ชมใหญ่เลย ไม่ค่ะ ไม่บ้ายอ
วันหนึ่งขณะยืนตัด chinese broccoliสวยๆ รถเจ้าของฟาร์มก็มาจอดอยู่ด้านหน้าแปลงผัก แม้จะเพิ่งมาทำงานได้ไม่นาน แต่ศรีจดจำได้ค่ะ เพราะนางชอบมาแอบจอดอยู่ตามแปลงต่างๆ เพื่อสังเกตการณ์ ศรีรู้ตัวก็รีบเร่งสปีดเลยค่ะ ด้วยความที่เป็นคนไม่ชอบประจบสอพอจึงเร่งทำท่าขยันขันแข็งอย่างรวดเร็วค่ะ ฮิๆๆ ได้ผลค่ะ เจ้าของฟาร์มเดินเข้ามาทักศรีเองเลยค่า ฮาว อา ยู?อ้อ แอม ควาย แต้ง กิ้ว แอน ยู หุๆ เสร็จภารกิจเอาหน้าแบบสวยๆ
วันต่อมาก็มีรายชื่อน้องพีซให้เข้าไปทำงานในshedค่ะ ตอนนั้นก็ไม่เข้าใจว่ามันคืออัลไล แต่ทุกคนบอกแค่ว่ายูลัคกี้มากนะ เพราะคนทำงานที่นี่มานานเป็นปียังไม่มีโอกาสได้เข้าไปทำงานในนั้นเลย แสดงว่าที่โรงเรียนไม่มีสอนวิชาเอาหน้าล่ะสิ ฮุๆๆ ศรีก็หลั่นล้าเดินเข้าshedไปโดยที่ไม่รู้อะไรเลยค่า
ในshedจะมีคนใต้หวันทำอยู่กับแอลบาเนียเป็นส่วนใหญ่ แล้วก็มีคนไทยโผล่ไปบ้าง งานหลักก็คือแพคบล็อกโคลี่ค่ะ ด้วยความไม่ประสีประสาศรีก็ได้เจนนี่สาวใต้หวันมาเทรนให้ค่ะ พอรู้ว่าเราพูดจีนได้ นางก็พูดจีนฉอดๆๆ เลยค่ะ บางทีศรีก็ตามไม่ทันนะคะ ช่วยลดความเร็วของลงหน่อย แต่งานที่นี่ทำแข่งกับเวลาค่ะ นางจึงยังคงความเร็วต่อไป และแล้วศรีก็งงค่ะ รู้สึกว่าการแพคบล็อคโคลี่มันยากกว่าถอดแคลคูลัสอีกนะ เป็นไปได้ไง จบวันก็ยังทำไม่ได้ แง้ๆๆ หลังจากวันนั้นมีโอกาสได้เข้าไปแพคอีกครั้งหนึ่งถึงรู้ว่าง่ายมาก จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมวันนั้นถึงทำไม่ได้
วันต่อมาเลยต้องกลับมาอยู่รถvegคันเดิมกับบองจอนขี้หม้อ แค่เห็นศรีก็เพลียแล้วค่ะ นอกจากรถมอนสเตอร์ ยังมีโอกาสได้ไปตัดผักที่รถกาก้า ซึ่งทำงานคล้ายกับรถมอนสเตอร์มาก แถมยังใช้คนเท่าๆ กันอีกด้วย ช่วงหลังพอได้ขึ้นรถพวกนี้กลับรู้สึกสนุกมากกว่าเหนื่อย ทำไปๆ งานฟาร์มก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถ แต่นั่นเป็นแค่ความคิดค่ะ เพราะหลังจากนั้นไม่นานเราก็เริ่มมีอาการเจ็บข้อมือ การใช้มีดตัดผักทุกวันทำให้ข้อมือบาดเจ็บค่ะ จนหยิบจับอะไรแทบไม่ได้เลย
ต่อกระทู้ที่3 http://ppantip.com/topic/34304878 ยาวมาก