นิยายรักข้ามภพ "สายใยสวาท" ตอนที่1

ตอนที่ 1 สายใยสวาท
เกริ่นนำ  " อิหล่า รู้จักคำว่าสายหนิ่ง  สายแนนบ่  นั่นละเป็นสิ่งที่เฮ็ดให้เพิ่นคอยซอยเหลือโตมาตลอด"
      นารีรัตน์  เป็นหญิงสาวน่ารัก ผิวขาว ตัวเล็กบาง  ผมดำยาวสลวย  เป็นครูสาวเพิ่งย้ายมาทำงานอยู่ในโรงเรียนมัธยมชื่อดังประจำอำเภอแถบลุ่มแม่น้ำโขง    เธอได้รับมอบหมายให้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษานักเรียนชั้น ม. 4/1 ซึ่งเป็นห้องเรียนดีร่วมกับอาจารย์ธีรดลหนุ่มหล่อ โปรไฟล์ดีเป็นทายาทเจ้าของโรงแรมหรูประจำจังหวัดและทางบ้านเขายังมีสวนยางพาราอีกเป็นพันกว่าไร่  เขามีประสบการณ์สอนมากกว่าเธอและมีอายุมากกว่าเธอ 5 ปี  ธีรดลนั้นเป็นที่หมายปองหรือชายในฝันของสาวๆ หลายๆคนในจังหวัดอีกด้วย
      ชีวิตการเป็นครูในแต่ละวันนอกจากการสอนแล้วก็ต้องคอยเจอกับความแก่นเซี้ยวของเด็กนักเรียนๆในห้อง ซึ่งทำให้แต่ละวันของเธอเล่นเอาเหนื่อยและเครียดพอสมควร ช่วงพักเบรกของการสอนวิชาพระพุทธศาสนาของช่วงเช้าเธอจึงเดินไปหากรณ์วิกาเพื่อนสมัยมัธยม  ซึ่งเป็นความบังเอิญผสมความโชคดีที่ได้พบเพื่อนเก่าหลังจากจบมัธยมปลายและแยกย้ายกันไปตามทางฝันทั้งสองก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก    จนได้มาพบกันอีกครั้งในฐานะเพื่อนร่วมงานด้วยการที่เป็นเพื่อนกันมาก่อนจึงเกิดความสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว    และในวันหนึ่งด้วยความเหนื่อยอ่อนล้าเธออยากเติมพลังชีวิตโดยการเดินไปหากรณ์วิกาที่โต๊ะทำงานเพื่อจะชวนเธอไปร้านอาหารประจำของเธอ  ซึ่งขณะนั้นกรณ์วิกากำลังเตรียมการสอนวิชาคณิตศาสตร์ในชั่วโมงต่อไป
      นารีรัตน์ : นี่เปรียว  เที่ยงนี้ไปร้านระเบียงริมโขงที่เดิมกันมั้ย
      กรณ์วิกา : ได้สิ แต่มีข้อแม้นะวันนี้เธอต้องชวนพี่ธีไปด้วยนะ  ถ้าเธอจะไม่สนใจพี่เค้า ก็อย่ากั๊กใช้เสน่ห์ให้เป็นประโยชน์  เผื่อเพื่อนจะมีโอกาสทำคะแนนหัวใจบ้าง   น่านะเพื่อนสาวสุดสวย (กรณ์วิกาพูดด้วยรอยยิ้มดวงตาเป็นประกาย)
      นารีรัตน์: ไม่เอาอ่ะ ไปกันแค่สองสาวไม่ได้เลยเหรอ  อยากได้อารมณ์แบบชิลล์ๆริมโขง  อยากผ่อนคลายบ้างอ่ะ  มีผู้ชายไปด้วยจะได้ฟินเหรอจ๊ะ
      กรณ์วิกา: อืม ที่เธอพูดก็มีเหตุผลนะ  ถ้างั้นฉันยุ่งๆเพราะหลังสอนเสร็จฉันก็จะหาอะไรกินแถวโรงเรียนนี่แหละและฉันต้องรีบตรวจรายงานของนักเรียนไงเธอ  (พูดพลางอมยิ้มและทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ใส่นารี)
