มารณรงค์ลดการกินเค็มจัด หวานจัด มันจัด เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยกันเถอะค่ะ

เป็นที่ทราบกันดีนะคะว่า หลักโภชนาการได้กำหนดปริมาณสารอาหารแต่ละชนิดที่ควรได้รับต่อวันไว้ในตารางโภชนาการของผลิตภัณฑ์อาหารชนิดต่าง ๆ โดยเทียบคำนวณจากประชากรที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นและพลังงานต่อวันไม่เกิน 2,000 กิโลแคลอรี (หรือผู้ที่มีน้ำหนักเฉลี่ย 60 กิโลกรัม เช่น ไขมันทั้งหมด ควรได้รับต่อวันไม่เกิน 65 กรัม, โซเดียม ควรได้รับต่อวันไม่เกิน 2,000-2,400 มิลลิกรัม เป็นต้น

เพราะรสเค็มจัด (เกลือมาก รวมถึงสารชูรส) ก็มีผลทำให้ความดันโลหิตสูง ปัสสาวะน้อยลง บวมน้ำ ของเสียคั่ง เส้นเลือดในสมองแตก และไตวายจากความดันโลหิตสูง
รสหวานจัด (น้ำตาลมาก) มีผลทำให้เกิดน้ำตาลในเลือดสูง โรคอ้วน เบาหวาน โรคหลอดเลือดอักเสบ และไตวายจากเบาหวาน
อาหารมันจัด (ไขมัน/น้ำมัน/คอเลสเตอรอลมาก) มีผลทำให้ไขมัน/คอเลสเตอรอลอุดตันในเส้นเลือด โรคอ้วน เส้นเลือดตีบ หัวใจขาดเลือด

สารเติมเค็มทั้งหลาย ได้แก่ เกลือ น้ำปลา ซอสถั่วเหลือง ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ ซอสมะเขือเทศ ซอสพริก น้ำจิ้ม ซอสหอยนางรม กะปิหรือเคอย เป็นต้น พยายามไม่เติมเพิ่มรวมถึงสารชูรสจำพวกผงชูรส (โมโนโซเดียมกลูตาเมต/ Monosodium glutamate/ MSG และไดโซเดียมกลูตาเมต/ Disodium glutamate/DSG) เพื่อลดภาวะความเสี่ยงที่เกิดจากการได้รับโซเดียมในปริมาณที่มากเกินไป

เช่นเดียวกันกับการใช้สารเติมความหวานที่ผลิตจากน้ำตาล เช่น น้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บ น้ำเชื่อมหรือไซรัป นมข้นหวาน เป็นต้น รวมถึงเครื่องดื่มรสหวาน มีน้ำตาลมาก จำพวกน้ำอัดลม น้ำแดง/น้ำเขียว พยายามลดปริมาณลงหรือเลี่ยงไป เพื่อลดภาวะการติดรสหวาน การติดน้ำตาล

อาหารที่มีไขมัน/น้ำมันมาก จำพวก เค้กครีม เนย อาหารทอด ผัด ให้หลีกเลี่ยงหรือกินให้น้อยที่สุด หรือเปลี่ยนวิธีปรุงเป็นต้ม นึ่ง อบ ตุ๋น แทน เพื่อลดภาวะไขมันพอกพูนและอุดตันตามเส้นเลือด

บอกตรง ๆ เลยค่ะว่า เวลาเราเจอใครปรุงเค็มเพิ่ม ชนิดที่ว่าเอาคุ้มเงินที่จ่ายซื้ออาหาร (เรียกปรุงเพิ่มซะเยอะ (จนเจ้าของร้านมีสิทธิ์ขาดทุนจานนั้น) ครั้งใด เราเห็นแล้วนึกสงสารไตของเขาแทนตัวเขาเองเลยล่ะค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่