ปี 2556 ได้ซื้อที่ดินมาจาก นาย ก. หลังจากนั้นได้มีการยื่นขอรังวัดที่ดินเพื่อจะล้อมรั่ว ในวันรังวัดที่ดินมีการรังวัดอย่างราบรื่นไม่มีอะไร เจ้าของที่ดินข้างเคียงมาเซ็นต์รับรองครบไม่มีการคัดค้านใดๆ ซึ่งในวันนั้นก็มีผู้ใหญ่บ้านมาเซ็นต์รับรองในฐานะทางสารธารณะด้วย ซึ่งเหตุการณ์การรังวัดก็ผ่านไปได้ด้วยดี
หลังจากนั้นประมาณต้นปี 2557 ก็ได้มีการล้อมรั้วด้วยตัวเองแต่กลัวจะเสร็จก็หลายเดือนมาก ไม่มีการมาคัดค้านแต่อย่างใด ผมล้อมที่ละด้านละด้านจนครบ 4 ด้าน ประมาณกลางปี 2557 ได้มีการดำเนินการก่อสร้างโกดังเก็บสินค้า ให้ถูกค้าตามแบบแปลนขนาดไม่เก็น 500 ตารางเมตร ซึ่งการสร้างโกดังก็ต้องมีการเว้นระยะห่างตามกฎกระทรวง รายละเอียดก็ด้านล่างเลย
#กฎกระทรวง ฉบับที่ 55 (พ.ศ. 2543) ข้อ 38 คลังสินค้าที่มีพื้นที่ของอาคารทุกชั้นรวมกันตั้งแต่ 100 ตารางเมตร แต่ไม่เกิน 500 ตารางเมตร ต้องมีที่ว่างห่างแนวเขตที่ดินที่ใช้ก่อสร้างอาคารนั้นไม่น้อยกว่า 6 เมตร สองด้านส่วนด้านอื่น ต้องมีที่ว่างห่างแนวเขตที่ดินไม่น้อยกว่า 3 เมตร
คลังสินค้าที่มีพื้นที่ของอาคารทุกชั้นรวมกันเกิน 500 ตารางเมตร ต้องมีที่ว่างห่างแนวเขตที่ดินใช้ก่อสร้างอาคารนั้นไม่น้อยกว่า 10 เมตร สองด้าน ส่วนด้านอื่นต้องมีที่ว่างห่างจากแนวเขตที่ดินไม่น้อยกว่า 5 เมตร
เราก็ดำเนินการการสร้างไปประมาณ 50% ใกล้จะแล้วเสร็จ ก็ได้มีหมายศาลมาติดที่ประตูรั้ว ระหว่าง นาง ค. (โจทย์) กับเรา นาย ข. (จำเลย) เพื่อให้ศาลพิจารณาให้ที่ดินเราเป็นทางจำเป็นและภารจำยอม (ยังงงๆ ว่าจะฟ้องอะไรเอาสักอย่างระหว่างทางจำเป็นหรือภารจำยอม) ซึ่งเดิมทีที่ดินของนาย ก. ที่เราไปซื้อต่อมาเป็นของลุงนาง ค. ต่อจากนั้นในปี 2539 ได้ขายให้นาย ก. หลังจากได้ซื้อมานาย ก. ก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรจากที่ดินนั้น ไม่ได้มีการล้อมรั้ว เขตคัน นาง ค. และบริวาร, ก็ได้ใช้เป็นทางเข้าออกโดยผ่านที่ดินนาย ก. เข้าออกมาตลอดตั้งแต่ที่ดินยังเป็นของลุงตัวเองเรื่อยมา (อ้างว่าอย่างนั้น) ปี 2556 เราก็ซื้อที่ดินแปลงที่เป็นภารยทรัพย์นี้ต่อนาย ก. มาเป็นของเรา (นาย ข.) แต่เราก็มาโดนฟ้องโดยมีผู้ใหญ่บ้านที่เซ็นต์รับรองให้ในวันรังวัดที่ดินมาเป็นพยานให้โจรทย์ฟ้องเราด้วย...