     นารีรัตน์: หืม ยายเปรียว เธอนี่นะจริงๆเลย  เดี๋ยวฉันโทรชวนก็ได้ (นารีทำหน้ามุ่ยเพราะเสียรู้เพื่อนสาวคนสนิท  แต่เธอก็ต้องยอมเพราะการที่ได้ไปที่นั้นมันทำให้เธอมีพลังชีวิตขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก)
   กรณ์วิกา: ฮ่า ๆๆ ไม่ได้หรอกพี่ธีเค้าออกฮ๊อท ขนาดนั้น  ฉันไม่ใช่เธอนี่ไม่รู้จักของดีใกล้ตัว  อุตส่าห์มีโอกาสได้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาเด็กคู่กัน  แถมมีพี่ธีคอยสอนงานให้ยังไม่รู้จักทำคะแนน      
    หลังจากธีรดลได้รับโทรศัพท์ของนารีที่ชวนเค้าไปทานข้าวเที่ยงที่ร้านระเบียงริมโขง  เค้าก็แอบดีใจที่นารีเป็นคนเอ่ยปากชวน  เพราะที่ผ่านมาเขาพยายามหาโอกาสที่จะสนิทกับเธอให้มากขึ้นนอกเหนือจากหน้าที่การเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาประจำชั้นร่วมกัน  ความจริงแล้วธีรดลมีผู้หญิงที่อยากจะเข้ามาในชีวิตของเขามากมาย  แต่นารีนั้นแตกต่างที่ไม่ได้ให้ความสนใจในเชิงชู้สาวกับเค้าเหมือนกับผู้หญิงทั่วไปเลย  เธอให้ความสัมพันธ์เพียงเพื่อนร่วมงาน หรือพี่ชายเท่านั้น  นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เค้าสนใจเธอและอยากพัฒนาความสัมพันธ์ไปมากกว่าที่เป็นอยู่   และนอกจากนั้นนารีรัตน์เธอดูมีเสน่ห์ในสายตาของเขายังเป็นคนใจบุญ  นิสัยร่าเริง  ขยันมีความรับผิดชอบจึงทำให้ธีรดลนั้นแอบชอบเธออยู่ไม่น้อย
       ธีรดล: ขอบใจมากนะน้องนาที่ชวนพี่  ถ้างั้นไปรถพี่นะ
       นารีรัตน์: เออ..ไปคนละคันดีกว่านะคะ คือพอดีหลังทานข้าวเสร็จอาจจะแวะทำธุระแบบผู้หญิงๆกันหน่อยนะค่ะ เอาเป็นว่าประมาณเที่ยงเจอกันที่ร้านนะคะ
    ที่ร้านระเบียงริมโขง  เป็นร้านอาหารเลื่องชื่อประจำอำเภอ  บรรยากาศของร้านแวดล้อมไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด  ให้ความรู้สึกชุ่มเย็นผ่อนคลายให้กับผู้มาแวะเวียน  มีลมพัดผ่านบริเวณริมโขงเย็นเฉื่อยอยู่ตลอดเวลา  และมุมของร้านที่นารีรัตน์ ชอบมานั่งทุกครั้ง คือ บริเวณบ่อปลาคราฟ์ที่ทางร้านเป็นสวนอย่างสวยงาม  มีรูปปั้นพญานาคสีขาวพ่นน้ำเด่นตระหง่านกลางบ่อน้ำพร้อมทั้งมีต้นพญานาคราชวางเป็นกระถางเรียงรายตามขอบบ่อ  ช่างดูงดงามและให้ความรู้สึกมีมนต์ขลังอย่างบอกไม่ถูกในความรู้สึกของนารีรัตน์
      กรณ์วิกา:  มาทีไรเธอพาก็มานั่งมุมนี้ทุกทีเลยนะ  นา  แต่เอะทำไมถึงจองได้ทุกครั้งล่ะทั้งที่ลูกค้าออกจะเยอะทุกวัน  เอาะ...ลืมไปร้านลูกพี่ลูกน้องเธอนี่นา  ว่าแต่พี่ธีน่ะมาแน่ใช่มั้ย
