" เวลาคิดถึงบ้าน คิดถึงแม่ หนูจะเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า..
อย่างน้อยมันก็เป็นฟ้าเดียวกัน ถึงจะมีกำแพงกั้นเราอยู่ก็ตาม."
นักโทษหญิง อดีตนักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์
ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ให้สัมภาษณ์พวกเรา
ด้วยเสียงแห่งความหวัง
สี่ปีในกำแพงคุกทำให้เธอเรียนรู้ชีวิต
และรู้จักตนเอง มากกว่ายี่สิบปี ของการใช้ชีวิตนอกกำแพงไป
อย่างเปลืองเปล่า
2-3 เดือน มานี้ ฉันเข้า ๆ ออก ๆ
คุกหญิง จนกลายเป็นความคุ้นเคย
เพื่อทำสารคดีโลกหลังกำแพง เรื่องเล่าจากแดนหญิง
ให้กับสถาบันยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ)
ที่ทำช่อง Just Right Channel ทางยูทูป
ได้พบกับผู้หญิงหลังกำแพงมากมาย
ที่ก่อนจะกลายมาเป็นนักโทษ
เธอล้วนเคยเป็น แม่ เป็นเมีย เป็นพี่สาว
น้องสาว และลูกสาว ของใครสักคนมาก่อนทั้งสิ้น
นอกจากเรื่องราวมากมาย หลากหลายที่พบเจอ
ตามที่เคยได้เล่าไว้ในโพสช่วงก่อนนี้
ฉันยังเข้าไปพบว่า ผู้หญิงจำนวนไม่น้อย
ในดินแดนหลังกำแพง
กำลังต้องการความช่วยเหลือ
จากพวกเราที่อยู่ในโลกข้างนอก
ผู้ต้องขังจำนวนไม่น้อยไร้ญาติ ถูกญาติทิ้ง
ผู้ต้องขังต่างชาติที่เป็นพลเมืองชั้นแรงงาน
อย่าง พม่า เขมร ลาว มาต้องอาญาแผ่นดินอยู่ไกลบ้านไกลเมือง
บางรายก็ไม่สามารถติดต่อญาติพี่น้องไ่ด้
บางรายติดต่อได้ แต่ญาติก็ยากจน
เกินกว่าจะเดินทางข้ามแดนมาเยี่ยม
ไหนจะผู้ต้องขังชรา ที่ป่วยไข้ ไร้ญาติ
แม่ลูกอ่อนที่ให้นมลูกไม่ได้
คนเหล่านี้ ขาดสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นในการดำรงชีวิต
ทั้งผ้าถุง ผ้าอนามัย ชุดชั้นใน นมผงสำหรับเด็กกรณีแม่ลูกอ่อน
แว่นตาสำหรับอ่านหนังสือของคนเฒ่า
รวมทั้งของใช้ในชีวิตประจำวัน
ยาสีฟัน ยาสระผม สบู่ ฯลฯ
คำถาม แล้วหลวงไม่แจกของเหล่านี้เหรอ
คำตอบ คือ หลวงแจก
แต่สองเดือนแจกหนึ่งครั้ง
ไม่มีทางพอใช้
สำหรับผู้ต้องขังที่มีญาติ คนข้างนอกมาฝากเงินไว้ให้
ก็สามารถสแกนสั่งของจากสวัสดิการ
มาใช้ได้ แต่...สำหรับคนไร้ญาติ พวกเขาก็พยายามทำงาน
รับจ้างสารพัดในเรือนจำ
รับจ้างซักผ้าให้เพื่อนผู้ต้องขัง รับจ้างหิ้วน้ำ
รับจ้างเฝ้าเวรแทนเพื่อนในเรือนนอน ได้กะละสิบบาท เพื่อเก็บเล็กผสมน้อย ไว้แลกของใช้จำเป็น
สบู่ ยาสีฟัน ยาสระผม ผ้าอนามัย ฯลฯ
เมื่อเข้าไปเห็น จึงไม่อาจทนนิ่งเฉยดูดาย เพราะเห็นว่ายังพอจะมีทาง
ช่วยเหลือกันได้ ในฐานะของเพื่อนมนุษย์
ร่วมชาติและร่วมโลก
ช่วงกลางเดือนและปลายเดือนนี้
เราจึงคิดการจัดสัญจร ไปเปิดคอร์สอนกันในคุก
เพื่อทำสบู่ ครีมอาบน้ำ น้ำยาซักผ้า
ยาสระผม
โดยจะเริ่มต้นที่ทัณฑสถานหญิงชลบุรี
โดยได้ติดต่อ
ผอ.จ๊อยส์ ศลิษา ศัลยกำธรSalisa Sanyakumthorn ผอ.ศูนยกสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง
