ตอนที่ 2 สายใยสวาท
ระหว่างเดินอยู่นั้นนารีรัตน์ก็เดินชนกับผู้ชายคนหนึ่งเข้าอย่างจัง เขากำลังเดินมากับกลุ่มผู้ชายอีก 2-3 คน เขาคือ ร้อยตำรวจเอก นคฤทธิ์ ผู้กองหนุ่มที่นพชัยพูดถึงนั่นเอง ที่วันนี้ทางสถานีตำรวจประจำอำเภอได้โทรมาจองห้องวีไอพีของร้านระเบียงริมโขง เพื่อเลี้ยงตอนรับมื้อเที่ยงผู้กองคนใหม่ที่ย้ายมาประจำการ เป็นรองสารวัตรงานสืบสวน สอบสวน ในอำเภอแห่งนี้ ผู้กองนคฤทธิ์เป็นหนุ่มเมืองกรุง เรียนจบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ตั้งแต่จบมาก็ทำงานอยู่ในแถบภาคอิสานมาโดยตลอด จนปัจจุบันได้ย้ายมาประจำการที่อำเภอแถบลุ่มแม่น้ำโขง โดยไม่รู้เลยว่าจะมีโอกาสได้ย้ายกลับไปเมืองกรุงบ้านเกิดตอนไหน แต่การที่เขาได้มาทำงานแถวภาคอิสานเขาก็ได้เรียนรู้วัฒนธรรม การกินอยู่ โดยเฉพาะสาวๆซึ่งต้องยอมรับว่ามีคนหน้าตาดีอยู่ไม่น้อย และหนึ่งในนั้นก็คือเธอคนนี้ ที่เดินชนเขาเข้าอย่างจัง
นารีรัตน์: อุ๊ย ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจน่ะค่ะ
นคฤทธิ์: บ่เป็นหยังคร๊าบบ (เขาพูดอิสานสำเนียงไทย เมื่อเห็นสาวสวย ก็อยากแซว อยากกวนตามประสาหนุ่มโสด)
นารีรัตน์ยืนตะลึงในความหล่อเข้ม ดูเท่ห์ และมาดแมนของเขา ใบหน้าคมขำ จมูกโด่งได้รูป รอยยิ้มที่ดูทะเล้นๆทำเอาหัวใจเธอเต้นไม่เป็นระส่ำ มือทั้งสองของเขาจับที่ต้นแขนของเธอทั้งสองข้าง ทำเอาไฟฟ้าสถิตในร่างกายเธอวิ่งแปล๊บจากต้นแขนลงไปถึงปลายเท้าเลยทีเดียว เหมือนหญิงสาวที่ไม่เคยต้องกายชาย เพราะตั้งแต่เล็กจนโตเธอก็เอาแต่เรียนไม่ค่อยมีเวลาสนใจการคบหาชายในลักษณะชู้สาวมาก่อน มีแต่เพื่อนกันทั้งนั้น และอีกอย่างพ่อเธอหวงเธอเอามากๆเพราะกลัวลูกสาวจะใจแตกเรียนไม่จบอย่างที่หวังไว้ นอกจากเรียนแล้วเธอก็ไม่ค่อยได้ออกจากบ้านสักเท่าไหร่นอกจากพ่อและแม่พาไปเท่านั้น จนเรียนจบทำงานพ่อของเธอจึงปล่อยให้เธอมีอิสระในเรื่องของหัวใจบ้าง
นคฤทธิ์: โอ๊ย..เมื่อไหร่ เมื่อไหร่ ครับ
นารีรัตน์: คะ อะไรคะ (เธอตื่นจากภวังค์)
นคฤทธิ์: คุณจะตะลึงผมอีกนานมั้ยครับนี่ เท้าคุณน่ะครับเหยียบเท้าผมอยู่ (เขาพูดพร้อมทั้งยิ้มทำตาเจ้าชู้ใส่)
นารีรัตน์: อ่อค่ะ ขอโทษนะคะ (พร้อมทั้งเอาเท้าที่เหยียบเท้านคฤทธิ์อยู่ออก พร้อมทั้งคิดในใจตาบ้ารู้ได้ยังไงว่าเราตะลึงอยู่ ฉันอายนะเนี่ยพูดแบบนี้ ) ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวนะคะ
