สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
The Shawshank Redemtion(1994)
ความหวัง.....อิสรภาพ
น่าเสียดายสำหรับภาพยนตร์เรื่อง The Shawshank Redemtion ที่ไม่สามารถคว้ารางวัลออสการ์ได้เลย ทั้งๆที่เข้าชิงถึง 7 สาขาด้วยกัน เพราะโดนความเจิดจรัสของ Forrest Gump ที่เข้าชิงในปีเดียวกัน บดบังรัศมีซะมืดมิด(คว้าไปถึง 6 รางวัล)
แต่หากเทียบคะแนนจากเว็บ imdb.com เว็บไซต์ที่คอหนังเข้ามาโหวตทั่วทุกมุมโลกแล้ว กลับกลายเป็นว่า The Shawshank Redemtion ได้รับคะแนนโหวตถึง 9.2 คะแนน ครองความเป็นอันดับหนึ่ง นำหน้า Forrest Gump ที่อยู่อันดับ 28 ด้วยคะแนน 8.7 คะแนนเท่านั้น
นั่นพอจะบอกเป็นนัยๆ ได้ว่า ออสการ์ก็ไม่ใช่การประกาศรางวัลที่ดีที่สุดในสายตาของผู้ชมทั่วโลก
The Shawshank Redemtion อาจเป็นแค่เรื่องราวของนักโทษชาย ที่ต้องถูกจำคุกตลอดช่วงอายุขัยของชีวิต ภาพยนตร์นำเสนอเรื่องราวของนักโทษได้อย่างเจาะลึกเสมือนผู้ชมมีส่วนร่วมต่อเหตุการณ์ในคุกนั้นอยู่เสมอ ความรุนแรง คำหยาบคาย แม้กระทั่งการคอรัปชั่นของพัศดีเรือนจำก็ตาม แทบจะเรียกได้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ตีแผ่แง่มุมต่างๆ ของคนในคุกได้อย่างมิติ และน่าติดตาม
แต่นี่คงไม่ใช่ประเด็นหลักที่ภาพยนตร์ต้องการจะนำเสนอ แต่เป็นเพียงการจำลองเหตุการณ์และสถานการณ์ที่ชาญฉลาด เพื่อนำแก่นความคิดที่รอให้ผู้ชมได้กะเทาะเปลือกแล้วหยิบจับมันขึ้นมาเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ตนเอง
**ความหวังของแอนดี้ ดูเฟรน**
ปรัชญาการดำเนินชีวิตของแอนดี้ ดูเฟรนเริ่มเด่นชัดออกมาเรื่อยๆเมื่อหนังได้ดำเนินไปได้ระยะหนึ่ง สิ่งที่ผู้ชมเห็นเด่นชัดที่สุดในตัวแอนดี้ ก็คือ ความหวังที่เต็มเปี่ยมในการดำเนินชีวิต แอนดี้มีโอกาสได้เป็นผู้ช่วยบรรณารักษ์ของ บรู๊คส์ นักโทษแก่วัยชรา แต่แอนดี้ไม่พอใจกับห้องสมุดที่มีมาของเรือนจำ เขาจึงไปขอทุนกับพัศดีเพื่อขอให้ห้องสมุดได้รับการปรับปรุง แต่คำตอบกลับไม่เป็นดังที่เขาสมหวัง เขาจึงส่งจดหมายไปขอทุนกับรัฐสภาสัปดาห์ละ 1 ฉบับ จนประสบความสำเร็จ
นั่นหมายถึงว่าแอนดี้ ไม่เคยย่อท้อต่อสิ่งใดๆ แม้สิ่งนั้นมีโอกาสที่จะเป็นไปได้น้อยมากก็ตาม แค่นั้นยังไม่พอเมื่อแอนดี้ ได้ทุนมา 200 เหรียญ เขากลับเพิ่มการส่งจดหมายให้รัฐสภาเพิ่มเป็น 2 ฉบับต่อสัปดาห์ และไม่นานทางรัฐสภาจึงต้องช่วยเหลือ แอนดี้ เป็นปีละ 500 เหรียญ เพื่อให้แอนดี้หยุดส่งจดหมายเสียที
