นิยายรักข้ามภพ ระหว่างคนกับพญานาคติดตามใน "สายใยสวาท" ตอนที่ 2

ตอนที่ 2 สายใยสวาท
         ระหว่างเดินอยู่นั้นนารีรัตน์ก็เดินชนกับผู้ชายคนหนึ่งเข้าอย่างจัง  เขากำลังเดินมากับกลุ่มผู้ชายอีก 2-3 คน  เขาคือ ร้อยตำรวจเอก นคฤทธิ์  ผู้กองหนุ่มที่นพชัยพูดถึงนั่นเอง  ที่วันนี้ทางสถานีตำรวจประจำอำเภอได้โทรมาจองห้องวีไอพีของร้านระเบียงริมโขง  เพื่อเลี้ยงตอนรับมื้อเที่ยงผู้กองคนใหม่ที่ย้ายมาประจำการ เป็นรองสารวัตรงานสืบสวน  สอบสวน ในอำเภอแห่งนี้   ผู้กองนคฤทธิ์เป็นหนุ่มเมืองกรุง  เรียนจบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ  ตั้งแต่จบมาก็ทำงานอยู่ในแถบภาคอิสานมาโดยตลอด  จนปัจจุบันได้ย้ายมาประจำการที่อำเภอแถบลุ่มแม่น้ำโขง  โดยไม่รู้เลยว่าจะมีโอกาสได้ย้ายกลับไปเมืองกรุงบ้านเกิดตอนไหน  แต่การที่เขาได้มาทำงานแถวภาคอิสานเขาก็ได้เรียนรู้วัฒนธรรม  การกินอยู่  โดยเฉพาะสาวๆซึ่งต้องยอมรับว่ามีคนหน้าตาดีอยู่ไม่น้อย  และหนึ่งในนั้นก็คือเธอคนนี้  ที่เดินชนเขาเข้าอย่างจัง
      นารีรัตน์: อุ๊ย  ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจน่ะค่ะ
      นคฤทธิ์: บ่เป็นหยังคร๊าบบ  (เขาพูดอิสานสำเนียงไทย  เมื่อเห็นสาวสวย  ก็อยากแซว  อยากกวนตามประสาหนุ่มโสด)
นารีรัตน์ยืนตะลึงในความหล่อเข้ม  ดูเท่ห์  และมาดแมนของเขา  ใบหน้าคมขำ  จมูกโด่งได้รูป  รอยยิ้มที่ดูทะเล้นๆทำเอาหัวใจเธอเต้นไม่เป็นระส่ำ  มือทั้งสองของเขาจับที่ต้นแขนของเธอทั้งสองข้าง  ทำเอาไฟฟ้าสถิตในร่างกายเธอวิ่งแปล๊บจากต้นแขนลงไปถึงปลายเท้าเลยทีเดียว  เหมือนหญิงสาวที่ไม่เคยต้องกายชาย   เพราะตั้งแต่เล็กจนโตเธอก็เอาแต่เรียนไม่ค่อยมีเวลาสนใจการคบหาชายในลักษณะชู้สาวมาก่อน  มีแต่เพื่อนกันทั้งนั้น  และอีกอย่างพ่อเธอหวงเธอเอามากๆเพราะกลัวลูกสาวจะใจแตกเรียนไม่จบอย่างที่หวังไว้  นอกจากเรียนแล้วเธอก็ไม่ค่อยได้ออกจากบ้านสักเท่าไหร่นอกจากพ่อและแม่พาไปเท่านั้น  จนเรียนจบทำงานพ่อของเธอจึงปล่อยให้เธอมีอิสระในเรื่องของหัวใจบ้าง
       นคฤทธิ์: โอ๊ย..เมื่อไหร่  เมื่อไหร่ ครับ
       นารีรัตน์:  คะ  อะไรคะ  (เธอตื่นจากภวังค์)
       นคฤทธิ์:  คุณจะตะลึงผมอีกนานมั้ยครับนี่  เท้าคุณน่ะครับเหยียบเท้าผมอยู่  (เขาพูดพร้อมทั้งยิ้มทำตาเจ้าชู้ใส่)
        นารีรัตน์:  อ่อค่ะ ขอโทษนะคะ (พร้อมทั้งเอาเท้าที่เหยียบเท้านคฤทธิ์อยู่ออก  พร้อมทั้งคิดในใจตาบ้ารู้ได้ยังไงว่าเราตะลึงอยู่  ฉันอายนะเนี่ยพูดแบบนี้  )  ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวนะคะ
       นารีรัตน์รีบเดินจากไปด้วยความเขินอาย  นคฤทธิ์รู้สึกสนใจในตัวนารีรัตน์ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกและความรู้สึกนี้ไม่เหมือนกับการเจอผู้หญิงในครั้งที่ผ่านๆมา เขามองตามหลังนารีรัตน์อย่างไม่วางตา   นคฤทธิ์เป็นหนุ่มหล่อ  หน้าที่การงานดีและมีนิสัยเจ้าชู้  ชอบคบหาผู้หญิงสาวสวยเป็นแฟนไม่ซ้ำหน้า  และผู้หญิงทุกคนล้วนมีหน้าที่การงานดี  และไม่เรียกว่าแฟนก็อีกเยอะ  เขาเป็นหนุ่มหล่อที่ครบสูตรจริงๆ  รถไฟ  เรือเมล์  ลิเก  ตำรวจ  ที่ผู้หญิงเลี่ยงได้ควรหลีกเลี่ยง  แต่ก็กระนั้นไม่มีผู้หญิงคนไหนเชื่อคำโบราณเลยสักคน  มีแต่คนอยากพิสูจน์ตัวเองว่าฉันแน่พร้อมที่จะพิชิตชายเจ้าชู้คนนี้ให้อยู่หมัด
      “ โดนเข้าอย่างจังหรือครับนาย  ถ้าอยากรู้จักเธอผมสืบประวัติให้เอามั้ยครับ”  นายดาบเสริมลูกน้องที่มาด้วยกันถามเค้า  และก็พากันหัวเราะคิกคักตามประสาชายหนุ่ม
      “ ปล่าวน่า แค่อุบัติเหตุเล็กๆน้อย  ไม่ใช่อุบัติเหตุรักสักหน่อย  ห้องน้ำไปทางไหนล่ะ”  นคฤทธิ์ไว้เชิง ทั้งที่จริงเขารู้สึกสนใจและอยากทำความรู้จักมากๆจริง
       “ทางนั้นครับนาย  ตามผมมาเลยครับ”  นายดาบเสริมและลูกน้องคนอื่นให้การต้อนรับผู้กองหนุ่มเป็นอย่างดี
  นารีรัตน์เดินมาที่โต๊ะอาหาร  พร้อมกับถามกรณ์วิกาเพื่อนสาวและธีรดลว่าทานอิ่มกันหรือยัง  และเรียกพนักงานในร้านมาคิดเงินค่าอาหาร  ธีรดลออกปากขอจ่ายค่าอาหารครั้งนี้ทั้งหมด  นารีรัตน์รู้สึกเกรงใจแต่กรณ์วิกานั้นรู้สึกปลื้มใจและประทับใจในตัวธีรดลมากขึ้นเธอยิ้มแก้มปริอย่างเห็นได้ชัด  นารีรัตน์เลยอยากเปิดโอกาสให้เพื่อนสาวได้ใกล้ชิดกับชายในฝันของเธอมากขึ้นโดยบอกให้กรณ์วิกากลับไปกลับธีรดลก่อนเพราะเธอจะไปทำธุระต่อไม่อยากให้พวกเขารอนานและธีรดลเองก็มีชั่วโมงสอนวิชาการช่าง การเกษตรช่วงบ่าย
        กรณ์วิกานั้นแอบปลื้มและคลั่งไคล้ในตัวธีรดลมานานแล้ว  ได้ยินชื่อเสียงของเขาว่าเป็นหนุ่มหล่อ  โปรไฟล์ดีที่สาวๆทั้งจังหวัดต่างใฝ่ฝัน  เธอไม่เคยนึกฝันว่าธีรดลจะย้ายมาสอนหนังสือที่โรงเรียนเดียวกันกับเธอซึ่งเป็นโรงเรียนประจำอำเภอขนาดกลาง  ไม่ได้เป็นโรงเรียนประจำจังหวัดที่เค้าควรจะอยู่ที่นั่นมากกว่า  แต่ด้วยความที่ธีรดลเขาเป็นคนที่ได้รับความสนใจในวงสังคมตั้งแต่เด็ก เขามักเขินอายและประหม่าเมื่อถูกสายตาหลายคู่มองอย่างสนใจและชื่นชมในตัวเขา  เขาซ่อนมันเอาไว้ในบุคลิก เงียบขรึมพูดน้อย  และอาจดูเหมือนเข้าถึงยากสำหรับคนที่ไม่รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว   กรณ์วิกาเธอได้แต่มองเขาอยู่ห่างๆ  เวลาถามก็ได้แต่ถามคำตอบคำ  ซึ่งโอกาสที่จะใกล้ชิดสนิทสนมมันช่างยากเต็มที  จนมีนารีรัตน์เข้ามาเพราะธีรดลเขาสนใจและแอบชอบนารีรัตน์  ทั้งโอกาสก็เอื้ออำนวยด้วยงานที่ทำให้นารีรัตน์กับธีรดลนั้นได้สนิทกันมากขึ้น   กรณ์วิกาเธอรู้ข้อนี้ดีแต่นั้นมันก็เป็นสิ่งดีที่ทำให้เธอได้ใกล้ชิดธีรดลมากขึ้นกว่าเดิมที่เคยเป็น
