ผมกับนายจ้างรู้จักกัน เป็นเพื่อนกัน เขาทำงานเกี่ยวเปิด อู่ซ่อมรถยนต์ เราคุยถูกคอกัน พอดีตอนนั้น เหมือนกับว่าผมไม่ได้ทำไรเป็นหลักเป็นแหล่ง เขาก็เลยชวนมาทำด้วยกัน ผมก็เห็นว่ามาช่วยเรื่องการตลาดเขา เขาจะมีลูกค้ามากขึ้น จากวันนั้น เล็กๆจนเขาใหญ่โต มีชื่อเสียงในแวดวง แต่ผมคงไม่ทำลาย ชื่อเสียงเขาหรอกนะ เขียนมาด้วยมือคงไม่ลบด้วยเท้า
ทำงานร่วมกันกับนายจ้าง มาประมาณ 11-12 ปี แต่เข้าระบบประกันสังคมก็ 9 ปี ครับ เริ่มทำงานตั้งแต่ ปี 49 จนถึง ปี 58 ตำแหน่งที่ทำสุดท้าย คือผู้จัดการทั่วไป หลักๆดูแลงานซ่อมสีตัวถังรถยนต์ คุมราคาค่าซ่อมกับประกันภัย ตั้งเบิก เก็บเช็คประกันภัย และดูและพนักงาน 20 กว่าคนไม่ว่าอะไรอะไรก็ ทำหมด จัดซื้อจัดหา เก็บเงิน รับรถส่งรถ ส่งของ เงินเดือนไม่ขึ้น โบนัสไม่มี พิเศษก็ไม่ได้รับ ปัจจุบันอายุ 50 ปีครับ ถูกทิ้ง ไม่ใยดี เลิกจ้าง ซะแล้ว 10 กว่าปีครับ เรื่องราวมันเยอะครับเอาเรื่องที่จะถามดีกว่า
- ถูกเลิกจ้างด้วย วาจา เดือนกุมภาพันธ์ ปี 58 แต่ยังไปทำงานตามปกติ เพราะ ปรึกษาทาง กรมแรงงาน โดย กองสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน ให้ไปทำงานตามปกติไปก่อน เพราะนายจ้างไม่ได้ออกหนังสือเลิกจ้าง หรือ ไล่ออก หรือฯลฯ แจงเหตุการเลิกจ้างโดยเอกสาร และยังเข้าที่ทำงานได้โดยไม่ไมีการชัดขวางใดๆ
- เงินเดือนออกเป็น วีค รับเงินสดใส่ซอง เซ็นต์รับ วีคแรก(16)ของเดือนมีนาคม ไม่ได้ ก็ไปร้องกองสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน เรื่องไม่จ่ายค่าจ้าง กองรับเรื่องและจะเรียกนายจ้างมา ชี้แจง ก็ รอ...............
- เงินเดือน วีคที่ 2 ของมีนาคม ก็ ไม่ได้ ไม่จ่ายเฉย ก็ ไปร้อง กองฯ เป็นครั้งที่ 2
- เงินเดือน เมษายน วีคแรก หลังสงการณ์ วีคแรก ไม่ได้รับ ก็ไปร้อง กองฯเป็นครั้งที่ 3
- ภรรยานายจ้างได้คุยกับผม ให้ผมไป ยกเลิกเรื่องที่ ร้องเรียนเอาไว้ และจะจ่ายเงินเดือน วีคแรก มีนาให้ ผมก็ได้แจ้งว่าเมื่อจะให้ออก ให้ทำเลิกจ้างผมมา และ ชดเชยผมเท่าไหร่ก็แจ้งมา (ให้ผม 3 หรือ 4 เดือน ผมก็ไปแล้ว เพราะคงอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว) กลับโดน อ้างเรื่องเสียๆหายๆ ทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำไว้ เลยไม่จบ ไม่ทำเลิกจ้างให้
- ผมยังไปทำงานตามปกติ นายจ้างคงทนผมไม่ไหว ติดประกาศให้ผมพ้นสภาพการเป็นพนักงาน โดยไม่ได้แจ้งเหตุผลใดๆ วันที่ 23 เมษายน 2558 ให้พ้นสภาพตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2558 เป็นการประกาศ ย้อนหลัง เมื่อติดประกาศแบบนี้ ผมคงไม่มีหน้าอยู่ เดี๋ยวจะโดนข้อหาบุกรุกได้ เลยดำเนินการเก็บของออกซะ
