วันนี้มาเปิดทู้ช้าอีกแล้ว..แต่ก็มาพร้อมกับความดีอกดีใจ พี่เสือชนะ มึลกับอวบทำประตูได้ถ้าเลวานยิงได้อีกคนจะเพอร์เฟคมั๊กมากกกก
เอาเป็นว่าตอนนี้ไม่ต้องพูดอะไรมากตามมาดูภาพบรรยากาศหลังเกมของนัดเมื่อคืนกันด้านล่างเลยค่ะ
บาเยิร์น มิวนิค เร่งเครื่องช่วงท้ายเกมรัวถล่ม โอลิมเปียกอส ไปอย่างขาดลอย จากการเหมาสองประตูของแนวรุกจอมมึนประจำทีมและอีกหนึ่งลูกจากฮีโร่แชมป์โลก 2014
การแข่งขันฟตุบอลยูฟ่า แชมป์เปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม F นัดแรก ที่สนามสตาดิโอ จอร์กอส คาเรสกากี ระหว่าง โอลิมเปียกอส แชมป์ซูเปอร์ลีกกรีซ เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ บาเยิร์น มิวนิค แชมป์บุนเดสลีกา เยอรมัน
มาร์โก ซิลวา เฮ้ดโค้ชเจ้าบ้าน เปลี่ยนแปลงผู้เล่นเพียง 2 รายเท่านั้นจากเกมลีกนัดล่าสุด ที่เปิดบ้านเอาชนะ พลาทานิแอส 3-1 โดยเกมนี้ไม่มีชื่อของ จิมมี ดูมาซ กับ ลูก้า มิไลโวเยวิซ สองกองกลางที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนทั้งคู่ ทำให้ พาติม คาซามี กับ เลอันโด ซาลิโน ได้โอกาสลงมาทำหน้าที่แทน ส่วนแดนหน้ายังคงเป็น เปลิเป้ พาร์โด จับคู่กับ บราวน์ อิเดเย เช่นเคย
ขณะที่ผู้มาเยือนของกุนซือ เป็บ กวาร์ดิโอลา กลับมาใช้แผนการเล่นระบบ 4-4-2 อีกครั้ง โดยให้ เดวิด อลาบ้า ขยับไปยืนเป็นปราการหลังคู่กลางกับ เยโรม บัวเต็ง พร้อมถอย ฟิลิปป์ ลาห์ม ลงไปยืนเป็นแบ็คขวาตามเดิมและพัก ราฟินญา ไว้ที่ข้างสนาม นอกนั้นยังเป็นหน้าหลักขาประจำ นำโดย มานูเอล นอยเออร์ (ผู้รักษาประตู), ชาบี อลอนโซ, โธมัส มุลเลอร์ และ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
รูปเกมครึ่งแรกเป็นฝั่งเจ้าบ้านที่มีโอกาสลุ้นประตูมากกว่า ขณะที่ทีมเยือนมีโอกาสเหน่งๆจากลูกโหม่งเต็มศรีษะของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ แต่แนวรับ โอลิมเปียกอส ยังเคลียร์สกัดออกจากเส้นปากประตูไปได้อย่างหวุดหวิด ทำให้จบ 45 นาทีแรก ทั้งสองทีมยังเสมอกันแบบไร้สกอร์ 0-0
กลับมาเล่นในครึ่งหลังได้ไม่นาน เพียงนาทีที่ 52 กลายเป็น บาเยิร์น มิวนิค ที่มาทำประตูออกนำไปก่อน จากจังหวะที่ โธมัส มุลเลอร์ ตั้งป้อมบรรจงเปิดจากริมเส้นฝั่งขวาเข้ามาในกรอบเขตโทษ ทว่าบอลกลายเป็นดีย้อยข้ามหัว โรเบร์โต้ ฆิมิเนซ เช็ดเสาไกลเข้าไปอย่างสวยงาม ช่วยให้บาเยิร์นขึ้นนำ 1-0
จากนั้นนาทีที่ 59 เป็บ กวาร์ดิโอลา เปิดโอกาสให้ คิงสลีย์ โคมอง ปีกอนาคตไกลที่เพิ่งยืมตัวมาจาก ยูเวนตุส ลงสนามลงมาเล่นแทน โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