หากลองเปรียบเทียบเหตุการณ์นี้กับการใช้ค้อนสลักหินกะเทาะกำแพงคุกก็พอจะเข้าใจได้ว่า แอนดี้ มีความพยายามในพื้นฐานทางจิตใจมากแค่ไหน แม้ทั้งสองสิ่งที่แอนดี้ทำอาจจะประสบพบกับความผิดหวังก็ตาม แต่เป็นไปได้ว่าแอนดี้มองข้ามความผิดหวังนั้นไป และคิดแต่ความสำเร็จที่จะต้องบังเกิดในสักวัน แล้วสุดท้ายเขาก็ทำมันจนสำเร็จ
เหตุการณ์ในวันที่หนังสือเก่าถูกส่งมาพร้อมกับแผ่นเสียงเพลง แอนดี้ นั่งฟังเพลงคลอไปอย่างสบายอารมณ์ แถมยังต่อเข้ากับไมโครโฟน เพื่อแบ่งปันเสียงเพลงให้ไปถึงนักโทษทุกๆคน จนแอนดี้ต้องโดนลงโทษโดนการไปนอนห้องมืด
เสียงดนตรีสื่อความหมายในเชิงอุดมการณ์ของ แอนดี้ ได้อย่างชัดเจน แอนดี้บอกเพื่อนทุกๆคนว่า ดนตรีคือสิ่งที่ช่วยให้เรามีความความหวัง มีโลกส่วนตัวที่ไม่มีใครเข้าไปถึง และแอนดี้กำลังแผ่ซ่านอุดมการณ์แห่งความหวังไปให้เพื่อนๆ ทุกคน
หมายถึงว่า แอนดี้ คิดว่าเพลงกำลังนำพาให้นักโทษทุกคนสร้างโลกส่วนตัวของตนเองขึ้นมา ซึ่งเป็นโลกที่ไม่มีใครสามารถเหยียบย่ำเข้าไปถึง ซึ่งต่างจากชีวิตที่ถูกจองจำ เพลงกำลังนำพาให้ทุกคนพบหนทางแห่งความสวยงาม ซึ่งยากนักที่นักโทษจะกล้าฝันถึง หรือบอกเป็นนัยๆ ว่า ช่วงเวลาแสนสั้นที่เพลงได้เกาะกุมจิตใจ นักโทษทุกคนจะรู้สึกได้ถึงอิสภาพ ที่ไม่เคยได้สัมผัสมาอย่างยาวนาน อย่างที่แอนดี้ เฝ้าฝันมาตลอดเวลาที่ถูกจองจำ
ความหวัง.....อิสรภาพ
น่าเสียดายสำหรับภาพยนตร์เรื่อง The Shawshank Redemtion ที่ไม่สามารถคว้ารางวัลออสการ์ได้เลย ทั้งๆที่เข้าชิงถึง 7 สาขาด้วยกัน เพราะโดนความเจิดจรัสของ Forrest Gump ที่เข้าชิงในปีเดียวกัน บดบังรัศมีซะมืดมิด(คว้าไปถึง 6 รางวัล)
แต่หากเทียบคะแนนจากเว็บ imdb.com เว็บไซต์ที่คอหนังเข้ามาโหวตทั่วทุกมุมโลกแล้ว กลับกลายเป็นว่า The Shawshank Redemtion ได้รับคะแนนโหวตถึง 9.2 คะแนน ครองความเป็นอันดับหนึ่ง นำหน้า Forrest Gump ที่อยู่อันดับ 28 ด้วยคะแนน 8.7 คะแนนเท่านั้น
นั่นพอจะบอกเป็นนัยๆ ได้ว่า ออสการ์ก็ไม่ใช่การประกาศรางวัลที่ดีที่สุดในสายตาของผู้ชมทั่วโลก
The Shawshank Redemtion อาจเป็นแค่เรื่องราวของนักโทษชาย ที่ต้องถูกจำคุกตลอดช่วงอายุขัยของชีวิต ภาพยนตร์นำเสนอเรื่องราวของนักโทษได้อย่างเจาะลึกเสมือนผู้ชมมีส่วนร่วมต่อเหตุการณ์ในคุกนั้นอยู่เสมอ ความรุนแรง คำหยาบคาย แม้กระทั่งการคอรัปชั่นของพัศดีเรือนจำก็ตาม แทบจะเรียกได้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ตีแผ่แง่มุมต่างๆ ของคนในคุกได้อย่างมิติ และน่าติดตาม
