ข้อตกลงเบื้องต้น
ภาพถ่ายชุดนี้เป็นภาพจำลองของ
ช่างภาพ Julia Fullerton-Batten
ถ้อยคำบางคำที่ใช้เรียบเรียงครั้งนี้
เป็นภาษาชาวบ้านพูดกัน
บางคนอาจจะรู้สึกว่าเป็นถ้อยคำ
ดูถูกดูหมิ่นเกลียดชัง Hatred Speed
ต้องขออภัยล่วงหน้าถ้ากระทบความรู้สึก
ปีที่ระบุจะขอใช้ปี พุทธศักราช เป็นหลัก
.
.
.
.
.
Feral Children เด็กดุร้าย หรือ เด็กป่าเถื่อน
คือ โครงการภาพถ่ายของช่างภาพเยอรมันนี
Julia Fullerton-Batten ที่ทำงานในอังกฤษ
ผลงานชิ้นล่าสุดของเธอคือ เรื่องมุมมืดของผู้คน
ที่เติบโตอย่างผิดธรรมชาติ/สภาพแวดล้อม
Julia Fullerton-Batten มีชื่อเสียงจากภาพถ่าย
เรื่องราววัยรุ่น Teenage Stories 2005
ที่ค้นหาการเปลี่ยนแปลงของ
เด็กหญิงธรรมดาเป็นสตรีร่างยักษ์
.
.
.
" เรื่องราวจากหนังสือ The Girl With No Name
ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับฉัน
ในการค้นคว้าหาเรื่องราวแบบเดียวกัน
ฉันได้พบว่ามีเด็กจำนวนหนึ่ง
ที่เป็นเหมือนหนังสือเล่มนี้
เด็กบางคนถูกทอดทิ้ง
และได้รับการเลี้ยงดูจากฝูงสัตว์
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
เด็กบางคนถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง
หรือปล่อยปละละเลยจากพ่อแม่ของเด็กเอง
เรื่องราวและภาพจำลองเหล่านี้มาจาก 5 ทวีป “
Fullerton-Batten ให้สัมภาษณ์กับ
Feature Shoot
.
.
1. Lobo Wolf Girl, Mexico, 1845-1852
ในปี 2388 เด็กหญิงคนหนึ่งถูกพบเห็นว่า
กำลังวิ่งพร้อมกันทั้งมือและเท้าเหมือนหมาป่า
ร่วมกับฝูงหมาป่าที่กำลังไล่ล่าแพะฝูงหนึ่ง
หนึ่งปีต่อมา เธอถูกพบเห็นอีกครั้งว่า
กำลังกินแพะตัวหนึ่งร่วมกับหมาป่า
เธอถูกจับตัวได้แต่หลบหนีไปได้ในเวลาต่อมา
ในปี 2395 มีคนพบเห็นเธออีกครั้งว่า
เธออยู่ร่วมกับลูกหมาป่าที่ยังไม่หย่านมสองตัว
แต่เธอวิ่งหนีหายเข้าไปในดงป่าไม้
พร้อมกับลูกหมาป่าแล้วไม่มีใครพบเห็นเธออีก
.
.
.
.
.
2. Oxana Malaya, Ukraine, 1991
Oxana ถูกพบว่าอยู่ในคอกหมาในปี 2534
ตอนที่เธออายุได้ 8 ขวบแล้ว
และอยู่ร่วมกับหมามากว่า 6 ปีแล้ว
พ่อแม่ของเธอเป็นพวกขี้เหล้าเมายา
และในคืนวันหนึ่ง ได้ทอดทิ้งเธอไว้นอกบ้าน
เพื่อให้ร่างกายเธออบอุ่นและหายหนาว
จากอากาศหนาวเย็นข้างนอก
เธอตอนนั้นในวัย 3 ขวบ
จึงคลานเข้าไปในคอกหมาพันธุ์ทาง
แล้วขดตัวนอนร่วมกับฝูงหมา
ทำให้เธอรอดตาย
จากความหนาวเย็นในครั้งนั้น
เมื่อตอนที่เธอถูกค้นพบ
เธอมีพฤติกรรมเหมือนกับหมา
มากกว่าเหมือนกับเด็กทั่ว ๆ ไป
เธอวิ่งหรือเดินพร้อมกัน
ทั้งมือและเท้าเหมือนกับหมา
แลบลิ้น แยกเขี้ยวยิงฟัน
และเห่าเหมือนกับหมา
ผลการไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ
ทำให้เธอรู้แต่คำว่า ใช่ กับ ไม่ เท่านั้น
ด้วยการดูแลและรักษา
อย่างเอาใจใส่ของคณะแพทย์
ทำให้ Oxana เริ่มเรียนรู้ทักษะ
ทางสังคมเบื้องต้นและคำพูดบางคำ
แต่ความรู้สามารถของเธอ
เทียบได้กับเด็กวัย 5 ขวบเท่านั้น
แม้ว่าตอนนี้เธอจะมีอายุ 30 ปีแล้ว
แต่เธอยังอาศัยอยู่ใน
คลีนิคแห่งหนึ่งที่ Odessa
และช่วยทำงานในโรงพยาบาลสัตว์
ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของผู้ดูแลเธอ
.