     กรณ์วิกา พูดยังไม่ทันขาดคำธีรดลก็เดินเข้ามาพอดี  สาวๆภายในร้านมองกันเป็นตาเดียว  ธีรดลข้าราชการหนุ่มหล่อ   ฐานะทางบ้านดีเป็นลูกนายทหารชั้นนายพลและยังเป็นหลานชายคนเดียวของผู้ว่าราชการจังหวัดอีกด้วย   เขาเป็นชายหนุ่มที่สาวแท้  สาวเทียม  ในจังหวัดให้ความสนใจเป็นอย่างมาก   รวมทั้งนพชัยลูกพี่ลูกน้องของนารีรัตน์  ผู้สืบทอดกิจการร้านอาหารคนปัจจุบันที่มีร่างกายเป็นชายแต่หัวใจหญิงก็เป็นอีกหนึ่งคนที่แอบปลื้มธีรดลอยู่เหมือนกัน  
    ธีรดล: พี่คิดอยู่แล้วว่าน้องนาจะมานั่งมุมนี่  ว่าแต่น้องเปรียวก็มาด้วยเหรอครับ ( พูดแล้วพร้อมกับนั่งลงเก้าอี้)
   กรณ์วิกา:  แหม..  พี่ธีก็เปรียวกับนาเป็นเพื่อนสนิทกันนี่คะ  นาไม่มากับเปรียวจะให้มากับใครคะ
   นพชัยกำลังวุ่นอยู่กับการคิดบัญชีค่าอาหารของร้าน  เมื่อเหลือบไปเห็นธีรดลมาก็ดีใจสุดขีด  เขาผละจากงานตรงหน้า  รีบเดินมาที่โต๊ะอาหารที่ทั้งสามคนนั่งอยู่
    นพชัย: โอ้ว  สวัสดีค่ะ  เป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยนะคะ  ที่พี่ธีสุดหล่อมาร้านของพอลลี่  ไม่ทราบว่าวันนี้จะรับอะไรดีค่ะ  เจ๊นาวันนี้พาใครมาไม่มี๊  ไม่มีแจ้งน้องนุ่งบ้างเลยนะจ๊ะ
    นารีรัตน์:  แหม..  มารับออเดอร์เองเลยนะจ๊ะ  ปกติพี่มาก็ไม่เคยมาดูหรอก (เธอพูดและยิ้มอย่างรู้ทันน้องของเธอ)  ไม่ต้องพูดมากพล  วันนี้มีอะไรแนะนำเจ๊ด่วน  เจ๊รีบช่วงบ่ายมีสอน
    นพชัย: ต๊าย!  เจ๊นา  พลเพินอะไรกันคะ  พอลลี่ๆค่ะ  ก็เจ๊มาจนเป็นปกติวิสัยแล้วนี่นา  คิดแค่จานละ 10  บาทจะเอาแค่ไหนคะเจ๊  (เขาพูดหยอกล้อและหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน)
     นารีรัตน์:  ฮ่าๆๆ ถ้าแกคิด  10 บาทกับฉันจริง ฉันจะพาอาจารย์ทั้งโรงเรียนมาอุดหนุนทุกวันเลยดีมะ
    นพชัย:  อ๊ายย!  หยาบคายนะเจ๊ฉัน  ฮ่าๆ  นี่เด็กๆมารับออเดอร์ต่อทีจ้า  เดี๋ยวฉันจะไปรับลูกค้าวีไอพีก่อนพอดีพวกเขามากันแล้ว
   นารีรัตน์:  ห๊ะ มีลูกค้าวีไอพีกว่าพี่ธีของเธออีกเหรอจ๊ะ   ว่าแต่ใครเหรอพล (นพชัยทำตาเขียวใส่) ไม่ใช่สิพอลลี่
   นพชัย:  (เขายิ้มอย่างชอบใจ)  อ๋อ ก็กลุ่มนายตำรวจนะค่ะ   เขาจองห้องวีไอพีไว้เห็นว่าเลี้ยงต้อนรับผู้กองคนใหม่ที่ย้ายจะมาประจำการที่อำเภอของเรานี่แหละค่ะ  พี่ธีค่ะเดี๋ยวพอลลี่ขอตัวก่อนนะคะเสร็จธุระแล้วจะรีบมาดูแลเลยค่ะ
    ธีรดล: อ่อ  ตามสบายเลยครับ ไปนานๆก็ได้ไม่ต้องรีบนะครับ
   นพชัย:  พี่ธีไม่ต้องกลัว  พอลลี่ปันใจให้ผู้กองคนใหม่นะคะ ยังไงพี่ธีก็ที่หนึ่งค่ะ  ฮ่าๆๆ
   ธีรดล: อ่ะคร้าบบ
