กระทู้นี้ เป็นกระทู้ที่อิชั้นหวังเป็นอย่างยิ่งว่า อาจจะช่วยรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการบูรณะน้องสาว
ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดรีแพร์ เลเซอร์กระชับช่องคลอด
อิชั้นทำงานเกี่ยวกับเรื่องความสวยงาม รวมถึงเทคโนโลยีความงาม
มีโอกาสพูดคุยกับคุณหมอในเรื่องเลเซอร์ โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ ทุกสิ่งที่เป็นเทคโนฯความงาม
แล้วเอามาเรียบเรียงถ่ายทอดให้คนที่ติดตามสื่อได้อ่าน
นี่เป็นเรื่องที่ทำมาตลอดแต่ไม่เคยถ่ายทอดลงพันทิพเลยค่ะคุณขา
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่จะพูดถึงเรื่องเทคโนโลยีความงามในนี้
และว่ากันด้วยเรื่องที่มีโอกาสโดนด่ากันได้ง่ายๆอย่าง
*** การบูรณะน้องสาวหรือการรีแพร์ ***
ทุกสิ่ง รวบรวมจากที่อิชั้นอ่าน ค้นข้อมูล
และพูดคุยกับคุณหมอ และบางสิ่งก็ถ่ายทอดประกอบความคิดเห็นของตัวอิชั้นเอง
มันอาจไม่ถูกต้องเหมาะเหม็งไปซะทุกอย่าง ต้องกราบขออภัยไว้ล่วงหน้าก่อนนะคะคุณขา
ใจนึงกลัวโดนด่า เพราะหลายคนเตือนว่า ถ้าเขียนเรื่องการรีแพร์ลงพันทิพ
แกอาจโดนตราหน้าว่า
“ทำไมผู้หญิงต้องรีแพร์ ถ้ารูจะหลวมเพราะเราต้องคลอดลูก
แล้วผู้ชายมันจะชั่ว ทิ้งไปมีผุ้หญิงอื่น ก็ปล่อยมันไปสิเว้ย!!!”
หรือ
“ทำไมผู้หญิงต้องเจ็บตัว แต่งงานเข้าหอคืนแรกก็เจ็บ คลอดลูกก็เจ็บ พอย้วยต้องมาเจ็บตัวทำรีแพร์อีก
ทีผู้หญิงยังไม่เคยขอให้ผู้ชายไปรีแพร์ไข่ตึงเลยนะเว้ย”
ใจร่มๆค่ะทุกคน ที่อิชั้นอยากเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนฟัง เพราะอยากบอกว่า ปัญหาที่มาจากการน้องหลวม
มันไม่ได้กระทบเรื่องชีวิตคู่อย่างเดียว มันกระทบกับอย่างอื่นด้วย
และที่สำคัญ อิชั้นอบากบอกสาวๆทุกคนว่า
มันมีทางเลือกที่ไม่ต้องเจ็บตัวนะเดี๋ยวนี้น่ะ
แต่ทำไมคนถึงหันมาให้ความสนใจกับเรื่องจิ๋มๆ???
อย่างที่บอกไปในตอนแรกๆ
ว่านอกจากเรื่องในมุ้ง ที่ผู้ชาย (ส่วนน้อยบางคน) มักเอาเรื่องช่องคลอดหลวมมาเป็นเหตุผลประกอบการนอกใจ
ให้ดูผิดน้อยลง หรือดูเป็นความผิดของผู้หญิงไปเลยหรือยังไงก็ช่าง
อันนี้อิชั้นขอกดข้ามไปก่อนนะเธอ
แต่ที่จะพูดถึงคือ
ที่เทคโนโลยีเรื่องเสริมสวยน้องสาวมันพัฒนาไปมากขึ้นขนาดนี้
ทั้งๆที่น้องจิมน้าน เป็นอวัยวะที่เร้นลับสุดๆ แต่ก็ยังเกิดวิวัฒนาการเสริมสวยนางขึ้นมามากมาย
สาเหตที่พอจะยกตัวอย่างได้คือ
1. ค่านิยม ...
คนไข้จากต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาเสริมสวยน้องสาว
เพราะผลขอค่านิยมที่ต้องให้มีเลือดออกในคืนแต่งงานวันแรก
การที่เลือดไม่ไหลในคืนส่งตัว เท่ากับไม่บริสุทธ์ เป็นความอับอาย อะไรประมาณนั้น
สาวๆจากโซนนี้เลยหลั่งไหลเข้ามาในไทยเพื่อเสริมสวยน้องสาวเป็นอันดับต้นๆกันเลยทีเดียว
2. ความมั่นใจ ...
หลายคนสงสัยว่า “ก็จิ๋มมันไม่ต้องไปโบกมือทักทายใคร แล้วมันจะมีผลกะความมั่นใจยังไงฟะ?”
