มติชนทีวี มีโอกาสสัมภาษณ์ คุณอลงค์กร จุฬารัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตรายการ “กระจกหกด้าน” สารคดีที่ออกอากาศคู่ทีวีไทยมานาน 35 ปี ซึ่งคุณอลงค์กรเป็นบุตรชายคนที่ 3 ของคุณสุชาดี มณีวงศ์ เจ้าของรายการ(เจ้าของน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ยิ่งของรายการ) และเป็นทายาทรุ่นสองที่จะรับไม้ต่อจากคุณสุชาดี โดยตรง
ทั้งนี้ เมื่อเร็วๆ นี้ รายการกระจกหกด้าน ได้แพร่ภาพออกอากาศ กระจกหกด้านบานใหม่ นับเป็นการปรับโฉมรายการอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และได้รับเสียงตอบรับที่ค่อนข้างเป็นที่ฮือฮา
และนี่คือบทสนทนา กับคุณอลงค์กร จุฬารัตน์ ผู้อยู่เบื้องหลังการปรับโฉมใหม่รายการ
ถาม : อะไรคือจุดเปลี่ยนที่มาสู่การปรับรูปแบบรายการครั้งใหญ่
ตอบ : “คือทำรายการอะไรมานาน 30 ปี แล้วบอกว่าพึงพอใจกับสิ่งที่ทำ คงไม่เป็นอย่างนั้น ผมคิดว่าคนทำรายการ อยากจะมีอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ ฉะนั้น ความคิดในการเปลี่ยนแปลงรายการ มันมีมาอยู่เรื่อยๆ เราไม่แน่ใจว่าเปลี่ยนแล้วคนจะชอบมั้ย แล้วเปลี่ยนแล้วจะเปลี่ยนแบบไหนล่ะ เพราะว่า สารคดีปัจจุบัน มีเยอะมาก ถ้าจะเปลี่ยน ก็ไม่ใช่จะไปเปลี่ยนแบบที่คนอื่นเค้าทำได้ดีอยู่แล้ว ฉะนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มันเหมือนโจทย์ ซ้อนโจทย์ ก็คิดกันมาตลอด พอขึ้นปี 35 การแข่งขันสูงมาก มีทีวีเยอะ ถ้าเรายังคงอยู่แบบนี้ เราอาจจะกลายเป็นรายการที่เหลือไว้แต่ชื่อกระจกหกด้าน ถามคนดู ก็เคยดู แต่ออกอากาศที่ไหน เราไม่รู้ ดีหรือไม่ ไม่รู้
ช่วงหลังประชุมกันบ่อย และเวลาเป็นตัวบีบเองว่าต้องทำแล้วล่ะ เราได้ทีมงานที่เป็นคนรุ่นใหม่ ที่สามารถเดินทางไปในแนวทางของเราได้ และพร้อมที่จะปรับไปด้วยกัน”
ถาม : อะไรคือจุดแข็งของรายการ
ตอบ : “สิ่งที่เรายังอยากให้คงอยู่คือ คุณสุชาดี ที่มีความน่าเชื่อถือเป็นคุณป้า คุณครู เด็กๆ ก็รู้จัก ผู้ใหญ่เองก็เหมือนกัน เราคิดว่า อันนี้ เป็นสิ่งที่เราคิดว่า เราไปทำรูปแบบรายการใหม่ มีจุดแข็งที่เป็นคุณสุชาดี ทุกรายการของบริษัท เราเน้นให้ความรู้ ความรู้ที่ถูกต้อง และสามารถไปต่อยอดได้ เพราะว่าได้รับการกลั่นกรองหลายขั้นตอน”
ถาม : หลังจากปรับรูปแบบรายการแล้ว ผลตอบรับจากผู้ชมเป็นอย่างไรบ้าง
ตอบ : “เวลาเราดูแล้ว คุณสุชาดี ชอบ คือเป็นรายการ ที่เปลี่ยนบุคคลิกคุณสุชาดี และบทบาทลดน้อยลง แกยังย้ำเสมอว่า ความถูกต้อง ภาพสวย ต้องดูให้ละเอียด ส่วนฟีดแบ็ค ของผู้ชม ดีเกินกว่าที่เราคาด อาจจะเป็นเพราะโซเชียลด้วย โดยส่วนใหญ่ชื่นชอบ”