แต่นี่คงไม่ใช่ประเด็นหลักที่ภาพยนตร์ต้องการจะนำเสนอ แต่เป็นเพียงการจำลองเหตุการณ์และสถานการณ์ที่ชาญฉลาด เพื่อนำแก่นความคิดที่รอให้ผู้ชมได้กะเทาะเปลือกแล้วหยิบจับมันขึ้นมาเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ตนเอง
**ความหวังของแอนดี้ ดูเฟรน**
ปรัชญาการดำเนินชีวิตของแอนดี้ ดูเฟรนเริ่มเด่นชัดออกมาเรื่อยๆเมื่อหนังได้ดำเนินไปได้ระยะหนึ่ง สิ่งที่ผู้ชมเห็นเด่นชัดที่สุดในตัวแอนดี้ ก็คือ ความหวังที่เต็มเปี่ยมในการดำเนินชีวิต แอนดี้มีโอกาสได้เป็นผู้ช่วยบรรณารักษ์ของ บรู๊คส์ นักโทษแก่วัยชรา แต่แอนดี้ไม่พอใจกับห้องสมุดที่มีมาของเรือนจำ เขาจึงไปขอทุนกับพัศดีเพื่อขอให้ห้องสมุดได้รับการปรับปรุง แต่คำตอบกลับไม่เป็นดังที่เขาสมหวัง เขาจึงส่งจดหมายไปขอทุนกับรัฐสภาสัปดาห์ละ 1 ฉบับ จนประสบความสำเร็จ
นั่นหมายถึงว่าแอนดี้ ไม่เคยย่อท้อต่อสิ่งใดๆ แม้สิ่งนั้นมีโอกาสที่จะเป็นไปได้น้อยมากก็ตาม แค่นั้นยังไม่พอเมื่อแอนดี้ ได้ทุนมา 200 เหรียญ เขากลับเพิ่มการส่งจดหมายให้รัฐสภาเพิ่มเป็น 2 ฉบับต่อสัปดาห์ และไม่นานทางรัฐสภาจึงต้องช่วยเหลือ แอนดี้ เป็นปีละ 500 เหรียญ เพื่อให้แอนดี้หยุดส่งจดหมายเสียที
หากลองเปรียบเทียบเหตุการณ์นี้กับการใช้ค้อนสลักหินกะเทาะกำแพงคุกก็พอจะเข้าใจได้ว่า แอนดี้ มีความพยายามในพื้นฐานทางจิตใจมากแค่ไหน แม้ทั้งสองสิ่งที่แอนดี้ทำอาจจะประสบพบกับความผิดหวังก็ตาม แต่เป็นไปได้ว่าแอนดี้มองข้ามความผิดหวังนั้นไป และคิดแต่ความสำเร็จที่จะต้องบังเกิดในสักวัน แล้วสุดท้ายเขาก็ทำมันจนสำเร็จ
เหตุการณ์ในวันที่หนังสือเก่าถูกส่งมาพร้อมกับแผ่นเสียงเพลง แอนดี้ นั่งฟังเพลงคลอไปอย่างสบายอารมณ์ แถมยังต่อเข้ากับไมโครโฟน เพื่อแบ่งปันเสียงเพลงให้ไปถึงนักโทษทุกๆคน จนแอนดี้ต้องโดนลงโทษโดนการไปนอนห้องมืด
เสียงดนตรีสื่อความหมายในเชิงอุดมการณ์ของ แอนดี้ ได้อย่างชัดเจน แอนดี้บอกเพื่อนทุกๆคนว่า ดนตรีคือสิ่งที่ช่วยให้เรามีความความหวัง มีโลกส่วนตัวที่ไม่มีใครเข้าไปถึง และแอนดี้กำลังแผ่ซ่านอุดมการณ์แห่งความหวังไปให้เพื่อนๆ ทุกคน
หมายถึงว่า แอนดี้ คิดว่าเพลงกำลังนำพาให้นักโทษทุกคนสร้างโลกส่วนตัวของตนเองขึ้นมา ซึ่งเป็นโลกที่ไม่มีใครสามารถเหยียบย่ำเข้าไปถึง ซึ่งต่างจากชีวิตที่ถูกจองจำ เพลงกำลังนำพาให้ทุกคนพบหนทางแห่งความสวยงาม ซึ่งยากนักที่นักโทษจะกล้าฝันถึง หรือบอกเป็นนัยๆ ว่า ช่วงเวลาแสนสั้นที่เพลงได้เกาะกุมจิตใจ นักโทษทุกคนจะรู้สึกได้ถึงอิสภาพ ที่ไม่เคยได้สัมผัสมาอย่างยาวนาน อย่างที่แอนดี้ เฝ้าฝันมาตลอดเวลาที่ถูกจองจำ