เอ้อ.. มันกะจริงค่ะเธอ ที่จิ๋มไม่ต้องออกมาพบประชาชนเหมือนอวัยวะส่วนอื่นๆ
แต่การเสื่อมโทรมของจิ๋ม มันส่งผลให้เกิดอาการ “ฉี่เล็ด” ด้วยจ้า คิดภาพตามนะเธอ
คือแบบออกไปสังสรรค์กะเพื่อน กำลังสนุก หัวเราะอ้าปากกว้าง ฉี่เล็ดละ
ไอ จาม ก็มาอีกละ แล้วถึงจะออกมานิดหน่อย
แต่ถ้าใครเจอปัญหานี้ จะรู้ว่า ตัวจะมีกลิ่นฉี่ตลอดเวลา
อันนี้แม่อิชั้นเป็นค่ะคุณขา หนักๆเข้าก็ต้องใส่ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ เดินเหินก็ลำบากกันไปอีกงี้
ไอ้เรื่องความมั่นใจนี่หล่ะ ที่มันส่งผลมากมายมากกว่าเรื่องผู้ชายทิ้งไปเพราะถ้ำกว้าง
อย่างรายการนึงของต่างประเทศ จำไม่ได้แล้วว่ารายการอะไร
เค้าพูดถึงความไม่มั่นใจของผู้หญิงคนนึงที่นางคิดว่า จิ๋มนางย้วย ยาน ย้อย
แพลมแคมบริจ จนหดหู่ แล้วทางรายการก็พานางไปบำบัดหมู่
.... ใช่ค่ะคุณ ฟังไม่ผิด ...
ไปบำบัดหมู่กับกลุ่มคนที่ไม่มั่นใจในหน้าตาของจิ๋มเหมือนกัน
ก็คือแลกกันดู พิจารณาว่า ไอ้ที่เธอเป็น
ชั้นก็เป็นนะยะ มันไม่ได้แปลก หรือประหลาดอะไร
มันเป็นธรรมชาติของจิ๋มนะยะ แต่ไอ้ที่พวกที่นางเห็นในหนัง
ไอ้ที่ขาว เนียน เลี่ยนโล่ง ผนึกแน่นสนิท
อั้นนั้นมันจิ๋มในอุดมคติเว้ย!!
พวกนี้เป็นสาเหตุที่อิชั้นเกิดสนใจเทคโนโลยีนี้ขึ้นมาค่ะ
นอกเรื่องไปถึงดาวอังคารละค่ะคุณขา มาต่อเรื่องรีแพร์ด้วย "เลเซอร์" กันบ้าง
ถ้าในส่วนการผ่าตัดรีแพร์ช่องคลอด
อิชั้นจำได้ว่ามีคนใจดีถ่ายทอดประสบการณ์มาให้แล้วคือ คุณ ** นักเล่าเรื่อง**
เจ้าของกระทู้อันโด่งดัง
http://ppantip.com/topic/30706198
ผู้ซึ่งทำให้อิชั้นสนุกกับสำนวนการเขียน
แต่เศร้าใจลึกๆทุกครั้งที่ได้อ่านความเจ็บปวดของเจ้าของกระทู้ผ่านตัวอักษร
คนที่ 2 คือ คุณ “เจ้าเสือน้อย”
ซึ่งทั้ง 2 ท่านได้บรรยายเกี่ยวกับการ “ผ่าตัดรีแพร์” ทั้งขั้นตอนการปรึกษาแพทย์และการผ่าตัด
รวมถึงการพักฟื้นหลังผ่านการขึ้นเขียงไปอย่างละเอียดแล้ว
อิชั้นเลยขอพูดถึงเรื่องการผ่าตัดแบบคร่าวๆค่ะคุณขา
ผ่าตัดรีแพร์
เมื่อก่อน การผ่าตัดรีแพร์ ทำกันแค่ผ่าตัดตกแต่งภายนอก ให้ดูสวยงาม
ไม่ยื่นย้วย คือแต่งปากถ้ำให้สวยงามตระการตา แต่ว่าความกว้างขวางโอ่อ่าข้างใน
ยังเหมือนเดิมค่า ดูเหมือนยังไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่
ก็เลยพัฒนามาเป็นการผ่าตัดรีแพร์ด้านในของช่องคลอด
อันนี้จะแก้ปัญหาการหย่อนยานของผนังช่องคลอดค่ะเธอ สาเหตุของความย้วยหย่อน
เกิดจากการคลอดลูก ยกของหนัก ท้องผูกเรื้อรัง
คนที่เป็นโรคปอดทำให้มีการไออยู่เป็นประจำ
อันนี้เป็นแค่ตัวอย่างของสาเหตุเบื้องต้น
ส่วนรูปแบบของการหย่อนมีอยู่ 3 รูปแบบด้วยกันนะจ๊ะสาวๆ
ร่ายยาวได้ดังนี้
1. การหย่อนยานจากผนังช่องคลอดด้านหน้า
อันนี้จะมีกระเพาะปัสสาวะหย่อนตาม มีอาการปวดหน่วงในอุ้งเชิงกราน
ในบางคนอาจก้อนจุกที่ปากช่องคลอดด้วย การฉี่ก็จะลำบากขึ้นซิเธอทีนี้