นารีรัตน์รีบเดินจากไปด้วยความเขินอาย นคฤทธิ์รู้สึกสนใจในตัวนารีรัตน์ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกและความรู้สึกนี้ไม่เหมือนกับการเจอผู้หญิงในครั้งที่ผ่านๆมา เขามองตามหลังนารีรัตน์อย่างไม่วางตา นคฤทธิ์เป็นหนุ่มหล่อ หน้าที่การงานดีและมีนิสัยเจ้าชู้ ชอบคบหาผู้หญิงสาวสวยเป็นแฟนไม่ซ้ำหน้า และผู้หญิงทุกคนล้วนมีหน้าที่การงานดี และไม่เรียกว่าแฟนก็อีกเยอะ เขาเป็นหนุ่มหล่อที่ครบสูตรจริงๆ รถไฟ เรือเมล์ ลิเก ตำรวจ ที่ผู้หญิงเลี่ยงได้ควรหลีกเลี่ยง แต่ก็กระนั้นไม่มีผู้หญิงคนไหนเชื่อคำโบราณเลยสักคน มีแต่คนอยากพิสูจน์ตัวเองว่าฉันแน่พร้อมที่จะพิชิตชายเจ้าชู้คนนี้ให้อยู่หมัด
“ โดนเข้าอย่างจังหรือครับนาย ถ้าอยากรู้จักเธอผมสืบประวัติให้เอามั้ยครับ” นายดาบเสริมลูกน้องที่มาด้วยกันถามเค้า และก็พากันหัวเราะคิกคักตามประสาชายหนุ่ม
“ ปล่าวน่า แค่อุบัติเหตุเล็กๆน้อย ไม่ใช่อุบัติเหตุรักสักหน่อย ห้องน้ำไปทางไหนล่ะ” นคฤทธิ์ไว้เชิง ทั้งที่จริงเขารู้สึกสนใจและอยากทำความรู้จักมากๆจริง
“ทางนั้นครับนาย ตามผมมาเลยครับ” นายดาบเสริมและลูกน้องคนอื่นให้การต้อนรับผู้กองหนุ่มเป็นอย่างดี
นารีรัตน์เดินมาที่โต๊ะอาหาร พร้อมกับถามกรณ์วิกาเพื่อนสาวและธีรดลว่าทานอิ่มกันหรือยัง และเรียกพนักงานในร้านมาคิดเงินค่าอาหาร ธีรดลออกปากขอจ่ายค่าอาหารครั้งนี้ทั้งหมด นารีรัตน์รู้สึกเกรงใจแต่กรณ์วิกานั้นรู้สึกปลื้มใจและประทับใจในตัวธีรดลมากขึ้นเธอยิ้มแก้มปริอย่างเห็นได้ชัด นารีรัตน์เลยอยากเปิดโอกาสให้เพื่อนสาวได้ใกล้ชิดกับชายในฝันของเธอมากขึ้นโดยบอกให้กรณ์วิกากลับไปกลับธีรดลก่อนเพราะเธอจะไปทำธุระต่อไม่อยากให้พวกเขารอนานและธีรดลเองก็มีชั่วโมงสอนวิชาการช่าง การเกษตรช่วงบ่าย
กรณ์วิกานั้นแอบปลื้มและคลั่งไคล้ในตัวธีรดลมานานแล้ว ได้ยินชื่อเสียงของเขาว่าเป็นหนุ่มหล่อ โปรไฟล์ดีที่สาวๆทั้งจังหวัดต่างใฝ่ฝัน เธอไม่เคยนึกฝันว่าธีรดลจะย้ายมาสอนหนังสือที่โรงเรียนเดียวกันกับเธอซึ่งเป็นโรงเรียนประจำอำเภอขนาดกลาง ไม่ได้เป็นโรงเรียนประจำจังหวัดที่เค้าควรจะอยู่ที่นั่นมากกว่า แต่ด้วยความที่ธีรดลเขาเป็นคนที่ได้รับความสนใจในวงสังคมตั้งแต่เด็ก