ซึ่งเรามาซื้อที่เราก็ไม่รู้เลยว่านาง ก. ใช้ที่เราเข้าออกสูทางสาธารณะ เพราะเท่าที่เราเห็นนางมีทางออกได้อีกทางนึงแต่ก็เป็นลักษณะของการผ่านที่ดินของญาติพี่น้องของนาง ก. เอง ซึ่งก่อนหน้านั้นที่ดินของนางก็ไม่ได้ติดกับที่ดินที่เราซื้อไว้เลย พึ่งมาได้กรรมสิทธิ์เมื่อปี 2557 นี่เอง ทุกวันนี้ที่ผ่านมาทางที่เราไม่ได้ เขาก็ยังผ่านที่ของญาติเขาแทน
เราเข้าใจเป็นอย่างดี และเห็นอกเห็นใจเป็นอย่างมากในการที่นาง ค. ไม่มีทางเข้าออกเรายินดีทีจะแบ่งขายให้ในวันที่เรายังไม่ได้ล้อมรั้วและยังไม่ได้ก่อสร้างโกดังเก็บสินค้า เราเว้นระยะ, แนวร่นไว้อย่างถูกต้องตามแบบแปลนแล้ว มาฟ้องเราที่หลังที่นี้รู้สึกเจ็บปวดมาก เรายอมที่จะแบ่งขายที่ดินเพื่อเป็นทางเข้าออกให้นาง ก. แต่ใครจะมารับผิดชอบโกดังที่ลงทุนไปร่วมๆ 2 ล้านแล้ว...ต้องทำไงดี ใครที่เคยเจอแบบนี้ หรือผู้มีความรู้รบกวนขอคำปรึกษาหน่อยครับ
และขอฝากท่านที่กำลังจะซื้อที่ดินต่อคนอื่นที่ไม่ใช้พื้นที่ที่เราเกิดและโตมา ไม่รู้ประวัติ ให้คิดใตร่ตรองดูดีๆนะครับ จะได้ไม่เสียเวลา และไม่เกิดความเสียหายแบบผม
โดนฟ้องทางจำเป็นและภารจำยอม
หลังจากนั้นประมาณต้นปี 2557 ก็ได้มีการล้อมรั้วด้วยตัวเองแต่กลัวจะเสร็จก็หลายเดือนมาก ไม่มีการมาคัดค้านแต่อย่างใด ผมล้อมที่ละด้านละด้านจนครบ 4 ด้าน ประมาณกลางปี 2557 ได้มีการดำเนินการก่อสร้างโกดังเก็บสินค้า ให้ถูกค้าตามแบบแปลนขนาดไม่เก็น 500 ตารางเมตร ซึ่งการสร้างโกดังก็ต้องมีการเว้นระยะห่างตามกฎกระทรวง รายละเอียดก็ด้านล่างเลย
#กฎกระทรวง ฉบับที่ 55 (พ.ศ. 2543) ข้อ 38 คลังสินค้าที่มีพื้นที่ของอาคารทุกชั้นรวมกันตั้งแต่ 100 ตารางเมตร แต่ไม่เกิน 500 ตารางเมตร ต้องมีที่ว่างห่างแนวเขตที่ดินที่ใช้ก่อสร้างอาคารนั้นไม่น้อยกว่า 6 เมตร สองด้านส่วนด้านอื่น ต้องมีที่ว่างห่างแนวเขตที่ดินไม่น้อยกว่า 3 เมตร
คลังสินค้าที่มีพื้นที่ของอาคารทุกชั้นรวมกันเกิน 500 ตารางเมตร ต้องมีที่ว่างห่างแนวเขตที่ดินใช้ก่อสร้างอาคารนั้นไม่น้อยกว่า 10 เมตร สองด้าน ส่วนด้านอื่นต้องมีที่ว่างห่างจากแนวเขตที่ดินไม่น้อยกว่า 5 เมตร