2. การหย่อนเป็นถุงด้านหลัง
ซึ่งจะติดกับล้ำไส้ใหญ่ พอผนังช่องคลอดหย่อนลงมา
อิลำไส้ใหญ่ส่วนทวารหนักก็เลยหย่อนตัวตามมาด้วย
3. สุดท้าย แบบเหมาแพ็คคู่
มีการหย่อนยานของช่องคลอดทั้งด้านหน้าและด้านหลังพร้อมกันแบบคอมโบ้เซ็ตเลย
ถ้าใครที่มีปัญหาการหย่อนตัวของพนังช่องคลอดขนาดนี้ ต้องพึ่งการผ่าตัดรัวๆค่ะคุณขา
เดี๋ยวนี้ก็มีการผ่าตัดทั้งด้วยการใช้มีด
ทั้งใช้เลเซอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้หมอขึ้นอีก
ควบคุมความลึกของแผลได้ง่าย ความยาวของแผลเหมือนการใช้มีดแต่แผลตื้นกว่า
เสียเลือดน้อยกว่าใช้มีด
เพราะเส้นเลือดถูกทำลายน้อยกว่างี้
มีภาวะแทรกซ้อนน้อย ไม่บอบช้ำมากด้วย
เมื่อก่อน
ถ้าพูดถึงเรื่องการผ่าตัดรีแพร์ให้ฟิตปั๋ง
ก็จะเป็นการผ่าตัดแบบตัดเนื้อส่วนเกินออก แล้วเย็บติดเพื่อรวบเนื้อเยื่อเข้าด้วยกันอย่างเดียว
แต่สมัยนี้มีเทคนิคใหม่ในการผ่าตัดด้วยนะจ๊ะ คือหมอจะใช้แผ่นพยุงตาข่ายพิเศษ (mesh) ร่วมด้วย
ช่วยพยุงผนังช่องคลอดในรายที่แบบว่ามีการหย่อนย้วยมากๆ
ขั้นตอนคร่าวๆ (ในการผ่าตัดแก้ไขช่องคลอดด้านหน้าหย่อน) คือ
หมอจะกรีดแผลตรงกึ่งกลางผนังช่องคลอด จนไปถึงช่องคลอดด้านบน
จากนั้นก็เลาะช่องคลอดออกจากผังผืดที่ทำหน้าที่พยุงช่องคลอดกับกระเพาะฉี่ออกจากกัน
ถ้าหย่อนมาก ก็มีส่วนที่ถูกตัดออกไปมากหน่อย จากนั้นก็ใช้ไหมละลายเย็บแผล
ซึ่งไหมนี่จะละลายตัวใน 4-5 อาทิตย์ถัดมา
.... แล้วจะฉี่ยังไง?? ..
หมอจะใส่สายสวนฉี่เพื่อให้คนไข้เป็นช่องทางขับถ่าย
จริงๆแล้วการผ่าตัดแบบนี้ หมอจะให้นอนโรงพยาบาล 2-4 วัน
แต่บางกรณีไม่ได้มีปัญหามาก
ก็ไปพักฟื้นที่บ้านได้ ใครที่นอนโรงพยาบาล หมอมักจะใส่สวยสวนฉี่ให้ด้วย กันแผลเปียก ติดเชื้อ
การปฏิบัติตัวหลังผ่าตัด รีแพร์ช่องคลอด
หยุดพักอยู่ที่บ้าน 2-3 วัน
ไม่ควรยกของหนัก
ไม่เดินมากเพราะอาจจะทำให้เจ็บแผล หรือ เกิดการอักเสบได้
ทำความสะอาดแผลโดยนั่งแช่ก้นในน้ำอุ่น ประมาณ 5 นาที วันละ 2 ครั้ง ในช่วง1-2 สัปดาห์
รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์
พบแพทย์หลังผ่าตัด 1 สัปดาห์
งดการมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 45 วัน
ส่วนค่าใช้จ่ายในการทำ อันนี้อิชั้นไปสำรวจมาหลายที่ มันก็มีหลายราคา ช่วงประมาณ 30,000 – 50,000 บาท
แต่ถ้าใครที่ไม่ได้มีปัญหาย้วยมาก ราคาก็จะต่ำลงมาค่าเริ่มที่ 25,000 – 35,000 บาท
ตอนนี้ เทคโนโลยีมันไปไกลกว่าเดิม
เริ่มมี Laser repair เข้ามา
ไม่รู้มีใครเคยเล่าข้อมูลนี้ไปยัง รู้แต่พออิชั้นอยากรู้ อิชั้นก็ส่งอีเมลขอไปกับทางโรงพยาบาล และคุณหมอที่รู้จักกัน
แต่อิชั้นไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร พอทำเรื่องขอเข้าไปเลยน่าจะยากหน่อยค่ะเธอ คือทางโรงพยาบาลก็ไม่รู้ว่า
“อินี่คือใคร?”