เขามักเขินอายและประหม่าเมื่อถูกสายตาหลายคู่มองอย่างสนใจและชื่นชมในตัวเขา เขาซ่อนมันเอาไว้ในบุคลิก เงียบขรึมพูดน้อย และอาจดูเหมือนเข้าถึงยากสำหรับคนที่ไม่รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว กรณ์วิกาเธอได้แต่มองเขาอยู่ห่างๆ เวลาถามก็ได้แต่ถามคำตอบคำ ซึ่งโอกาสที่จะใกล้ชิดสนิทสนมมันช่างยากเต็มที จนมีนารีรัตน์เข้ามาเพราะธีรดลเขาสนใจและแอบชอบนารีรัตน์ ทั้งโอกาสก็เอื้ออำนวยด้วยงานที่ทำให้นารีรัตน์กับธีรดลนั้นได้สนิทกันมากขึ้น กรณ์วิกาเธอรู้ข้อนี้ดีแต่นั้นมันก็เป็นสิ่งดีที่ทำให้เธอได้ใกล้ชิดธีรดลมากขึ้นกว่าเดิมที่เคยเป็น
มีหลายคนตั้งคำถามกับนารีรัตน์ว่า ไม่รู้สึกหวั่นไหวบ้างเลยเหรอกับธีรดลที่รูปร่างสูง ผิวขาว หน้าตาหล่อเหลา นิสัยดี แถมสุภาพบุรุษซะขนาดนั้น เธอได้แต่ตอบว่าไม่รู้สิคะ ไม่ได้คิดอะไรสงสัยไม่ใช่สเป๊คมั้งคะ แต่ความจริงแล้วนั้นเธอก็เหมือนผู้หญิงทั่วๆไป ที่หลงเสน่ห์ธีรดลเข้าแล้วเหมือนกัน เพราะเขาช่างแสนดี เป็นห่วงเป็นใยเธอและพยายามเอาใจเธอสารพัด แต่เธอต้องเก็บความรู้สึกดีๆไว้ให้ลึกที่สุดไม่ให้ใครรู้ เพราะเธอรู้ดีว่าถึงเธอจะชอบเค้าแค่ไหนก็คงน้อยกว่ากรณ์วิกาที่แอบชอบธีรดลมาแล้วตั้งนาน แล้วเธอจะทำร้ายหัวใจของเพื่อนเธอได้อย่างไร เพราะเป้าหมายหลักที่เธอมาทำงานที่นี้คือเพื่อมาใกล้ชิดพ่อแม่และได้ดูแลท่านให้มากที่สุด การที่เป็นลูกสาวคนเดียวเราไม่มีทางที่จะไปที่ไหนใดล้บ้านได้ และธีรดลผู้ชายที่เพียบพร้อมขนาดนั้นต่อให้รักกันแค่ไหนครอบครัวเขาก็คงไม่ยอมให้ลูกชายคนเดียวมาอยู่บ้านของฝ่ายหญิงแน่ๆ ผิดกับกรณ์วิกาหากเธอได้ลงเอยกับธีรดลจริง เธอก็สามารถไปอยู่ดูแลธีรดลและครอบครัวของเขาได้เพราะพ่อแม่ของเธอมีลูกน้องและบริวารมากมายคอยดูแลรับใช้มากมาย ฐานะเขาทั้งสองก็เหมาะสมกัน นารีรัตน์คิดได้อย่างนั้นเธอจึงไม่ได้คาดหวังในการสานความสัมพันธ์รักของเธอและธีรดล
ที่ร้านระเบียงริมโขงลูกค้ายังแน่นขนัด ไปจนถึงสองทุ่ม พอหลังสองทุ่มไปกลับเป็นความเงียบเข้ามาแทนเพราะแถวอำเภอต่างจังหวัดโดยเฉพาะอำเภอขนาดกลางแถบลุ่มแม่น้ำโขง คนแถวนั้นเมื่อมืดค่ำตะวันตกดินก็จะเข้าบ้านเรือนของตน ไม่ออกไปท่องราตรีหรือตระเวนหาของกินเหมือนคนในเมืองใหญ่ ถนนว่างไม่มีรถวิ่งพลุกพล่านผิดกับตอนกลางวันเป็นอย่างมาก นารีรัตน์รู้ดีว่าร้านอาหารของนพชัยคงปิดบริการแล้วสำหรับวันนี้ ด้วยเรื่องราวที่ดลใจเธอเมื่อตอนกลางวันทำให้เธอขับรถบึ่งมาหาเขาที่บ้านทันทีเพื่อที่จะถามสิ่งที่คาใจให้กระจ่างสักที