ถาม : ถ้าจุดแข็งคือคุณสุชาดี การทำรายการที่ยึดโยงกับตัวบุคคลมากเกินไป คิดว่ามีความเสี่ยงหรือไม่
ตอบ : “ก็คงเสี่ยง เรียนตรงๆ รายการเรา เคยเปลี่ยนเสียงแล้วดูว่าจะมีฟีดแบ็คอย่างไร เพราะว่าคุณสุชาดี ก็ต้องมีวันไม่สบายและเสียงไม่ดี หรือบางช่วงเวลา ก็ต้องไปพักผ่อนบ้าง ปรากฎว่า ที่เราเอาเสียงคนอื่นมาพากย์ ที่ใกล้เคียง เสียงทุ้มๆ ต่ำ คนดูก็รู้ และคนก็มีการตอบสนองมาเลย ไม่ได้บอกว่าดีไม่ดี ชอบไม่ชอบ แต่บอกว่า อยากให้เป็นคุณป้าคนนี้ เราก็มาคิดว่า เอ๊ะ ถ้าวันหนึ่งมีการเปลี่ยนแปลง จะทำอย่างไร เราก็ตอบไม่ได้หรอกครับ แต่สิ่งที่เราทำได้ คือ การค่อยๆ รีฟอร์ม คือคุณสุชาดี ยังคงอยู่ แต่เปลี่ยนจากที่เคยบรรยายทั้งเรื่อง ค่อยๆ ลดลงไป เป็นเสน่ห์จากของเดิม คิดว่า คนสมัยนี้เค้าก็ยอมรับนะ เหมือนรายการวาไรตี้ รายการข่าว เปลี่ยนคน แต่เสน่ห์ของเรื่องยังคงอยู่ เรื่องของสิ่งที่ยึดติดก็จะค่อยๆ ลดลงไป ในที่สุด เราก็น่าจะที่ทรานสฟอร์มไปได้เต็มรูปแบบเลย”
ข่าวจาก : มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1442032933
“กระจกหกด้าน” บานใหม่ รับมือความเสี่ยง “วันที่ไม่มีเสียงคุณป้าสุชาดี”
มติชนทีวี มีโอกาสสัมภาษณ์ คุณอลงค์กร จุฬารัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตรายการ “กระจกหกด้าน” สารคดีที่ออกอากาศคู่ทีวีไทยมานาน 35 ปี ซึ่งคุณอลงค์กรเป็นบุตรชายคนที่ 3 ของคุณสุชาดี มณีวงศ์ เจ้าของรายการ(เจ้าของน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ยิ่งของรายการ) และเป็นทายาทรุ่นสองที่จะรับไม้ต่อจากคุณสุชาดี โดยตรง
ทั้งนี้ เมื่อเร็วๆ นี้ รายการกระจกหกด้าน ได้แพร่ภาพออกอากาศ กระจกหกด้านบานใหม่ นับเป็นการปรับโฉมรายการอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และได้รับเสียงตอบรับที่ค่อนข้างเป็นที่ฮือฮา
และนี่คือบทสนทนา กับคุณอลงค์กร จุฬารัตน์ ผู้อยู่เบื้องหลังการปรับโฉมใหม่รายการ
ถาม : อะไรคือจุดเปลี่ยนที่มาสู่การปรับรูปแบบรายการครั้งใหญ่