เรื่องก็เงียบหายมิดจี่หรี่ พอมีหมอตอบรับมาท่านนึง อิชั้นจึงถามทุกสิ่งอย่างที่อยากรู้ แล้วเอามาถ่ายทอดค่ะ
เท่าที่รู้มา ในบ้านเรามีเลแซอร์ที่ใช้ในการกระชับน้อง อยู่ 2 ชนิดด้วยกัน
(ถ้าข้อมูลตกหล่นต้องขออภัยด้วยเด้อค่า)
คือ
** Co2 Fractional Laser
**Erbium YAG Laser
เปรียบเทียบความต่างระหว่าเลเซอร์รีแพร์ทั้ง 2 ชนิด
ว่าต่างกันยังไงบ้าง
CO2 Fractional Laser
ยกตัวอย่างเช่นเครื่องต่อไปนี้ค่า Monalisa Touch, Evero,
FemiLift เป็นเลเซอร์ที่มีค่าพลังงานสูง ความร้อนก็จะทำให้คอลลาเจน
อิลาสตินหดตัว หย่อนน้อยลงค่ะคุณขา
**ควรทำกี่ครั้ง บ่อยแค่ไหน จะเห็นผลนานไหม
ควรทำ 3-5ครั้ง/ปี เว้นระยะแต่ละครั้งประมาณ 1 เดือน ปกติคนทำก็จะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของน้องสาว
ใน 4-7 วันแรกหลังทำ
**ใช้เวลาฟื้นตัวนานไหม***
ด้วยความที่ Fractional Co2 มีความร้อนสูง เลยจะทำให้มีระยะพักฟื้น 1-3 วันแรก
ช่วงนี้ต้องงดยกของหนัก หรือออกกำลังหนักๆไปก่อนนะเธอ
ช่วง 2 อาทิตย์หลังทำ หมอจะให้ใส่ผ้าอนามัย งดกุ๊กกิ๊กกะแฟน
งดอาบน้ำร้อน
Erbium YAG Laser
ยกตัวอย่างเช่น เครื่อง Julian Erbium Laser, Imstima Laser
ก็เป็นการใช้พลังงานเลเซอร์ ทำให้เนื้อเยื่อเกิดความร้อน
ทำให้คอลาเจนเกิดการหดตัวลงในทันที
ส่งผลให้เยื่อบุช่องคลอดหดสั้นลงและมีความหนาขึ้น
และทำให้พื้นผิวช่องคลอดลดลง–ทําให้ช่องคลอดแคบลง
คล้ายๆกับ Fractional co2 laser
เพียงแต่มีค่าพลังงานที่น้อยกว่า ระยะพักฟื้นก็เลยแทบไม่มี
เพียงแต่อาจจะระบมใน 1-2 วันแรกที่ทำ ค่ะคุณขา
ข้อดีคือไม่ต้องพักฟื้นมาก แต่ข้อเสียคือต้องทำมากครั้งกว่า Fractional Co2 Laser
ถ้าถามว่าอันไหนดีกว่ากัน ??
มันก็ตอบแบบฟันธงไม่ได้นะเธอ
มันขึ้นอยู่กับเจ้าตัวว่าอยากได้การรักษาแบบไหนเนาะ
บางคนรู้สึกว่า ถึงจะพักฟื้นนานกว่า แต่ทำน้อยกว่า มันเต็มที่กะชีวิตกว่า
แต่บางคนอาจคิดว่า ช้าๆได้พร้าเล่มงามนะยะ ทำหลายครั้งกว่าหน่อย แต่ไม่เจ็บ ไม่พักฟื้นมาก จะชิวกว่าอักโข
อันนี้มันอยู่ที่สไตล์ของแต่ละคนอีกนั่นแหละ
หลายคนอาจสงสัยว่า เลเซอร์มันทำงานยังไงให้ช่องคลอดหดกระชับได้ล่ะนั่น
อิชั้นจึงจัดวิดิโอแบบภาพจำลองมาให้ดูแก้สงสัยกันเนาะ ซึ่งต้องขอบคุณข้อมูลในส่วนของเลเซอร์ รีแพร์จาก
*แพทย์หญิงอณัฏฐ์ชา อัศดามงคล
ที่กรุณาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเลเซอร์รีแพร์นี้ค่ะคุณขา
คลิปวิดิโอเลเซอร์ รีแพร์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://youtu.be/G7fOB2Cj4BU
ตอนนี้
นอกจากเลเซอร์จะช่วยกระชับกล้ามเนื้อช่องคลอดได้แล้ว แพทย์หลายท่านยังใช้ตกแต่งหน้าตา
สีสันของน้องสาวได้อีกด้วยนะเออ
ก็ล้ำไปอี้ก
แว่วๆว่าตอนนี้ มีเทคโนโลยีตัวใหม่ เป็นการกระชับกล้ามเนื้อช่องคลอด
ด้วยคลื่นวิทยุ หรือ Radio Frequency ด้วย
อันนี้อิชั้นขอไปเก็บข้อมูลก่อน แล้วจะมาเล่าให้ฟังอีกที
(ถ้ากระทู้นี้ไม่โดนด่าซะก่อนนะจ๊ะ)
มาดามเม้าท์หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์บ้าง
เพราะอย่างน้อย ถ้าใครที่มีปัญหาปัสสาวะเล็ด แต่ไม่ได้มีปัญหามากขนาดที่ผนังช่องคลอดไหลไปกองที่ปากช่องคลอด
