อดีตทนายความอาสาสภาทนายความ มั่นใจ 2 ผู้ต้องหาชาวเมียนมา ไม่ได้ฆ่านักท่องเที่ยวเกาะเต่า มั่นใจล่ามแปลภาษาถูก ทีมทนายฝ่ายจำเลยเตรียมขอศาลเพิ่มวันสืบพยาน
ยังเป็นประเด็นที่ทั้งชาวไทยและต่างชาติให้ความสนใจติดตามอย่างต่อเนื่อง สำหรับคดีฆ่านักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2557 ซึ่งในดคีดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยได้จับกุมผู้ต้องสงสัยเป็นแรงงาน ชาวเมียนมา 2 ราย คือ นายเวพิว และนายซอ ลิน ซึ่งแม้ในตอนแรกผู้ต้องหาทั้งคู่จะยอมรับสารภาพ แต่ในภายหลังได้กลับคำให้การ โดยระบุว่าถูกเจ้าหน้าที่ซ้อมและทรมานให้รับสารภาพนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด (24 กันยายน 2558) ศาลจังหวัดเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มีการสืบพยานฝ่ายจำเลยเป็นวันที่ 3 โดยได้เบิกตัว นางสาวจันทร์จิรา แจ้งแผ้ว อนุกรรมการสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ให้ขึ้นเบิกความต่อศาล หลังได้รับการแต่งตั้งให้หาข้อมูลในประเด็นการตรวจสอบเรื่อง 2 ผู้ต้องหาร้องว่าถูกทำร้ายร่างกายจากเจ้าหน้าที่เพื่อบังคับให้รับสารภาพขณะถูกจับกุม และยังเป็นผู้ที่ได้เข้าไปซักถาม นายเมาเมา แรงงานชาวเมียนมาบนเกาะเต่า ภายในสถานทูตเมียนมาประจำประเทศไทย ซึ่งนายเมาเมา ยืนยันว่า ถึงแม้ตนจะถูกกันให้เป็นพยาน แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงบังคับให้ชี้ตัว 2 ผู้ต้องหาว่าเป็นคนก่อเหตุเช่นกัน
จากนั้นในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ทนายความฝ่ายจำเลยจากสภาทนายความ ได้เบิกตัว นายนริทร์ศักดิ์ หลายทวีวัฒน์ อดีตทนายความอาสาสภาทนายความ ที่ได้รับแต่งตั้งจากสภาทนายความให้ลงมาทำหน้าที่ทนายความให้กับ นายเวพิว และนายซอ ลิน ในการนัดสืบพยานล่วงหน้าในวันที่ 14 ตุลาคม 2557 และได้พบกับ 2 ผู้ต้องหาภายในห้องพิจารณาศาลจังหวัดเกาะสมุย โดยนายนริทร์ศักดิ์ ให้การว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ยืนยันผ่านล่ามแปลภาษาว่าไม่ได้เป็นคนสังหารนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ จากนั้นตนได้ให้กระดาษผ่านล่าม เพื่อให้ทั้งคู่เขียนยืนยันคำพูด โดยทั้ง 2 คนได้เขียนเป็นภาษาเมียนมาที่กระดาษทั้ง 2 หน้า ด้านหนึ่งแปลได้ว่า "ผมไม่ได้ทำ" ส่วนอีกด้านหนึ่งระบุ "ผมไม่รู้เรื่อง" ก่อนจะให้ทั้ง 2 คนเซ็นชื่อกำกับไว้ว่าเป็นลายมือของตนเอง
นายทวีศักดิ์ ยังระบุว่า ตนเชื่อว่าจำเลยทั้งคู่ไม่น่าจะเป็นผู้ลงมือสังหาร 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษจริง เนื่องจากลักษณะรูปพรรณโดยรวมของทั้งคู่ ที่ตัวเล็กกว่านายเดวิด อีกทั้งในวันสืบพยานล่วงหน้าทั้งคู่ก็ยังอยู่ในอาการหวาดระแวง สังเกตได้จากการซักถามแต่ละครั้งทั้งสองคนจะพูดเสียงเบา และเมื่ออยู่ด้วยกันจะมีการสะกิดเพื่อส่งสัญญาณในเวลาที่ถูกถาม ลักษณะคล้ายจะให้หยุดพูดเพื่อไม่ต้องการมีปัญหากับเจ้าหน้าที่รัฐ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า นายนรินทร์ศักดิ์ จะไม่สามารถฟังหรือพูดภาษาเมียนมาได้ แต่เชื่อว่าล่ามที่มาทำหน้าที่แปลภาษาในการสื่อสารกับผู้ต้องหาช่วงสืบพยาน ล่วงหน้า ไม่น่าจะบิดเบือนข้อความที่ตนต้องการสื่อสาร และการมาทำหน้าที่ในวันนั้น ตนได้ทำหน้าที่ทนายอาสาซึ่งได้รับการร้องขอมาจากสภาทนายความ
