ตอนที่ 1 สายใยสวาท
เกริ่นนำ " อิหล่า รู้จักคำว่าสายหนิ่ง สายแนนบ่ นั่นละเป็นสิ่งที่เฮ็ดให้เพิ่นคอยซอยเหลือโตมาตลอด"
นารีรัตน์ เป็นหญิงสาวน่ารัก ผิวขาว ตัวเล็กบาง ผมดำยาวสลวย เป็นครูสาวเพิ่งย้ายมาทำงานอยู่ในโรงเรียนมัธยมชื่อดังประจำอำเภอแถบลุ่มแม่น้ำโขง เธอได้รับมอบหมายให้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษานักเรียนชั้น ม. 4/1 ซึ่งเป็นห้องเรียนดีร่วมกับอาจารย์ธีรดลหนุ่มหล่อ โปรไฟล์ดีเป็นทายาทเจ้าของโรงแรมหรูประจำจังหวัดและทางบ้านเขายังมีสวนยางพาราอีกเป็นพันกว่าไร่ เขามีประสบการณ์สอนมากกว่าเธอและมีอายุมากกว่าเธอ 5 ปี ธีรดลนั้นเป็นที่หมายปองหรือชายในฝันของสาวๆ หลายๆคนในจังหวัดอีกด้วย
ชีวิตการเป็นครูในแต่ละวันนอกจากการสอนแล้วก็ต้องคอยเจอกับความแก่นเซี้ยวของเด็กนักเรียนๆในห้อง ซึ่งทำให้แต่ละวันของเธอเล่นเอาเหนื่อยและเครียดพอสมควร ช่วงพักเบรกของการสอนวิชาพระพุทธศาสนาของช่วงเช้าเธอจึงเดินไปหากรณ์วิกาเพื่อนสมัยมัธยม ซึ่งเป็นความบังเอิญผสมความโชคดีที่ได้พบเพื่อนเก่าหลังจากจบมัธยมปลายและแยกย้ายกันไปตามทางฝันทั้งสองก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก จนได้มาพบกันอีกครั้งในฐานะเพื่อนร่วมงานด้วยการที่เป็นเพื่อนกันมาก่อนจึงเกิดความสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว และในวันหนึ่งด้วยความเหนื่อยอ่อนล้าเธออยากเติมพลังชีวิตโดยการเดินไปหากรณ์วิกาที่โต๊ะทำงานเพื่อจะชวนเธอไปร้านอาหารประจำของเธอ ซึ่งขณะนั้นกรณ์วิกากำลังเตรียมการสอนวิชาคณิตศาสตร์ในชั่วโมงต่อไป
นารีรัตน์ : นี่เปรียว เที่ยงนี้ไปร้านระเบียงริมโขงที่เดิมกันมั้ย
กรณ์วิกา : ได้สิ แต่มีข้อแม้นะวันนี้เธอต้องชวนพี่ธีไปด้วยนะ ถ้าเธอจะไม่สนใจพี่เค้า ก็อย่ากั๊กใช้เสน่ห์ให้เป็นประโยชน์ เผื่อเพื่อนจะมีโอกาสทำคะแนนหัวใจบ้าง น่านะเพื่อนสาวสุดสวย (กรณ์วิกาพูดด้วยรอยยิ้มดวงตาเป็นประกาย)
นารีรัตน์: ไม่เอาอ่ะ ไปกันแค่สองสาวไม่ได้เลยเหรอ อยากได้อารมณ์แบบชิลล์ๆริมโขง อยากผ่อนคลายบ้างอ่ะ มีผู้ชายไปด้วยจะได้ฟินเหรอจ๊ะ
กรณ์วิกา: อืม ที่เธอพูดก็มีเหตุผลนะ ถ้างั้นฉันยุ่งๆเพราะหลังสอนเสร็จฉันก็จะหาอะไรกินแถวโรงเรียนนี่แหละและฉันต้องรีบตรวจรายงานของนักเรียนไงเธอ (พูดพลางอมยิ้มและทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ใส่นารี)
นารีรัตน์: หืม ยายเปรียว เธอนี่นะจริงๆเลย เดี๋ยวฉันโทรชวนก็ได้ (นารีทำหน้ามุ่ยเพราะเสียรู้เพื่อนสาวคนสนิท แต่เธอก็ต้องยอมเพราะการที่ได้ไปที่นั้นมันทำให้เธอมีพลังชีวิตขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก)
กรณ์วิกา: ฮ่า ๆๆ ไม่ได้หรอกพี่ธีเค้าออกฮ๊อท ขนาดนั้น ฉันไม่ใช่เธอนี่ไม่รู้จักของดีใกล้ตัว อุตส่าห์มีโอกาสได้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาเด็กคู่กัน แถมมีพี่ธีคอยสอนงานให้ยังไม่รู้จักทำคะแนน