เลเซอร์ยังเป็นทางเลือกที่เจ็บตัวน้อยกว่า แต่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจเหมือนกันนะเธอ
ส่วนตอนนี้ อิชั้นลาไปก่อนเด้อจ้า
ว่าด้วยเรื่องของเทคโนโลยีบูรณะน้องสาว (ถ้าใครไม่สนใจข้อมูลนี้ก็กดผ่านไปเลยนะคะ)
กระทู้นี้ เป็นกระทู้ที่อิชั้นหวังเป็นอย่างยิ่งว่า อาจจะช่วยรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการบูรณะน้องสาว
ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดรีแพร์ เลเซอร์กระชับช่องคลอด
อิชั้นทำงานเกี่ยวกับเรื่องความสวยงาม รวมถึงเทคโนโลยีความงาม
มีโอกาสพูดคุยกับคุณหมอในเรื่องเลเซอร์ โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ ทุกสิ่งที่เป็นเทคโนฯความงาม
แล้วเอามาเรียบเรียงถ่ายทอดให้คนที่ติดตามสื่อได้อ่าน
นี่เป็นเรื่องที่ทำมาตลอดแต่ไม่เคยถ่ายทอดลงพันทิพเลยค่ะคุณขา
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่จะพูดถึงเรื่องเทคโนโลยีความงามในนี้
และว่ากันด้วยเรื่องที่มีโอกาสโดนด่ากันได้ง่ายๆอย่าง
*** การบูรณะน้องสาวหรือการรีแพร์ ***
ทุกสิ่ง รวบรวมจากที่อิชั้นอ่าน ค้นข้อมูล
และพูดคุยกับคุณหมอ และบางสิ่งก็ถ่ายทอดประกอบความคิดเห็นของตัวอิชั้นเอง
มันอาจไม่ถูกต้องเหมาะเหม็งไปซะทุกอย่าง ต้องกราบขออภัยไว้ล่วงหน้าก่อนนะคะคุณขา
ใจนึงกลัวโดนด่า เพราะหลายคนเตือนว่า ถ้าเขียนเรื่องการรีแพร์ลงพันทิพ
แกอาจโดนตราหน้าว่า
“ทำไมผู้หญิงต้องรีแพร์ ถ้ารูจะหลวมเพราะเราต้องคลอดลูก
แล้วผู้ชายมันจะชั่ว ทิ้งไปมีผุ้หญิงอื่น ก็ปล่อยมันไปสิเว้ย!!!”
หรือ
“ทำไมผู้หญิงต้องเจ็บตัว แต่งงานเข้าหอคืนแรกก็เจ็บ คลอดลูกก็เจ็บ พอย้วยต้องมาเจ็บตัวทำรีแพร์อีก
ทีผู้หญิงยังไม่เคยขอให้ผู้ชายไปรีแพร์ไข่ตึงเลยนะเว้ย”
ใจร่มๆค่ะทุกคน ที่อิชั้นอยากเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนฟัง เพราะอยากบอกว่า ปัญหาที่มาจากการน้องหลวม
มันไม่ได้กระทบเรื่องชีวิตคู่อย่างเดียว มันกระทบกับอย่างอื่นด้วย
และที่สำคัญ อิชั้นอบากบอกสาวๆทุกคนว่า
มันมีทางเลือกที่ไม่ต้องเจ็บตัวนะเดี๋ยวนี้น่ะ
แต่ทำไมคนถึงหันมาให้ความสนใจกับเรื่องจิ๋มๆ???
อย่างที่บอกไปในตอนแรกๆ
ว่านอกจากเรื่องในมุ้ง ที่ผู้ชาย (ส่วนน้อยบางคน) มักเอาเรื่องช่องคลอดหลวมมาเป็นเหตุผลประกอบการนอกใจ
ให้ดูผิดน้อยลง หรือดูเป็นความผิดของผู้หญิงไปเลยหรือยังไงก็ช่าง
อันนี้อิชั้นขอกดข้ามไปก่อนนะเธอ
แต่ที่จะพูดถึงคือ
ที่เทคโนโลยีเรื่องเสริมสวยน้องสาวมันพัฒนาไปมากขึ้นขนาดนี้
ทั้งๆที่น้องจิมน้าน เป็นอวัยวะที่เร้นลับสุดๆ แต่ก็ยังเกิดวิวัฒนาการเสริมสวยนางขึ้นมามากมาย
สาเหตที่พอจะยกตัวอย่างได้คือ
1. ค่านิยม ...
คนไข้จากต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาเสริมสวยน้องสาว
เพราะผลขอค่านิยมที่ต้องให้มีเลือดออกในคืนแต่งงานวันแรก
การที่เลือดไม่ไหลในคืนส่งตัว เท่ากับไม่บริสุทธ์ เป็นความอับอาย อะไรประมาณนั้น
สาวๆจากโซนนี้เลยหลั่งไหลเข้ามาในไทยเพื่อเสริมสวยน้องสาวเป็นอันดับต้นๆกันเลยทีเดียว
2. ความมั่นใจ ...
หลายคนสงสัยว่า “ก็จิ๋มมันไม่ต้องไปโบกมือทักทายใคร แล้วมันจะมีผลกะความมั่นใจยังไงฟะ?”