- จากการที่ได้ร้องเรียนเรื่อง ค่าจ้างนั้น ครั้งที่ 1 นายจ้างเอามาจ่ายให้ ที่กองฯและ กองฯได้โทรเรียกให้ผมไปรับเงินเดือน ส่วนการร้องเรียนค้าจ้างงวดที่ 2 - 3 กองฯก็มีคำสั่งให้นายจ้างจ่ายค่าจ้าง แต่นายจ้างไม่จ่าย ประวิงเวลาไป จน นิติกรของ กองฯได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าพนักงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นผมได้สอบถามไปเรื่องค่าจ้างที่ค้างอยู่นั้น ทางนิติกร แจ้งว่าผมต้องเอาคำสั่งของ กองสวัสดิการคุ้มครองแรงงานไป เรียกร้อง ฟ้องร้องต่อศาล เอง .............. อ้าว เป็นงั้นไป ผมรอมา 5 เดือน หักเวลาในการดำเนินการของ กองฯ 1 เดือนเป็น 4 เดือน
- จากวันที่ นายจ้างได้ประกาศพ้นสภาพการเป็นพนักงาน ผมก็ได้ เอาประกาศฉบับนั้น เป็นเอกสารไปดำเนินการ ต่อ กองสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน เพื่อ เรียกร้องค่าชดเชย จากการถูกเลิกจ้างไม่มีเหตุผล ทาง กองฯเรียก นายจ้างมา สอบปากคำ ปกติใช้เวลา 30 วัน ตามกรอบเวลา แต่ขยายไปอีก 30 วัน เนื่องจากเหตุผลไม่เพียงพอ ในการเรียก นายจ้างมาสอบปากคำ นายจ้างอ้างว่า ผมทุจริต ลักทรัพย์ และแจ้งความต่อตำรวจเอาไว้ด้วย ทาง กองฯก็ ขอหลักฐานมาเพื่อพิจาณา แต่นายจ้างไม่มีหลักฐานมาให้ ทางกองฯพิจารณาใดๆ จากนั้น กองฯก็เรียก ผม ไปสอบปากคำ เพื่อแก้ข้อกล่าวหาที่นายจ้างกล่าวหามา เช่น ทุจริต เรียกรับทรัพย์เกินจากลูกค้า ซึ่งผมก็แจ้งว่า หากเป็นจริงอย่างที่นายจ้าง กล่าวมานั้น ผมขอหลักฐาน ทางกองฯ ก็รอหลักฐานจากนายจ้าง แต่ไม่ได้ซะที ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้เสียเวลาไป ถึง 60 วัน จากนั้น กองสวัสดิการคุ้มครองแรงงานได้ ออกคำสั่งให้ นายจ้างจ่ายค่าชดเชย แก่ลูกจ้าง ภายใน 30 วัน (ซึ่งก็ต้องรออีก 30 วัน) นายจ้างก็ยังไม่จ่าย
- ปัจจุบัน เสียเวลากับการรอ สรุปเรื่องให้ชัดเจนอะไรไม่ได้ เป็น เวลา 5 เดือน ครับ
***** อยากถามว่า ผมรวบรวมเอกสาร เพื่อไปร้องต้อง ศาลแรงงานกรุงเทพ ที่ถนนพระราม 4 ผมจะต้องรออีกนานแค่ไหน กว่าจะจบครับ เกิดนายแจ้ง ผิดนัด ป่วย ขอเลื่อน ประวิงเวลาไปเรื่อย ************ อยากถามเป็นแนวทาง เพื่อทำใจครับ ปัจจุบันตกงาน ตอนอายุ 50 ปี มันคงไม่สนุก
............... เพราะชีวิตมันคงต้องดำเนินต่อไป ครับ มันคงหยุดไม่ได้ แท้ไม่ท้อ หยุดแต่ไม่ถอย ชีวิตใช้ซะ ........................ ทำเพื่อคนอื่น ก็ ยังไม่ดีเท่า กับ ทำเพื่อตัวเอง ผมทำให้เขาเยอะแยะ ครับ สุดท้ายมานั่งคิด ตอนนี้ สายไป ทำไมไม่ทำเพื่อตัวเอง เลย เซงงงงงงงงงงง