หลังจากธีรดลได้รับโทรศัพท์ของนารีที่ชวนเค้าไปทานข้าวเที่ยงที่ร้านระเบียงริมโขง เค้าก็แอบดีใจที่นารีเป็นคนเอ่ยปากชวน เพราะที่ผ่านมาเขาพยายามหาโอกาสที่จะสนิทกับเธอให้มากขึ้นนอกเหนือจากหน้าที่การเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาประจำชั้นร่วมกัน ความจริงแล้วธีรดลมีผู้หญิงที่อยากจะเข้ามาในชีวิตของเขามากมาย แต่นารีนั้นแตกต่างที่ไม่ได้ให้ความสนใจในเชิงชู้สาวกับเค้าเหมือนกับผู้หญิงทั่วไปเลย เธอให้ความสัมพันธ์เพียงเพื่อนร่วมงาน หรือพี่ชายเท่านั้น นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เค้าสนใจเธอและอยากพัฒนาความสัมพันธ์ไปมากกว่าที่เป็นอยู่ และนอกจากนั้นนารีรัตน์เธอดูมีเสน่ห์ในสายตาของเขายังเป็นคนใจบุญ นิสัยร่าเริง ขยันมีความรับผิดชอบจึงทำให้ธีรดลนั้นแอบชอบเธออยู่ไม่น้อย
ธีรดล: ขอบใจมากนะน้องนาที่ชวนพี่ ถ้างั้นไปรถพี่นะ
นารีรัตน์: เออ..ไปคนละคันดีกว่านะคะ คือพอดีหลังทานข้าวเสร็จอาจจะแวะทำธุระแบบผู้หญิงๆกันหน่อยนะค่ะ เอาเป็นว่าประมาณเที่ยงเจอกันที่ร้านนะคะ
ที่ร้านระเบียงริมโขง เป็นร้านอาหารเลื่องชื่อประจำอำเภอ บรรยากาศของร้านแวดล้อมไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด ให้ความรู้สึกชุ่มเย็นผ่อนคลายให้กับผู้มาแวะเวียน มีลมพัดผ่านบริเวณริมโขงเย็นเฉื่อยอยู่ตลอดเวลา และมุมของร้านที่นารีรัตน์ ชอบมานั่งทุกครั้ง คือ บริเวณบ่อปลาคราฟ์ที่ทางร้านเป็นสวนอย่างสวยงาม มีรูปปั้นพญานาคสีขาวพ่นน้ำเด่นตระหง่านกลางบ่อน้ำพร้อมทั้งมีต้นพญานาคราชวางเป็นกระถางเรียงรายตามขอบบ่อ ช่างดูงดงามและให้ความรู้สึกมีมนต์ขลังอย่างบอกไม่ถูกในความรู้สึกของนารีรัตน์
กรณ์วิกา: มาทีไรเธอพาก็มานั่งมุมนี้ทุกทีเลยนะ นา แต่เอะทำไมถึงจองได้ทุกครั้งล่ะทั้งที่ลูกค้าออกจะเยอะทุกวัน เอาะ...ลืมไปร้านลูกพี่ลูกน้องเธอนี่นา ว่าแต่พี่ธีน่ะมาแน่ใช่มั้ย
กรณ์วิกา พูดยังไม่ทันขาดคำธีรดลก็เดินเข้ามาพอดี สาวๆภายในร้านมองกันเป็นตาเดียว ธีรดลข้าราชการหนุ่มหล่อ ฐานะทางบ้านดีเป็นลูกนายทหารชั้นนายพลและยังเป็นหลานชายคนเดียวของผู้ว่าราชการจังหวัดอีกด้วย เขาเป็นชายหนุ่มที่สาวแท้ สาวเทียม ในจังหวัดให้ความสนใจเป็นอย่างมาก รวมทั้งนพชัยลูกพี่ลูกน้องของนารีรัตน์ ผู้สืบทอดกิจการร้านอาหารคนปัจจุบันที่มีร่างกายเป็นชายแต่หัวใจหญิงก็เป็นอีกหนึ่งคนที่แอบปลื้มธีรดลอยู่เหมือนกัน
ธีรดล: พี่คิดอยู่แล้วว่าน้องนาจะมานั่งมุมนี่ ว่าแต่น้องเปรียวก็มาด้วยเหรอครับ ( พูดแล้วพร้อมกับนั่งลงเก้าอี้)
กรณ์วิกา: แหม.. พี่ธีก็เปรียวกับนาเป็นเพื่อนสนิทกันนี่คะ นาไม่มากับเปรียวจะให้มากับใครคะ
นพชัยกำลังวุ่นอยู่กับการคิดบัญชีค่าอาหารของร้าน เมื่อเหลือบไปเห็นธีรดลมาก็ดีใจสุดขีด เขาผละจากงานตรงหน้า รีบเดินมาที่โต๊ะอาหารที่ทั้งสามคนนั่งอยู่
นพชัย: โอ้ว สวัสดีค่ะ เป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยนะคะ ที่พี่ธีสุดหล่อมาร้านของพอลลี่ ไม่ทราบว่าวันนี้จะรับอะไรดีค่ะ เจ๊นาวันนี้พาใครมาไม่มี๊ ไม่มีแจ้งน้องนุ่งบ้างเลยนะจ๊ะ
นารีรัตน์: แหม.. มารับออเดอร์เองเลยนะจ๊ะ ปกติพี่มาก็ไม่เคยมาดูหรอก (เธอพูดและยิ้มอย่างรู้ทันน้องของเธอ) ไม่ต้องพูดมากพล วันนี้มีอะไรแนะนำเจ๊ด่วน เจ๊รีบช่วงบ่ายมีสอน
