กินอาหารอินเดียอย่างไรให้เป็นยา ?

ตอนที่ ๓๒ วิธีกิน
    มังสวิรัติที่ผมกำลังเขียนถึงอยู่นี้  นับเป็นอาหารยอดเลิศประเสริฐสุด ที่มีรสชาติกินร่วมกับอาหารอื่นได้ยาก  ทั้งยังควรกินมื้อละอย่างสองอย่างเท่านั้น เพราะอาหารมังสวิรัติอินเดียได้ผ่านการพิสูจน์ความเป็นโภชนามาจนตกผลึกแล้วนับพันๆปี ที่คนอินเดียพันกว่าล้านคน ใช้เป็นอาหารดูแลสุขภาพและประเทศชาติจนเกิดปราชญ์ ศาสดา มาเป็นหลักฐานรับรอง มากมายนัก นับตั้งแต่การปรุงจนถึงการกิน เขามีกลไกวิธีการที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงให้เป็นอื่นไม่ได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  เขาจะไม่ใช้วัตถุดิบที่ไม่รู้ที่ไปที่มาที่ชัดเจนมาปรุงเป็นอาหาร รวมทั้งกลิ่นคาวเน่าเหม็นนั้นไม่มีเด็ดขาด  วันนี้ผมพูดถึงการกินว่าต้องกินให้ครบเบญจรส แล้วร่างกายจะอิ่มเอิบจนไม่คิดอยากจะกินจุกกินจิกอื่นอีกเลย  โดยเฉพาะเครื่องเคียงที่มีจัสนิ(น้ำพริก)กับเครื่องจิ้มที่มีหอมแดงใหญ่ของอินเดียเป็นตัวยืนสำหรับฆ่าเชื้อ บำรุงกำลัง กระตุ้นต่อม จุดพลุกระตุ้นอาหารให้ไปเลี้ยงสมอง ซึ่งวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่า หอมแดงอินเดียมีพลังยิ่งกว่าไวอาก้าเสียอีก กับแตงกวาและหัวไชเท้าสำหรับดับพิษร้อนในร่างกาย  อีกอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ คือพริกเขียว สำหรับกัดแกล้มเพื่อรักษากะเพาะ แล้วยังมีผงเกลือดำ (กาลานะมัก) สำหรับเอานิ้วจิ้มแล้วไปแตะลิ้นกินปนไปกับอาหาร ให้มีรสเค็มๆที่มีแร่ธาตุบำรุงร่างกายถึง ๘0 ชนิด แล้วยังมีขิงดองกับอะจาดและมะนาวให้กัดแกล้มจนกว่าจะเกิดความรื่นรมย์ในอาหาร                   ตามความพึงพอใจของผู้กิน  
         ให้ดื่มน้ำครึ่งแก้วก่อนล้างมือเปิบข้าว  ถ้าจะกินอาหารสามจานอิ่ม ก็ให้กินแค่สองจาน เก็บความหิวให้เหลือเอาไว้บ้างจะดี เก็บช่องลมไว้บ้างจะได้เรอออกไป เมื่ออิ่มแล้ว ให้เคี่ยวหยี่หราหวานหนึ่งช้อนชา ผสมน้ำตาลกรวด สำหรับให้ลมหายใจหอม  หลังจากนั้น ๕-๑o นาที ให้ดื่มน้ำด่าง (มะนาว+เกลือ+น้ำ) ครึ่งแก้วเพื่อดับลมในท้องและช่วยย่อยอาหาร วันนี้ลองมีทำจาปาตีกันดูไหม    
          วัตถุดิบ
                       ๑ แป้งจาปาตี (ข้าวกล้องสาลี ๑oo %)  ๒ ถ้วยน้ำพริก (จะได้จาปาตีประมาณ ๖-๘)แผ่น เพื่อบำรุง รักษา ดูแลสมอง ให้โปรตีนที่ดีด้วย
                       ๒ น้ำเปล่า ๑ ถ้วยน้ำพริก
                       ๓ น้ำมันกีหรือเนยใส ๒ ช้อนชา ให้กำลัง,ช่วยย่อย,ร่างกายอบอุ่น
                       ๕ เม็ด Ajwain ครึ่งช้อนชา ช่วยย่อย ดับลมในท้องหรือลำไส้
     วัสดุ  
              ๑ กระทะก้นแบน
              ๒ แผ่นกลึงแป้ง
              ๓ ไม้คลึงแป้ง อาจประยุกต์ใช้ขวดแก้ว สากไม้ ฯลฯ
              ๔ ตะแกรงปิ้งย่าง
              ๕ กะละมังนวดแป้ง
วิธีทำ