นายจ้างไม่จ่ายค่าจ้าง และ ค่าชดเชย
ทำงานร่วมกันกับนายจ้าง มาประมาณ 11-12 ปี แต่เข้าระบบประกันสังคมก็ 9 ปี ครับ เริ่มทำงานตั้งแต่ ปี 49 จนถึง ปี 58 ตำแหน่งที่ทำสุดท้าย คือผู้จัดการทั่วไป หลักๆดูแลงานซ่อมสีตัวถังรถยนต์ คุมราคาค่าซ่อมกับประกันภัย ตั้งเบิก เก็บเช็คประกันภัย และดูและพนักงาน 20 กว่าคนไม่ว่าอะไรอะไรก็ ทำหมด จัดซื้อจัดหา เก็บเงิน รับรถส่งรถ ส่งของ เงินเดือนไม่ขึ้น โบนัสไม่มี พิเศษก็ไม่ได้รับ ปัจจุบันอายุ 50 ปีครับ ถูกทิ้ง ไม่ใยดี เลิกจ้าง ซะแล้ว 10 กว่าปีครับ เรื่องราวมันเยอะครับเอาเรื่องที่จะถามดีกว่า
- ถูกเลิกจ้างด้วย วาจา เดือนกุมภาพันธ์ ปี 58 แต่ยังไปทำงานตามปกติ เพราะ ปรึกษาทาง กรมแรงงาน โดย กองสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน ให้ไปทำงานตามปกติไปก่อน เพราะนายจ้างไม่ได้ออกหนังสือเลิกจ้าง หรือ ไล่ออก หรือฯลฯ แจงเหตุการเลิกจ้างโดยเอกสาร และยังเข้าที่ทำงานได้โดยไม่ไมีการชัดขวางใดๆ
- เงินเดือนออกเป็น วีค รับเงินสดใส่ซอง เซ็นต์รับ วีคแรก(16)ของเดือนมีนาคม ไม่ได้ ก็ไปร้องกองสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน เรื่องไม่จ่ายค่าจ้าง กองรับเรื่องและจะเรียกนายจ้างมา ชี้แจง ก็ รอ...............
- เงินเดือน วีคที่ 2 ของมีนาคม ก็ ไม่ได้ ไม่จ่ายเฉย ก็ ไปร้อง กองฯ เป็นครั้งที่ 2
- เงินเดือน เมษายน วีคแรก หลังสงการณ์ วีคแรก ไม่ได้รับ ก็ไปร้อง กองฯเป็นครั้งที่ 3
- ภรรยานายจ้างได้คุยกับผม ให้ผมไป ยกเลิกเรื่องที่ ร้องเรียนเอาไว้ และจะจ่ายเงินเดือน วีคแรก มีนาให้ ผมก็ได้แจ้งว่าเมื่อจะให้ออก ให้ทำเลิกจ้างผมมา และ ชดเชยผมเท่าไหร่ก็แจ้งมา (ให้ผม 3 หรือ 4 เดือน ผมก็ไปแล้ว เพราะคงอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว) กลับโดน อ้างเรื่องเสียๆหายๆ ทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำไว้ เลยไม่จบ ไม่ทำเลิกจ้างให้
- ผมยังไปทำงานตามปกติ นายจ้างคงทนผมไม่ไหว ติดประกาศให้ผมพ้นสภาพการเป็นพนักงาน โดยไม่ได้แจ้งเหตุผลใดๆ วันที่ 23 เมษายน 2558 ให้พ้นสภาพตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2558 เป็นการประกาศ ย้อนหลัง เมื่อติดประกาศแบบนี้ ผมคงไม่มีหน้าอยู่ เดี๋ยวจะโดนข้อหาบุกรุกได้ เลยดำเนินการเก็บของออกซะ