นพชัย: ต๊าย! เจ๊นา พลเพินอะไรกันคะ พอลลี่ๆค่ะ ก็เจ๊มาจนเป็นปกติวิสัยแล้วนี่นา คิดแค่จานละ 10 บาทจะเอาแค่ไหนคะเจ๊ (เขาพูดหยอกล้อและหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน)
นารีรัตน์: ฮ่าๆๆ ถ้าแกคิด 10 บาทกับฉันจริง ฉันจะพาอาจารย์ทั้งโรงเรียนมาอุดหนุนทุกวันเลยดีมะ
นพชัย: อ๊ายย! หยาบคายนะเจ๊ฉัน ฮ่าๆ นี่เด็กๆมารับออเดอร์ต่อทีจ้า เดี๋ยวฉันจะไปรับลูกค้าวีไอพีก่อนพอดีพวกเขามากันแล้ว
นารีรัตน์: ห๊ะ มีลูกค้าวีไอพีกว่าพี่ธีของเธออีกเหรอจ๊ะ ว่าแต่ใครเหรอพล (นพชัยทำตาเขียวใส่) ไม่ใช่สิพอลลี่
นพชัย: (เขายิ้มอย่างชอบใจ) อ๋อ ก็กลุ่มนายตำรวจนะค่ะ เขาจองห้องวีไอพีไว้เห็นว่าเลี้ยงต้อนรับผู้กองคนใหม่ที่ย้ายจะมาประจำการที่อำเภอของเรานี่แหละค่ะ พี่ธีค่ะเดี๋ยวพอลลี่ขอตัวก่อนนะคะเสร็จธุระแล้วจะรีบมาดูแลเลยค่ะ
ธีรดล: อ่อ ตามสบายเลยครับ ไปนานๆก็ได้ไม่ต้องรีบนะครับ
นพชัย: พี่ธีไม่ต้องกลัว พอลลี่ปันใจให้ผู้กองคนใหม่นะคะ ยังไงพี่ธีก็ที่หนึ่งค่ะ ฮ่าๆๆ
ธีรดล: อ่ะคร้าบบ
เมื่อนพชัยผละไปแล้วพวกเขาทั้งสามก็ไม่ได้สนใจเรื่องของลูกค้าวีไอพีอีก ต่างคนต่างสั่งอาหาร ระหว่างรออาหารอยู่นั้นนารีรัตน์ก็ทอดสายตามองไปที่รูปปั้นพญานาคสีขาวพ่นน้ำที่ตั้งตระหง่านกลางบ่อน้ำเธอจ้องมองที่ดวงตาของพญานาคที่ทำด้วยลูกแก้วสีแดงก่ำ และเธอก็รู้สึกว่าเหมือนโดนพญานาคจ้องมองกลับมาเหมือนกัน ทันใดนั้นนารีรัตน์รู้สึกตัวเย็นวาบ ขนลุ่กซู่ขึ้นมาทันทีทั้งที่เธอมาที่นี้เป็นประจำแต่เธอก็ไม่เคยมีความรู้สึกอย่างนี้มาก่อนอาจเป็นเพราะเธอไม่เคยจ้องมองที่ดวงตาของรูปปั้นพญานาคเลยก็เป็นได้ เธอรู้สึกประหลาดใจและเอาแขนทั้งสองข้างกอดตัวเองไว้ทันทีพร้อมใช้มือทั้งลูบขึ้นลงและคิดในใจว่า (เฮ้ย ขนลุกเลยอ่ะ)
ทุกอาการและทุกอิริยาบถของนารีรัตน์นั้นอยู่ในสายตาของธีรดลตลอดเวลาเช่นกันเพราะเขาชอบเธอจึงคอยมองเธออยู่ไม่วางตา จนกรณ์วิการู้สึกได้ว่าธีรดล ชายในฝันของเธอช่างมีความสนใจในตัวเพื่อนของเธอมากมายจริงๆ และตัวเธอเองจะมีสิทธิ์พิชิตใจธีรดลได้บ้างหรือไม่ ก็นารีรัตน์เพื่อนเธอนั้นช่างสมบูรณ์แบบ หน้าตาสวยน่ารัก นิสัยดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ชอบทำบุญ เรื่องงานนั้นก็มีความสามารถในสายงานของเธอ มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่เธอจบปริญญาตรีคณะพยาบาลศาสตร์ หลังเรียนจบเธอก็หาเวลาเรียนสายวิชาชีพครูและจบปริญญาโทสาขาบริหารการศึกษา นารีรัตน์จึงสามารถย้ายสายงานและสอบบรรจุข้าราชการครูได้ด้วยความมุมานะของเธอ
นารีรัตน์เธอใฝ่ฝันอยากจะเป็นครูสอนเด็กนักเรียนมัธยมตั้งแต่เด็ก และพ่อแม่ของเธออยากให้เธอเรียนพยาบาล เธอก็เรียนให้ท่านด้วยความเต็มใจ นารีรัตน์เกิดมาในครอบครัวข้าราชการทหารพ่อของเธอเป็นนายทหารจึงอยากให้ลูกสาวรับราชการเช่นเดียวกันจะสายงานใดก็ได้ ส่วนแม่ของเธอนั้นมีธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับการเกษตรและมีสวนยางพารากว่าร้อยไร่เป็นครอบครัวที่สุขสบายแม้ไม่ได้ร่ำรวยมากมากแต่ก็ไม่ขัดสน เมื่อจบมาทำงานวิชาชีพพยาบาลนารีรัตน์ได้รู้ว่า