เอ้อ.. มันกะจริงค่ะเธอ ที่จิ๋มไม่ต้องออกมาพบประชาชนเหมือนอวัยวะส่วนอื่นๆ
แต่การเสื่อมโทรมของจิ๋ม มันส่งผลให้เกิดอาการ “ฉี่เล็ด” ด้วยจ้า คิดภาพตามนะเธอ
คือแบบออกไปสังสรรค์กะเพื่อน กำลังสนุก หัวเราะอ้าปากกว้าง ฉี่เล็ดละ
ไอ จาม ก็มาอีกละ แล้วถึงจะออกมานิดหน่อย
แต่ถ้าใครเจอปัญหานี้ จะรู้ว่า ตัวจะมีกลิ่นฉี่ตลอดเวลา
อันนี้แม่อิชั้นเป็นค่ะคุณขา หนักๆเข้าก็ต้องใส่ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ เดินเหินก็ลำบากกันไปอีกงี้
ไอ้เรื่องความมั่นใจนี่หล่ะ ที่มันส่งผลมากมายมากกว่าเรื่องผู้ชายทิ้งไปเพราะถ้ำกว้าง
อย่างรายการนึงของต่างประเทศ จำไม่ได้แล้วว่ารายการอะไร
เค้าพูดถึงความไม่มั่นใจของผู้หญิงคนนึงที่นางคิดว่า จิ๋มนางย้วย ยาน ย้อย
แพลมแคมบริจ จนหดหู่ แล้วทางรายการก็พานางไปบำบัดหมู่
.... ใช่ค่ะคุณ ฟังไม่ผิด ...
ไปบำบัดหมู่กับกลุ่มคนที่ไม่มั่นใจในหน้าตาของจิ๋มเหมือนกัน
ก็คือแลกกันดู พิจารณาว่า ไอ้ที่เธอเป็น
ชั้นก็เป็นนะยะ มันไม่ได้แปลก หรือประหลาดอะไร
มันเป็นธรรมชาติของจิ๋มนะยะ แต่ไอ้ที่พวกที่นางเห็นในหนัง
ไอ้ที่ขาว เนียน เลี่ยนโล่ง ผนึกแน่นสนิท
อั้นนั้นมันจิ๋มในอุดมคติเว้ย!!
พวกนี้เป็นสาเหตุที่อิชั้นเกิดสนใจเทคโนโลยีนี้ขึ้นมาค่ะ
นอกเรื่องไปถึงดาวอังคารละค่ะคุณขา มาต่อเรื่องรีแพร์ด้วย "เลเซอร์" กันบ้าง
ถ้าในส่วนการผ่าตัดรีแพร์ช่องคลอด
อิชั้นจำได้ว่ามีคนใจดีถ่ายทอดประสบการณ์มาให้แล้วคือ คุณ ** นักเล่าเรื่อง**
เจ้าของกระทู้อันโด่งดัง http://ppantip.com/topic/30706198
ผู้ซึ่งทำให้อิชั้นสนุกกับสำนวนการเขียน
แต่เศร้าใจลึกๆทุกครั้งที่ได้อ่านความเจ็บปวดของเจ้าของกระทู้ผ่านตัวอักษร
คนที่ 2 คือ คุณ “เจ้าเสือน้อย”
ซึ่งทั้ง 2 ท่านได้บรรยายเกี่ยวกับการ “ผ่าตัดรีแพร์” ทั้งขั้นตอนการปรึกษาแพทย์และการผ่าตัด
รวมถึงการพักฟื้นหลังผ่านการขึ้นเขียงไปอย่างละเอียดแล้ว
อิชั้นเลยขอพูดถึงเรื่องการผ่าตัดแบบคร่าวๆค่ะคุณขา
ผ่าตัดรีแพร์
เมื่อก่อน การผ่าตัดรีแพร์ ทำกันแค่ผ่าตัดตกแต่งภายนอก ให้ดูสวยงาม
ไม่ยื่นย้วย คือแต่งปากถ้ำให้สวยงามตระการตา แต่ว่าความกว้างขวางโอ่อ่าข้างใน
ยังเหมือนเดิมค่า ดูเหมือนยังไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่
ก็เลยพัฒนามาเป็นการผ่าตัดรีแพร์ด้านในของช่องคลอด
อันนี้จะแก้ปัญหาการหย่อนยานของผนังช่องคลอดค่ะเธอ สาเหตุของความย้วยหย่อน
เกิดจากการคลอดลูก ยกของหนัก ท้องผูกเรื้อรัง
คนที่เป็นโรคปอดทำให้มีการไออยู่เป็นประจำ
อันนี้เป็นแค่ตัวอย่างของสาเหตุเบื้องต้น
ส่วนรูปแบบของการหย่อนมีอยู่ 3 รูปแบบด้วยกันนะจ๊ะสาวๆ
ร่ายยาวได้ดังนี้
1. การหย่อนยานจากผนังช่องคลอดด้านหน้า
อันนี้จะมีกระเพาะปัสสาวะหย่อนตาม มีอาการปวดหน่วงในอุ้งเชิงกราน
ในบางคนอาจก้อนจุกที่ปากช่องคลอดด้วย การฉี่ก็จะลำบากขึ้นซิเธอทีนี้