.
.
.
.
3. Shamdeo, INDIA, 1972
Shamdeo เด็กชายอายุราว 4 ขวบ
ถูกค้นพบในป่าแห่งหนึ่งของอินเดียในปี 2515
เธอกำลังเล่นอยู่กับฝูงหมาป่า
ผิวเด็กคนนี้ค่อนข้างดำมาก
มีฟันที่แหลมคม เล็บมือเล็บเท้ายาว
ผมหยิกหยองและมีผิวหนังด้านหนา
ทั้งมือทั้งเท้าและบริเวณข้อศอกกับหัวเข่า
เด็กคนนี้ชื่นชอบในการล่าไก่มาก
ชอบกินดิน(น่าจะดินโป่งที่มีความเค็ม)
ชื่นชอบกับการดื่มเลือดสด ๆ
และชอบอยู่คลุกคลีกับพวกหมามาก
.
.
ในปี 2521 เด็กชายคนนี้ถูกส่งไปอยู่ที่
บ้านพักคนยากใน Lucknow
ของแม่ชีเทเรซาที่ได้รับรางวัลโนเบิล
เด็กคนนี้ได้รับการตั้งชื่อใหม่ว่า Pascal
และต่อมาเสียชีวิตในเดือนกุมภาพันธ์ 2528
.
.
.
.
.
4. Prava (The Bird Boy), Russia, 2008
Prava เด็กชายวัย 7 ขวบ ถูกค้นพบภายใน
ห้องขนาดเล็ก 2 ห้องนอนในอพารฺ์ทเมนต์
แม้ว่าจะอยู่กับแม่ของตนเองที่มีอายุ 31 ปี
แต่เด็กคนนี้กลับต้องอยู่ภายในห้อง
ที่เต็มไปด้วยกรงนกเลี้ยงของแม่เธอ
จำนวนหลายสิบตัว ที่มีอาหารนก ขี้นก
และเศษขนนก ตกหล่นกระจัดกระจาย
อยู่เกลื่อนกลาดบนพื้นห้องดังกล่าว
แม่ของเด็กเลี้ยงดูลูกเหมือนเลี้ยงนกตัวหนึ่ง
แม้ว่าจะไม่มีการทำร้าย/ทุบตีลูกตัวเอง
ไม่เคยปล่อยให้ลูกต้วเองอดอาหาร
แต่ไม่เคยพูดคุยภาษาคนกับลูกตัวเอง
ทำให้เด็กคนนี้พูดภาษาคนไม่ได้เลย
ได้แต่ส่งเสียงร้องจ๊อกแจ๊กเหมือนเสียงนก
และเมื่อไม่เข้าใจถ้อยคำ/ความหมายใด ๆ
เด็กคนนี้จะกระพือมือ/ขยับแขนไปมา
กริยาท่าทางเหมือนนกขยับปีกไปมา
เมื่อตอนที่ทางการได้พรากเด็กคนนี้
จากการปกครองดูแลของแม่เด็กแล้ว
เด็กถูกนำตัวส่งไปยังศูนย์กลางจิตเวทย์บำบัด
เพื่อให้คณะแพทย์ทำการรักษาและฟื้นฟู
สภาพจิตใจ/ร่างกายของเด็กเคราะห์ร้ายรายนี้
.
.
.
.
.