งานโดยทั่วไปเป็นงานเสียสละ โดยเฉพาะเวลาส่วนตัว ต้องขึ้นเวร เช้า บ่าย ดึก ตามภาระหน้าที่ที่ได้รับ แม้จะเป็นสุขใจที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่นแต่เธอก็ไม่มีเวลาดูแลพ่อแม่ของเธอเมื่อยามเจ็บป่วยเพราะความเจ็บป่วยมันไม่ได้เลือกเวลา หากเธอต้องขึ้นเวรในโรงพยาบาลเธอไม่มีเวลาแม้จะปลีกตัวมาดูแลปรนนิบัติหรือเรื่องการเดินเอกสารต่างๆระหว่างท่านเจ็บป่วยในโรงพยาบาลซึ่งมันเป็นหน้าที่ของลูกที่ควรทำซึ่งใครก็ทำแทนไม่ได้ในความคิดของเธอ เนื่องจากเธอเป็นลูกสาวคนเดียวเธอจึงพยายามหาทางออกให้กับตัวเองที่จะได้ทำงานที่ตัวเองรักและได้สานฝันวัยเด็กไปพร้อมกัน การเป็นครูสอนสุขศึกษาและสอนวิชาพระพุทธศาสนาจึงเป็นงานที่เธอรัก ทุกวิชาชีพมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันซึ่งวิชาชีพครูที่เธอเลือกเดินทำให้เธอมีเวลาหยุดพักตามวันหยุดนัตขันตฤกษ์ทั่วไป และได้มีเวลาดูแลพ่อแม่อย่างเต็มที่แม้ว่าเธอจะเสียดายโอกาสในการทำงานในสายงานสาธาณณสุข แต่ชีวิตมันก็ต้องเลือกสักทางที่ตอบโจทย์ในชีวิตตัวเองมากที่สุด
และนั่นเป็นสิ่งที่กรณ์วิกาเข้าใจเพื่อนเธอเป็นอย่างดีก็ไม่แปลกที่ธีรดลจะให้ความสนใจนารีรัตน์เป็นพิเศษ ถึงแม้ธีรดลอาจจะมีตัวเลือกเยอะแต่การที่พวกเขาทำงานในที่เดียวกัน หญิงโสดที่มีใกล้ชิดเขามากเป็นพิเศษอย่างน้อยก็เป็นพวกเธอ กรณ์วิกาคิดในใจ “ เอาน่า อย่างน้อยๆตอนนี้ยายนาก็ไม่ได้สนใจในตัวพี่ธี และเราก็มีโอกาสได้ใกล้ชิดพี่ธีมากกว่าผู้หญิงอื่นที่อยากเข้ามาใกล้ชิดแต่ไม่มีโอกาสไม่แน่สักวันพี่ธีอาจมองเราก็ได้ หากยายนาไม่เปลี่ยนใจก่อนนะไม่งั้นหมดสิทธิ์แน่” กรณ์วิกาคิดให้กำลังใจตัวเองและก็ไม่คิดริษยาเพื่อนหากทั้งสองจะลงเอยกันจริงอย่างน้อยๆเธอก็ได้เห็นคนที่เธอรักทั้งสองได้มีความสุข
ด้วยความที่ธีรดลกำลังให้ความสนใจนารีรัตน์ และอยากพิชิตใจของเธอจึงลืมเห็นความน่ารักสดใสของกรณ์วิกาสาวหมวยน่ารักตารักทันสมัยออกแนวเกาหลีนิดๆ ซึ่งสองสาวนี้มีความสวยใสน่ารักกันคนละแบบและเป็นที่หมายปองของครูหนุ่มในโรงเรียน และหนุ่มๆในอำเภอเลยทีเดียว ครอบครัวของกรณ์วิกามีเชื้อสายจีนและเปิดร้านทองใหญ่ที่สุดประจำอำเภอที่พวกเขาอยู่และมีหลายสาขากระจายตามอำเภอใกล้เคียง เนื่องจากฐานะทางบ้านค่อนข้างมั่นคงและค่านิยมของคนในต่างจังหวัดมักชอบให้ลูกหลานได้ทำงานรับราชการซึ่งถือว่าเป็นเกียรติ เป็นศรีแก่วงศ์ตระกูล ได้เป็นเจ้าเป็นนายตามค่านิยมของคนอิสานโดยส่วนใหญ่ เพราะถึงยังไงถ้ากรณ์วิกาเกิดเบื่องานหรือมีปัญหาอะไรก็สามารถออกมาดำเนินกิจการของครอบครัวได้ทุกเมื่อ
ธีรดล: น้องนา น้องนา เป็นอะไรครับ หนาวเหรอครับ ห่มเสื้อคลุมของพี่มั้ยลมริมโขงมันก็แรงอย่างนี้แหละครับ
นารีรัตน์: (รู้สึกตัวจากภวังค์ของตัวเอง ) อ่อ ปล่าว ปล่าวค่ะพี่ธี นาไม่หนาวค่ะเดี๋ยวขอตัวไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะคะ (เธอพยายามหลบสายตาเพราะไม่อยากให้ใครเห็นอาการและความรู้สึกของเธอในขณะนั้น)
............ติดตามเรื่องราวต่อข้างล่างนะคะ........