2. การหย่อนเป็นถุงด้านหลัง
ซึ่งจะติดกับล้ำไส้ใหญ่ พอผนังช่องคลอดหย่อนลงมา
อิลำไส้ใหญ่ส่วนทวารหนักก็เลยหย่อนตัวตามมาด้วย
3. สุดท้าย แบบเหมาแพ็คคู่
มีการหย่อนยานของช่องคลอดทั้งด้านหน้าและด้านหลังพร้อมกันแบบคอมโบ้เซ็ตเลย
ถ้าใครที่มีปัญหาการหย่อนตัวของพนังช่องคลอดขนาดนี้ ต้องพึ่งการผ่าตัดรัวๆค่ะคุณขา
เดี๋ยวนี้ก็มีการผ่าตัดทั้งด้วยการใช้มีด
ทั้งใช้เลเซอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้หมอขึ้นอีก
ควบคุมความลึกของแผลได้ง่าย ความยาวของแผลเหมือนการใช้มีดแต่แผลตื้นกว่า
เสียเลือดน้อยกว่าใช้มีด
เพราะเส้นเลือดถูกทำลายน้อยกว่างี้
มีภาวะแทรกซ้อนน้อย ไม่บอบช้ำมากด้วย
เมื่อก่อน
ถ้าพูดถึงเรื่องการผ่าตัดรีแพร์ให้ฟิตปั๋ง
ก็จะเป็นการผ่าตัดแบบตัดเนื้อส่วนเกินออก แล้วเย็บติดเพื่อรวบเนื้อเยื่อเข้าด้วยกันอย่างเดียว
แต่สมัยนี้มีเทคนิคใหม่ในการผ่าตัดด้วยนะจ๊ะ คือหมอจะใช้แผ่นพยุงตาข่ายพิเศษ (mesh) ร่วมด้วย
ช่วยพยุงผนังช่องคลอดในรายที่แบบว่ามีการหย่อนย้วยมากๆ
ขั้นตอนคร่าวๆ (ในการผ่าตัดแก้ไขช่องคลอดด้านหน้าหย่อน) คือ
หมอจะกรีดแผลตรงกึ่งกลางผนังช่องคลอด จนไปถึงช่องคลอดด้านบน
จากนั้นก็เลาะช่องคลอดออกจากผังผืดที่ทำหน้าที่พยุงช่องคลอดกับกระเพาะฉี่ออกจากกัน
ถ้าหย่อนมาก ก็มีส่วนที่ถูกตัดออกไปมากหน่อย จากนั้นก็ใช้ไหมละลายเย็บแผล
ซึ่งไหมนี่จะละลายตัวใน 4-5 อาทิตย์ถัดมา
.... แล้วจะฉี่ยังไง?? ..
หมอจะใส่สายสวนฉี่เพื่อให้คนไข้เป็นช่องทางขับถ่าย
จริงๆแล้วการผ่าตัดแบบนี้ หมอจะให้นอนโรงพยาบาล 2-4 วัน
แต่บางกรณีไม่ได้มีปัญหามาก
ก็ไปพักฟื้นที่บ้านได้ ใครที่นอนโรงพยาบาล หมอมักจะใส่สวยสวนฉี่ให้ด้วย กันแผลเปียก ติดเชื้อ
การปฏิบัติตัวหลังผ่าตัด รีแพร์ช่องคลอด
หยุดพักอยู่ที่บ้าน 2-3 วัน
ไม่ควรยกของหนัก
ไม่เดินมากเพราะอาจจะทำให้เจ็บแผล หรือ เกิดการอักเสบได้
ทำความสะอาดแผลโดยนั่งแช่ก้นในน้ำอุ่น ประมาณ 5 นาที วันละ 2 ครั้ง ในช่วง1-2 สัปดาห์
รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์
พบแพทย์หลังผ่าตัด 1 สัปดาห์
งดการมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 45 วัน
ส่วนค่าใช้จ่ายในการทำ อันนี้อิชั้นไปสำรวจมาหลายที่ มันก็มีหลายราคา ช่วงประมาณ 30,000 – 50,000 บาท
แต่ถ้าใครที่ไม่ได้มีปัญหาย้วยมาก ราคาก็จะต่ำลงมาค่าเริ่มที่ 25,000 – 35,000 บาท
ตอนนี้ เทคโนโลยีมันไปไกลกว่าเดิม
เริ่มมี Laser repair เข้ามา
ไม่รู้มีใครเคยเล่าข้อมูลนี้ไปยัง รู้แต่พออิชั้นอยากรู้ อิชั้นก็ส่งอีเมลขอไปกับทางโรงพยาบาล และคุณหมอที่รู้จักกัน
แต่อิชั้นไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร พอทำเรื่องขอเข้าไปเลยน่าจะยากหน่อยค่ะเธอ คือทางโรงพยาบาลก็ไม่รู้ว่า
“อินี่คือใคร?”