5. Marina Chapman, Colombia, 1959
Marina ตอนวัย 5 ขวบ
ถูกคนร้ายลักพาตัวไปในปี 2497
จากหมู่บ้านที่ทุรกันดารแห่งหนึ่งในอเมริกาใต้
แต่คนร้ายที่ลักพาตัวเธอกลับทิ้งเธอไว้ในป่า
เธอต้องอยู่ร่วมกับครอบครัว
ฝูงลิงคาปูชินฝูงเล็ก ๆ ฝูงหนึ่ง
เป็นเวลากว่า 5 ปีก่อน
ที่พวกพรานป่าจะค้นพบเธอ
ตอนที่เธอวัย 10 ขวบแล้ว
เธอกินผลไม้ป่า รากต้นไม้ และกล้วยป่า
ที่บรรดาฝูงลิงหยิบยื่นให้กิน
เธอนอนในรูของต้นไม้และเดิน
พร้อมกันทั้งแขนและขาเหมือนฝูงลิง
ครั้งหนึ่ง เธอกินอาหารที่เป็นพิษเข้าไป
มีลิงที่สูงวัยตัวหนึ่งพาเธอไปยังแอ่งน้ำแห่งหนึ่ง
และบังคับให้เธอดื่มน้ำจนอาเจียนออกมา
เธอจึงหายจากอาการดังกล่าว
เธอเป็นเพื่อนเล่นกับฝูงลิงวัยรุ่น
เรียนรู้วิธีการปีนต้นไม้
เรียนรู้ว่าพืชชนิดใดที่กินได้กินไม่ได้
เธอจะนั่งอยู่บนต้นไม้ เล่น
และหาเหาบนหัวกับฝูงลิง
Marina สูญเสียความทรงจำ
ในการใช้ภาษาไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
หลังจากที่พวกพรานป่า
ได้ช่วยเหลือเธอออกจากป่าแล้ว
แต่พวกพรานป่าเหล่านั้น
กลับขายเธอให้กับซ่องโสเภณี
แต่เธอหลบหนีออกมาได้
และอยู่ตามท้องถนนแบบเด็กข้างถนน
ต่อมา เธอถูกเลี้ยงดูเหมือนทาส
จากครอบครัวคนเลวที่ทำตัวเหมือนเจ้าพ่อ
ก่อนที่ไม่นานนักเธอได้รับความช่วยเหลือ
จากเพื่อนบ้านครอบครัวหนึ่ง
ส่งเธอไปอยู่กับลูกสาว/ลูกเขยที่เมือง Bogotá
ทั้งสองคนได้เลี้ยงดูเธอเป็นอย่างดี
ร่วมกับลูก ๆ 5 คนของครอบครัวนี้
ให้มีสภาพความเป็นอยู่เหมือนกับคนทั่ว ๆ ไป
เมื่อ Marina ผ่านพ้นช่วงวัยรุ่นแล้ว
เธอได้ไปทำงานกับครอบครัวหนึ่ง
ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านและพี่เลี้ยงเด็ก
ต่อมาครอบครัวนี้พร้อมกับ Marina
ได้ย้ายไปอยู่ที่ Bradford แคว้น Yorksire
ในสหราชอาณาจักร ในปี 2520
เมืองที่เธออยู่จนถึงทุกวันนี้
.
.
.
Marina Chapman, The Girl With No Name
.
.
Marina แต่งงานแล้ว
และมีลูกสาวชื่อว่า Vanessa James
ทั้งคู่ได้ร่วมกันเขียนเรื่องราว
ประสบการณ์ที่เติบโตร่วมกับฝูงสัตว์
และชีวิตที่ดีงามในภายหลัง
เรื่อง The Girl With No Name
.
.
.
.
.
6. Madina, Russia, 2013
Madina กินอยู่หลับนอนร่วมกับฝูงหมา
ตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งได้ 3 ขวบ
แบ่งปันอาหารกัน เล่นด้วยกัน และหลับนอน
ร่วมกันในคอกหมาแม้ในฤดูหนาว
เธอถูกนักสังคมสงเคราะห์ค้นพบในปี 2556
เธอไม่สวมเสื้อผ้าเลย เวลาเดินหรือวิ่ง
พร้อมกันทั้งมือและเท้าเหมือนกับหมาตัวหนึ่ง
พ่อของ Madina ทอดทิ้งเธอไป
หลังจากเธอเกิดได้ไม่นานนัก
แม่ของเธอวัย 23 ปี
ใช้ชีวิตเป็นคนขึ้เมาหยำเปจมปลักไปกับเหล้า
บ่อยครั้งที่เมามายจนเลี้ยงดูลูกตนเองไม่ไหว
และบางครั้งก็หายตัวไปหลาย ๆ วันเลยทีเดียว
มีหลายครั้งที่เธอเชิญชวนเพื่อนชี้เหล้าของเธอ
มาร่วมวงสุรายาเมาในบ้านของเธอ
แล้วแม่ขี้เมาของเธอมักจะนั่งบนโต๊ะ
พร้อมกับโยนเศษกระดูกลงบนพื้นดิน
ให้ Madina แทะกินพร้อมกับฝูงหมา
เวลาที่แม่เธอมีอาการโมโหโทโสขึ้นมา
Madina มักจะคลานหลบหนีไป
ไปซ่อนตัวอยู่ที่สวนสาธารณะ
แต่ไม่มีเด็ก ๆ คนไหนกล้าเล่นกับเธอเลย
เพราะเธอพูดภาษาคนไม่เป็นเลย
และมีอาการดุร้ายพร้อมต่อสู้ตลอดเวลา
ดังนั้นมีแต่ฝูงหมาเท่านั้น
ที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ
คณะแพทย์ที่ทำการรักษา Madina
ได้สรุปลงความเห็นว่า
เธอมีประสบการณ์บอบช้ำ
ทั้งร่างกายและจิตใจจากเหตุการณ์ในอดีต
แต่ยังมีโชคดีอยู่บ้างเล็กน้อย
ที่เธออาจจะใช้ชีวิตแบบคนปรกติได้
เพราะเธอเริ่มเรียนรู้วิธีการพูด
ตามช่วงและวัยของเด็ก
ในรุ่นราวคราวเดียวกันได้
.