ตอบ : “คือทำรายการอะไรมานาน 30 ปี แล้วบอกว่าพึงพอใจกับสิ่งที่ทำ คงไม่เป็นอย่างนั้น ผมคิดว่าคนทำรายการ อยากจะมีอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ ฉะนั้น ความคิดในการเปลี่ยนแปลงรายการ มันมีมาอยู่เรื่อยๆ เราไม่แน่ใจว่าเปลี่ยนแล้วคนจะชอบมั้ย แล้วเปลี่ยนแล้วจะเปลี่ยนแบบไหนล่ะ เพราะว่า สารคดีปัจจุบัน มีเยอะมาก ถ้าจะเปลี่ยน ก็ไม่ใช่จะไปเปลี่ยนแบบที่คนอื่นเค้าทำได้ดีอยู่แล้ว ฉะนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มันเหมือนโจทย์ ซ้อนโจทย์ ก็คิดกันมาตลอด พอขึ้นปี 35 การแข่งขันสูงมาก มีทีวีเยอะ ถ้าเรายังคงอยู่แบบนี้ เราอาจจะกลายเป็นรายการที่เหลือไว้แต่ชื่อกระจกหกด้าน ถามคนดู ก็เคยดู แต่ออกอากาศที่ไหน เราไม่รู้ ดีหรือไม่ ไม่รู้
ช่วงหลังประชุมกันบ่อย และเวลาเป็นตัวบีบเองว่าต้องทำแล้วล่ะ เราได้ทีมงานที่เป็นคนรุ่นใหม่ ที่สามารถเดินทางไปในแนวทางของเราได้ และพร้อมที่จะปรับไปด้วยกัน”
ถาม : อะไรคือจุดแข็งของรายการ
ตอบ : “สิ่งที่เรายังอยากให้คงอยู่คือ คุณสุชาดี ที่มีความน่าเชื่อถือเป็นคุณป้า คุณครู เด็กๆ ก็รู้จัก ผู้ใหญ่เองก็เหมือนกัน เราคิดว่า อันนี้ เป็นสิ่งที่เราคิดว่า เราไปทำรูปแบบรายการใหม่ มีจุดแข็งที่เป็นคุณสุชาดี ทุกรายการของบริษัท เราเน้นให้ความรู้ ความรู้ที่ถูกต้อง และสามารถไปต่อยอดได้ เพราะว่าได้รับการกลั่นกรองหลายขั้นตอน”
ถาม : หลังจากปรับรูปแบบรายการแล้ว ผลตอบรับจากผู้ชมเป็นอย่างไรบ้าง
ตอบ : “เวลาเราดูแล้ว คุณสุชาดี ชอบ คือเป็นรายการ ที่เปลี่ยนบุคคลิกคุณสุชาดี และบทบาทลดน้อยลง แกยังย้ำเสมอว่า ความถูกต้อง ภาพสวย ต้องดูให้ละเอียด ส่วนฟีดแบ็ค ของผู้ชม ดีเกินกว่าที่เราคาด อาจจะเป็นเพราะโซเชียลด้วย โดยส่วนใหญ่ชื่นชอบ”
ถาม : ถ้าจุดแข็งคือคุณสุชาดี การทำรายการที่ยึดโยงกับตัวบุคคลมากเกินไป คิดว่ามีความเสี่ยงหรือไม่
ตอบ : “ก็คงเสี่ยง เรียนตรงๆ รายการเรา เคยเปลี่ยนเสียงแล้วดูว่าจะมีฟีดแบ็คอย่างไร เพราะว่าคุณสุชาดี ก็ต้องมีวันไม่สบายและเสียงไม่ดี หรือบางช่วงเวลา ก็ต้องไปพักผ่อนบ้าง ปรากฎว่า ที่เราเอาเสียงคนอื่นมาพากย์ ที่ใกล้เคียง เสียงทุ้มๆ ต่ำ คนดูก็รู้ และคนก็มีการตอบสนองมาเลย ไม่ได้บอกว่าดีไม่ดี ชอบไม่ชอบ แต่บอกว่า อยากให้เป็นคุณป้าคนนี้ เราก็มาคิดว่า เอ๊ะ ถ้าวันหนึ่งมีการเปลี่ยนแปลง จะทำอย่างไร เราก็ตอบไม่ได้หรอกครับ แต่สิ่งที่เราทำได้ คือ การค่อยๆ รีฟอร์ม คือคุณสุชาดี ยังคงอยู่ แต่เปลี่ยนจากที่เคยบรรยายทั้งเรื่อง ค่อยๆ ลดลงไป เป็นเสน่ห์จากของเดิม คิดว่า คนสมัยนี้เค้าก็ยอมรับนะ เหมือนรายการวาไรตี้ รายการข่าว เปลี่ยนคน แต่เสน่ห์ของเรื่องยังคงอยู่ เรื่องของสิ่งที่ยึดติดก็จะค่อยๆ ลดลงไป ในที่สุด เราก็น่าจะที่ทรานสฟอร์มไปได้เต็มรูปแบบเลย”
ข่าวจาก : มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1442032933