[วิเคราะห์] สถานการณ์การเลือกตั้ง "นาดาว" ตามหลัก "ทฤษฏีเกม" #hormonestheseries3 #DekD

เนื่องจากปีนี้มีวาระพิเศษเกิดขึ้นในนาดาว นั้นก็คือ! การเลือกตั้งนั้นเอง!
งานนี้เลยมีคนจับหลักเศรษฐศาสตร์ มาลองวิเคราะห์สถานการณ์การเลือกตั้งกัน
    

    คำเตือน บทวิเคราะห์เฉพาะทาง ถือเป็นความรู้อีกศาสตร์นึงนะฮะ
เหมาะสำหรับคนที่ศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง
ส่วนคนทั่วไป แล้วแต่จะเสพย์เลยนะ

[นี้เป็นฉบับทั่วไป ใครอยากอ่านฉบับเพลินตา อยากเชิญให้เกียรติไปถึงกระทู้ต้นฉบับ]
>> http://www.dek-d.com/board/view/3557605

    


    เบอร์ 1 VS เบอร์ 2

    ความได้เปรียบ เสียเปรียบ เชิงกลยุทธ์

    

    

    เรามาเริ่มกันที่สถานการณ์ความได้เปรียบเสียเปรียบของทั้ง 2 พรรค กันก่อนเลยจ้า
จากสถานการณ์ของพรรคเบอร์ 1 คือ การเลือกกลยุทธ์ “ทำได้จริง”



มี “บอส” เป็นหัวหน้าพรรค ชูนโยบายที่เน้น “ทำจริง”


ในขณะที่ “นน” เป็นตัวแทนพรรค ที่สร้างการจดจำมากกว่า คือมี “ภาพลักษณ์”


ในขณะที่พรรคเบอร์ 2 ดูจะต่อกรด้วยกลยุทธ์ “เน้นภาพลักษณ์”


มี “เยลลี่” เป็นหัวหน้าพรรคมี “ภาพลักษณ์” เช่นกัน


สถานการณ์คือ กลยุทธ์ “ภาพลักษณ์” มีแนวโน้มจะประสบความสำเร็จมากกว่า
กลายเป็นสถานการณ์ “บีบบังคับ” ให้ทีมต้องเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์
โดย “เต้อ” ตัดสินใจเสนอกลยุทธ์ “ภาพลักษณ์” เข้าสู่อย่างจริงจัง
เต้อ เสนอ "นน" เป็นอาวุธของกลยุทธ์นี้





1. ถ้า 2 พรรค สู้กันด้วยกลยุทธ์เดียวกัน ทั้งคู่จะ “ได้คะแนนเสียง” แข่งกันแฟร์ๆ
[ ช่อง(1) และ ช่อง(4) ]
2. เมื่อมีพรรคใดพรรคหนึ่งเปลี่ยนกลยุทธ์ จะเห็นได้ชัดเจนจากตารางว่า ฝ่ายที่เลือกกลยุทธ์
“เน้นภาพลักษณ์” จะได้เปรียบกว่า [ ช่อง(2) และ ช่อง(3) ]
3. ฉะนั้นเมื่อพรรคเบอร์ 2 เลือกกลยุทธ์ “เน้นภาพลักษณ์” พรรคเบอร์ 2 จะ “ได้คะแนนเสียง”
[ ช่อง(2) และ ช่อง(4) ]
4. พรรคเบอร์ 1 จึงต้องแก้เกมต่อด้วยการเลือก “นน” ขึ้นมาแข่งเป็นภาพลักษณ์เช่นกัน!
[ช่อง(4)] ซึ่งการ “เน้นภาพลักษณ์” เป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดของทั้ง 2 ฝ่าย



การต่อรองเปลี่ยนกลยุทธ์ภายในทีม พรรคเบอร์ 1



จากการเปลี่ยนกลยุทธ์ดังกล่าว นั้นทำให้ “เต้อ” ตัดสินใจต่อรองภายในทีม
โดยจากเดิม “บอส” อยากเป็นหัวหน้า อยู่แล้ว แต่ “นน” ไม่ได้อยากเป็นหัวหน้า แค่ต้องการช่วยเหลือทีม
แต่เมื่อนนต้องขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคล่ะ?

    

    ซึ่งจริงๆแล้ว “นน” มีโอกาสได้รับเลือกจากทีมน้อยกว่ามาก มาลองดูจากตารางนี้กันจ้า




สถานการณ์ที่เกิดขึ้นคือ เมื่อเต้อทำการต่อรองแล้ว ทีมตัดสินใจจะเลือก “นน” เป็นหัวหน้าพรรคใหม่
แต่นนไม่อยากเป็น อาจเกิดสถานการณ์ดังนี้



1. นน และ บอส ยืนกรานความคิดตัวเอง คือ “นนไม่อยากเป็นหัวหน้าพรรค” และ“บอสอยากเป็นหัวหน้าพรรค” ผลคือ “บอสเป็นหัวหน้าพรรค” [ช่อง (1)]


2. ถ้านนตกลง “ฟังทีม” เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ แต่บอสยืนกรานจะเป็นหัวหน้าพรรคเช่นเดิม งานนี้มีไฝว้!  [ช่อง (2)]


3. ถ้าบอสเห็นด้วยกับเต้อ และ “ยอมให้นนเป็นหัวหน้าพรรค” ตามทีมเสนอ

    แต่ นนยังคง "ไม่อยากเป็นหัวหน้าพรรค” สุดท้าย “บอสต้องเป็นหัวหน้าพรรค” ตามเดิม  [ช่อง (3)]


4. เมื่อทั้งนน และบอส ยอมรับข้อเสนอ “ฟังทีม” นนจึงได้เป็นหัวหน้าพรรค [ช่อง (4)]


ผลสรุปของสถานการณ์นี้ ต้องยกให้ความใจกว้างของบอส


ซึ่งทำให้พรรคเบอร์ 1 สามารถใช้กลยุทธ์
“เน้นภาพลักษณ์” นำทีมโดย "นน"

    เข้าสู้กับพรรคเบอร์ 2 ได้อย่างไม่เสียเปรียบ

________

Cr. http://www.dek-d.com/board/view/3557605

เป็นไงบ้าง งงตรงไหนเยอะมั้ยจ๊ะ จัดหนักเลยวิเคราะห์คราวนี้ถ้าโหดไปก็
ขออภัยมา ณ ที่นี้ นะจ๊ะ

ยังไงก็ฝากติดตาม @กระทู้นี้ดีออก ได้บน Facebook และ Twitter ด้วยนะจ๊ะ
แล้วเจอกันอาทิตย์หน้าๆจ้าาาา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่