.
.
.
.
7. Genie, USA, 1970
เมื่อตอนที่เด็กหญิง Genie กำลังหัดเดินได้
พ่อของเธอคิดว่าลูกตนเองเป็นเด็กปัญญาอ่อน
จึงได้จับเธอกักขังพร้อมกับเก้าอี้เด็กนั่งถ่าย
ภายในห้องขนาดเล็กของบ้าน
เด็กน้อยต้องอยู่คนเดียวตามลำพัง
จนเธออายุมากกว่า 10 ขวบ
เธอติดนิสัยต้องนั่งกินนอนกิน
บนเก้าอี้นั่งถ่ายของเด็ก
ตอนที่เธออายุได้ 13 ปี
เมื่อแม่ของเธอได้ยื่นคำร้องกับ
สำนักงานสังคมสงเคราะห์ของทางราชการ
เจ้าหน้าที่ได้พบเห็นข้อพิรุธบางอย่างในเอกสาร
จึงได้เข้าไปตรวจสอบและค้นหาข้อเท็จจริง
พบว่าเด็กหญิงคนนี้ไม่เคยได้รับการสอน
วิธีการขับถ่ายแบบเด็กทั่ว ๆ ไปเลย
และวิธีการเดินก็เยื้องย่างเหมือนกระต่าย
เธอพูดไม่ได้หรือส่งเสียงอย่างหนึ่งอย่างใดเลย
แต่เธอชอบกัดเล็บและถ่มน้ำลายเป็นประจำ
หลายปีต่อมา
เธอกลายเป็นเหมือนหนูทดลอง
ได้รับการศึกษาและวิจัยค้นคว้า
ของสถาบันแห่งหนึ่งของรัฐ
เธอจึงเริ่มเรียนรู้วิธีการพูดคำบางคำ
แต่ไม่สามารถลำดับถ้อยคำเหมือนคนทั่วไป
สามารถอ่านคำศัพท์ง่าย ๆ บางคำได้บ้าง
แต่มีข้อจำกัดพัฒนาการอยู่ในสังคมคนทั่วไป
มีครั้งหนึ่ง เธอได้กลับไปอยู่ร่วมกับแม่เธอ
แต่ประสบการณ์เลวร้ายชีวิตในอดีต
ทำให้เธอต้องขอกลับมาอยู่ที่สถานพยาบาลอีก
และเริ่มพบว่าเธอมีอาการถดถอยทางอารมณ์
มีโรคซึมเศร้าและอยู่แบบคนเงียบขรึม
เงินทุนที่ใช้ในการรักษา/ศึกษาและวิจัย
Genie ได้สิ้นสุดและยุติลงในปี 2517
ไม่มีใครทราบเรื่องราวภายหลังของเธออีกเลย
จนกระทั่งมีนักสืบเอกชนรายหนึ่ง
ได้ทำการสืบเสาะค้นหาจนพบว่า
เธอพำนักพักพิงอยู่ในสถานพยาบาลเอกชน
สำหรับผู้ใหญ่ที่มีปัญหาทางด้านอารมณ์/จิตใจ
.
.
.
.
เรื่องเล่าไร้สาระ
ตามตำนาน/นิยายปรัมปราของโรมัน
มักอ้างว่า Romulus กับ Remus
สองพี่น้องที่ก่อตั้งกรุงโรม
ได้รับการเลี้ยงดูจากแม่หมาป่า
.
.
พวกมองโกลมีตำนานเล่าสู่กันฟังว่า
บรรพบุรุษของพวกตนเป็นหมาป่า
จึงนับถือหมาป่ามากเป็นพิเศษ
มีประเพณีงานศพว่า
ศพทุกผู้ทุกนามจะต้องถูกทิ้ง
ไว้ในที่รกร้างให้ฝูงหมาป่ากัดกิน
ข้อสันนิษฐานตามหนังสือหมาป่า
น่าจะไม่มีหลุมศพลึกลับเจงกิสข่าน
ที่เต็มไปด้วยมหาสมบัติจากหลายชาติ
.
.
