สำหรับตอนนี้ ผมจะขอกล่าวถึงเรื่องของความศรัทธาในวันหนึ่งซึ่งจะมีมา ที่เราเรียกว่า "วันอาคิเราะห์" หรือวันสิ้นโลก นั่นเองครับ
วันสิ้นโลกหรือวันอาคิเราะห์ นั้น เป็นสิ่งที่ ท่านอาจจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม
แต่สำหรับชาวมุสลิมแล้ว
เชื่อ อย่างสนิทใจครับ เพราะเป็นสิ่งที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ในคัมภีร์อัลกุรอาน
ดังเช่น ตัวอย่างส่วนหนึ่งในซูเราะห์(บท) อัตตักวีร ดังนี้ครับ
และสำหรับบทเต็มๆของซูเราะห์
https://www.youtube.com/watch?v=KKrGYQY0jLo
หรือในซูเราะห์อื่นๆ อาทิเช่น บท อัลอิมฟิฏอร ทีได้กล่าวถึงสภาพของวันนั้นไว้ ดังนี้ครับ
การศรัทธาต่อวันอาคิเราะห์หรือวันสิ้นโลกนั้น ไม่มีผู้ใดที่สามารถล่วงรู้ได้ว่าพระองค์จะทรงกำหนดให้เป็นวันใด
แต่จะมีเครื่องหมายและสัญญาณ ที่บ่งบอกว่าวันกิยามะฮฺนั้นใกล้เข้ามาถึงแล้ว
โดยสัญญาณดังกล่าวแบ่งออกเป็นสองประเภท คือ สัญญาณย่อย และสัญญาณใหญ่ ครับ
สัญญาณย่อย (ซึ่งมีมากมาย) มีทั้งสัญญาณที่ได้ปรากฏขึ้นแล้วและยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสัญญาณที่ปรากฎขึ้นแล้วหรือยังไม่ปรากฏ แต่จะปรากฏขึ้นอย่างแน่นอน ดังที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้บอกกล่าวไว้ดังนี้
สัญญาณที่ได้ปรากฏขึ้นและยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง (บางสิ่งอาจจะยังไม่ปรากฏ) เช่น เกิดความวุ่นวายระส่ำระสาย(ฟิตนะฮฺ) มีการแอบอ้างเป็นนบี ความฟุ้งเฟ้อจะแพร่หลาย ความรู้วิชาศาสนาจะเลือนหายไป ความโง่เขลาจะมาแทนที่ จะมีตำรวจกับบริวารที่โหดเหี้ยมเกิดขึ้นมากมาย มีเครื่องดนตรีมากมายอีกทั้งมีการรับรองว่าสิ่งดังกล่าวเป็นที่อนุมัติ คนที่เคยมีฐานะยากจนมีอาชีพเลี้ยงแกะจะกลายเป็นเศรษฐีแข่งกันสร้างตึกอาคารสูงๆ ผู้คนจะสร้างมัสยิดเพื่อโอ้อวดด้วยเครื่องประดับประดาต่างๆ จะมีการเข่นฆ่าเกิดขึ้นมากมาย เวลาจะกระชันชิด ปีหนึ่งเหมือนกับหนึ่งเดือน เดือนหนึ่งเหมือนกับหนึ่งสัปดาห์ หนึ่งสัปดาห์เหมือนกับหนึ่งวัน หนึ่งวันเหมือนกับหนึ่งชั่วโมง หนึ่งชั่วโมงเหมือนกับการเผาก้านอินทผลัม มีการมอบตำแหน่งแก่ผู้ที่ไม่สมควรได้รับ คนชั่วไร้คุณธรรมจะถูกยกย่องเทิดทูน ส่วนคนดีมีคุณธรรมกลับถูกเหยียดหยาม จะมีนักพูดมากกว่าผู้ปฏิบัติ จะมีร้านค้าเกิดขึ้นเรียงราย จะมีการตั้งภาคี(ชิริก)ในหมู่ประชาติอิสลาม ความตระหนี่จะแพร่หลาย การโกหกมดเท็จเป็นเรื่องปกติ เงินทองจะมีมากมาย การคดโกงในการค้าขายมีมากมาย จะเกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง ผู้คนไม่ไว้วางใจคนน่าเชื่อถือแต่จะไว้วางใจผู้ที่ทุจริตในหน้าที่ ความชั่วช้าจะแพร่หลาย การตัดญาติขาดมิตรจะมีมาก มีเพื่อนบ้านที่ไม่ดี คนด้อยปัญญาและไร้คุณธรรมจะขึ้นมาเป็นผู้ปกครอง ผู้รู้จะตอบปัญหาศาสนาตามอารมณ์ของผู้คน การให้สลามจะจำกัดเฉพาะคนที่รู้จักเท่านั้น ผู้คนนิยมหันไปศึกษาความรู้จากผู้น้อย จะมีตำรางานเขียนมากมาย สตรีจะแต่งกายเหมือนเปลือยร่าง มีพยานเท็จมากมาย มีการตายแบบฉับพลัน