            เมื่อนพชัยผละไปแล้วพวกเขาทั้งสามก็ไม่ได้สนใจเรื่องของลูกค้าวีไอพีอีก  ต่างคนต่างสั่งอาหาร   ระหว่างรออาหารอยู่นั้นนารีรัตน์ก็ทอดสายตามองไปที่รูปปั้นพญานาคสีขาวพ่นน้ำที่ตั้งตระหง่านกลางบ่อน้ำเธอจ้องมองที่ดวงตาของพญานาคที่ทำด้วยลูกแก้วสีแดงก่ำ  และเธอก็รู้สึกว่าเหมือนโดนพญานาคจ้องมองกลับมาเหมือนกัน   ทันใดนั้นนารีรัตน์รู้สึกตัวเย็นวาบ  ขนลุ่กซู่ขึ้นมาทันทีทั้งที่เธอมาที่นี้เป็นประจำแต่เธอก็ไม่เคยมีความรู้สึกอย่างนี้มาก่อนอาจเป็นเพราะเธอไม่เคยจ้องมองที่ดวงตาของรูปปั้นพญานาคเลยก็เป็นได้  เธอรู้สึกประหลาดใจและเอาแขนทั้งสองข้างกอดตัวเองไว้ทันทีพร้อมใช้มือทั้งลูบขึ้นลงและคิดในใจว่า  (เฮ้ย  ขนลุกเลยอ่ะ)  
          ทุกอาการและทุกอิริยาบถของนารีรัตน์นั้นอยู่ในสายตาของธีรดลตลอดเวลาเช่นกันเพราะเขาชอบเธอจึงคอยมองเธออยู่ไม่วางตา  จนกรณ์วิการู้สึกได้ว่าธีรดล  ชายในฝันของเธอช่างมีความสนใจในตัวเพื่อนของเธอมากมายจริงๆ  และตัวเธอเองจะมีสิทธิ์พิชิตใจธีรดลได้บ้างหรือไม่  ก็นารีรัตน์เพื่อนเธอนั้นช่างสมบูรณ์แบบ  หน้าตาสวยน่ารัก  นิสัยดี  ชอบช่วยเหลือผู้อื่น  ชอบทำบุญ  เรื่องงานนั้นก็มีความสามารถในสายงานของเธอ  มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่เธอจบปริญญาตรีคณะพยาบาลศาสตร์  หลังเรียนจบเธอก็หาเวลาเรียนสายวิชาชีพครูและจบปริญญาโทสาขาบริหารการศึกษา   นารีรัตน์จึงสามารถย้ายสายงานและสอบบรรจุข้าราชการครูได้ด้วยความมุมานะของเธอ  
         นารีรัตน์เธอใฝ่ฝันอยากจะเป็นครูสอนเด็กนักเรียนมัธยมตั้งแต่เด็ก  และพ่อแม่ของเธออยากให้เธอเรียนพยาบาล   เธอก็เรียนให้ท่านด้วยความเต็มใจ  นารีรัตน์เกิดมาในครอบครัวข้าราชการทหารพ่อของเธอเป็นนายทหารจึงอยากให้ลูกสาวรับราชการเช่นเดียวกันจะสายงานใดก็ได้   ส่วนแม่ของเธอนั้นมีธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับการเกษตรและมีสวนยางพารากว่าร้อยไร่เป็นครอบครัวที่สุขสบายแม้ไม่ได้ร่ำรวยมากมากแต่ก็ไม่ขัดสน    เมื่อจบมาทำงานวิชาชีพพยาบาลนารีรัตน์ได้รู้ว่า  งานโดยทั่วไปเป็นงานเสียสละ  โดยเฉพาะเวลาส่วนตัว  ต้องขึ้นเวร เช้า  บ่าย  ดึก  ตามภาระหน้าที่ที่ได้รับ  แม้จะเป็นสุขใจที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่นแต่เธอก็ไม่มีเวลาดูแลพ่อแม่ของเธอเมื่อยามเจ็บป่วยเพราะความเจ็บป่วยมันไม่ได้เลือกเวลา  หากเธอต้องขึ้นเวรในโรงพยาบาลเธอไม่มีเวลาแม้จะปลีกตัวมาดูแลปรนนิบัติหรือเรื่องการเดินเอกสารต่างๆระหว่างท่านเจ็บป่วยในโรงพยาบาลซึ่งมันเป็นหน้าที่ของลูกที่ควรทำซึ่งใครก็ทำแทนไม่ได้ในความคิดของเธอ   เนื่องจากเธอเป็นลูกสาวคนเดียวเธอจึงพยายามหาทางออกให้กับตัวเองที่จะได้ทำงานที่ตัวเองรักและได้สานฝันวัยเด็กไปพร้อมกัน   