ท้ายเกมนาทีที่ 89 บาเยิร์น มาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 จากลูกที่ โธมัส มุลเลอร์ เบิ้ลส่งขึ้นหน้าไปทางริมเส้นฝั่งขวา และบอลดูเหมือนบอลกำลังจะออกหลังอยู่แล้ว แต่ คิงสลีย์ โคมอง ยังใช้ความเร็วควบไปหยุดบอลได้ทัน ก่อนตบย้อนเข้ากลางให้ มาริโอ เกิทเซ ตัวสำรอง แตะแต่งขึ้นหน้าหนึ่งจังหวะ ก่อนกดเลียดผ่านมือ โรเบร์โต้ ฆิมิเนซ เข้าไปตุงตาข่าย
เท่านั้นไม่พอ ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ บาเยิร์น มาได้ประตูตอกฝาโลง จากจังหวะที่ คิงสลีย์ โคมอง ใช้ความสามารถเฉพาะตัวแหวกฝ่าด่านแนวรับเจ้าบ้าน 2-3 รายเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนโดนชนล้มลงไปกองกับพื้น ทำให้ผู้ตัดสินไม่มีทางเลือกชี้เป็นลูกโทษทันที และเป็น โธมัส มุลเลอร์ รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาด
จบเกม บาเยิร์น มิวนิค บุกถล่ม โอลิมเปียกอส ไปอย่างขาดลอย 3-0 เก็บสามคะแนนสำคัญ ขยับขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงกลุ่มเอฟ โดยมี 3 คะแนนเท่ากับ ดินาโม ซาเกร็บ แต่มีประตูได้เสียดีกว่า 2 ประตูนั่นเอง
สำหรับโปรแกรมนัดต่อไป บาเยิร์น เตรียมบุกไปเยือนทีมน้องใหม่ในลีกอย่าง ดาร์มสตัดต์ 98 ในวันเสาร์นี้ เวลา 20.30 น. ขณะที่ โอลิมเปียกอส มีคิวบุกไปเยือน สโกดา ซานติห์ ในวันอังคารนี้ เวลา 00.30 น. ตามเวลาประเทศไทย
****[Bayern Munich]***[17.09.2015] ****[ ภาพบรรยากาศหลังเกม Olympiacos FC 0-3 FC Bayern ]
สวัสดีตอนเย็นแฟนๆพี่เสือทุกคนค่ะ
วันนี้มาเปิดทู้ช้าอีกแล้ว..แต่ก็มาพร้อมกับความดีอกดีใจ พี่เสือชนะ มึลกับอวบทำประตูได้ถ้าเลวานยิงได้อีกคนจะเพอร์เฟคมั๊กมากกกก
เอาเป็นว่าตอนนี้ไม่ต้องพูดอะไรมากตามมาดูภาพบรรยากาศหลังเกมของนัดเมื่อคืนกันด้านล่างเลยค่ะ
การแข่งขันฟตุบอลยูฟ่า แชมป์เปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม F นัดแรก ที่สนามสตาดิโอ จอร์กอส คาเรสกากี ระหว่าง โอลิมเปียกอส แชมป์ซูเปอร์ลีกกรีซ เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ บาเยิร์น มิวนิค แชมป์บุนเดสลีกา เยอรมัน
มาร์โก ซิลวา เฮ้ดโค้ชเจ้าบ้าน เปลี่ยนแปลงผู้เล่นเพียง 2 รายเท่านั้นจากเกมลีกนัดล่าสุด ที่เปิดบ้านเอาชนะ พลาทานิแอส 3-1 โดยเกมนี้ไม่มีชื่อของ จิมมี ดูมาซ กับ ลูก้า มิไลโวเยวิซ สองกองกลางที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนทั้งคู่ ทำให้ พาติม คาซามี กับ เลอันโด ซาลิโน ได้โอกาสลงมาทำหน้าที่แทน ส่วนแดนหน้ายังคงเป็น เปลิเป้ พาร์โด จับคู่กับ บราวน์ อิเดเย เช่นเคย
