คุณสังศิตครับ ไม่แน่ใจว่า ที่พูดมานั้น พูดในนามส่วนตัว--------------------ทวดเอง

กระทู้สนทนา
หรือพูดในนามของประธานคณะอนุกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติหรือจะพูดในนามของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1444180607

แต่ไม่ว่าคุณสังศิตจะพูดในนามไหน จะใส่หัวโขนตัวใด ผมก็คิดว่ามันเป็นการบรรยายเพื่อทำลายล้างอีกฝ่ายให้จงได้แค่นั้นเองครับ ทำไมผมจึงคิดอย่างนั้นหรือครับ ก็เพราะการบรรยายของคุณสังศิตไงครับ ที่เน้นเฉพาะการทุจริตในปี 2544-2549 ว่าเป็นการทุจริตที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ถ้าคนติดตามการเมืองก็จะรู้ทันทีเลยว่า ปีที่คุณสังศิตพูดถึงเป็นการพุ่งเป้าไปที่อดีตนายกฯทักษิณเพียงคนเดียวเท่านั้น เป็นการทำลายล้างโดยไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง ผมคิดว่าเป็นการบรรยายที่น่าอับอายมากกว่าเป็นการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจให้กับผู้ฟังนะครับ

คุณสังศิตครับ ปี 2544-49 เป็นปีที่คุณทักษิณเป็นนายกฯ ถ้าจากการบรรยายของคุณสังศิต แปลตามคำพูดก็คือ หลังจากปี 50 การทุจริตคอรัปชั่นลดน้อยลงแล้วใช่ไหมครับ ไม่มีการโกงเลือกตั้ง ไม่มีการโกงแต่งตั้งข้าราชการ แล้วเลิกแสวงผลประโยชน์กันแล้วใช่ไหมครับ

แล้วปี 2544 เป็นปีแรกที่คุณทักษิณได้เป็นหัวหน้ารัฐบาล ก่อนบริหารประเทศให้เป็นรูปเป็นร่าง ก่อนจะดำเนินนโยบายให้เป็นรูปธรรม แล้วก็ทำการทุจริตคอรัปชั่นไปพร้อมๆกันเลยอย่างนั้นหรือครับ ไม่แน่ใจว่าคุณสังศิตเข้าใจคำว่า โกง แค่ไหนกันครับ

ก็อย่างเรื่องโกงเลือกตั้ง เรามี กกต.ไว้ทำอะไรหรือครับ เรามีกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งไว้ทำอะไรหรือครับ หรือคุณสังศิตกำลังบอกเป็นนัยๆว่ากกต.ไร้น้ำยา จนปล่อยให้คนโกงการเลือกตั้งสำเร็จ

แต่ความจริงที่คุณสังศิตลืมไป นั่นคือ ช่วงการเลือกตั้งในช่วงนั้น กระแสการเลือกตั้งที่จะเลือกคุณทักษิณมันแรงขนาดไหน แม้กระทั่งความบกพร่องโดยสุจริต สังคมยังยอมรับกันได้ นั่นเป็นเพราะสังคมไทยต้องการความเปลี่ยนแปลงอย่างแรงกล้า นั่นคือการบ่งบอกให้คุณสังศิตได้สำเหนียกว่า ก่อนที่คุณทักษิณจะเข้ามา เศรษฐกิจบ้านเราเป็นอย่างไร ประชาชนต้องการอัศวินขี้ม้าขาวแค่ไหน กระแสอย่างนี้ ถ้าจะโกงการเลือกตั้ง จึงน่าจะเป็นพรรคการเมืองฝั่งที่ต้องการชนะให้ได้เท่านั้นต่างหากครับ เข้าใจไหม

คุณสังศิตครับ การเลือกตั้งที่ผ่านมาก็เช่นกัน คุณสังศิตคงได้เห็นกระแสนายกฯหญิงแรงแค่ไหน คุณสังศิตคงได้ยินคุณอลงกรณ์พูดถึงพรรคคุณอลงกรณ์ใช้เงินมากกว่าคู่แข่ง แต่ก็ไม่สามารถชนะได้ นั่นพอจะกระตุกต่อมความรับรู้ของคุณสังศิตให้รู้ถึงความต้องการของคนส่วนใหญ่ได้หรือยังครับ ถ้าพรรคไหนสนองความต้องการของคนส่วนใหญ่ ก็จะได้ใจคนส่วนใหญ่โดยไม่จำเป็นต้องโกงครับ