นิยายรักข้ามภพ "สายใยสวาท" ตอนที่1
เกริ่นนำ " อิหล่า รู้จักคำว่าสายหนิ่ง สายแนนบ่ นั่นละเป็นสิ่งที่เฮ็ดให้เพิ่นคอยซอยเหลือโตมาตลอด"
นารีรัตน์ เป็นหญิงสาวน่ารัก ผิวขาว ตัวเล็กบาง ผมดำยาวสลวย เป็นครูสาวเพิ่งย้ายมาทำงานอยู่ในโรงเรียนมัธยมชื่อดังประจำอำเภอแถบลุ่มแม่น้ำโขง เธอได้รับมอบหมายให้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษานักเรียนชั้น ม. 4/1 ซึ่งเป็นห้องเรียนดีร่วมกับอาจารย์ธีรดลหนุ่มหล่อ โปรไฟล์ดีเป็นทายาทเจ้าของโรงแรมหรูประจำจังหวัดและทางบ้านเขายังมีสวนยางพาราอีกเป็นพันกว่าไร่ เขามีประสบการณ์สอนมากกว่าเธอและมีอายุมากกว่าเธอ 5 ปี ธีรดลนั้นเป็นที่หมายปองหรือชายในฝันของสาวๆ หลายๆคนในจังหวัดอีกด้วย
ชีวิตการเป็นครูในแต่ละวันนอกจากการสอนแล้วก็ต้องคอยเจอกับความแก่นเซี้ยวของเด็กนักเรียนๆในห้อง ซึ่งทำให้แต่ละวันของเธอเล่นเอาเหนื่อยและเครียดพอสมควร ช่วงพักเบรกของการสอนวิชาพระพุทธศาสนาของช่วงเช้าเธอจึงเดินไปหากรณ์วิกาเพื่อนสมัยมัธยม ซึ่งเป็นความบังเอิญผสมความโชคดีที่ได้พบเพื่อนเก่าหลังจากจบมัธยมปลายและแยกย้ายกันไปตามทางฝันทั้งสองก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก จนได้มาพบกันอีกครั้งในฐานะเพื่อนร่วมงานด้วยการที่เป็นเพื่อนกันมาก่อนจึงเกิดความสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว และในวันหนึ่งด้วยความเหนื่อยอ่อนล้าเธออยากเติมพลังชีวิตโดยการเดินไปหากรณ์วิกาที่โต๊ะทำงานเพื่อจะชวนเธอไปร้านอาหารประจำของเธอ ซึ่งขณะนั้นกรณ์วิกากำลังเตรียมการสอนวิชาคณิตศาสตร์ในชั่วโมงต่อไป
นารีรัตน์ : นี่เปรียว เที่ยงนี้ไปร้านระเบียงริมโขงที่เดิมกันมั้ย
กรณ์วิกา : ได้สิ แต่มีข้อแม้นะวันนี้เธอต้องชวนพี่ธีไปด้วยนะ ถ้าเธอจะไม่สนใจพี่เค้า ก็อย่ากั๊กใช้เสน่ห์ให้เป็นประโยชน์ เผื่อเพื่อนจะมีโอกาสทำคะแนนหัวใจบ้าง น่านะเพื่อนสาวสุดสวย (กรณ์วิกาพูดด้วยรอยยิ้มดวงตาเป็นประกาย)
นารีรัตน์: ไม่เอาอ่ะ ไปกันแค่สองสาวไม่ได้เลยเหรอ อยากได้อารมณ์แบบชิลล์ๆริมโขง อยากผ่อนคลายบ้างอ่ะ มีผู้ชายไปด้วยจะได้ฟินเหรอจ๊ะ
กรณ์วิกา: อืม ที่เธอพูดก็มีเหตุผลนะ ถ้างั้นฉันยุ่งๆเพราะหลังสอนเสร็จฉันก็จะหาอะไรกินแถวโรงเรียนนี่แหละและฉันต้องรีบตรวจรายงานของนักเรียนไงเธอ (พูดพลางอมยิ้มและทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ใส่นารี)
นารีรัตน์: หืม ยายเปรียว เธอนี่นะจริงๆเลย เดี๋ยวฉันโทรชวนก็ได้ (นารีทำหน้ามุ่ยเพราะเสียรู้เพื่อนสาวคนสนิท แต่เธอก็ต้องยอมเพราะการที่ได้ไปที่นั้นมันทำให้เธอมีพลังชีวิตขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก)
กรณ์วิกา: ฮ่า ๆๆ ไม่ได้หรอกพี่ธีเค้าออกฮ๊อท ขนาดนั้น ฉันไม่ใช่เธอนี่ไม่รู้จักของดีใกล้ตัว อุตส่าห์มีโอกาสได้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาเด็กคู่กัน แถมมีพี่ธีคอยสอนงานให้ยังไม่รู้จักทำคะแนน