นพชัย: นี่เจ๊นา ร้านปิดแล้วนะคะ มานี่มีอะไรหรือป่าวเจ๊
นารีรัตน์: แหม...แกนี่แขวะฉันตลอดอ่ะ (แล้วทั้งสองพี่น้องก็เริ่มบทสนทนากัน) พี่มานี่มีเรื่องอยากจะถามพลแน่ พี่จริงจังนะ
นพชัย: โอ๊ย เจ้ากะดายเนอะ ข่อยกะจริงจังเป็นอยู่ดอก ฮ่าๆๆ เรื่องอีหยังละพี่ว่ามา
นารีรัตน์เล่าถึงอาการที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวันให้เขาฟัง และถามเกี่ยวกับเหตุผลที่ทำไมต้องตั้งแท่นบูชาพญานาคขึ้นที่ร้านอาหาร เธอตั้งใจฟังอย่างจิตใจจดจ่อ
นพชัย: เรื่องมันมีอยู่ว่า เป็นหยังเจ้าอยากได้ไปบูชาติ ข่อยบ่ให้เด้อมีอยู่องค์เดียว
นารีรัตน์: น้าน.. ว่าแล้วมันต้องนอกเรื่อง บ้าติบ่ได้อยากได้อยากรู้ๆฟ้าวเว้าแน่ ห้วย!น้องนิ เดี๋ยวโดนเตะบ่ดีคือถูกเลขเดะ ฮ่าๆๆ
***************โปรดติดตามตอนต่อไป *************
นิยายรักข้ามภพ ระหว่างคนกับพญานาคติดตามใน "สายใยสวาท" ตอนที่ 2
ระหว่างเดินอยู่นั้นนารีรัตน์ก็เดินชนกับผู้ชายคนหนึ่งเข้าอย่างจัง เขากำลังเดินมากับกลุ่มผู้ชายอีก 2-3 คน เขาคือ ร้อยตำรวจเอก นคฤทธิ์ ผู้กองหนุ่มที่นพชัยพูดถึงนั่นเอง ที่วันนี้ทางสถานีตำรวจประจำอำเภอได้โทรมาจองห้องวีไอพีของร้านระเบียงริมโขง เพื่อเลี้ยงตอนรับมื้อเที่ยงผู้กองคนใหม่ที่ย้ายมาประจำการ เป็นรองสารวัตรงานสืบสวน สอบสวน ในอำเภอแห่งนี้ ผู้กองนคฤทธิ์เป็นหนุ่มเมืองกรุง เรียนจบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ตั้งแต่จบมาก็ทำงานอยู่ในแถบภาคอิสานมาโดยตลอด จนปัจจุบันได้ย้ายมาประจำการที่อำเภอแถบลุ่มแม่น้ำโขง โดยไม่รู้เลยว่าจะมีโอกาสได้ย้ายกลับไปเมืองกรุงบ้านเกิดตอนไหน แต่การที่เขาได้มาทำงานแถวภาคอิสานเขาก็ได้เรียนรู้วัฒนธรรม การกินอยู่ โดยเฉพาะสาวๆซึ่งต้องยอมรับว่ามีคนหน้าตาดีอยู่ไม่น้อย และหนึ่งในนั้นก็คือเธอคนนี้ ที่เดินชนเขาเข้าอย่างจัง
นารีรัตน์: อุ๊ย ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจน่ะค่ะ
นคฤทธิ์: บ่เป็นหยังคร๊าบบ (เขาพูดอิสานสำเนียงไทย เมื่อเห็นสาวสวย ก็อยากแซว อยากกวนตามประสาหนุ่มโสด)