ขอบคุณครับ
นายพระรอง
นายพระรอง
ความคิดเห็นที่ 65
เจอเพลงนี้ของ MC มาริโอ้ เลยเอามาฝากเพื่อนๆ เพราะมากๆ เลยค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=CYYhPuKopa4
https://www.youtube.com/watch?v=CYYhPuKopa4
ความคิดเห็นที่ 5
สวัสดียามเย็นค่ะ เพื่อนๆ ห้องเพลง
"สันติ ลุนเผ่" ชื่อนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก เพลงรักชาติ ต้อง "สันติ"
แต่น้อยคนนัก ที่จะเคยได้ยิน "สันติ" ร้องเพลงประเภทอื่น
ชวนเพื่อนๆ ฟังเพลง "ผีเสื้อกับดอกไม้" ของครูล้วน ควันธรรม
จากเสียงของ "สันติ" แล้ว ติดตามอ่านประวัติ ด้วย
ผีเสื้อกับดอกไม้ - สันติ ลุนเผ่
https://www.youtube.com/watch?v=XxzoVwwnWoQ
เรือตรีไพศาล ลุนเผ่ หรือชื่อในวงการว่า สันติ ลุนเผ่ (22 มิถุนายน 2479 — )
เป็นข้าราชการทหารชาวไทย มีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นนักร้องประจำคณะดุริยางค์
แห่งกองทัพไทย และมีน้ำเสียงเป็นเอกลักษณ์ เขามีผลงานเด่นในด้านเพลงปลุกใจ
และเพลงคลาสสิก โดยเฉพาะ เพลง "หนักแผ่นดิน", "ความฝันอันสูงสุด",
"ทหารพระนเรศวร", "ดุจบิดามารดร", "เกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย", "แด่ทหารหาญในสมรภูมิ"
และ "มาร์ชทหารไทย"
ไพศาลเกิดที่บ้านในย่านวัดราชบพิธ กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรของหม่องลุนเผ่
หม่องลุนเผ่นั้นเป็นนักร้องละครชาวพม่า อพยพมาอยู่ ณ จังหวัดลำปาง แล้วนำชื่อ ลุนเผ่
มาใช้เป็นชื่อสกุล ก่อนย้ายรกรากมายังกรุงเทพมหานคร[2] ไพศาลได้เข้าศึกษาที่
โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก จนสำเร็จชั้นมัธยมศึกษาในปี 2496[ต้องการอ้างอิง] และศึกษา
ต่อที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์[3]
ไพศาลชื่นชอบดนตรีคลาสสิกมาตั้งแต่เด็ก บิดาซึ่งชอบฟังคารูโซเป็นผู้สอนร้องเพลงให้
นอกจากนี้ ขณะเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไพศาลซึ่งเป็นลูกศิษย์ครู สังข์ อสัตถวาสี
ครูดนตรีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ร่วมวงดนตรีวายุบุตร ของ เชาว์ แคล่วคล่อง และสอบ
ชิงทุนยูธ ลีดเดอร์ชิป (Youth Leadership) ไปศึกษาด้านการเรียบเรียงเสียงประสานที่