ชะตาชีวิตเด็กที่เติบโตร่วมกับฝูงสัตว์
ภาพถ่ายชุดนี้เป็นภาพจำลองของ
ช่างภาพ Julia Fullerton-Batten
ถ้อยคำบางคำที่ใช้เรียบเรียงครั้งนี้
เป็นภาษาชาวบ้านพูดกัน
บางคนอาจจะรู้สึกว่าเป็นถ้อยคำ
ดูถูกดูหมิ่นเกลียดชัง Hatred Speed
ต้องขออภัยล่วงหน้าถ้ากระทบความรู้สึก
ปีที่ระบุจะขอใช้ปี พุทธศักราช เป็นหลัก
.
.
.
Feral Children เด็กดุร้าย หรือ เด็กป่าเถื่อน
คือ โครงการภาพถ่ายของช่างภาพเยอรมันนี
Julia Fullerton-Batten ที่ทำงานในอังกฤษ
ผลงานชิ้นล่าสุดของเธอคือ เรื่องมุมมืดของผู้คน
ที่เติบโตอย่างผิดธรรมชาติ/สภาพแวดล้อม
Julia Fullerton-Batten มีชื่อเสียงจากภาพถ่าย
เรื่องราววัยรุ่น Teenage Stories 2005
ที่ค้นหาการเปลี่ยนแปลงของ
เด็กหญิงธรรมดาเป็นสตรีร่างยักษ์
.
.
Julia Fullerton-Batten
.
.
" เรื่องราวจากหนังสือ The Girl With No Name
ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับฉัน
ในการค้นคว้าหาเรื่องราวแบบเดียวกัน
ฉันได้พบว่ามีเด็กจำนวนหนึ่ง
ที่เป็นเหมือนหนังสือเล่มนี้
เด็กบางคนถูกทอดทิ้ง
และได้รับการเลี้ยงดูจากฝูงสัตว์
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
เด็กบางคนถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง
หรือปล่อยปละละเลยจากพ่อแม่ของเด็กเอง
เรื่องราวและภาพจำลองเหล่านี้มาจาก 5 ทวีป “
Fullerton-Batten ให้สัมภาษณ์กับ
Feature Shoot
.
.
1. Lobo Wolf Girl, Mexico, 1845-1852
ในปี 2388 เด็กหญิงคนหนึ่งถูกพบเห็นว่า
กำลังวิ่งพร้อมกันทั้งมือและเท้าเหมือนหมาป่า
ร่วมกับฝูงหมาป่าที่กำลังไล่ล่าแพะฝูงหนึ่ง
หนึ่งปีต่อมา เธอถูกพบเห็นอีกครั้งว่า
กำลังกินแพะตัวหนึ่งร่วมกับหมาป่า
เธอถูกจับตัวได้แต่หลบหนีไปได้ในเวลาต่อมา
ในปี 2395 มีคนพบเห็นเธออีกครั้งว่า
เธออยู่ร่วมกับลูกหมาป่าที่ยังไม่หย่านมสองตัว
แต่เธอวิ่งหนีหายเข้าไปในดงป่าไม้
พร้อมกับลูกหมาป่าแล้วไม่มีใครพบเห็นเธออีก
.
.
.
2. Oxana Malaya, Ukraine, 1991
Oxana ถูกพบว่าอยู่ในคอกหมาในปี 2534
ตอนที่เธออายุได้ 8 ขวบแล้ว
และอยู่ร่วมกับหมามากว่า 6 ปีแล้ว
พ่อแม่ของเธอเป็นพวกขี้เหล้าเมายา
และในคืนวันหนึ่ง ได้ทอดทิ้งเธอไว้นอกบ้าน
เพื่อให้ร่างกายเธออบอุ่นและหายหนาว
จากอากาศหนาวเย็นข้างนอก
เธอตอนนั้นในวัย 3 ขวบ
จึงคลานเข้าไปในคอกหมาพันธุ์ทาง
แล้วขดตัวนอนร่วมกับฝูงหมา
ทำให้เธอรอดตาย
จากความหนาวเย็นในครั้งนั้น
เมื่อตอนที่เธอถูกค้นพบ
เธอมีพฤติกรรมเหมือนกับหมา
มากกว่าเหมือนกับเด็กทั่ว ๆ ไป
เธอวิ่งหรือเดินพร้อมกัน
ทั้งมือและเท้าเหมือนกับหมา
แลบลิ้น แยกเขี้ยวยิงฟัน
และเห่าเหมือนกับหมา
ผลการไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ
ทำให้เธอรู้แต่คำว่า ใช่ กับ ไม่ เท่านั้น
ด้วยการดูแลและรักษา
อย่างเอาใจใส่ของคณะแพทย์
ทำให้ Oxana เริ่มเรียนรู้ทักษะ
ทางสังคมเบื้องต้นและคำพูดบางคำ
แต่ความรู้สามารถของเธอ
เทียบได้กับเด็กวัย 5 ขวบเท่านั้น
แม้ว่าตอนนี้เธอจะมีอายุ 30 ปีแล้ว
แต่เธอยังอาศัยอยู่ใน
คลีนิคแห่งหนึ่งที่ Odessa
และช่วยทำงานในโรงพยาบาลสัตว์
ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของผู้ดูแลเธอ
.