ผู้คนไม่พิถีพิถันในการแสวงหาปัจจัยที่หะลาล(อนุมัติ) คาบสมุทรอาหรับจะกลับมาอุดมสมบูรณ์มีแม่น้ำและทุ่งหญ้าเขียวขจีอีกครั้ง ประเทศอิรักและชาม(ประเทศแถบซีเรีย จอร์แดนและปาเลสไตน์ในปัจจุบัน - ผู้แปล)จะถูกปิดล้อมจากอาหารและเงินทอง จากนั้นจะมีสนธิสัญญาระหว่างชาวมุสลิมกับชาวโรมเพื่ออยู่อย่างสันติแต่ผลสุดท้ายฝ่ายโรมันจะละเมิดสนธิสัญญาดังกล่าว สัตว์เลื้อยคลานจะออกมาพูดกับมนุษย์ ปลายแส้และเชือกรองเท้าสามารถพูดกับเจ้าของมันได้ สองขาสามารถพูดได้ว่าเจ้าของได้กระทำอะไรมา (อาจจะด้วยกับเทคนิคทางวิทยาศาสตร์หรืออื่นๆ)
สัญญาณที่ปรากฎขึ้นแล้วหรือยังไม่ปรากฏ แต่จะปรากฏขึ้นอย่างแน่นอน ดังที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้บอกกล่าว เช่น แม่น้ำฟุรอต(แม่น้ำยูเฟรติสในอิรัก) จะแห้งภูเขาทองคำจะโผล่ออกมา กรุงคอนสแตนติโนเปิลจะถูกพิชิต จะเกิดสงครามกับชาวเติร์ก จะเกิดสงครามระหว่างชาวยิวกับมุสลิม แต่มุสลิมเป็นฝ่ายมีชัย(ในวาระสุดท้าย) จะมีชายคนหนึ่งจากเผ่าเกาะฮฺฏอน(ในประเทศยะมัน)จะไล่ต้อนผู้คนด้วยไม้เท้าของเขา(คือ ปกครองโดยใช้ความรุนแรงและเผด็จการ) ผู้หญิงจะมีจำนวนมากกว่าผู้ชายถึงขนาดมีอัตราส่วน ผู้ชาย 1 คน ต่อ ผู้หญิง 50 คน
สัญญาณต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น ล้วนมีตัวบทชัดเจนจากหะดีษที่ถูกต้อง(เศาะฮีหฺ)จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม
สัญญาณใหญ่
จากหุซัยฟะฮฺ บิน อะสีด อัล-ฆิฟารีย์ รอฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า
اطَّلَعَ النَّبِيُّ صلى الله عليه وسلم عَلَيْنَا وَنَحْنُ نَتَذَاكَرُ ، فَقَالَ : «مَا تَذَاكَرُونَ؟» قَالُوا : نَذْكُرُ السَّاعَةَ، قَالَ : «إِنَّهَا لَنْ تَقُومَ حَتَّى تَرَوْنَ قَبْلَهَا عَشْرَ آيَاتٍ - فَذَكَرَ - الدُّخَانَ، وَالدَّجَّالَ، وَالدَّابَّةَ، وَطُلُوعَ الشَّمْسِ مِنْ مَغْرِبِهَا، وَنُزُولَ عِيسَى ابْنِ مَرْيَمَ صلى الله عليه وسلم، وَيَأَجُوجَ وَمَأْجُوجَ، وَثَلَاثَةَ خُسُوفٍ : خَسْفٌ بِالْمَشْرِقِ ، وَخَسْفٌ بِالْمَغْرِبِ ، وَخَسْفٌ بِجَزِيرَةِ الْعَرَبِ ، وَآخِرُ ذَلِكَ نَارٌ تَخْرُجُ مِنَ الْيَمَنِ ، تَطْرُدُ النَّاسَ إِلَى مَحْشَرِهِمْ»
ความว่า “ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้เข้ามายังพวกเราในขณะที่พวกเรากำลังคุยกันอยู่ ท่านนบีถามว่า พวกท่านกำลังพูดคุยเรื่องอะไรอยู่? พวกเราตอบว่า กำลังพูดถึงเรื่องวันกิยามะฮฺ ท่านนบีกล่าวว่า วันกิยามะฮฺจะยังไม่อุบัติขึ้นจนกว่าพวกท่านจะได้เห็นสัญญาณก่อนหน้านั้นสิบประการ โดยท่านนบีกล่าวถึง ควันออกจากพื้นดิน การปรากฏตัวของดัจญาล จะมีสัตว์(พูดกับมนุษย์) ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตก นบีอีซา ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม จะลงมาจากฟ้า ยะอ์ญูจญ์และมะอ์ญูจญ์จะออกมา จะมีเหตุการณ์ธรณีสูบสามแห่ง เกิดทางทิศตะวันออก เกิดทางทิศตะวันตก และเกิดบริเวณคาบสมุทรอาหรับ และประการสุดท้ายจะมีไฟพุ่งออกมาจากประเทศยะมัน(เยเมน)ไล่ต้อนมวลมนุษย์ให้ไปที่แหล่งรวม(มะห์ชัร)ของพวกเขา” (มุสลิม : 2901)
จากอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ เล่าจากท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวว่า
«لاَ تَقُومُ السَّاعَةُ حَتَّى تَطْلُعَ الشَّمْسُ مِنْ مَغْرِبِهَا ، فَإِذَا طَلَعَتْ مِنْ مَغْرِبِهَا آمَنَ النَّاسُ كُلُّهُمْ أَجْمَعُونَ فَيَوْمَئِذٍ لاَ يَنْفَعُ نَفْسًا إِيمَانُهَا لَمْ تَكُنْ آمَنَتْ مِنْ قبْلُ أَوْ كَسَبَتْ فِي إِيمَانِهَا خَيْرًا»
ความว่า “วันกิยามะฮฺจะยังไม่อุบัติขึ้นจนกว่าดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตก เมื่อมันขึ้นมาทางทิศตะวันตกแล้วมวลมนุษย์จะกลายเป็นผู้ศรัทธามั่น แต่ ณ วันนั้นจะไม่อำนวยประโยชน์แก่ชีวิตหนึ่งชีวิตใดซึ่งการศรัทธาของเขาโดยที่เขามิได้ศรัทธามาก่อน หรือมิได้แสวงหาความดีใด ๆ ไว้ในการศรัทธาของเขา” (อัล-บุคอรีย์ : 4635, มุสลิม : 157 สำนวนเป็นของท่าน)
ซึ่งจากตรงนี้นั้น บางท่านอาจจะเชื่อว่า การที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตกนั้น ไม่มีทางเป็นไปได้
แต่ปัจจุบันกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เมื่อเร็วๆ นี้ องค์การ NASA ได้ออกมายอมรับว่า มันสามารถจะเกิดขึ้นได้ จริง
ด้วยการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลก(หรืออาจด้วยกับเหตุผลของพระอาทิตย์สองดวง) แต่ไม่มีใครสามารถทราบแน่ชัด ถึงวันนั้น
https://www.youtube.com/watch?v=EFudFpxNk6M
https://www.youtube.com/watch?v=gn-I2kzB7UA&spfreload=10
สิ่งสำคัญสุดคือ หากสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ถูกสัญญาไว้จากพระผู้เป็นเจ้า
ผู้ศรัทธาย่อม
เชื่อมั่น ว่ามันจะเกิดขึ้นจริง แม้สิ่งต่างๆหากยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ในวันนี้
แต่สักวัน เมื่อสัจธรรมปรากฏ ความมดเท็จย่อมมลาย และพวกเราเชื่อมั่นโดยบริสุทธิ์ใจครับ
และเมื่อถึงวันสิ้นโลก(วันอาคิเราะห์)นั้น อัลกุรอานได้กล่าวว่า
ทุกสิ่งจะแตกดับ
จากนั้นมวลมนุษย์ทั้งหมดจะถูกฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง ในวันกิยามะห์ (วันแห่งการฟื้นคืนชีพ)
เป็นวันที่มนุษย์ชาติจะถูกให้ฟื้นคืนชีพเพื่อตัดสินตอบแทนผลบุญที่ได้กระทำ สวนสวรรค์และขุมนรกเป็นเป้าหมายปลายทางอันแน่นอน
ดังตัวอย่างโองการที่ถูกระบุไว้ในกุรอาน บท อัลอินชิก็อก :
https://www.youtube.com/watch?v=68xF4pDQBiI
การฟื้นคืนชีพของมนุษย์หลังจากที่เขาได้พรากจากโลกดุนยา(โลกใบนี้) การฟื้นคืนชีพจะเกิดขึ้นทั้งจิตใจและร่างกายเหมือนกับตอนที่อยู่ในโลกดุนยา อัลลอฮ์จะทรงสั่งให้มนุษย์ออกจาก(ตื่นขึ้นจาก ณ ที่นั้นมา) ตอนนั้นบรรดาผู้ที่ปฏิเสธก็จะถามว่าใครเล่าที่สามารถทำให้เราเกิดมาอีกครั้ง? ดังที่อัลลอฮ์ตรัสไว้ในอัลกุรอานความว่า
“ พวกเขากล่าวว่าโอ้ ความหายนะที่ประสบแก่เรา ใครเล่าที่ให้เราฟื้นขึ้นจาก(ที่)นอนของเรา (จะมีเสียงกล่าวขึ้นว่า) นี่แหละคือ สิ่งที่พระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานีได้ทรงสัญญาไว้ และที่บรรดารอซูลได้เคยกล่าวไว้นั้นสมจริงแล้ว ” (ยาชีน 52)
عَلِمَتْ نَفْسٌ مَّا أَحْضَرَتْ