หลังจากธีรดลได้รับโทรศัพท์ของนารีที่ชวนเค้าไปทานข้าวเที่ยงที่ร้านระเบียงริมโขง เค้าก็แอบดีใจที่นารีเป็นคนเอ่ยปากชวน เพราะที่ผ่านมาเขาพยายามหาโอกาสที่จะสนิทกับเธอให้มากขึ้นนอกเหนือจากหน้าที่การเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาประจำชั้นร่วมกัน ความจริงแล้วธีรดลมีผู้หญิงที่อยากจะเข้ามาในชีวิตของเขามากมาย แต่นารีนั้นแตกต่างที่ไม่ได้ให้ความสนใจในเชิงชู้สาวกับเค้าเหมือนกับผู้หญิงทั่วไปเลย เธอให้ความสัมพันธ์เพียงเพื่อนร่วมงาน หรือพี่ชายเท่านั้น นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เค้าสนใจเธอและอยากพัฒนาความสัมพันธ์ไปมากกว่าที่เป็นอยู่ และนอกจากนั้นนารีรัตน์เธอดูมีเสน่ห์ในสายตาของเขายังเป็นคนใจบุญ นิสัยร่าเริง ขยันมีความรับผิดชอบจึงทำให้ธีรดลนั้นแอบชอบเธออยู่ไม่น้อย
ธีรดล: ขอบใจมากนะน้องนาที่ชวนพี่ ถ้างั้นไปรถพี่นะ
นารีรัตน์: เออ..ไปคนละคันดีกว่านะคะ คือพอดีหลังทานข้าวเสร็จอาจจะแวะทำธุระแบบผู้หญิงๆกันหน่อยนะค่ะ เอาเป็นว่าประมาณเที่ยงเจอกันที่ร้านนะคะ
ที่ร้านระเบียงริมโขง เป็นร้านอาหารเลื่องชื่อประจำอำเภอ บรรยากาศของร้านแวดล้อมไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด ให้ความรู้สึกชุ่มเย็นผ่อนคลายให้กับผู้มาแวะเวียน มีลมพัดผ่านบริเวณริมโขงเย็นเฉื่อยอยู่ตลอดเวลา และมุมของร้านที่นารีรัตน์ ชอบมานั่งทุกครั้ง คือ บริเวณบ่อปลาคราฟ์ที่ทางร้านเป็นสวนอย่างสวยงาม มีรูปปั้นพญานาคสีขาวพ่นน้ำเด่นตระหง่านกลางบ่อน้ำพร้อมทั้งมีต้นพญานาคราชวางเป็นกระถางเรียงรายตามขอบบ่อ ช่างดูงดงามและให้ความรู้สึกมีมนต์ขลังอย่างบอกไม่ถูกในความรู้สึกของนารีรัตน์
กรณ์วิกา: มาทีไรเธอพาก็มานั่งมุมนี้ทุกทีเลยนะ นา แต่เอะทำไมถึงจองได้ทุกครั้งล่ะทั้งที่ลูกค้าออกจะเยอะทุกวัน เอาะ...ลืมไปร้านลูกพี่ลูกน้องเธอนี่นา ว่าแต่พี่ธีน่ะมาแน่ใช่มั้ย
กรณ์วิกา พูดยังไม่ทันขาดคำธีรดลก็เดินเข้ามาพอดี สาวๆภายในร้านมองกันเป็นตาเดียว ธีรดลข้าราชการหนุ่มหล่อ ฐานะทางบ้านดีเป็นลูกนายทหารชั้นนายพลและยังเป็นหลานชายคนเดียวของผู้ว่าราชการจังหวัดอีกด้วย เขาเป็นชายหนุ่มที่สาวแท้ สาวเทียม ในจังหวัดให้ความสนใจเป็นอย่างมาก รวมทั้งนพชัยลูกพี่ลูกน้องของนารีรัตน์ ผู้สืบทอดกิจการร้านอาหารคนปัจจุบันที่มีร่างกายเป็นชายแต่หัวใจหญิงก็เป็นอีกหนึ่งคนที่แอบปลื้มธีรดลอยู่เหมือนกัน
ธีรดล: พี่คิดอยู่แล้วว่าน้องนาจะมานั่งมุมนี่ ว่าแต่น้องเปรียวก็มาด้วยเหรอครับ ( พูดแล้วพร้อมกับนั่งลงเก้าอี้)
กรณ์วิกา: แหม.. พี่ธีก็เปรียวกับนาเป็นเพื่อนสนิทกันนี่คะ นาไม่มากับเปรียวจะให้มากับใครคะ
นพชัยกำลังวุ่นอยู่กับการคิดบัญชีค่าอาหารของร้าน เมื่อเหลือบไปเห็นธีรดลมาก็ดีใจสุดขีด เขาผละจากงานตรงหน้า รีบเดินมาที่โต๊ะอาหารที่ทั้งสามคนนั่งอยู่
นพชัย: โอ้ว สวัสดีค่ะ เป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยนะคะ ที่พี่ธีสุดหล่อมาร้านของพอลลี่ ไม่ทราบว่าวันนี้จะรับอะไรดีค่ะ เจ๊นาวันนี้พาใครมาไม่มี๊ ไม่มีแจ้งน้องนุ่งบ้างเลยนะจ๊ะ
นารีรัตน์: แหม.. มารับออเดอร์เองเลยนะจ๊ะ ปกติพี่มาก็ไม่เคยมาดูหรอก (เธอพูดและยิ้มอย่างรู้ทันน้องของเธอ) ไม่ต้องพูดมากพล วันนี้มีอะไรแนะนำเจ๊ด่วน เจ๊รีบช่วงบ่ายมีสอน