.
.
3. Shamdeo, INDIA, 1972
Shamdeo เด็กชายอายุราว 4 ขวบ
ถูกค้นพบในป่าแห่งหนึ่งของอินเดียในปี 2515
เธอกำลังเล่นอยู่กับฝูงหมาป่า
ผิวเด็กคนนี้ค่อนข้างดำมาก
มีฟันที่แหลมคม เล็บมือเล็บเท้ายาว
ผมหยิกหยองและมีผิวหนังด้านหนา
ทั้งมือทั้งเท้าและบริเวณข้อศอกกับหัวเข่า
เด็กคนนี้ชื่นชอบในการล่าไก่มาก
ชอบกินดิน(น่าจะดินโป่งที่มีความเค็ม)
ชื่นชอบกับการดื่มเลือดสด ๆ
และชอบอยู่คลุกคลีกับพวกหมามาก
.
.
Mother Teresa
.
ในปี 2521 เด็กชายคนนี้ถูกส่งไปอยู่ที่
บ้านพักคนยากใน Lucknow
ของแม่ชีเทเรซาที่ได้รับรางวัลโนเบิล
เด็กคนนี้ได้รับการตั้งชื่อใหม่ว่า Pascal
และต่อมาเสียชีวิตในเดือนกุมภาพันธ์ 2528
.
.
.
4. Prava (The Bird Boy), Russia, 2008
Prava เด็กชายวัย 7 ขวบ ถูกค้นพบภายใน
ห้องขนาดเล็ก 2 ห้องนอนในอพารฺ์ทเมนต์
แม้ว่าจะอยู่กับแม่ของตนเองที่มีอายุ 31 ปี
แต่เด็กคนนี้กลับต้องอยู่ภายในห้อง
ที่เต็มไปด้วยกรงนกเลี้ยงของแม่เธอ
จำนวนหลายสิบตัว ที่มีอาหารนก ขี้นก
และเศษขนนก ตกหล่นกระจัดกระจาย
อยู่เกลื่อนกลาดบนพื้นห้องดังกล่าว
แม่ของเด็กเลี้ยงดูลูกเหมือนเลี้ยงนกตัวหนึ่ง
แม้ว่าจะไม่มีการทำร้าย/ทุบตีลูกตัวเอง
ไม่เคยปล่อยให้ลูกต้วเองอดอาหาร
แต่ไม่เคยพูดคุยภาษาคนกับลูกตัวเอง
ทำให้เด็กคนนี้พูดภาษาคนไม่ได้เลย
ได้แต่ส่งเสียงร้องจ๊อกแจ๊กเหมือนเสียงนก
และเมื่อไม่เข้าใจถ้อยคำ/ความหมายใด ๆ
เด็กคนนี้จะกระพือมือ/ขยับแขนไปมา
กริยาท่าทางเหมือนนกขยับปีกไปมา
เมื่อตอนที่ทางการได้พรากเด็กคนนี้
จากการปกครองดูแลของแม่เด็กแล้ว
เด็กถูกนำตัวส่งไปยังศูนย์กลางจิตเวทย์บำบัด
เพื่อให้คณะแพทย์ทำการรักษาและฟื้นฟู
สภาพจิตใจ/ร่างกายของเด็กเคราะห์ร้ายรายนี้
.
.
.