ทุกชีวิตย่อมรู้สิ่งที่ตนได้นำมา [อัตตักวีร : 14]
يَقُولُ يَا لَيْتَنِي قَدَّمْتُ لِحَيَاتِي
เขาจะกล่าวว่า โอ้ถ้าฉันได้ทำความดีไว้ล่วงหน้าสำหรับชีวิตของฉัน [อัลฟัจรฺ 24]
สำหรับเหตุการณ์หลังจากที่ได้มีการฟื้นคืนชีพขึ้นมานั้น มนุษย์จะถูกนำมารวมกัน เพื่อรอการพิพากษาชำระสอบสวนสิ่งต่างๆที่เขาได้เคยประกอบมา บัญชีจะถูกกางแผ่ และไม่มีใครช่วยใครได้ มือเท้าปากของเขาจะเป็นพยานในสิ่งที่เขาได้เคยประกอบไว้เอง หลังจากการพิพากษา มนุษย์ทุกคน(แม้กระทั่งท่านนบีเอง)ก็จะได้เดินข้ามสะพาน(ซีรอต) ซึ่งหากผ่านไปได้อย่างสันติเขาก็จะได้เข้าสวรรค์ และผู้ที่ไม่สามารถผ่านไปได้นั้นก็จะตกลงในนรกซึ่งตั้งอยู่เบื้องล่างของสะพาน ทั้งสวรรค์และนรกจะดำรงอยู่ตลอดกาล สำหรับสภาพของชาวนรกและชาวสวรรค์นั้น พระองค์ได้ทรงกล่าวไว้ในหลายๆโองการในอัลกุอาน ดังเช่นตัวอย่างโองการจากบทซูเราะห์อัลวากิอะห์ ที่ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ของวันกิยามะห์ ซึ่งมนุษย์จะถูกแบ่งออกเป็นพวกๆ และได้รับการตอบแทนตามที่เขาได้เคยกระทำไว้ ดังนี้ครับ
“ แท้ทริงบรรดาผู้ยำเกรงจะอยู่ในสถานที่อันสงบปลอดภัย ” “ ท่ามกลางสวนสวรรค์หลากหลายและน้ำพุหลายแห่ง ”
“ พวกเขาจะสวมอาภรณ์ทำด้วยผ้าไหมละเอียด และผ้าไหมหยาบ หันหน้าเข้าหากันเช่นนั้นแหละและเราจะให้พวกเขามีคู่ครองเป็นหญิงสาววัยรุ่นมีดวงตาสวยงามพวกเขาจะเรียกเอาผลไม้ทุกชนิดที่อยู่ในสวนสวรรค์นั้นอย่างปลอดภัยในสวนสวรรค์นั้น พวกเขาจะไม่ได้ลิ้มรสความตาย นอกจากความตายครั้งแรก(ในโลกดุนยา) และพระองค์จะทรงคุ้มครอง พวกเขาให้พ้นจากการลงโทษแห่งไฟนรก เป็นความโปรดปรานจากพระเจ้าของเจ้านั้นคือความสำเร็จอันใหญ่หลวง ” ( อัล-ดุคอน 51-57)
“ และ(จงรำลึกถึง) วันหนึ่งซึ่งเมื่อเหล่าศัตรูของอัลลอฮ์จะถูกชุมนุมเข้าสู่ไฟนรกและพวกเขาจะถูกจัดแถวๆ จนกระทั่งเมื่อพวกเขามาถึงนรก หูของพวกเขา และตาของพวกเขาและผิวหนังของพวกเขาก็จะเป็นพยานคัดค้านพวกเขาตามที่พวกเขาได้กระทำไว้ และพวกเขาแก่ผิวหนังของพวกเว่า ทำไมพวกเจ้าจึงเป็นพยานคัดค้านแก่เราเล่า? พวกมันกล่าวว่า อัลลอฮ์ทรงให้เราพูด ซึ่งพระองค์ทรงให้ทุกสิ่งพูด และพระองค์ทรงสร้างพวกเจ้าเป็นครั้งแรก และยังพระองค์เท่านั้นที่พวกเจ้าจะถูกนำกลับไป และพวกเจ้าก็ไม่เคยปิดบัง (การทำความชั่ว) ว่าหูของพวกเจ้า และตาของพวกเจ้า และผิวหนังของพวกเจ้าจะเป็นพยานคัดค้านพวกเจ้า แต่พวกเจ้านึกคิดว่าอัลลอฮ์ไม่ทรงรอบรู้ส่วนมากในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ ” ( ฟุศศิลัต 19-22)
และอัลลอฮ์ได้ตรัสไว้ในอัลกุรอานอีกความว่า
“ โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงคุ้มครองตัวของพวกเจ้าและครอบครัวของพวกเจ้าให้พ้นจากไฟนรก เพราะเชื้อเพลิงของมันคือมนุษย์ และก้อนหิน มีมะลาอีกะฮ์ผู้แข็งกร้าวหาญคอยเฝ้ารักษามันอยู่ พวกเขาจะไม่ฝ่าฝืนอัลลอฮ์ในสิ่งพระองค์ทรงบัญชาแก่พวกเขา และพวกเขาจะปฏิบัติตามที่ถูกบัญชา ”
( อัล- ตะหรีม 6)
"โอ้ชีวิตที่สงบแน่นเอ๋ย จงกลับมายังพระเจ้าของเจ้าด้วยความยินดีและเป็นที่ปิติเถิด แล้วจงเข้ามาอยู่ในหมู่ปวงบ่าวของข้าเถิด และจงเข้ามาอยู่ในสวนสวรรค์ของข้าเถิด" (อัลฟัจรฺ 27-30)