ประเทศอิสราเอลเป็นผลสำเร็จ จากนั้น จึงกลับมาร่วมวงดนตรีวายุบุตรในตำแหน่งนักกีตาร์
โดยเล่นประจำที่โรงแรมเอราวัณ
ไพศาลได้รับการฝึกฝนดนตรีคลาสสิกจากการร้องเพลงในโบสถ์คริสต์ ฝึกสอนโดยแมรี
คลิฟฟอร์ด เจฟฟรีย์ มิชชันนารีชาวอเมริกัน จากการฝากฝังโดยหม่อมดุษฎี บริพัตร ณ อยุธยา
และได้ร่วมเป็นนักร้องเสียงเทเนอร์ใน วงดนตรี The Bangkok Combined Choir (BBC)
เป็นคนไทยเพียงคนเดียวในวง[2]
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปัจจุบัน สันติ ลุนเผ่ ประกอบอาชีพร้องเพลง สอนขับร้องดนตรีคลาสสิก และเป็นที่ปรึกษาคณบดี
วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล[1]
อีกสักเพลงนะคะ ที่ไม่ใช่เพลงรักชาติ
เพลงรักชาติ เป็นเหมือน โลโก้ประจำตัว วันนี้ แต่ถึงไม่ใช่เพลงที่เป็นโลโก้
"สันติ" ก็ร้องแบบ "สุดยอด"
เพลงลุ่มเจ้าพระยา - สันติ ลุนเผ่ - อัลบั้ม The One The Best 2
https://www.youtube.com/watch?v=8QIztZ2s9-o
สุดท้ายเราก็ต้องมาฟังเพลงที่เป็นโลโก้ประจำตัวของ "สันติ" กันหน่อย
โธ่เอ๊ย ....แนะนำ นักร้องคุณภาพ คนดัง แล้วไม่เสนอเพลงที่เป็นโลโก้
ของเขาได้ยังไง ใช่ป่าวคะ ... พี่สาวว่าเพลงนี้เพราะ และเหมาะกับ
บ้านเรายามนี้ ค่ะ
ตื่นเถิดไทย
https://www.youtube.com/watch?v=UWpYyh61SDM
"สันติ ลุนเผ่" ชื่อนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก เพลงรักชาติ ต้อง "สันติ"
แต่น้อยคนนัก ที่จะเคยได้ยิน "สันติ" ร้องเพลงประเภทอื่น
ชวนเพื่อนๆ ฟังเพลง "ผีเสื้อกับดอกไม้" ของครูล้วน ควันธรรม
จากเสียงของ "สันติ" แล้ว ติดตามอ่านประวัติ ด้วย
ผีเสื้อกับดอกไม้ - สันติ ลุนเผ่
https://www.youtube.com/watch?v=XxzoVwwnWoQ
เรือตรีไพศาล ลุนเผ่ หรือชื่อในวงการว่า สันติ ลุนเผ่ (22 มิถุนายน 2479 — )
เป็นข้าราชการทหารชาวไทย มีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นนักร้องประจำคณะดุริยางค์
แห่งกองทัพไทย และมีน้ำเสียงเป็นเอกลักษณ์ เขามีผลงานเด่นในด้านเพลงปลุกใจ
และเพลงคลาสสิก โดยเฉพาะ เพลง "หนักแผ่นดิน", "ความฝันอันสูงสุด",
"ทหารพระนเรศวร", "ดุจบิดามารดร", "เกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย", "แด่ทหารหาญในสมรภูมิ"
และ "มาร์ชทหารไทย"
ไพศาลเกิดที่บ้านในย่านวัดราชบพิธ กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรของหม่องลุนเผ่
หม่องลุนเผ่นั้นเป็นนักร้องละครชาวพม่า อพยพมาอยู่ ณ จังหวัดลำปาง แล้วนำชื่อ ลุนเผ่