เรื่องก็เงียบหายมิดจี่หรี่ พอมีหมอตอบรับมาท่านนึง อิชั้นจึงถามทุกสิ่งอย่างที่อยากรู้ แล้วเอามาถ่ายทอดค่ะ
เท่าที่รู้มา ในบ้านเรามีเลแซอร์ที่ใช้ในการกระชับน้อง อยู่ 2 ชนิดด้วยกัน
(ถ้าข้อมูลตกหล่นต้องขออภัยด้วยเด้อค่า)
คือ
** Co2 Fractional Laser
**Erbium YAG Laser
เปรียบเทียบความต่างระหว่าเลเซอร์รีแพร์ทั้ง 2 ชนิด
ว่าต่างกันยังไงบ้าง
CO2 Fractional Laser
ยกตัวอย่างเช่นเครื่องต่อไปนี้ค่า Monalisa Touch, Evero,
FemiLift เป็นเลเซอร์ที่มีค่าพลังงานสูง ความร้อนก็จะทำให้คอลลาเจน
อิลาสตินหดตัว หย่อนน้อยลงค่ะคุณขา
**ควรทำกี่ครั้ง บ่อยแค่ไหน จะเห็นผลนานไหม
ควรทำ 3-5ครั้ง/ปี เว้นระยะแต่ละครั้งประมาณ 1 เดือน ปกติคนทำก็จะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของน้องสาว
ใน 4-7 วันแรกหลังทำ
**ใช้เวลาฟื้นตัวนานไหม***
ด้วยความที่ Fractional Co2 มีความร้อนสูง เลยจะทำให้มีระยะพักฟื้น 1-3 วันแรก
ช่วงนี้ต้องงดยกของหนัก หรือออกกำลังหนักๆไปก่อนนะเธอ
ช่วง 2 อาทิตย์หลังทำ หมอจะให้ใส่ผ้าอนามัย งดกุ๊กกิ๊กกะแฟน
งดอาบน้ำร้อน
Erbium YAG Laser
ยกตัวอย่างเช่น เครื่อง Julian Erbium Laser, Imstima Laser
ก็เป็นการใช้พลังงานเลเซอร์ ทำให้เนื้อเยื่อเกิดความร้อน
ทำให้คอลาเจนเกิดการหดตัวลงในทันที
ส่งผลให้เยื่อบุช่องคลอดหดสั้นลงและมีความหนาขึ้น
และทำให้พื้นผิวช่องคลอดลดลง–ทําให้ช่องคลอดแคบลง
คล้ายๆกับ Fractional co2 laser
เพียงแต่มีค่าพลังงานที่น้อยกว่า ระยะพักฟื้นก็เลยแทบไม่มี
เพียงแต่อาจจะระบมใน 1-2 วันแรกที่ทำ ค่ะคุณขา
ข้อดีคือไม่ต้องพักฟื้นมาก แต่ข้อเสียคือต้องทำมากครั้งกว่า Fractional Co2 Laser
ถ้าถามว่าอันไหนดีกว่ากัน ??
มันก็ตอบแบบฟันธงไม่ได้นะเธอ
มันขึ้นอยู่กับเจ้าตัวว่าอยากได้การรักษาแบบไหนเนาะ
บางคนรู้สึกว่า ถึงจะพักฟื้นนานกว่า แต่ทำน้อยกว่า มันเต็มที่กะชีวิตกว่า
แต่บางคนอาจคิดว่า ช้าๆได้พร้าเล่มงามนะยะ ทำหลายครั้งกว่าหน่อย แต่ไม่เจ็บ ไม่พักฟื้นมาก จะชิวกว่าอักโข
อันนี้มันอยู่ที่สไตล์ของแต่ละคนอีกนั่นแหละ
หลายคนอาจสงสัยว่า เลเซอร์มันทำงานยังไงให้ช่องคลอดหดกระชับได้ล่ะนั่น
อิชั้นจึงจัดวิดิโอแบบภาพจำลองมาให้ดูแก้สงสัยกันเนาะ ซึ่งต้องขอบคุณข้อมูลในส่วนของเลเซอร์ รีแพร์จาก
*แพทย์หญิงอณัฏฐ์ชา อัศดามงคล
ที่กรุณาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเลเซอร์รีแพร์นี้ค่ะคุณขา
คลิปวิดิโอเลเซอร์ รีแพร์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนนี้
นอกจากเลเซอร์จะช่วยกระชับกล้ามเนื้อช่องคลอดได้แล้ว แพทย์หลายท่านยังใช้ตกแต่งหน้าตา
สีสันของน้องสาวได้อีกด้วยนะเออ
ก็ล้ำไปอี้ก
แว่วๆว่าตอนนี้ มีเทคโนโลยีตัวใหม่ เป็นการกระชับกล้ามเนื้อช่องคลอด
ด้วยคลื่นวิทยุ หรือ Radio Frequency ด้วย
อันนี้อิชั้นขอไปเก็บข้อมูลก่อน แล้วจะมาเล่าให้ฟังอีกที
(ถ้ากระทู้นี้ไม่โดนด่าซะก่อนนะจ๊ะ)
มาดามเม้าท์หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์บ้าง
เพราะอย่างน้อย ถ้าใครที่มีปัญหาปัสสาวะเล็ด แต่ไม่ได้มีปัญหามากขนาดที่ผนังช่องคลอดไหลไปกองที่ปากช่องคลอด
เลเซอร์ยังเป็นทางเลือกที่เจ็บตัวน้อยกว่า แต่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจเหมือนกันนะเธอ
ส่วนตอนนี้ อิชั้นลาไปก่อนเด้อจ้า