ศึกษา เรียนรู้ อิสลาม (เพื่อความเข้าใจสำหรับชาวต่างศาสนิกมากขึ้น) ตอน 5
วันสิ้นโลกหรือวันอาคิเราะห์ นั้น เป็นสิ่งที่ ท่านอาจจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม
แต่สำหรับชาวมุสลิมแล้ว เชื่อ อย่างสนิทใจครับ เพราะเป็นสิ่งที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ในคัมภีร์อัลกุรอาน
ดังเช่น ตัวอย่างส่วนหนึ่งในซูเราะห์(บท) อัตตักวีร ดังนี้ครับ
และสำหรับบทเต็มๆของซูเราะห์ https://www.youtube.com/watch?v=KKrGYQY0jLo
หรือในซูเราะห์อื่นๆ อาทิเช่น บท อัลอิมฟิฏอร ทีได้กล่าวถึงสภาพของวันนั้นไว้ ดังนี้ครับ
การศรัทธาต่อวันอาคิเราะห์หรือวันสิ้นโลกนั้น ไม่มีผู้ใดที่สามารถล่วงรู้ได้ว่าพระองค์จะทรงกำหนดให้เป็นวันใด
แต่จะมีเครื่องหมายและสัญญาณ ที่บ่งบอกว่าวันกิยามะฮฺนั้นใกล้เข้ามาถึงแล้ว
โดยสัญญาณดังกล่าวแบ่งออกเป็นสองประเภท คือ สัญญาณย่อย และสัญญาณใหญ่ ครับ
สัญญาณย่อย (ซึ่งมีมากมาย) มีทั้งสัญญาณที่ได้ปรากฏขึ้นแล้วและยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสัญญาณที่ปรากฎขึ้นแล้วหรือยังไม่ปรากฏ แต่จะปรากฏขึ้นอย่างแน่นอน ดังที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้บอกกล่าวไว้ดังนี้
สัญญาณที่ได้ปรากฏขึ้นและยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง (บางสิ่งอาจจะยังไม่ปรากฏ) เช่น เกิดความวุ่นวายระส่ำระสาย(ฟิตนะฮฺ) มีการแอบอ้างเป็นนบี ความฟุ้งเฟ้อจะแพร่หลาย ความรู้วิชาศาสนาจะเลือนหายไป ความโง่เขลาจะมาแทนที่ จะมีตำรวจกับบริวารที่โหดเหี้ยมเกิดขึ้นมากมาย มีเครื่องดนตรีมากมายอีกทั้งมีการรับรองว่าสิ่งดังกล่าวเป็นที่อนุมัติ คนที่เคยมีฐานะยากจนมีอาชีพเลี้ยงแกะจะกลายเป็นเศรษฐีแข่งกันสร้างตึกอาคารสูงๆ ผู้คนจะสร้างมัสยิดเพื่อโอ้อวดด้วยเครื่องประดับประดาต่างๆ จะมีการเข่นฆ่าเกิดขึ้นมากมาย เวลาจะกระชันชิด ปีหนึ่งเหมือนกับหนึ่งเดือน เดือนหนึ่งเหมือนกับหนึ่งสัปดาห์ หนึ่งสัปดาห์เหมือนกับหนึ่งวัน หนึ่งวันเหมือนกับหนึ่งชั่วโมง หนึ่งชั่วโมงเหมือนกับการเผาก้านอินทผลัม มีการมอบตำแหน่งแก่ผู้ที่ไม่สมควรได้รับ คนชั่วไร้คุณธรรมจะถูกยกย่องเทิดทูน ส่วนคนดีมีคุณธรรมกลับถูกเหยียดหยาม จะมีนักพูดมากกว่าผู้ปฏิบัติ จะมีร้านค้าเกิดขึ้นเรียงราย จะมีการตั้งภาคี(ชิริก)ในหมู่ประชาติอิสลาม ความตระหนี่จะแพร่หลาย การโกหกมดเท็จเป็นเรื่องปกติ เงินทองจะมีมากมาย การคดโกงในการค้าขายมีมากมาย จะเกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง ผู้คนไม่ไว้วางใจคนน่าเชื่อถือแต่จะไว้วางใจผู้ที่ทุจริตในหน้าที่ ความชั่วช้าจะแพร่หลาย การตัดญาติขาดมิตรจะมีมาก มีเพื่อนบ้านที่ไม่ดี คนด้อยปัญญาและไร้คุณธรรมจะขึ้นมาเป็นผู้ปกครอง ผู้รู้จะตอบปัญหาศาสนาตามอารมณ์ของผู้คน การให้สลามจะจำกัดเฉพาะคนที่รู้จักเท่านั้น ผู้คนนิยมหันไปศึกษาความรู้จากผู้น้อย จะมีตำรางานเขียนมากมาย สตรีจะแต่งกายเหมือนเปลือยร่าง มีพยานเท็จมากมาย มีการตายแบบฉับพลัน