เข้าไปสอนวิชาเหล่านี้ในเรือนจำ
เพื่อให้เป็นวิชาชีพติดตัว เมื่อพวกเธอได้ออกไปใช้ชีวิตข้างนอก
และสามารถทำของเหล่านี้ใช้เองได้ ขณะที่ยังอยู่ในเรือนจำ
จากแดนหญิงชลบุรี ต่อไปจะเป็นคิวของปรมาจารย์ตั๊กม้อ
อ.ปัญญา ปุลิเวคินทร์ ผอ.ศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ
ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง และแดนหญิง เรือนจำกลาง อุดรธานี
โดยพวกเราจะเตรียม พวกเครื่องไม้เครื่องมือ อุปกรณ์ บรรจุภัณฑ์ และสารตั้งต้น N 70 และอื่นๆ ไปให้ผู้ต้องขัง
หลังจากทำเสร็จก็จะมอบผลิตภัณฑ์ทั้งหมด
ให้พวกเธอได้นำฝีมือของตัวเองไปใช้
และมอบให้กับเพื่อน ๆ ที่ขาดแคลน
เครดิตภาพโดยชีพจรลงเท้า su
แหล่งข่าวที่มา เพจ Jira Bunprasop
https://www.facebook.com/jira.bunprasop?fref=nf
หมายเหตุ ดิฉันขอลบเนื้อหาในบางส่วนออก เพราะไม่รู้มาก่อนเลยว่า การนำข่าวมาลงโดยมีเนื้อหาในการรับบริจาค ต้องติดต่อพันทิปก่อน
เพราะฉนั้นเพื่อไม่ให้ผิดกฏของที่นี่ ดิฉันขอลบในเนื้อหาส่วนนั้นออกไป ถ้าใครสงสารหรือต้องการช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก
ก็ขอให้ไปติดต่อเจ้าของเพจเองค่ะ เพราะดิฉันไม่รู้จักเขา ไม่เคยพูดคุยกันใดๆทั้งสิ้น แค่อ่านข่าวเจอแล้วรู้สึกสงสารเห็นใจพวกเขาเท่านั้นเอง
ขังหญิง เรียนชีวิตจากชีวิต ในโลกหลังกำแพง ...อยากให้รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดการเรื่องสวัสดิภาพอนามัยด้วยค่ะ
" เวลาคิดถึงบ้าน คิดถึงแม่ หนูจะเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า..
อย่างน้อยมันก็เป็นฟ้าเดียวกัน ถึงจะมีกำแพงกั้นเราอยู่ก็ตาม."
นักโทษหญิง อดีตนักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์
ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ให้สัมภาษณ์พวกเรา
ด้วยเสียงแห่งความหวัง
สี่ปีในกำแพงคุกทำให้เธอเรียนรู้ชีวิต
และรู้จักตนเอง มากกว่ายี่สิบปี ของการใช้ชีวิตนอกกำแพงไป
อย่างเปลืองเปล่า
2-3 เดือน มานี้ ฉันเข้า ๆ ออก ๆ
คุกหญิง จนกลายเป็นความคุ้นเคย
เพื่อทำสารคดีโลกหลังกำแพง เรื่องเล่าจากแดนหญิง
ให้กับสถาบันยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ)
ที่ทำช่อง Just Right Channel ทางยูทูป
ได้พบกับผู้หญิงหลังกำแพงมากมาย
ที่ก่อนจะกลายมาเป็นนักโทษ
เธอล้วนเคยเป็น แม่ เป็นเมีย เป็นพี่สาว
น้องสาว และลูกสาว ของใครสักคนมาก่อนทั้งสิ้น
นอกจากเรื่องราวมากมาย หลากหลายที่พบเจอ
ตามที่เคยได้เล่าไว้ในโพสช่วงก่อนนี้
ฉันยังเข้าไปพบว่า ผู้หญิงจำนวนไม่น้อย
ในดินแดนหลังกำแพง
กำลังต้องการความช่วยเหลือ
จากพวกเราที่อยู่ในโลกข้างนอก
ผู้ต้องขังจำนวนไม่น้อยไร้ญาติ ถูกญาติทิ้ง
ผู้ต้องขังต่างชาติที่เป็นพลเมืองชั้นแรงงาน
อย่าง พม่า เขมร ลาว มาต้องอาญาแผ่นดินอยู่ไกลบ้านไกลเมือง