- จากการที่ได้ร้องเรียนเรื่อง ค่าจ้างนั้น ครั้งที่ 1 นายจ้างเอามาจ่ายให้ ที่กองฯและ กองฯได้โทรเรียกให้ผมไปรับเงินเดือน ส่วนการร้องเรียนค้าจ้างงวดที่ 2 - 3 กองฯก็มีคำสั่งให้นายจ้างจ่ายค่าจ้าง แต่นายจ้างไม่จ่าย ประวิงเวลาไป จน นิติกรของ กองฯได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีต่อเจ้าพนักงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นผมได้สอบถามไปเรื่องค่าจ้างที่ค้างอยู่นั้น ทางนิติกร แจ้งว่าผมต้องเอาคำสั่งของ กองสวัสดิการคุ้มครองแรงงานไป เรียกร้อง ฟ้องร้องต่อศาล เอง .............. อ้าว เป็นงั้นไป ผมรอมา 5 เดือน หักเวลาในการดำเนินการของ กองฯ 1 เดือนเป็น 4 เดือน
- จากวันที่ นายจ้างได้ประกาศพ้นสภาพการเป็นพนักงาน ผมก็ได้ เอาประกาศฉบับนั้น เป็นเอกสารไปดำเนินการ ต่อ กองสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน เพื่อ เรียกร้องค่าชดเชย จากการถูกเลิกจ้างไม่มีเหตุผล ทาง กองฯเรียก นายจ้างมา สอบปากคำ ปกติใช้เวลา 30 วัน ตามกรอบเวลา แต่ขยายไปอีก 30 วัน เนื่องจากเหตุผลไม่เพียงพอ ในการเรียก นายจ้างมาสอบปากคำ นายจ้างอ้างว่า ผมทุจริต ลักทรัพย์ และแจ้งความต่อตำรวจเอาไว้ด้วย ทาง กองฯก็ ขอหลักฐานมาเพื่อพิจาณา แต่นายจ้างไม่มีหลักฐานมาให้ ทางกองฯพิจารณาใดๆ จากนั้น กองฯก็เรียก ผม ไปสอบปากคำ เพื่อแก้ข้อกล่าวหาที่นายจ้างกล่าวหามา เช่น ทุจริต เรียกรับทรัพย์เกินจากลูกค้า ซึ่งผมก็แจ้งว่า หากเป็นจริงอย่างที่นายจ้าง กล่าวมานั้น ผมขอหลักฐาน ทางกองฯ ก็รอหลักฐานจากนายจ้าง แต่ไม่ได้ซะที ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้เสียเวลาไป ถึง 60 วัน จากนั้น กองสวัสดิการคุ้มครองแรงงานได้ ออกคำสั่งให้ นายจ้างจ่ายค่าชดเชย แก่ลูกจ้าง ภายใน 30 วัน (ซึ่งก็ต้องรออีก 30 วัน) นายจ้างก็ยังไม่จ่าย
- ปัจจุบัน เสียเวลากับการรอ สรุปเรื่องให้ชัดเจนอะไรไม่ได้ เป็น เวลา 5 เดือน ครับ
***** อยากถามว่า ผมรวบรวมเอกสาร เพื่อไปร้องต้อง ศาลแรงงานกรุงเทพ ที่ถนนพระราม 4 ผมจะต้องรออีกนานแค่ไหน กว่าจะจบครับ เกิดนายแจ้ง ผิดนัด ป่วย ขอเลื่อน ประวิงเวลาไปเรื่อย ************ อยากถามเป็นแนวทาง เพื่อทำใจครับ ปัจจุบันตกงาน ตอนอายุ 50 ปี มันคงไม่สนุก
............... เพราะชีวิตมันคงต้องดำเนินต่อไป ครับ มันคงหยุดไม่ได้ แท้ไม่ท้อ หยุดแต่ไม่ถอย ชีวิตใช้ซะ ........................ ทำเพื่อคนอื่น ก็ ยังไม่ดีเท่า กับ ทำเพื่อตัวเอง ผมทำให้เขาเยอะแยะ ครับ สุดท้ายมานั่งคิด ตอนนี้ สายไป ทำไมไม่ทำเพื่อตัวเอง เลย เซงงงงงงงงงงง