ผู้คนไม่พิถีพิถันในการแสวงหาปัจจัยที่หะลาล(อนุมัติ) คาบสมุทรอาหรับจะกลับมาอุดมสมบูรณ์มีแม่น้ำและทุ่งหญ้าเขียวขจีอีกครั้ง ประเทศอิรักและชาม(ประเทศแถบซีเรีย จอร์แดนและปาเลสไตน์ในปัจจุบัน - ผู้แปล)จะถูกปิดล้อมจากอาหารและเงินทอง จากนั้นจะมีสนธิสัญญาระหว่างชาวมุสลิมกับชาวโรมเพื่ออยู่อย่างสันติแต่ผลสุดท้ายฝ่ายโรมันจะละเมิดสนธิสัญญาดังกล่าว สัตว์เลื้อยคลานจะออกมาพูดกับมนุษย์ ปลายแส้และเชือกรองเท้าสามารถพูดกับเจ้าของมันได้ สองขาสามารถพูดได้ว่าเจ้าของได้กระทำอะไรมา (อาจจะด้วยกับเทคนิคทางวิทยาศาสตร์หรืออื่นๆ)
สัญญาณที่ปรากฎขึ้นแล้วหรือยังไม่ปรากฏ แต่จะปรากฏขึ้นอย่างแน่นอน ดังที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้บอกกล่าว เช่น แม่น้ำฟุรอต(แม่น้ำยูเฟรติสในอิรัก) จะแห้งภูเขาทองคำจะโผล่ออกมา กรุงคอนสแตนติโนเปิลจะถูกพิชิต จะเกิดสงครามกับชาวเติร์ก จะเกิดสงครามระหว่างชาวยิวกับมุสลิม แต่มุสลิมเป็นฝ่ายมีชัย(ในวาระสุดท้าย) จะมีชายคนหนึ่งจากเผ่าเกาะฮฺฏอน(ในประเทศยะมัน)จะไล่ต้อนผู้คนด้วยไม้เท้าของเขา(คือ ปกครองโดยใช้ความรุนแรงและเผด็จการ) ผู้หญิงจะมีจำนวนมากกว่าผู้ชายถึงขนาดมีอัตราส่วน ผู้ชาย 1 คน ต่อ ผู้หญิง 50 คน
สัญญาณต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น ล้วนมีตัวบทชัดเจนจากหะดีษที่ถูกต้อง(เศาะฮีหฺ)จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม
สัญญาณใหญ่
จากหุซัยฟะฮฺ บิน อะสีด อัล-ฆิฟารีย์ รอฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า
اطَّلَعَ النَّبِيُّ صلى الله عليه وسلم عَلَيْنَا وَنَحْنُ نَتَذَاكَرُ ، فَقَالَ : «مَا تَذَاكَرُونَ؟» قَالُوا : نَذْكُرُ السَّاعَةَ، قَالَ : «إِنَّهَا لَنْ تَقُومَ حَتَّى تَرَوْنَ قَبْلَهَا عَشْرَ آيَاتٍ - فَذَكَرَ - الدُّخَانَ، وَالدَّجَّالَ، وَالدَّابَّةَ، وَطُلُوعَ الشَّمْسِ مِنْ مَغْرِبِهَا، وَنُزُولَ عِيسَى ابْنِ مَرْيَمَ صلى الله عليه وسلم، وَيَأَجُوجَ وَمَأْجُوجَ، وَثَلَاثَةَ خُسُوفٍ : خَسْفٌ بِالْمَشْرِقِ ، وَخَسْفٌ بِالْمَغْرِبِ ، وَخَسْفٌ بِجَزِيرَةِ الْعَرَبِ ، وَآخِرُ ذَلِكَ نَارٌ تَخْرُجُ مِنَ الْيَمَنِ ، تَطْرُدُ النَّاسَ إِلَى مَحْشَرِهِمْ»
ความว่า “ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้เข้ามายังพวกเราในขณะที่พวกเรากำลังคุยกันอยู่ ท่านนบีถามว่า พวกท่านกำลังพูดคุยเรื่องอะไรอยู่? พวกเราตอบว่า กำลังพูดถึงเรื่องวันกิยามะฮฺ ท่านนบีกล่าวว่า วันกิยามะฮฺจะยังไม่อุบัติขึ้นจนกว่าพวกท่านจะได้เห็นสัญญาณก่อนหน้านั้นสิบประการ โดยท่านนบีกล่าวถึง ควันออกจากพื้นดิน การปรากฏตัวของดัจญาล จะมีสัตว์(พูดกับมนุษย์) ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตก นบีอีซา ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม จะลงมาจากฟ้า ยะอ์ญูจญ์และมะอ์ญูจญ์จะออกมา จะมีเหตุการณ์ธรณีสูบสามแห่ง เกิดทางทิศตะวันออก เกิดทางทิศตะวันตก และเกิดบริเวณคาบสมุทรอาหรับ และประการสุดท้ายจะมีไฟพุ่งออกมาจากประเทศยะมัน(เยเมน)ไล่ต้อนมวลมนุษย์ให้ไปที่แหล่งรวม(มะห์ชัร)ของพวกเขา” (มุสลิม : 2901)