นพชัย: ต๊าย! เจ๊นา พลเพินอะไรกันคะ พอลลี่ๆค่ะ ก็เจ๊มาจนเป็นปกติวิสัยแล้วนี่นา คิดแค่จานละ 10 บาทจะเอาแค่ไหนคะเจ๊ (เขาพูดหยอกล้อและหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน)
นารีรัตน์: ฮ่าๆๆ ถ้าแกคิด 10 บาทกับฉันจริง ฉันจะพาอาจารย์ทั้งโรงเรียนมาอุดหนุนทุกวันเลยดีมะ
นพชัย: อ๊ายย! หยาบคายนะเจ๊ฉัน ฮ่าๆ นี่เด็กๆมารับออเดอร์ต่อทีจ้า เดี๋ยวฉันจะไปรับลูกค้าวีไอพีก่อนพอดีพวกเขามากันแล้ว
นารีรัตน์: ห๊ะ มีลูกค้าวีไอพีกว่าพี่ธีของเธออีกเหรอจ๊ะ ว่าแต่ใครเหรอพล (นพชัยทำตาเขียวใส่) ไม่ใช่สิพอลลี่
นพชัย: (เขายิ้มอย่างชอบใจ) อ๋อ ก็กลุ่มนายตำรวจนะค่ะ เขาจองห้องวีไอพีไว้เห็นว่าเลี้ยงต้อนรับผู้กองคนใหม่ที่ย้ายจะมาประจำการที่อำเภอของเรานี่แหละค่ะ พี่ธีค่ะเดี๋ยวพอลลี่ขอตัวก่อนนะคะเสร็จธุระแล้วจะรีบมาดูแลเลยค่ะ
ธีรดล: อ่อ ตามสบายเลยครับ ไปนานๆก็ได้ไม่ต้องรีบนะครับ
นพชัย: พี่ธีไม่ต้องกลัว พอลลี่ปันใจให้ผู้กองคนใหม่นะคะ ยังไงพี่ธีก็ที่หนึ่งค่ะ ฮ่าๆๆ
ธีรดล: อ่ะคร้าบบ
เมื่อนพชัยผละไปแล้วพวกเขาทั้งสามก็ไม่ได้สนใจเรื่องของลูกค้าวีไอพีอีก ต่างคนต่างสั่งอาหาร ระหว่างรออาหารอยู่นั้นนารีรัตน์ก็ทอดสายตามองไปที่รูปปั้นพญานาคสีขาวพ่นน้ำที่ตั้งตระหง่านกลางบ่อน้ำเธอจ้องมองที่ดวงตาของพญานาคที่ทำด้วยลูกแก้วสีแดงก่ำ และเธอก็รู้สึกว่าเหมือนโดนพญานาคจ้องมองกลับมาเหมือนกัน ทันใดนั้นนารีรัตน์รู้สึกตัวเย็นวาบ ขนลุ่กซู่ขึ้นมาทันทีทั้งที่เธอมาที่นี้เป็นประจำแต่เธอก็ไม่เคยมีความรู้สึกอย่างนี้มาก่อนอาจเป็นเพราะเธอไม่เคยจ้องมองที่ดวงตาของรูปปั้นพญานาคเลยก็เป็นได้ เธอรู้สึกประหลาดใจและเอาแขนทั้งสองข้างกอดตัวเองไว้ทันทีพร้อมใช้มือทั้งลูบขึ้นลงและคิดในใจว่า (เฮ้ย ขนลุกเลยอ่ะ)
ทุกอาการและทุกอิริยาบถของนารีรัตน์นั้นอยู่ในสายตาของธีรดลตลอดเวลาเช่นกันเพราะเขาชอบเธอจึงคอยมองเธออยู่ไม่วางตา จนกรณ์วิการู้สึกได้ว่าธีรดล ชายในฝันของเธอช่างมีความสนใจในตัวเพื่อนของเธอมากมายจริงๆ และตัวเธอเองจะมีสิทธิ์พิชิตใจธีรดลได้บ้างหรือไม่ ก็นารีรัตน์เพื่อนเธอนั้นช่างสมบูรณ์แบบ หน้าตาสวยน่ารัก นิสัยดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ชอบทำบุญ เรื่องงานนั้นก็มีความสามารถในสายงานของเธอ มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่เธอจบปริญญาตรีคณะพยาบาลศาสตร์ หลังเรียนจบเธอก็หาเวลาเรียนสายวิชาชีพครูและจบปริญญาโทสาขาบริหารการศึกษา นารีรัตน์จึงสามารถย้ายสายงานและสอบบรรจุข้าราชการครูได้ด้วยความมุมานะของเธอ
นารีรัตน์เธอใฝ่ฝันอยากจะเป็นครูสอนเด็กนักเรียนมัธยมตั้งแต่เด็ก และพ่อแม่ของเธออยากให้เธอเรียนพยาบาล เธอก็เรียนให้ท่านด้วยความเต็มใจ นารีรัตน์เกิดมาในครอบครัวข้าราชการทหารพ่อของเธอเป็นนายทหารจึงอยากให้ลูกสาวรับราชการเช่นเดียวกันจะสายงานใดก็ได้ ส่วนแม่ของเธอนั้นมีธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับการเกษตรและมีสวนยางพารากว่าร้อยไร่เป็นครอบครัวที่สุขสบายแม้ไม่ได้ร่ำรวยมากมากแต่ก็ไม่ขัดสน