นารีรัตน์ยืนตะลึงในความหล่อเข้ม ดูเท่ห์ และมาดแมนของเขา ใบหน้าคมขำ จมูกโด่งได้รูป รอยยิ้มที่ดูทะเล้นๆทำเอาหัวใจเธอเต้นไม่เป็นระส่ำ มือทั้งสองของเขาจับที่ต้นแขนของเธอทั้งสองข้าง ทำเอาไฟฟ้าสถิตในร่างกายเธอวิ่งแปล๊บจากต้นแขนลงไปถึงปลายเท้าเลยทีเดียว เหมือนหญิงสาวที่ไม่เคยต้องกายชาย เพราะตั้งแต่เล็กจนโตเธอก็เอาแต่เรียนไม่ค่อยมีเวลาสนใจการคบหาชายในลักษณะชู้สาวมาก่อน มีแต่เพื่อนกันทั้งนั้น และอีกอย่างพ่อเธอหวงเธอเอามากๆเพราะกลัวลูกสาวจะใจแตกเรียนไม่จบอย่างที่หวังไว้ นอกจากเรียนแล้วเธอก็ไม่ค่อยได้ออกจากบ้านสักเท่าไหร่นอกจากพ่อและแม่พาไปเท่านั้น จนเรียนจบทำงานพ่อของเธอจึงปล่อยให้เธอมีอิสระในเรื่องของหัวใจบ้าง
นคฤทธิ์: โอ๊ย..เมื่อไหร่ เมื่อไหร่ ครับ
นารีรัตน์: คะ อะไรคะ (เธอตื่นจากภวังค์)
นคฤทธิ์: คุณจะตะลึงผมอีกนานมั้ยครับนี่ เท้าคุณน่ะครับเหยียบเท้าผมอยู่ (เขาพูดพร้อมทั้งยิ้มทำตาเจ้าชู้ใส่)
นารีรัตน์: อ่อค่ะ ขอโทษนะคะ (พร้อมทั้งเอาเท้าที่เหยียบเท้านคฤทธิ์อยู่ออก พร้อมทั้งคิดในใจตาบ้ารู้ได้ยังไงว่าเราตะลึงอยู่ ฉันอายนะเนี่ยพูดแบบนี้ ) ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวนะคะ
นารีรัตน์รีบเดินจากไปด้วยความเขินอาย นคฤทธิ์รู้สึกสนใจในตัวนารีรัตน์ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกและความรู้สึกนี้ไม่เหมือนกับการเจอผู้หญิงในครั้งที่ผ่านๆมา เขามองตามหลังนารีรัตน์อย่างไม่วางตา นคฤทธิ์เป็นหนุ่มหล่อ หน้าที่การงานดีและมีนิสัยเจ้าชู้ ชอบคบหาผู้หญิงสาวสวยเป็นแฟนไม่ซ้ำหน้า และผู้หญิงทุกคนล้วนมีหน้าที่การงานดี และไม่เรียกว่าแฟนก็อีกเยอะ เขาเป็นหนุ่มหล่อที่ครบสูตรจริงๆ รถไฟ เรือเมล์ ลิเก ตำรวจ ที่ผู้หญิงเลี่ยงได้ควรหลีกเลี่ยง แต่ก็กระนั้นไม่มีผู้หญิงคนไหนเชื่อคำโบราณเลยสักคน มีแต่คนอยากพิสูจน์ตัวเองว่าฉันแน่พร้อมที่จะพิชิตชายเจ้าชู้คนนี้ให้อยู่หมัด
“ โดนเข้าอย่างจังหรือครับนาย ถ้าอยากรู้จักเธอผมสืบประวัติให้เอามั้ยครับ” นายดาบเสริมลูกน้องที่มาด้วยกันถามเค้า และก็พากันหัวเราะคิกคักตามประสาชายหนุ่ม
“ ปล่าวน่า แค่อุบัติเหตุเล็กๆน้อย ไม่ใช่อุบัติเหตุรักสักหน่อย ห้องน้ำไปทางไหนล่ะ” นคฤทธิ์ไว้เชิง ทั้งที่จริงเขารู้สึกสนใจและอยากทำความรู้จักมากๆจริง