เราก็ดำเนินการการสร้างไปประมาณ 50% ใกล้จะแล้วเสร็จ ก็ได้มีหมายศาลมาติดที่ประตูรั้ว ระหว่าง นาง ค. (โจทย์) กับเรา นาย ข. (จำเลย) เพื่อให้ศาลพิจารณาให้ที่ดินเราเป็นทางจำเป็นและภารจำยอม (ยังงงๆ ว่าจะฟ้องอะไรเอาสักอย่างระหว่างทางจำเป็นหรือภารจำยอม) ซึ่งเดิมทีที่ดินของนาย ก. ที่เราไปซื้อต่อมาเป็นของลุงนาง ค. ต่อจากนั้นในปี 2539 ได้ขายให้นาย ก. หลังจากได้ซื้อมานาย ก. ก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรจากที่ดินนั้น ไม่ได้มีการล้อมรั้ว เขตคัน นาง ค. และบริวาร, ก็ได้ใช้เป็นทางเข้าออกโดยผ่านที่ดินนาย ก. เข้าออกมาตลอดตั้งแต่ที่ดินยังเป็นของลุงตัวเองเรื่อยมา (อ้างว่าอย่างนั้น) ปี 2556 เราก็ซื้อที่ดินแปลงที่เป็นภารยทรัพย์นี้ต่อนาย ก. มาเป็นของเรา (นาย ข.) แต่เราก็มาโดนฟ้องโดยมีผู้ใหญ่บ้านที่เซ็นต์รับรองให้ในวันรังวัดที่ดินมาเป็นพยานให้โจรทย์ฟ้องเราด้วย...ซึ่งเรามาซื้อที่เราก็ไม่รู้เลยว่านาง ก. ใช้ที่เราเข้าออกสูทางสาธารณะ เพราะเท่าที่เราเห็นนางมีทางออกได้อีกทางนึงแต่ก็เป็นลักษณะของการผ่านที่ดินของญาติพี่น้องของนาง ก. เอง ซึ่งก่อนหน้านั้นที่ดินของนางก็ไม่ได้ติดกับที่ดินที่เราซื้อไว้เลย พึ่งมาได้กรรมสิทธิ์เมื่อปี 2557 นี่เอง ทุกวันนี้ที่ผ่านมาทางที่เราไม่ได้ เขาก็ยังผ่านที่ของญาติเขาแทน
เราเข้าใจเป็นอย่างดี และเห็นอกเห็นใจเป็นอย่างมากในการที่นาง ค. ไม่มีทางเข้าออกเรายินดีทีจะแบ่งขายให้ในวันที่เรายังไม่ได้ล้อมรั้วและยังไม่ได้ก่อสร้างโกดังเก็บสินค้า เราเว้นระยะ, แนวร่นไว้อย่างถูกต้องตามแบบแปลนแล้ว มาฟ้องเราที่หลังที่นี้รู้สึกเจ็บปวดมาก เรายอมที่จะแบ่งขายที่ดินเพื่อเป็นทางเข้าออกให้นาง ก. แต่ใครจะมารับผิดชอบโกดังที่ลงทุนไปร่วมๆ 2 ล้านแล้ว...ต้องทำไงดี ใครที่เคยเจอแบบนี้ หรือผู้มีความรู้รบกวนขอคำปรึกษาหน่อยครับ
และขอฝากท่านที่กำลังจะซื้อที่ดินต่อคนอื่นที่ไม่ใช้พื้นที่ที่เราเกิดและโตมา ไม่รู้ประวัติ ให้คิดใตร่ตรองดูดีๆนะครับ จะได้ไม่เสียเวลา และไม่เกิดความเสียหายแบบผม