“เติบโตอย่างแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็เหนื่อยกันเหลือเกิน (ยิ้ม)” สุชาดี มณีวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริลเลี่ยนส์ แอนด์ ทรีไลอ้อนส์ จำกัด เผยถึงการก้าวย่างเข้าสู่ปีที่ 37 ของรายการสารคดี “กระจกหกด้าน” พร้อมกล่าวต่อว่า
“ทั้งเจอสภาวะเศรษฐกิจต่างๆ รวมถึงมีช่องต่างๆ เกิดขึ้นเยอะทำให้ทุกอย่างถูกแชร์กันไป แต่เรื่องคุณภาพเราไม่ทิ้งแน่นอน มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลายคนก็ตั้งคำถามว่ากระจกหกด้านทำยังไงให้รายการรูปแบบสารคดียังครองอยู่ในใจคนดูได้ อย่างแรกคือเราปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับยุคสมัย เมื่อ 2 ปีที่แล้วเราเริ่มต้นทำ “กระจกหกด้านบานใหม่” นั่นเพราะเข้าสู่ยุคของเจนฯ ใหม่แล้วก็ต้องเปลี่ยนเข็มของรายการ แทนที่จะมีการบรรยายอย่างเดียวก็มีการเลือกพรีเซ็นเตอร์ที่เป็นเน็ตไอดอลหรือคนที่สังคมสนใจลงพื้นที่ไปเองเลย เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมที่ตัวเองสนใจ”
ฟีดแบ็กจากคนดูเป็นอย่างไรบ้าง “จริงๆ กระจกหกด้านจะมีการเปลี่ยนแปลงทุก 4-5 ปีอยู่แล้ว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของเราทำให้ได้กระแสตอบรับจากคนดูเพิ่มขึ้น ยิ่งตอนนี้ทางช่อง 7 ย้ายเวลารายการมาเป็นตอน 17.00 น. ยิ่งทำให้เรตติ้งขึ้นพรวดเลย”
วงการทีวีตอนนี้เข้าสู่ยุคดิจิตอลแล้ว ในการทำงานต้องมีการปรับเปลี่ยนเครื่องมือตามไปด้วยไหม “แน่นอนที่สุดค่ะ ทุกอย่างต้องรองรับกัน เครื่องมือต่างๆ เราเปลี่ยนมาก่อนหน้าแล้วเพราะทุกคนต้องเตรียมตัวล่วงหน้า ใครเตรียมตัวเร็วก็ได้เปรียบ นอกจากนี้ทีมงานเป็นเด็กรุ่นใหม่ สิ่งนี้คือความตั้งใจเพราะถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองก็ต้องถูกเปลี่ยนแปลงอยู่ดี หยุดอยู่กับที่ไม่ได้ ถามว่าจูนกันยังไงระหว่างรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ คือต้องมีคนกลางค่ะ จริงๆ ที่ทำงานกันอยู่จะมี 3 วัย
คือพวกที่แก่มากๆ กลางคน และวัยรุ่น เวลามีอะไรเราก็จะคุยกับรุ่น 2 ที่เป็นกลางคน เพื่อไปสื่อสารกับรุ่น 3 ที่เป็นวัยรุ่น ทุกอย่างต้องค่อยๆ เป็นไป เราเองก็พยายามเดินเข้าไปหาพวกเด็กๆ ตลอด แต่เรื่องของความเกรงใจที่เด็กๆ มีต่อเรายังมีอยู่ ส่วนเราก็ต้องลดอีโก้ลงด้วย อย่ามีตัวตนมาก เด็กจะคอมเมนต์อะไรก็ต้องเปิดใจรับฟัง เพื่อให้งานเดินหน้า”
ข่าวจาก : ข่าวสดออนไลน์
https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_1590937
“สุชาดี” ลั่น! ไม่ละทิ้งคุณภาพงาน “กระจกหกด้าน” ปรับเปลี่ยนตามยุคสมัย
“เติบโตอย่างแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็เหนื่อยกันเหลือเกิน (ยิ้ม)” สุชาดี มณีวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริลเลี่ยนส์ แอนด์ ทรีไลอ้อนส์ จำกัด เผยถึงการก้าวย่างเข้าสู่ปีที่ 37 ของรายการสารคดี “กระจกหกด้าน” พร้อมกล่าวต่อว่า
“ทั้งเจอสภาวะเศรษฐกิจต่างๆ รวมถึงมีช่องต่างๆ เกิดขึ้นเยอะทำให้ทุกอย่างถูกแชร์กันไป แต่เรื่องคุณภาพเราไม่ทิ้งแน่นอน มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลายคนก็ตั้งคำถามว่ากระจกหกด้านทำยังไงให้รายการรูปแบบสารคดียังครองอยู่ในใจคนดูได้ อย่างแรกคือเราปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับยุคสมัย เมื่อ 2 ปีที่แล้วเราเริ่มต้นทำ “กระจกหกด้านบานใหม่” นั่นเพราะเข้าสู่ยุคของเจนฯ ใหม่แล้วก็ต้องเปลี่ยนเข็มของรายการ แทนที่จะมีการบรรยายอย่างเดียวก็มีการเลือกพรีเซ็นเตอร์ที่เป็นเน็ตไอดอลหรือคนที่สังคมสนใจลงพื้นที่ไปเองเลย เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมที่ตัวเองสนใจ”
ฟีดแบ็กจากคนดูเป็นอย่างไรบ้าง “จริงๆ กระจกหกด้านจะมีการเปลี่ยนแปลงทุก 4-5 ปีอยู่แล้ว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของเราทำให้ได้กระแสตอบรับจากคนดูเพิ่มขึ้น ยิ่งตอนนี้ทางช่อง 7 ย้ายเวลารายการมาเป็นตอน 17.00 น. ยิ่งทำให้เรตติ้งขึ้นพรวดเลย”
วงการทีวีตอนนี้เข้าสู่ยุคดิจิตอลแล้ว ในการทำงานต้องมีการปรับเปลี่ยนเครื่องมือตามไปด้วยไหม “แน่นอนที่สุดค่ะ ทุกอย่างต้องรองรับกัน เครื่องมือต่างๆ เราเปลี่ยนมาก่อนหน้าแล้วเพราะทุกคนต้องเตรียมตัวล่วงหน้า ใครเตรียมตัวเร็วก็ได้เปรียบ นอกจากนี้ทีมงานเป็นเด็กรุ่นใหม่ สิ่งนี้คือความตั้งใจเพราะถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองก็ต้องถูกเปลี่ยนแปลงอยู่ดี หยุดอยู่กับที่ไม่ได้ ถามว่าจูนกันยังไงระหว่างรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ คือต้องมีคนกลางค่ะ จริงๆ ที่ทำงานกันอยู่จะมี 3 วัย
คือพวกที่แก่มากๆ กลางคน และวัยรุ่น เวลามีอะไรเราก็จะคุยกับรุ่น 2 ที่เป็นกลางคน เพื่อไปสื่อสารกับรุ่น 3 ที่เป็นวัยรุ่น ทุกอย่างต้องค่อยๆ เป็นไป เราเองก็พยายามเดินเข้าไปหาพวกเด็กๆ ตลอด แต่เรื่องของความเกรงใจที่เด็กๆ มีต่อเรายังมีอยู่ ส่วนเราก็ต้องลดอีโก้ลงด้วย อย่ามีตัวตนมาก เด็กจะคอมเมนต์อะไรก็ต้องเปิดใจรับฟัง เพื่อให้งานเดินหน้า”
ข่าวจาก : ข่าวสดออนไลน์
https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_1590937