“ทางนั้นครับนาย ตามผมมาเลยครับ” นายดาบเสริมและลูกน้องคนอื่นให้การต้อนรับผู้กองหนุ่มเป็นอย่างดี
นารีรัตน์เดินมาที่โต๊ะอาหาร พร้อมกับถามกรณ์วิกาเพื่อนสาวและธีรดลว่าทานอิ่มกันหรือยัง และเรียกพนักงานในร้านมาคิดเงินค่าอาหาร ธีรดลออกปากขอจ่ายค่าอาหารครั้งนี้ทั้งหมด นารีรัตน์รู้สึกเกรงใจแต่กรณ์วิกานั้นรู้สึกปลื้มใจและประทับใจในตัวธีรดลมากขึ้นเธอยิ้มแก้มปริอย่างเห็นได้ชัด นารีรัตน์เลยอยากเปิดโอกาสให้เพื่อนสาวได้ใกล้ชิดกับชายในฝันของเธอมากขึ้นโดยบอกให้กรณ์วิกากลับไปกลับธีรดลก่อนเพราะเธอจะไปทำธุระต่อไม่อยากให้พวกเขารอนานและธีรดลเองก็มีชั่วโมงสอนวิชาการช่าง การเกษตรช่วงบ่าย
กรณ์วิกานั้นแอบปลื้มและคลั่งไคล้ในตัวธีรดลมานานแล้ว ได้ยินชื่อเสียงของเขาว่าเป็นหนุ่มหล่อ โปรไฟล์ดีที่สาวๆทั้งจังหวัดต่างใฝ่ฝัน เธอไม่เคยนึกฝันว่าธีรดลจะย้ายมาสอนหนังสือที่โรงเรียนเดียวกันกับเธอซึ่งเป็นโรงเรียนประจำอำเภอขนาดกลาง ไม่ได้เป็นโรงเรียนประจำจังหวัดที่เค้าควรจะอยู่ที่นั่นมากกว่า แต่ด้วยความที่ธีรดลเขาเป็นคนที่ได้รับความสนใจในวงสังคมตั้งแต่เด็ก เขามักเขินอายและประหม่าเมื่อถูกสายตาหลายคู่มองอย่างสนใจและชื่นชมในตัวเขา เขาซ่อนมันเอาไว้ในบุคลิก เงียบขรึมพูดน้อย และอาจดูเหมือนเข้าถึงยากสำหรับคนที่ไม่รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว กรณ์วิกาเธอได้แต่มองเขาอยู่ห่างๆ เวลาถามก็ได้แต่ถามคำตอบคำ ซึ่งโอกาสที่จะใกล้ชิดสนิทสนมมันช่างยากเต็มที จนมีนารีรัตน์เข้ามาเพราะธีรดลเขาสนใจและแอบชอบนารีรัตน์ ทั้งโอกาสก็เอื้ออำนวยด้วยงานที่ทำให้นารีรัตน์กับธีรดลนั้นได้สนิทกันมากขึ้น กรณ์วิกาเธอรู้ข้อนี้ดีแต่นั้นมันก็เป็นสิ่งดีที่ทำให้เธอได้ใกล้ชิดธีรดลมากขึ้นกว่าเดิมที่เคยเป็น
มีหลายคนตั้งคำถามกับนารีรัตน์ว่า ไม่รู้สึกหวั่นไหวบ้างเลยเหรอกับธีรดลที่รูปร่างสูง ผิวขาว หน้าตาหล่อเหลา นิสัยดี แถมสุภาพบุรุษซะขนาดนั้น เธอได้แต่ตอบว่าไม่รู้สิคะ ไม่ได้คิดอะไรสงสัยไม่ใช่สเป๊คมั้งคะ แต่ความจริงแล้วนั้นเธอก็เหมือนผู้หญิงทั่วๆไป ที่หลงเสน่ห์ธีรดลเข้าแล้วเหมือนกัน เพราะเขาช่างแสนดี เป็นห่วงเป็นใยเธอและพยายามเอาใจเธอสารพัด