5. Marina Chapman, Colombia, 1959
Marina ตอนวัย 5 ขวบ
ถูกคนร้ายลักพาตัวไปในปี 2497
จากหมู่บ้านที่ทุรกันดารแห่งหนึ่งในอเมริกาใต้
แต่คนร้ายที่ลักพาตัวเธอกลับทิ้งเธอไว้ในป่า
เธอต้องอยู่ร่วมกับครอบครัว
ฝูงลิงคาปูชินฝูงเล็ก ๆ ฝูงหนึ่ง
เป็นเวลากว่า 5 ปีก่อน
ที่พวกพรานป่าจะค้นพบเธอ
ตอนที่เธอวัย 10 ขวบแล้ว
เธอกินผลไม้ป่า รากต้นไม้ และกล้วยป่า
ที่บรรดาฝูงลิงหยิบยื่นให้กิน
เธอนอนในรูของต้นไม้และเดิน
พร้อมกันทั้งแขนและขาเหมือนฝูงลิง
ครั้งหนึ่ง เธอกินอาหารที่เป็นพิษเข้าไป
มีลิงที่สูงวัยตัวหนึ่งพาเธอไปยังแอ่งน้ำแห่งหนึ่ง
และบังคับให้เธอดื่มน้ำจนอาเจียนออกมา
เธอจึงหายจากอาการดังกล่าว
เธอเป็นเพื่อนเล่นกับฝูงลิงวัยรุ่น
เรียนรู้วิธีการปีนต้นไม้
เรียนรู้ว่าพืชชนิดใดที่กินได้กินไม่ได้
เธอจะนั่งอยู่บนต้นไม้ เล่น
และหาเหาบนหัวกับฝูงลิง
Marina สูญเสียความทรงจำ
ในการใช้ภาษาไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
หลังจากที่พวกพรานป่า
ได้ช่วยเหลือเธอออกจากป่าแล้ว
แต่พวกพรานป่าเหล่านั้น
กลับขายเธอให้กับซ่องโสเภณี
แต่เธอหลบหนีออกมาได้
และอยู่ตามท้องถนนแบบเด็กข้างถนน
ต่อมา เธอถูกเลี้ยงดูเหมือนทาส
จากครอบครัวคนเลวที่ทำตัวเหมือนเจ้าพ่อ
ก่อนที่ไม่นานนักเธอได้รับความช่วยเหลือ
จากเพื่อนบ้านครอบครัวหนึ่ง
ส่งเธอไปอยู่กับลูกสาว/ลูกเขยที่เมือง Bogotá
ทั้งสองคนได้เลี้ยงดูเธอเป็นอย่างดี
ร่วมกับลูก ๆ 5 คนของครอบครัวนี้
ให้มีสภาพความเป็นอยู่เหมือนกับคนทั่ว ๆ ไป
เมื่อ Marina ผ่านพ้นช่วงวัยรุ่นแล้ว
เธอได้ไปทำงานกับครอบครัวหนึ่ง
ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านและพี่เลี้ยงเด็ก
ต่อมาครอบครัวนี้พร้อมกับ Marina
ได้ย้ายไปอยู่ที่ Bradford แคว้น Yorksire
ในสหราชอาณาจักร ในปี 2520
เมืองที่เธออยู่จนถึงทุกวันนี้
.
.
Marina Chapman, The Girl With No Name
.
Marina แต่งงานแล้ว
และมีลูกสาวชื่อว่า Vanessa James
ทั้งคู่ได้ร่วมกันเขียนเรื่องราว
ประสบการณ์ที่เติบโตร่วมกับฝูงสัตว์
และชีวิตที่ดีงามในภายหลัง
เรื่อง The Girl With No Name
.
.
.
6. Madina, Russia, 2013
Madina กินอยู่หลับนอนร่วมกับฝูงหมา
ตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งได้ 3 ขวบ
แบ่งปันอาหารกัน เล่นด้วยกัน และหลับนอน
ร่วมกันในคอกหมาแม้ในฤดูหนาว
เธอถูกนักสังคมสงเคราะห์ค้นพบในปี 2556
เธอไม่สวมเสื้อผ้าเลย เวลาเดินหรือวิ่ง
พร้อมกันทั้งมือและเท้าเหมือนกับหมาตัวหนึ่ง
พ่อของ Madina ทอดทิ้งเธอไป
หลังจากเธอเกิดได้ไม่นานนัก
แม่ของเธอวัย 23 ปี
ใช้ชีวิตเป็นคนขึ้เมาหยำเปจมปลักไปกับเหล้า
บ่อยครั้งที่เมามายจนเลี้ยงดูลูกตนเองไม่ไหว
และบางครั้งก็หายตัวไปหลาย ๆ วันเลยทีเดียว
มีหลายครั้งที่เธอเชิญชวนเพื่อนชี้เหล้าของเธอ
มาร่วมวงสุรายาเมาในบ้านของเธอ
แล้วแม่ขี้เมาของเธอมักจะนั่งบนโต๊ะ
พร้อมกับโยนเศษกระดูกลงบนพื้นดิน
ให้ Madina แทะกินพร้อมกับฝูงหมา
เวลาที่แม่เธอมีอาการโมโหโทโสขึ้นมา
Madina มักจะคลานหลบหนีไป
ไปซ่อนตัวอยู่ที่สวนสาธารณะ
แต่ไม่มีเด็ก ๆ คนไหนกล้าเล่นกับเธอเลย
เพราะเธอพูดภาษาคนไม่เป็นเลย
และมีอาการดุร้ายพร้อมต่อสู้ตลอดเวลา
ดังนั้นมีแต่ฝูงหมาเท่านั้น
ที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ
คณะแพทย์ที่ทำการรักษา Madina
ได้สรุปลงความเห็นว่า
เธอมีประสบการณ์บอบช้ำ
ทั้งร่างกายและจิตใจจากเหตุการณ์ในอดีต
แต่ยังมีโชคดีอยู่บ้างเล็กน้อย
ที่เธออาจจะใช้ชีวิตแบบคนปรกติได้
เพราะเธอเริ่มเรียนรู้วิธีการพูด
ตามช่วงและวัยของเด็ก
ในรุ่นราวคราวเดียวกันได้
.