จากอบู ฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ เล่าจากท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวว่า
«لاَ تَقُومُ السَّاعَةُ حَتَّى تَطْلُعَ الشَّمْسُ مِنْ مَغْرِبِهَا ، فَإِذَا طَلَعَتْ مِنْ مَغْرِبِهَا آمَنَ النَّاسُ كُلُّهُمْ أَجْمَعُونَ فَيَوْمَئِذٍ لاَ يَنْفَعُ نَفْسًا إِيمَانُهَا لَمْ تَكُنْ آمَنَتْ مِنْ قبْلُ أَوْ كَسَبَتْ فِي إِيمَانِهَا خَيْرًا»
ความว่า “วันกิยามะฮฺจะยังไม่อุบัติขึ้นจนกว่าดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตก เมื่อมันขึ้นมาทางทิศตะวันตกแล้วมวลมนุษย์จะกลายเป็นผู้ศรัทธามั่น แต่ ณ วันนั้นจะไม่อำนวยประโยชน์แก่ชีวิตหนึ่งชีวิตใดซึ่งการศรัทธาของเขาโดยที่เขามิได้ศรัทธามาก่อน หรือมิได้แสวงหาความดีใด ๆ ไว้ในการศรัทธาของเขา” (อัล-บุคอรีย์ : 4635, มุสลิม : 157 สำนวนเป็นของท่าน)
ซึ่งจากตรงนี้นั้น บางท่านอาจจะเชื่อว่า การที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตกนั้น ไม่มีทางเป็นไปได้
แต่ปัจจุบันกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เมื่อเร็วๆ นี้ องค์การ NASA ได้ออกมายอมรับว่า มันสามารถจะเกิดขึ้นได้ จริง
ด้วยการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลก(หรืออาจด้วยกับเหตุผลของพระอาทิตย์สองดวง) แต่ไม่มีใครสามารถทราบแน่ชัด ถึงวันนั้น
https://www.youtube.com/watch?v=EFudFpxNk6M
https://www.youtube.com/watch?v=gn-I2kzB7UA&spfreload=10
สิ่งสำคัญสุดคือ หากสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ถูกสัญญาไว้จากพระผู้เป็นเจ้า
ผู้ศรัทธาย่อมเชื่อมั่น ว่ามันจะเกิดขึ้นจริง แม้สิ่งต่างๆหากยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ในวันนี้
แต่สักวัน เมื่อสัจธรรมปรากฏ ความมดเท็จย่อมมลาย และพวกเราเชื่อมั่นโดยบริสุทธิ์ใจครับ
และเมื่อถึงวันสิ้นโลก(วันอาคิเราะห์)นั้น อัลกุรอานได้กล่าวว่า ทุกสิ่งจะแตกดับ
จากนั้นมวลมนุษย์ทั้งหมดจะถูกฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง ในวันกิยามะห์ (วันแห่งการฟื้นคืนชีพ)
เป็นวันที่มนุษย์ชาติจะถูกให้ฟื้นคืนชีพเพื่อตัดสินตอบแทนผลบุญที่ได้กระทำ สวนสวรรค์และขุมนรกเป็นเป้าหมายปลายทางอันแน่นอน
ดังตัวอย่างโองการที่ถูกระบุไว้ในกุรอาน บท อัลอินชิก็อก : https://www.youtube.com/watch?v=68xF4pDQBiI
การฟื้นคืนชีพของมนุษย์หลังจากที่เขาได้พรากจากโลกดุนยา(โลกใบนี้) การฟื้นคืนชีพจะเกิดขึ้นทั้งจิตใจและร่างกายเหมือนกับตอนที่อยู่ในโลกดุนยา อัลลอฮ์จะทรงสั่งให้มนุษย์ออกจาก(ตื่นขึ้นจาก ณ ที่นั้นมา) ตอนนั้นบรรดาผู้ที่ปฏิเสธก็จะถามว่าใครเล่าที่สามารถทำให้เราเกิดมาอีกครั้ง? ดังที่อัลลอฮ์ตรัสไว้ในอัลกุรอานความว่า
“ พวกเขากล่าวว่าโอ้ ความหายนะที่ประสบแก่เรา ใครเล่าที่ให้เราฟื้นขึ้นจาก(ที่)นอนของเรา (จะมีเสียงกล่าวขึ้นว่า) นี่แหละคือ สิ่งที่พระเจ้าผู้ทรงกรุณาปรานีได้ทรงสัญญาไว้ และที่บรรดารอซูลได้เคยกล่าวไว้นั้นสมจริงแล้ว ” (ยาชีน 52)
عَلِمَتْ نَفْسٌ مَّا أَحْضَرَتْ
ทุกชีวิตย่อมรู้สิ่งที่ตนได้นำมา [อัตตักวีร : 14]