มาใช้เป็นชื่อสกุล ก่อนย้ายรกรากมายังกรุงเทพมหานคร[2] ไพศาลได้เข้าศึกษาที่
โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก จนสำเร็จชั้นมัธยมศึกษาในปี 2496[ต้องการอ้างอิง] และศึกษา
ต่อที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์[3]
ไพศาลชื่นชอบดนตรีคลาสสิกมาตั้งแต่เด็ก บิดาซึ่งชอบฟังคารูโซเป็นผู้สอนร้องเพลงให้
นอกจากนี้ ขณะเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไพศาลซึ่งเป็นลูกศิษย์ครู สังข์ อสัตถวาสี
ครูดนตรีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ร่วมวงดนตรีวายุบุตร ของ เชาว์ แคล่วคล่อง และสอบ
ชิงทุนยูธ ลีดเดอร์ชิป (Youth Leadership) ไปศึกษาด้านการเรียบเรียงเสียงประสานที่
ประเทศอิสราเอลเป็นผลสำเร็จ จากนั้น จึงกลับมาร่วมวงดนตรีวายุบุตรในตำแหน่งนักกีตาร์
โดยเล่นประจำที่โรงแรมเอราวัณ
ไพศาลได้รับการฝึกฝนดนตรีคลาสสิกจากการร้องเพลงในโบสถ์คริสต์ ฝึกสอนโดยแมรี
คลิฟฟอร์ด เจฟฟรีย์ มิชชันนารีชาวอเมริกัน จากการฝากฝังโดยหม่อมดุษฎี บริพัตร ณ อยุธยา
และได้ร่วมเป็นนักร้องเสียงเทเนอร์ใน วงดนตรี The Bangkok Combined Choir (BBC)
เป็นคนไทยเพียงคนเดียวในวง[2]
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปัจจุบัน สันติ ลุนเผ่ ประกอบอาชีพร้องเพลง สอนขับร้องดนตรีคลาสสิก และเป็นที่ปรึกษาคณบดี
วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล[1]
อีกสักเพลงนะคะ ที่ไม่ใช่เพลงรักชาติ
เพลงรักชาติ เป็นเหมือน โลโก้ประจำตัว วันนี้ แต่ถึงไม่ใช่เพลงที่เป็นโลโก้
"สันติ" ก็ร้องแบบ "สุดยอด"
เพลงลุ่มเจ้าพระยา - สันติ ลุนเผ่ - อัลบั้ม The One The Best 2
https://www.youtube.com/watch?v=8QIztZ2s9-o
สุดท้ายเราก็ต้องมาฟังเพลงที่เป็นโลโก้ประจำตัวของ "สันติ" กันหน่อย
โธ่เอ๊ย ....แนะนำ นักร้องคุณภาพ คนดัง แล้วไม่เสนอเพลงที่เป็นโลโก้
ของเขาได้ยังไง ใช่ป่าวคะ ... พี่สาวว่าเพลงนี้เพราะ และเหมาะกับ
บ้านเรายามนี้ ค่ะ
ตื่นเถิดไทย
https://www.youtube.com/watch?v=UWpYyh61SDM
แสดงความคิดเห็น
ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม............มีแต่เสียง 26/9/2015
***สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องราชดำเนินทุกคน***
กระทู้นี้ เป็นมุมพักผ่อน มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม.........แต่มีเสียง...................