แต่เธอต้องเก็บความรู้สึกดีๆไว้ให้ลึกที่สุดไม่ให้ใครรู้ เพราะเธอรู้ดีว่าถึงเธอจะชอบเค้าแค่ไหนก็คงน้อยกว่ากรณ์วิกาที่แอบชอบธีรดลมาแล้วตั้งนาน แล้วเธอจะทำร้ายหัวใจของเพื่อนเธอได้อย่างไร เพราะเป้าหมายหลักที่เธอมาทำงานที่นี้คือเพื่อมาใกล้ชิดพ่อแม่และได้ดูแลท่านให้มากที่สุด การที่เป็นลูกสาวคนเดียวเราไม่มีทางที่จะไปที่ไหนใดล้บ้านได้ และธีรดลผู้ชายที่เพียบพร้อมขนาดนั้นต่อให้รักกันแค่ไหนครอบครัวเขาก็คงไม่ยอมให้ลูกชายคนเดียวมาอยู่บ้านของฝ่ายหญิงแน่ๆ ผิดกับกรณ์วิกาหากเธอได้ลงเอยกับธีรดลจริง เธอก็สามารถไปอยู่ดูแลธีรดลและครอบครัวของเขาได้เพราะพ่อแม่ของเธอมีลูกน้องและบริวารมากมายคอยดูแลรับใช้มากมาย ฐานะเขาทั้งสองก็เหมาะสมกัน นารีรัตน์คิดได้อย่างนั้นเธอจึงไม่ได้คาดหวังในการสานความสัมพันธ์รักของเธอและธีรดล
ที่ร้านระเบียงริมโขงลูกค้ายังแน่นขนัด ไปจนถึงสองทุ่ม พอหลังสองทุ่มไปกลับเป็นความเงียบเข้ามาแทนเพราะแถวอำเภอต่างจังหวัดโดยเฉพาะอำเภอขนาดกลางแถบลุ่มแม่น้ำโขง คนแถวนั้นเมื่อมืดค่ำตะวันตกดินก็จะเข้าบ้านเรือนของตน ไม่ออกไปท่องราตรีหรือตระเวนหาของกินเหมือนคนในเมืองใหญ่ ถนนว่างไม่มีรถวิ่งพลุกพล่านผิดกับตอนกลางวันเป็นอย่างมาก นารีรัตน์รู้ดีว่าร้านอาหารของนพชัยคงปิดบริการแล้วสำหรับวันนี้ ด้วยเรื่องราวที่ดลใจเธอเมื่อตอนกลางวันทำให้เธอขับรถบึ่งมาหาเขาที่บ้านทันทีเพื่อที่จะถามสิ่งที่คาใจให้กระจ่างสักที
นพชัย: นี่เจ๊นา ร้านปิดแล้วนะคะ มานี่มีอะไรหรือป่าวเจ๊
นารีรัตน์: แหม...แกนี่แขวะฉันตลอดอ่ะ (แล้วทั้งสองพี่น้องก็เริ่มบทสนทนากัน) พี่มานี่มีเรื่องอยากจะถามพลแน่ พี่จริงจังนะ
นพชัย: โอ๊ย เจ้ากะดายเนอะ ข่อยกะจริงจังเป็นอยู่ดอก ฮ่าๆๆ เรื่องอีหยังละพี่ว่ามา
นารีรัตน์เล่าถึงอาการที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวันให้เขาฟัง และถามเกี่ยวกับเหตุผลที่ทำไมต้องตั้งแท่นบูชาพญานาคขึ้นที่ร้านอาหาร เธอตั้งใจฟังอย่างจิตใจจดจ่อ
นพชัย: เรื่องมันมีอยู่ว่า เป็นหยังเจ้าอยากได้ไปบูชาติ ข่อยบ่ให้เด้อมีอยู่องค์เดียว
นารีรัตน์: น้าน.. ว่าแล้วมันต้องนอกเรื่อง บ้าติบ่ได้อยากได้อยากรู้ๆฟ้าวเว้าแน่ ห้วย!น้องนิ เดี๋ยวโดนเตะบ่ดีคือถูกเลขเดะ ฮ่าๆๆ
***************โปรดติดตามตอนต่อไป *************