.
.
7. Genie, USA, 1970
เมื่อตอนที่เด็กหญิง Genie กำลังหัดเดินได้
พ่อของเธอคิดว่าลูกตนเองเป็นเด็กปัญญาอ่อน
จึงได้จับเธอกักขังพร้อมกับเก้าอี้เด็กนั่งถ่าย
ภายในห้องขนาดเล็กของบ้าน
เด็กน้อยต้องอยู่คนเดียวตามลำพัง
จนเธออายุมากกว่า 10 ขวบ
เธอติดนิสัยต้องนั่งกินนอนกิน
บนเก้าอี้นั่งถ่ายของเด็ก
ตอนที่เธออายุได้ 13 ปี
เมื่อแม่ของเธอได้ยื่นคำร้องกับ
สำนักงานสังคมสงเคราะห์ของทางราชการ
เจ้าหน้าที่ได้พบเห็นข้อพิรุธบางอย่างในเอกสาร
จึงได้เข้าไปตรวจสอบและค้นหาข้อเท็จจริง
พบว่าเด็กหญิงคนนี้ไม่เคยได้รับการสอน
วิธีการขับถ่ายแบบเด็กทั่ว ๆ ไปเลย
และวิธีการเดินก็เยื้องย่างเหมือนกระต่าย
เธอพูดไม่ได้หรือส่งเสียงอย่างหนึ่งอย่างใดเลย
แต่เธอชอบกัดเล็บและถ่มน้ำลายเป็นประจำ
หลายปีต่อมา
เธอกลายเป็นเหมือนหนูทดลอง
ได้รับการศึกษาและวิจัยค้นคว้า
ของสถาบันแห่งหนึ่งของรัฐ
เธอจึงเริ่มเรียนรู้วิธีการพูดคำบางคำ
แต่ไม่สามารถลำดับถ้อยคำเหมือนคนทั่วไป
สามารถอ่านคำศัพท์ง่าย ๆ บางคำได้บ้าง
แต่มีข้อจำกัดพัฒนาการอยู่ในสังคมคนทั่วไป
มีครั้งหนึ่ง เธอได้กลับไปอยู่ร่วมกับแม่เธอ
แต่ประสบการณ์เลวร้ายชีวิตในอดีต
ทำให้เธอต้องขอกลับมาอยู่ที่สถานพยาบาลอีก
และเริ่มพบว่าเธอมีอาการถดถอยทางอารมณ์
มีโรคซึมเศร้าและอยู่แบบคนเงียบขรึม
เงินทุนที่ใช้ในการรักษา/ศึกษาและวิจัย
Genie ได้สิ้นสุดและยุติลงในปี 2517
ไม่มีใครทราบเรื่องราวภายหลังของเธออีกเลย
จนกระทั่งมีนักสืบเอกชนรายหนึ่ง
ได้ทำการสืบเสาะค้นหาจนพบว่า
เธอพำนักพักพิงอยู่ในสถานพยาบาลเอกชน
สำหรับผู้ใหญ่ที่มีปัญหาทางด้านอารมณ์/จิตใจ
.
.
เรื่องเล่าไร้สาระ
ตามตำนาน/นิยายปรัมปราของโรมัน
มักอ้างว่า Romulus กับ Remus
สองพี่น้องที่ก่อตั้งกรุงโรม
ได้รับการเลี้ยงดูจากแม่หมาป่า
.
.
@ http://goo.gl/yYft4E
.
พวกมองโกลมีตำนานเล่าสู่กันฟังว่า
บรรพบุรุษของพวกตนเป็นหมาป่า
จึงนับถือหมาป่ามากเป็นพิเศษ
มีประเพณีงานศพว่า
ศพทุกผู้ทุกนามจะต้องถูกทิ้ง
ไว้ในที่รกร้างให้ฝูงหมาป่ากัดกิน
ข้อสันนิษฐานตามหนังสือหมาป่า
น่าจะไม่มีหลุมศพลึกลับเจงกิสข่าน
ที่เต็มไปด้วยมหาสมบัติจากหลายชาติ
.
.
เจง กีส ข่าน
.
.