คุณสังศิตครับ เรื่องโกงการแต่งตั้งข้าราชการยิ่งไปกันใหญ่ครับ เพราะตั้งแต่มีรัฐบาลมา ไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม ก็ล้วนแต่แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการที่ไว้ใจได้ ที่สนองทำตามนโยบายได้ มันไม่มีอะไรที่แตกต่างกันหรอกครับ แม้แต่ตัวคุณสังศิตเอง ถ้าเป็นรัฐบาลที่สนิทชิดเชื้อกับคุณสังศิต ที่ไว้วางใจคุณสังศิต คุณสังศิตก็จะไม่ตกขบวนการจัดตั้งไปอย่างแน่นอน ผมเชื่อเช่นนั้นครับ

ส่วนเรื่องโกงการแต่งตั้งข้าราชการ น่าจะเป็น การแต่งตั้งคนที่ตัวเองฟ้องเรื่องการทุจริตมาเป็นกรรมการตรวจสอบการทุจริต นี่จึงอาจจะเข้าข่ายโกงการแต่งตั้งได้ เพราะกลายเป็นคนที่เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติกลับต้องถูกโกงสิทธิ์ไป

หรือจะเป็นการตั้งตำแหน่งใหม่ เพื่อรองรับคนๆเดียวมาทำงาน โดยไม่เปิดโอกาสให้คนไทยคนอื่นๆได้มีโอกาสสมัครเข้าแข่งขัน นี่ก็อาจเข้าข่ายโกงอย่างที่คุณสังศิตพูดถึง

ส่วนที่คุณสังศิตนำมาอ้างถึงสังคมไทยเกิดความคิดผิดเพี้ยน นักการเมืองโกงไม่เป็นไร แต่ขอให้แบ่งผลประโยชน์ให้บ้างก็พอ แถมยังเตือนคนไทยหันกลับมาอยู่บนโลกแห่งความจริงมากกว่าตกอยู่ในอุดมคติ

นี่ยิ่งเป็นเรื่องตลกแห่งปีได้เลยนะครับคุณสังศิต เพราะคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้อยู่ในโลกแห่งความจริงต่างหากเล่า พวกเขาจึงรู้ว่า ประเทศแห่งความจริงแห่งนี้ มันล้วนแต่มีการทุจริตคอรัปชั่นกันทั้งนั้น มันไม่ใช่มีแค่นักการเมืองหรอกครับ

ดังนั้นเมื่อมีตัวเลือกเพียงเท่านี้ ระหว่างคนทุจริตแต่ไม่ทำงาน กับ คนทุจริตแล้วทำงาน คนที่อยู่บนโลกแห่งความจริงย่อมต้องเลือกอย่างหลังอย่างแน่นอน หรือคุณสังศิตคิดว่า เลือกอย่างแรกจึงจะถูกต้อง?

คุณสังศิตส่วนใหญ่ได้ทำงานล้วนมาจากการแต่งตั้ง ดังนั้นอาจเข้าใจประชาธิปไตยคลาดเคลื่อนไป การเลือกผู้นำประเทศ เขาเลือกจากวิสัยทัศน์ เขาเลือกจากนโยบาย เขาเลือกจากการทำงานที่ก่อประโยชน์ให้กับประเทศและประชาชนหรือไม่

และในระบอบประชาธิปไตย เมื่อได้รัฐบาลไม่ทำงาน รัฐบาลเอาแต่พูด หรือรัฐบาลที่เอาแต่ผลประโยชน์ส่วนตน ละเลยต่อประชาชน ประชาชนย่อมมีสิทธิเปลี่ยนแปลงได้ในทุก 4 ปี นี่ต่างหากครับเป็นกติกาที่ทั่วโลกยอมรับ

ไม่ใช่สังคมอุดมคติอย่างคุณสังศิต ต้องมีศีลธรรม ต้องมีความซื่อสัตย์เป็นที่ตั้ง ศีลธรรมแบบอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ใช้กระสุนจริงกับประชาชนที่ต่อต้านอย่างนั้นหรือครับ ซื่อสัตย์แบบตัวเองยากจน แต่ภรรยาร่ำรวยมหาศาล หรือสุจริตแบบรุกป่าสงวนโดยไม่ได้เจตนาอย่างนี้หรือเปล่าครับคุณสังศิต

ยิ่งมาพูดถึงเรื่องการประกาศสงครามกับยาเสพติด กลายเป็นนโยบายฉ้อฉลของรัฐบาล ยิ่งทำให้ผมเห็นถึงความต้องการที่เล่นงานคุณทักษิณอย่างแน่ชัด เพราะนโยบายนี้เป็นหนึ่งในนโยบายที่สร้างความศรัทธาไม่แพ้นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค

ผมไม่ได้ละเมอเพ้อพกนะครับคุณสังศิต แต่ผมผ่านเหตุการณ์นั้นมาด้วยตนเอง ผมติดตามข่าวสารมาอย่างต่อเนื่อง ช่วงนั้นนับเป็นช่วงหนึ่งที่สามารถปราบปรามยาเสพติดจนอยู่หมัด ยาเสพติดกลายเป็นของหายาก ราคาแสนแพง และนั่นทำให้ครอบครัวหลายต่อหลายครอบครัวที่ได้ลูกหลานกลับคืนมา และก็ยังมีอีกหลายต่อหลายครอบครัว ที่รู้สึกถึงความปลอดภัยที่ไม่ต้องคอยหวั่นเกรงลูกหลานออกนอกบ้าน จะไปเจอกับเจ้าบ้าคนไหนเอามีดมาจ่อคอเป็นจับเป็นตัวประกัน

เรื่องเหล่านี้คุณสังศิตที่อยู่บนหอคอยงาช้าง คงไม่มีโอกาสสัมผัสอย่างแน่นอน มันก็เลยกลายเป็นนโยบายฉ้อฉลที่นำมาใช้ดีสเครดิตคุณทักษิณ แต่กลับทำให้ประชาชนรู้เท่าทันคุณสังศิตได้เป็นอย่างดี

ยิ่งมาถึงท่อนสุดท้ายที่คุณสังศิตพูดถึงนายทุนเข้ามาบริหารประเทศ ยิ่งยืนยันให้ผมแน่ใจว่า การบรรยายในวันนั้น คุณสังศิตไม่ได้พูดในนามของประธานคณะอนกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติอย่างแน่นอน แต่เป็นการพูดในนามของ ประธานคณะอนุกรรมการต่อต้านการทุจริตทักษิณเสียมากกว่า

เพราะที่ผ่านมา จากปี 44-49 นั้น การทุจริตที่ใหญ่โตที่สุดในโลก ที่ผมเห็นก็แค่เมียซื้อที่ ผัวติดคุก กับการยึดทรัพย์ที่ทำให้โทรศัพท์มือถือมีกำไร ส่วนเรื่องอื่นๆตามข้อกล่าวหา จนถึงวันนี้ไม่ว่าคนในรัฐบาลที่ผ่านมาก็ดี ข้าราชการที่รับใช้ระบอบทักษิณ มีสักกี่คนครับที่ถูกยึดทรัพย์ เพราะทุจริตคอรัปชั่น ดังนั้นผมจึงถือว่าการบรรยายในวันนั้นเป็นเพียงข้อกล่าวลอยๆที่ผมได้ยินมาตลอดเกือบสิบปีที่ผ่านมา ไม่มีอะไรแปลกใหม่ที่จะทำให้ผมคล้อยตามได้เลยนะครับคุณสังศิต

แต่สิ่งที่คุณสังศิตไม่เคยเห็น ทั้งๆที่หลักฐานจะๆคาตา เช่น เสาโรงพักเอย แฟลตตำรวจเอย ส่วนต่างมากเกินจริงเอย ไทยเข็มแข็งหรือโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเอย อย่างนี้จะเรียกว่าการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติได้อย่างไร จริงไหมครับคุณสังศิต

ทิ้งท้ายอยากให้คุณสังศิตได้เข้าใจในเรื่องหนึ่ง การสร้างสังคมที่โปร่งใสนั้น ไม่ใช่แค่การปฏิรูปนักการเมืองเพียงเท่านั้น แต่จำเป็นต้องปฎิรูประบบอุปถัมภ์ไปด้วยนะครับ เพราะสังคมไทยที่ติดอยู่กับการอุปถัมภ์ ไม่มีทางจะได้คนที่มีความรู้ความสามารถมาทำงานหรอกครับ

นอกจากคนที่เก่งแค่การตีกินคนอื่น กดหัวชาวบ้าน แล้วก็เชลียร์ผู้มีอำนาจที่ให้คุณให้โทษได้ ก็จะได้ตำแหน่งโดยไม่ต้องคำนึงถึงความเหมาะสม นี่ก็คืออีกหนึ่งสาเหตุที่เป็นตัวถ่วงให้ประเทศไม่สามารถเดินหน้าเทียบเคียงนานาประเทศได้ จริงไม่จริงคุณสังศิตลองคิดดู
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่