ขณะที่ผู้มาเยือนของกุนซือ เป็บ กวาร์ดิโอลา กลับมาใช้แผนการเล่นระบบ 4-4-2 อีกครั้ง โดยให้ เดวิด อลาบ้า ขยับไปยืนเป็นปราการหลังคู่กลางกับ เยโรม บัวเต็ง พร้อมถอย ฟิลิปป์ ลาห์ม ลงไปยืนเป็นแบ็คขวาตามเดิมและพัก ราฟินญา ไว้ที่ข้างสนาม นอกนั้นยังเป็นหน้าหลักขาประจำ นำโดย มานูเอล นอยเออร์ (ผู้รักษาประตู), ชาบี อลอนโซ, โธมัส มุลเลอร์ และ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
รูปเกมครึ่งแรกเป็นฝั่งเจ้าบ้านที่มีโอกาสลุ้นประตูมากกว่า ขณะที่ทีมเยือนมีโอกาสเหน่งๆจากลูกโหม่งเต็มศรีษะของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ แต่แนวรับ โอลิมเปียกอส ยังเคลียร์สกัดออกจากเส้นปากประตูไปได้อย่างหวุดหวิด ทำให้จบ 45 นาทีแรก ทั้งสองทีมยังเสมอกันแบบไร้สกอร์ 0-0
กลับมาเล่นในครึ่งหลังได้ไม่นาน เพียงนาทีที่ 52 กลายเป็น บาเยิร์น มิวนิค ที่มาทำประตูออกนำไปก่อน จากจังหวะที่ โธมัส มุลเลอร์ ตั้งป้อมบรรจงเปิดจากริมเส้นฝั่งขวาเข้ามาในกรอบเขตโทษ ทว่าบอลกลายเป็นดีย้อยข้ามหัว โรเบร์โต้ ฆิมิเนซ เช็ดเสาไกลเข้าไปอย่างสวยงาม ช่วยให้บาเยิร์นขึ้นนำ 1-0
จากนั้นนาทีที่ 59 เป็บ กวาร์ดิโอลา เปิดโอกาสให้ คิงสลีย์ โคมอง ปีกอนาคตไกลที่เพิ่งยืมตัวมาจาก ยูเวนตุส ลงสนามลงมาเล่นแทน โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
ท้ายเกมนาทีที่ 89 บาเยิร์น มาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 จากลูกที่ โธมัส มุลเลอร์ เบิ้ลส่งขึ้นหน้าไปทางริมเส้นฝั่งขวา และบอลดูเหมือนบอลกำลังจะออกหลังอยู่แล้ว แต่ คิงสลีย์ โคมอง ยังใช้ความเร็วควบไปหยุดบอลได้ทัน ก่อนตบย้อนเข้ากลางให้ มาริโอ เกิทเซ ตัวสำรอง แตะแต่งขึ้นหน้าหนึ่งจังหวะ ก่อนกดเลียดผ่านมือ โรเบร์โต้ ฆิมิเนซ เข้าไปตุงตาข่าย
เท่านั้นไม่พอ ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ บาเยิร์น มาได้ประตูตอกฝาโลง จากจังหวะที่ คิงสลีย์ โคมอง ใช้ความสามารถเฉพาะตัวแหวกฝ่าด่านแนวรับเจ้าบ้าน 2-3 รายเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนโดนชนล้มลงไปกองกับพื้น ทำให้ผู้ตัดสินไม่มีทางเลือกชี้เป็นลูกโทษทันที และเป็น โธมัส มุลเลอร์ รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาด
จบเกม บาเยิร์น มิวนิค บุกถล่ม โอลิมเปียกอส ไปอย่างขาดลอย 3-0 เก็บสามคะแนนสำคัญ ขยับขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงกลุ่มเอฟ โดยมี 3 คะแนนเท่ากับ ดินาโม ซาเกร็บ แต่มีประตูได้เสียดีกว่า 2 ประตูนั่นเอง
สำหรับโปรแกรมนัดต่อไป บาเยิร์น เตรียมบุกไปเยือนทีมน้องใหม่ในลีกอย่าง ดาร์มสตัดต์ 98 ในวันเสาร์นี้ เวลา 20.30 น. ขณะที่ โอลิมเปียกอส มีคิวบุกไปเยือน สโกดา ซานติห์ ในวันอังคารนี้ เวลา 00.30 น. ตามเวลาประเทศไทย
ขอบคุณภาพข่าวจาก GOAL.COM และ Getty Images