บางรายก็ไม่สามารถติดต่อญาติพี่น้องไ่ด้
บางรายติดต่อได้ แต่ญาติก็ยากจน
เกินกว่าจะเดินทางข้ามแดนมาเยี่ยม
ไหนจะผู้ต้องขังชรา ที่ป่วยไข้ ไร้ญาติ
แม่ลูกอ่อนที่ให้นมลูกไม่ได้
คนเหล่านี้ ขาดสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นในการดำรงชีวิต
ทั้งผ้าถุง ผ้าอนามัย ชุดชั้นใน นมผงสำหรับเด็กกรณีแม่ลูกอ่อน
แว่นตาสำหรับอ่านหนังสือของคนเฒ่า
รวมทั้งของใช้ในชีวิตประจำวัน
ยาสีฟัน ยาสระผม สบู่ ฯลฯ
คำถาม แล้วหลวงไม่แจกของเหล่านี้เหรอ
คำตอบ คือ หลวงแจก
แต่สองเดือนแจกหนึ่งครั้ง
ไม่มีทางพอใช้
สำหรับผู้ต้องขังที่มีญาติ คนข้างนอกมาฝากเงินไว้ให้
ก็สามารถสแกนสั่งของจากสวัสดิการ
มาใช้ได้ แต่...สำหรับคนไร้ญาติ พวกเขาก็พยายามทำงาน
รับจ้างสารพัดในเรือนจำ
รับจ้างซักผ้าให้เพื่อนผู้ต้องขัง รับจ้างหิ้วน้ำ
รับจ้างเฝ้าเวรแทนเพื่อนในเรือนนอน ได้กะละสิบบาท เพื่อเก็บเล็กผสมน้อย ไว้แลกของใช้จำเป็น
สบู่ ยาสีฟัน ยาสระผม ผ้าอนามัย ฯลฯ
เมื่อเข้าไปเห็น จึงไม่อาจทนนิ่งเฉยดูดาย เพราะเห็นว่ายังพอจะมีทาง
ช่วยเหลือกันได้ ในฐานะของเพื่อนมนุษย์
ร่วมชาติและร่วมโลก
ช่วงกลางเดือนและปลายเดือนนี้
เราจึงคิดการจัดสัญจร ไปเปิดคอร์สอนกันในคุก
เพื่อทำสบู่ ครีมอาบน้ำ น้ำยาซักผ้า
ยาสระผม
โดยจะเริ่มต้นที่ทัณฑสถานหญิงชลบุรี
โดยได้ติดต่อ
ผอ.จ๊อยส์ ศลิษา ศัลยกำธรSalisa Sanyakumthorn ผอ.ศูนยกสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง
เข้าไปสอนวิชาเหล่านี้ในเรือนจำ
เพื่อให้เป็นวิชาชีพติดตัว เมื่อพวกเธอได้ออกไปใช้ชีวิตข้างนอก
และสามารถทำของเหล่านี้ใช้เองได้ ขณะที่ยังอยู่ในเรือนจำ
จากแดนหญิงชลบุรี ต่อไปจะเป็นคิวของปรมาจารย์ตั๊กม้อ
อ.ปัญญา ปุลิเวคินทร์ ผอ.ศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ
ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง และแดนหญิง เรือนจำกลาง อุดรธานี
โดยพวกเราจะเตรียม พวกเครื่องไม้เครื่องมือ อุปกรณ์ บรรจุภัณฑ์ และสารตั้งต้น N 70 และอื่นๆ ไปให้ผู้ต้องขัง
หลังจากทำเสร็จก็จะมอบผลิตภัณฑ์ทั้งหมด
ให้พวกเธอได้นำฝีมือของตัวเองไปใช้
และมอบให้กับเพื่อน ๆ ที่ขาดแคลน
เครดิตภาพโดยชีพจรลงเท้า su
แหล่งข่าวที่มา เพจ Jira Bunprasop
https://www.facebook.com/jira.bunprasop?fref=nf
หมายเหตุ ดิฉันขอลบเนื้อหาในบางส่วนออก เพราะไม่รู้มาก่อนเลยว่า การนำข่าวมาลงโดยมีเนื้อหาในการรับบริจาค ต้องติดต่อพันทิปก่อน
เพราะฉนั้นเพื่อไม่ให้ผิดกฏของที่นี่ ดิฉันขอลบในเนื้อหาส่วนนั้นออกไป ถ้าใครสงสารหรือต้องการช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก
ก็ขอให้ไปติดต่อเจ้าของเพจเองค่ะ เพราะดิฉันไม่รู้จักเขา ไม่เคยพูดคุยกันใดๆทั้งสิ้น แค่อ่านข่าวเจอแล้วรู้สึกสงสารเห็นใจพวกเขาเท่านั้นเอง