คดีเกาะเต่าพลิก ทนายยันผล DNA ไม่ตรงกับ 2 ชาวพม่า ทุบโต๊ะข่าว
ยังเป็นประเด็นที่ทั้งชาวไทยและต่างชาติให้ความสนใจติดตามอย่างต่อเนื่อง สำหรับคดีฆ่านักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2557 ซึ่งในดคีดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยได้จับกุมผู้ต้องสงสัยเป็นแรงงาน ชาวเมียนมา 2 ราย คือ นายเวพิว และนายซอ ลิน ซึ่งแม้ในตอนแรกผู้ต้องหาทั้งคู่จะยอมรับสารภาพ แต่ในภายหลังได้กลับคำให้การ โดยระบุว่าถูกเจ้าหน้าที่ซ้อมและทรมานให้รับสารภาพนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด (24 กันยายน 2558) ศาลจังหวัดเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มีการสืบพยานฝ่ายจำเลยเป็นวันที่ 3 โดยได้เบิกตัว นางสาวจันทร์จิรา แจ้งแผ้ว อนุกรรมการสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ให้ขึ้นเบิกความต่อศาล หลังได้รับการแต่งตั้งให้หาข้อมูลในประเด็นการตรวจสอบเรื่อง 2 ผู้ต้องหาร้องว่าถูกทำร้ายร่างกายจากเจ้าหน้าที่เพื่อบังคับให้รับสารภาพขณะถูกจับกุม และยังเป็นผู้ที่ได้เข้าไปซักถาม นายเมาเมา แรงงานชาวเมียนมาบนเกาะเต่า ภายในสถานทูตเมียนมาประจำประเทศไทย ซึ่งนายเมาเมา ยืนยันว่า ถึงแม้ตนจะถูกกันให้เป็นพยาน แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงบังคับให้ชี้ตัว 2 ผู้ต้องหาว่าเป็นคนก่อเหตุเช่นกัน
จากนั้นในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ทนายความฝ่ายจำเลยจากสภาทนายความ ได้เบิกตัว นายนริทร์ศักดิ์ หลายทวีวัฒน์ อดีตทนายความอาสาสภาทนายความ ที่ได้รับแต่งตั้งจากสภาทนายความให้ลงมาทำหน้าที่ทนายความให้กับ นายเวพิว และนายซอ ลิน ในการนัดสืบพยานล่วงหน้าในวันที่ 14 ตุลาคม 2557 และได้พบกับ 2 ผู้ต้องหาภายในห้องพิจารณาศาลจังหวัดเกาะสมุย โดยนายนริทร์ศักดิ์ ให้การว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ยืนยันผ่านล่ามแปลภาษาว่าไม่ได้เป็นคนสังหารนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ จากนั้นตนได้ให้กระดาษผ่านล่าม เพื่อให้ทั้งคู่เขียนยืนยันคำพูด โดยทั้ง 2 คนได้เขียนเป็นภาษาเมียนมาที่กระดาษทั้ง 2 หน้า ด้านหนึ่งแปลได้ว่า "ผมไม่ได้ทำ" ส่วนอีกด้านหนึ่งระบุ "ผมไม่รู้เรื่อง" ก่อนจะให้ทั้ง 2 คนเซ็นชื่อกำกับไว้ว่าเป็นลายมือของตนเอง
นายทวีศักดิ์ ยังระบุว่า ตนเชื่อว่าจำเลยทั้งคู่ไม่น่าจะเป็นผู้ลงมือสังหาร 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษจริง เนื่องจากลักษณะรูปพรรณโดยรวมของทั้งคู่ ที่ตัวเล็กกว่านายเดวิด อีกทั้งในวันสืบพยานล่วงหน้าทั้งคู่ก็ยังอยู่ในอาการหวาดระแวง สังเกตได้จากการซักถามแต่ละครั้งทั้งสองคนจะพูดเสียงเบา และเมื่ออยู่ด้วยกันจะมีการสะกิดเพื่อส่งสัญญาณในเวลาที่ถูกถาม ลักษณะคล้ายจะให้หยุดพูดเพื่อไม่ต้องการมีปัญหากับเจ้าหน้าที่รัฐ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า นายนรินทร์ศักดิ์ จะไม่สามารถฟังหรือพูดภาษาเมียนมาได้ แต่เชื่อว่าล่ามที่มาทำหน้าที่แปลภาษาในการสื่อสารกับผู้ต้องหาช่วงสืบพยาน ล่วงหน้า ไม่น่าจะบิดเบือนข้อความที่ตนต้องการสื่อสาร และการมาทำหน้าที่ในวันนั้น ตนได้ทำหน้าที่ทนายอาสาซึ่งได้รับการร้องขอมาจากสภาทนายความ