การเป็นครูสอนสุขศึกษาและสอนวิชาพระพุทธศาสนาจึงเป็นงานที่เธอรัก  ทุกวิชาชีพมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันซึ่งวิชาชีพครูที่เธอเลือกเดินทำให้เธอมีเวลาหยุดพักตามวันหยุดนัตขันตฤกษ์ทั่วไป  และได้มีเวลาดูแลพ่อแม่อย่างเต็มที่แม้ว่าเธอจะเสียดายโอกาสในการทำงานในสายงานสาธาณณสุข  แต่ชีวิตมันก็ต้องเลือกสักทางที่ตอบโจทย์ในชีวิตตัวเองมากที่สุด  
         และนั่นเป็นสิ่งที่กรณ์วิกาเข้าใจเพื่อนเธอเป็นอย่างดีก็ไม่แปลกที่ธีรดลจะให้ความสนใจนารีรัตน์เป็นพิเศษ  ถึงแม้ธีรดลอาจจะมีตัวเลือกเยอะแต่การที่พวกเขาทำงานในที่เดียวกัน  หญิงโสดที่มีใกล้ชิดเขามากเป็นพิเศษอย่างน้อยก็เป็นพวกเธอ   กรณ์วิกาคิดในใจ “ เอาน่า อย่างน้อยๆตอนนี้ยายนาก็ไม่ได้สนใจในตัวพี่ธี  และเราก็มีโอกาสได้ใกล้ชิดพี่ธีมากกว่าผู้หญิงอื่นที่อยากเข้ามาใกล้ชิดแต่ไม่มีโอกาสไม่แน่สักวันพี่ธีอาจมองเราก็ได้  หากยายนาไม่เปลี่ยนใจก่อนนะไม่งั้นหมดสิทธิ์แน่”  กรณ์วิกาคิดให้กำลังใจตัวเองและก็ไม่คิดริษยาเพื่อนหากทั้งสองจะลงเอยกันจริงอย่างน้อยๆเธอก็ได้เห็นคนที่เธอรักทั้งสองได้มีความสุข  
       ด้วยความที่ธีรดลกำลังให้ความสนใจนารีรัตน์  และอยากพิชิตใจของเธอจึงลืมเห็นความน่ารักสดใสของกรณ์วิกาสาวหมวยน่ารักตารักทันสมัยออกแนวเกาหลีนิดๆ  ซึ่งสองสาวนี้มีความสวยใสน่ารักกันคนละแบบและเป็นที่หมายปองของครูหนุ่มในโรงเรียน และหนุ่มๆในอำเภอเลยทีเดียว  ครอบครัวของกรณ์วิกามีเชื้อสายจีนและเปิดร้านทองใหญ่ที่สุดประจำอำเภอที่พวกเขาอยู่และมีหลายสาขากระจายตามอำเภอใกล้เคียง  เนื่องจากฐานะทางบ้านค่อนข้างมั่นคงและค่านิยมของคนในต่างจังหวัดมักชอบให้ลูกหลานได้ทำงานรับราชการซึ่งถือว่าเป็นเกียรติ  เป็นศรีแก่วงศ์ตระกูล  ได้เป็นเจ้าเป็นนายตามค่านิยมของคนอิสานโดยส่วนใหญ่  เพราะถึงยังไงถ้ากรณ์วิกาเกิดเบื่องานหรือมีปัญหาอะไรก็สามารถออกมาดำเนินกิจการของครอบครัวได้ทุกเมื่อ
      ธีรดล: น้องนา  น้องนา  เป็นอะไรครับ  หนาวเหรอครับ  ห่มเสื้อคลุมของพี่มั้ยลมริมโขงมันก็แรงอย่างนี้แหละครับ
      นารีรัตน์: (รู้สึกตัวจากภวังค์ของตัวเอง )  อ่อ  ปล่าว  ปล่าวค่ะพี่ธี  นาไม่หนาวค่ะเดี๋ยวขอตัวไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะคะ (เธอพยายามหลบสายตาเพราะไม่อยากให้ใครเห็นอาการและความรู้สึกของเธอในขณะนั้น)
............ติดตามเรื่องราวต่อข้างล่างนะคะ........
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่