         มีหลายคนตั้งคำถามกับนารีรัตน์ว่า ไม่รู้สึกหวั่นไหวบ้างเลยเหรอกับธีรดลที่รูปร่างสูง ผิวขาว  หน้าตาหล่อเหลา นิสัยดี  แถมสุภาพบุรุษซะขนาดนั้น  เธอได้แต่ตอบว่าไม่รู้สิคะ  ไม่ได้คิดอะไรสงสัยไม่ใช่สเป๊คมั้งคะ  แต่ความจริงแล้วนั้นเธอก็เหมือนผู้หญิงทั่วๆไป ที่หลงเสน่ห์ธีรดลเข้าแล้วเหมือนกัน  เพราะเขาช่างแสนดี  เป็นห่วงเป็นใยเธอและพยายามเอาใจเธอสารพัด  แต่เธอต้องเก็บความรู้สึกดีๆไว้ให้ลึกที่สุดไม่ให้ใครรู้  เพราะเธอรู้ดีว่าถึงเธอจะชอบเค้าแค่ไหนก็คงน้อยกว่ากรณ์วิกาที่แอบชอบธีรดลมาแล้วตั้งนาน  แล้วเธอจะทำร้ายหัวใจของเพื่อนเธอได้อย่างไร  เพราะเป้าหมายหลักที่เธอมาทำงานที่นี้คือเพื่อมาใกล้ชิดพ่อแม่และได้ดูแลท่านให้มากที่สุด  การที่เป็นลูกสาวคนเดียวเราไม่มีทางที่จะไปที่ไหนใดล้บ้านได้  และธีรดลผู้ชายที่เพียบพร้อมขนาดนั้นต่อให้รักกันแค่ไหนครอบครัวเขาก็คงไม่ยอมให้ลูกชายคนเดียวมาอยู่บ้านของฝ่ายหญิงแน่ๆ  ผิดกับกรณ์วิกาหากเธอได้ลงเอยกับธีรดลจริง  เธอก็สามารถไปอยู่ดูแลธีรดลและครอบครัวของเขาได้เพราะพ่อแม่ของเธอมีลูกน้องและบริวารมากมายคอยดูแลรับใช้มากมาย  ฐานะเขาทั้งสองก็เหมาะสมกัน  นารีรัตน์คิดได้อย่างนั้นเธอจึงไม่ได้คาดหวังในการสานความสัมพันธ์รักของเธอและธีรดล
ที่ร้านระเบียงริมโขงลูกค้ายังแน่นขนัด  ไปจนถึงสองทุ่ม  พอหลังสองทุ่มไปกลับเป็นความเงียบเข้ามาแทนเพราะแถวอำเภอต่างจังหวัดโดยเฉพาะอำเภอขนาดกลางแถบลุ่มแม่น้ำโขง  คนแถวนั้นเมื่อมืดค่ำตะวันตกดินก็จะเข้าบ้านเรือนของตน  ไม่ออกไปท่องราตรีหรือตระเวนหาของกินเหมือนคนในเมืองใหญ่  ถนนว่างไม่มีรถวิ่งพลุกพล่านผิดกับตอนกลางวันเป็นอย่างมาก  นารีรัตน์รู้ดีว่าร้านอาหารของนพชัยคงปิดบริการแล้วสำหรับวันนี้  ด้วยเรื่องราวที่ดลใจเธอเมื่อตอนกลางวันทำให้เธอขับรถบึ่งมาหาเขาที่บ้านทันทีเพื่อที่จะถามสิ่งที่คาใจให้กระจ่างสักที
      นพชัย: นี่เจ๊นา  ร้านปิดแล้วนะคะ  มานี่มีอะไรหรือป่าวเจ๊
      นารีรัตน์: แหม...แกนี่แขวะฉันตลอดอ่ะ  (แล้วทั้งสองพี่น้องก็เริ่มบทสนทนากัน)  พี่มานี่มีเรื่องอยากจะถามพลแน่  พี่จริงจังนะ
      นพชัย: โอ๊ย  เจ้ากะดายเนอะ  ข่อยกะจริงจังเป็นอยู่ดอก ฮ่าๆๆ  เรื่องอีหยังละพี่ว่ามา
      นารีรัตน์เล่าถึงอาการที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวันให้เขาฟัง  และถามเกี่ยวกับเหตุผลที่ทำไมต้องตั้งแท่นบูชาพญานาคขึ้นที่ร้านอาหาร  เธอตั้งใจฟังอย่างจิตใจจดจ่อ
นพชัย: เรื่องมันมีอยู่ว่า  เป็นหยังเจ้าอยากได้ไปบูชาติ  ข่อยบ่ให้เด้อมีอยู่องค์เดียว
นารีรัตน์: น้าน.. ว่าแล้วมันต้องนอกเรื่อง  บ้าติบ่ได้อยากได้อยากรู้ๆฟ้าวเว้าแน่  ห้วย!น้องนิ  เดี๋ยวโดนเตะบ่ดีคือถูกเลขเดะ  ฮ่าๆๆ
***************โปรดติดตามตอนต่อไป *************
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่