เมื่อจบมาทำงานวิชาชีพพยาบาลนารีรัตน์ได้รู้ว่า งานโดยทั่วไปเป็นงานเสียสละ โดยเฉพาะเวลาส่วนตัว ต้องขึ้นเวร เช้า บ่าย ดึก ตามภาระหน้าที่ที่ได้รับ แม้จะเป็นสุขใจที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่นแต่เธอก็ไม่มีเวลาดูแลพ่อแม่ของเธอเมื่อยามเจ็บป่วยเพราะความเจ็บป่วยมันไม่ได้เลือกเวลา หากเธอต้องขึ้นเวรในโรงพยาบาลเธอไม่มีเวลาแม้จะปลีกตัวมาดูแลปรนนิบัติหรือเรื่องการเดินเอกสารต่างๆระหว่างท่านเจ็บป่วยในโรงพยาบาลซึ่งมันเป็นหน้าที่ของลูกที่ควรทำซึ่งใครก็ทำแทนไม่ได้ในความคิดของเธอ เนื่องจากเธอเป็นลูกสาวคนเดียวเธอจึงพยายามหาทางออกให้กับตัวเองที่จะได้ทำงานที่ตัวเองรักและได้สานฝันวัยเด็กไปพร้อมกัน การเป็นครูสอนสุขศึกษาและสอนวิชาพระพุทธศาสนาจึงเป็นงานที่เธอรัก ทุกวิชาชีพมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันซึ่งวิชาชีพครูที่เธอเลือกเดินทำให้เธอมีเวลาหยุดพักตามวันหยุดนัตขันตฤกษ์ทั่วไป และได้มีเวลาดูแลพ่อแม่อย่างเต็มที่แม้ว่าเธอจะเสียดายโอกาสในการทำงานในสายงานสาธาณณสุข แต่ชีวิตมันก็ต้องเลือกสักทางที่ตอบโจทย์ในชีวิตตัวเองมากที่สุด
และนั่นเป็นสิ่งที่กรณ์วิกาเข้าใจเพื่อนเธอเป็นอย่างดีก็ไม่แปลกที่ธีรดลจะให้ความสนใจนารีรัตน์เป็นพิเศษ ถึงแม้ธีรดลอาจจะมีตัวเลือกเยอะแต่การที่พวกเขาทำงานในที่เดียวกัน หญิงโสดที่มีใกล้ชิดเขามากเป็นพิเศษอย่างน้อยก็เป็นพวกเธอ กรณ์วิกาคิดในใจ “ เอาน่า อย่างน้อยๆตอนนี้ยายนาก็ไม่ได้สนใจในตัวพี่ธี และเราก็มีโอกาสได้ใกล้ชิดพี่ธีมากกว่าผู้หญิงอื่นที่อยากเข้ามาใกล้ชิดแต่ไม่มีโอกาสไม่แน่สักวันพี่ธีอาจมองเราก็ได้ หากยายนาไม่เปลี่ยนใจก่อนนะไม่งั้นหมดสิทธิ์แน่” กรณ์วิกาคิดให้กำลังใจตัวเองและก็ไม่คิดริษยาเพื่อนหากทั้งสองจะลงเอยกันจริงอย่างน้อยๆเธอก็ได้เห็นคนที่เธอรักทั้งสองได้มีความสุข
ด้วยความที่ธีรดลกำลังให้ความสนใจนารีรัตน์ และอยากพิชิตใจของเธอจึงลืมเห็นความน่ารักสดใสของกรณ์วิกาสาวหมวยน่ารักตารักทันสมัยออกแนวเกาหลีนิดๆ ซึ่งสองสาวนี้มีความสวยใสน่ารักกันคนละแบบและเป็นที่หมายปองของครูหนุ่มในโรงเรียน และหนุ่มๆในอำเภอเลยทีเดียว ครอบครัวของกรณ์วิกามีเชื้อสายจีนและเปิดร้านทองใหญ่ที่สุดประจำอำเภอที่พวกเขาอยู่และมีหลายสาขากระจายตามอำเภอใกล้เคียง เนื่องจากฐานะทางบ้านค่อนข้างมั่นคงและค่านิยมของคนในต่างจังหวัดมักชอบให้ลูกหลานได้ทำงานรับราชการซึ่งถือว่าเป็นเกียรติ เป็นศรีแก่วงศ์ตระกูล ได้เป็นเจ้าเป็นนายตามค่านิยมของคนอิสานโดยส่วนใหญ่ เพราะถึงยังไงถ้ากรณ์วิกาเกิดเบื่องานหรือมีปัญหาอะไรก็สามารถออกมาดำเนินกิจการของครอบครัวได้ทุกเมื่อ
ธีรดล: น้องนา น้องนา เป็นอะไรครับ หนาวเหรอครับ ห่มเสื้อคลุมของพี่มั้ยลมริมโขงมันก็แรงอย่างนี้แหละครับ
นารีรัตน์: (รู้สึกตัวจากภวังค์ของตัวเอง ) อ่อ ปล่าว ปล่าวค่ะพี่ธี นาไม่หนาวค่ะเดี๋ยวขอตัวไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะคะ (เธอพยายามหลบสายตาเพราะไม่อยากให้ใครเห็นอาการและความรู้สึกของเธอในขณะนั้น)
............ติดตามเรื่องราวต่อข้างล่างนะคะ........