يَقُولُ يَا لَيْتَنِي قَدَّمْتُ لِحَيَاتِي
เขาจะกล่าวว่า โอ้ถ้าฉันได้ทำความดีไว้ล่วงหน้าสำหรับชีวิตของฉัน [อัลฟัจรฺ 24]
สำหรับเหตุการณ์หลังจากที่ได้มีการฟื้นคืนชีพขึ้นมานั้น มนุษย์จะถูกนำมารวมกัน เพื่อรอการพิพากษาชำระสอบสวนสิ่งต่างๆที่เขาได้เคยประกอบมา บัญชีจะถูกกางแผ่ และไม่มีใครช่วยใครได้ มือเท้าปากของเขาจะเป็นพยานในสิ่งที่เขาได้เคยประกอบไว้เอง หลังจากการพิพากษา มนุษย์ทุกคน(แม้กระทั่งท่านนบีเอง)ก็จะได้เดินข้ามสะพาน(ซีรอต) ซึ่งหากผ่านไปได้อย่างสันติเขาก็จะได้เข้าสวรรค์ และผู้ที่ไม่สามารถผ่านไปได้นั้นก็จะตกลงในนรกซึ่งตั้งอยู่เบื้องล่างของสะพาน ทั้งสวรรค์และนรกจะดำรงอยู่ตลอดกาล สำหรับสภาพของชาวนรกและชาวสวรรค์นั้น พระองค์ได้ทรงกล่าวไว้ในหลายๆโองการในอัลกุอาน ดังเช่นตัวอย่างโองการจากบทซูเราะห์อัลวากิอะห์ ที่ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ของวันกิยามะห์ ซึ่งมนุษย์จะถูกแบ่งออกเป็นพวกๆ และได้รับการตอบแทนตามที่เขาได้เคยกระทำไว้ ดังนี้ครับ
“ แท้ทริงบรรดาผู้ยำเกรงจะอยู่ในสถานที่อันสงบปลอดภัย ” “ ท่ามกลางสวนสวรรค์หลากหลายและน้ำพุหลายแห่ง ”
“ พวกเขาจะสวมอาภรณ์ทำด้วยผ้าไหมละเอียด และผ้าไหมหยาบ หันหน้าเข้าหากันเช่นนั้นแหละและเราจะให้พวกเขามีคู่ครองเป็นหญิงสาววัยรุ่นมีดวงตาสวยงามพวกเขาจะเรียกเอาผลไม้ทุกชนิดที่อยู่ในสวนสวรรค์นั้นอย่างปลอดภัยในสวนสวรรค์นั้น พวกเขาจะไม่ได้ลิ้มรสความตาย นอกจากความตายครั้งแรก(ในโลกดุนยา) และพระองค์จะทรงคุ้มครอง พวกเขาให้พ้นจากการลงโทษแห่งไฟนรก เป็นความโปรดปรานจากพระเจ้าของเจ้านั้นคือความสำเร็จอันใหญ่หลวง ” ( อัล-ดุคอน 51-57)
“ และ(จงรำลึกถึง) วันหนึ่งซึ่งเมื่อเหล่าศัตรูของอัลลอฮ์จะถูกชุมนุมเข้าสู่ไฟนรกและพวกเขาจะถูกจัดแถวๆ จนกระทั่งเมื่อพวกเขามาถึงนรก หูของพวกเขา และตาของพวกเขาและผิวหนังของพวกเขาก็จะเป็นพยานคัดค้านพวกเขาตามที่พวกเขาได้กระทำไว้ และพวกเขาแก่ผิวหนังของพวกเว่า ทำไมพวกเจ้าจึงเป็นพยานคัดค้านแก่เราเล่า? พวกมันกล่าวว่า อัลลอฮ์ทรงให้เราพูด ซึ่งพระองค์ทรงให้ทุกสิ่งพูด และพระองค์ทรงสร้างพวกเจ้าเป็นครั้งแรก และยังพระองค์เท่านั้นที่พวกเจ้าจะถูกนำกลับไป และพวกเจ้าก็ไม่เคยปิดบัง (การทำความชั่ว) ว่าหูของพวกเจ้า และตาของพวกเจ้า และผิวหนังของพวกเจ้าจะเป็นพยานคัดค้านพวกเจ้า แต่พวกเจ้านึกคิดว่าอัลลอฮ์ไม่ทรงรอบรู้ส่วนมากในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ ” ( ฟุศศิลัต 19-22)
และอัลลอฮ์ได้ตรัสไว้ในอัลกุรอานอีกความว่า
“ โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงคุ้มครองตัวของพวกเจ้าและครอบครัวของพวกเจ้าให้พ้นจากไฟนรก เพราะเชื้อเพลิงของมันคือมนุษย์ และก้อนหิน มีมะลาอีกะฮ์ผู้แข็งกร้าวหาญคอยเฝ้ารักษามันอยู่ พวกเขาจะไม่ฝ่าฝืนอัลลอฮ์ในสิ่งพระองค์ทรงบัญชาแก่พวกเขา และพวกเขาจะปฏิบัติตามที่ถูกบัญชา ”
( อัล- ตะหรีม 6)
"โอ้ชีวิตที่สงบแน่นเอ๋ย จงกลับมายังพระเจ้าของเจ้าด้วยความยินดีและเป็นที่ปิติเถิด แล้วจงเข้ามาอยู่ในหมู่ปวงบ่าวของข้าเถิด และจงเข้ามาอยู่ในสวนสวรรค์ของข้าเถิด" (อัลฟัจรฺ 27-30)