         ๑ นำวัตถุดิบทั้งหมดคือ แป้ง น้ำเปล่า น้ำมันกี เม็ดAjwain ผสมเข้าคลุกเคล้ากัน  และนวดแป้งให้นิ่ม จนเนื้อแป้งนวล ไม่ติดมือ หากพบว่าแป้งเหลวนิ่มเกินไปให้เต็มผงแป้งอีก  โดยเพิ่มทีละน้อย หรือหากว่าผสมแป้งแล้วเนื้อแป้งแข็งไป ก็ให้เติมน้ำทีละน้อยและนวดต่อจนได้ที่ จากนั้นพักไว้ ๑o นาที(แป้งหากทำมากปิ้งไม่หมด สามารถนำไปแช่ตู้เย็นช่องธรรมดาได้ จะใช้ก็เอาตั้งพักไว้ข้างนอกจนอุณหภูมิปกติ แต่การประมาณไม่พอดีจนเหลือแช่เย็น คุณภาพความสดใหม่คุณภาพของอาหารจะลดลง)  
      ๒ นำแป้งที่พักไว้ มาปั้นเป็นก้อนกลม ขนาดเท่าลูกมะนาว โรยแป้งจาปาตี(ผง) บนแผ่นคลึงก่อนนำแป้งที่ปั้นไปกลึ้งให้แบน แป้งที่โรยไว้ก่อนจะทำให้ จาปาตีไม่ติดกับพื้นและไม้คลึง
คลึงให้บางเรียบเสมอกันทั่วทั้งแผ่น
      ๓ เมื่อได้จาปาตีเป็นแผ่นแล้ว ให้นำไปวางบนกระทะก้นแบน เมื่อแป้งเริ่มสุก คือเป็นจุดพองๆขึ้นให้ใช้ผ้าสะอาดกดแผ่นจาปาตี ตามจุดต่างๆทั่วแผ่นให้ได้รับความร้อนเสมอกัน                          จนจาปาตีสุกประมาณ ๘0 % กลับด้านทั้งสองด้านแล้วนำไปปิ้งต่อบนตะแกรงปิ้งย่าง ให้สุกพองเป็นลูกบอลลูนทั้งสองด้าน เมื่อสุกแล้วให้ทาน้ำมันกีหรือเนยใสบนแผ่นจาปาตีร้อนๆนั้นเล็กน้อย ถ้าต้องการเพิ่มน้ำหนักก็ให้ทามากขึ้นอีก โดยไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาไขมันใดๆ                 เพราะน้ำมันกีหรือเนยใสเป็นไขมันที่ร่างกายต้องการไม่อันตราย มีประโยชน์มาก                                  
         เคล็ด(ไม่)ลับคือ
                ๑  ขั้นตอนการปิ้งจาปาตีให้ใช้ไฟปานกลาง ในการปิ้งขั้นตอนสุดท้ายใช้ถ่าน                 เหมาะมากกับการปิ้งจาปาตี
                ๒ ปิ้งจาปาตีให้ไหม้เล็กน้อยดี เป็นด่าง
                ๓ หากคลึงจาปาตีหนาไป แป้งจะไม่สุก ทำให้มีลมในท้องได้
                ๔ ถ้าไม่มีน้ำมันกี หรือเนยใส ใช้น้ำมันมะพร้าวแทนได้ หรือจะไม่ใส่น้ำมันอะไรเลยก็ย่อมได้ แต่แป้งจะไม่นุ่มเหมือนใส่น้ำมันเพราะน้ำมันช่วยย่อยแป้งและให้กำลังให้ความอบอุ่นต่อร่างกายดีมาก
                  ๕  กินจาปาตีที่สุกจากเตาร้อนๆกับแกงถั่วแบบอินเดีย และเครื่องเคียงที่กล่าวมาข้างต้นจะเจริญอาหาร และย่อยได้ดีมาก ร่างกายสามารถนำสารอาหารน้ำไปใช้ดูแลรักษาร่างกายให้สมบูรณ์ แข็งแรงได้ทันท่วงที
                 ข้าวกล้องสาลี ที่แปลงร่างมาเป็นจาปาตีพองร้อนๆนี้ มีคุณค่าทางโภชนาการมากที่ในเมื่อเทียบกับบรรดาข้าวพันธุ์ต่างๆ ทั่วโลก อินเดียจะกินจาปาตีเป็นหลัก รองลงมาคือ กินข้าวขาวที่ย่อยง่าย  ทำหน้าที่เป็นเพียง ดูดซับสารพิษในร่างกายเท่านั้น ส่วนสารอาหารอื่นๆ เช่น โปรตีน เกลือแร่ วิตามิน มีครบเสร็จสมบูรณ์อยู่แล้วในจาปาตี  เครื่องเทศ แกงถั่ว ฯลฯ นี้คือ กินแม่นเป้าเข้าประเด็น อินเดียชัดเจนที่สุดเรื่องปรุงอาหารให้เป็นยา  ลึกซึ้งจนตกผลึกไว้ในจานอาหารที่กำลังเปิบกินในทุกมื้อๆ ตลอดชีวิตของพวกเขา แล้วเราล่ะกิน....???????
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่