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
พรุ่งนี้เป็นวันไหว้พระจันทร์ค่ะ วันนี้เลยชวนเพื่อนๆ มาร่วมวงทานขนมไหว้พระจันทร์กัน
กระทู้วันนี้ช่างเหมาะกับ MC คนนี้ยิ่งนัก เพราะเกี่ยวข้องกับของกินและยังมีพระจันทร์อีกด้วย
ขนมไหว้พระจันทร์และเทศกาลไหว้พระจันทร์ มีหลายความเชื่อ หลายตำนานมาก
เช่น การแสดงความกตัญญูต่อเทพธิดาดวงจันทร์ (บ้างก็เรียกฉางเอ๋อ) หลังจากที่นางทานยาวิเศษเข้าไป
นางก็เหาะขึ้นไปอยู่บนพระจันทร์เป็นอมตะ นางมีน้ำใจเมตตาอารีมาก พอถึงฤดูกาลเพาะปลูกนางก็จะประพรมน้ำอมฤตลงมาบนพื้นโลก
และนี่ก็นำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองแก่ชาวไร่ชาวนาทั้งมวล
ส่วนอีกตำนานที่เกี่ยวกับการเมืองคือ ในราวปี พ.ศ. 1911 ยุคปลายราชวงศ์หยวน ที่ชาวฮั่นถูกปกครองอย่างกดขี่โดยชาวมองโกล
ชาวฮั่นเมื่อต้องการจะก่อกบฏต่อต้าน จึงทำขนมแล้วแอบสอดสาส์นไว้ข้างใน แล้วนำไปแจกจ่ายให้กับทุกบ้าน
ทหารมองโกลไม่ได้ระแวงถึงจุดประสงค์ของพวกกบฎ เพราะคิดว่าขนมเหล่านั้นเป็นการทำตามประเพณีดั้งเดิมของชาวจีน
ในสาส์นมีข้อความว่า ให้ประชาชนทั่วทั้งประเทศมาชุมนุมกันครั้งใหญ่ในเดือน 8 นี้ เวลายาม 3 จงสังหารทหารมองโกลพร้อมกัน
อันนำมาซึ่งเอกราชของชาวฮั่น จนกลายเป็นประเพณีการรับประทานและไหว้ขนมไหว้พระจันทร์ในปัจจุบัน
...............................................................
ขนมไหว้พระจันทร์ นัยหนึ่งคือการแสดงความเคารพต่อดวงจันทร์อันแสดงให้เห็นถึงความอ่อนน้อมของผู้คนที่มีต่อธรรมชาติ
ไม่ว่าเทพธิดาดวงจันทร์จะมีจริงหรือไม่ แต่จิตใจที่อ่อนโยน ไม่อหังการ์ จะทำให้มนุษย์รักสิ่งแวดล้อม ทำลายผู้อื่นน้อยลง
อีกนัยหนึ่งคือการเตือนให้ระลึกถึงเหตุการณ์ที่ชาวฮั่นที่ถูกกดขี่แล้วพยายามหาทางลุกขึ้นสู้จนได้ชัยชนะ
พระจันทร์แทนใจ เย่ เลี่ยง ต้าย เปี่ยว หว่อ ตี ซิน (The Moon Represents My Heart) - เติ้งลี่จวิน
...เธอถามฉันว่ารักเธอแค่ไหน ฉันรักเธอเท่าไร
หัวใจของฉันก็แน่แท้ รักของฉันก็แน่แท้
ดวงจันทร์นั้นแทนหัวใจของฉัน
https://www.youtube.com/watch?v=7FXoKcCXem0
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้