1) ความสมบูรณ์ Vs ความรอบคอบ
เคยมีวลีฝรั่งที่ว่า “อย่าคาดหวังในความสมบูรณ์แบบ แต่ให้ใส่ใจในทุกๆรายละเอียด” การลงทุนก็เช่นกัน เปลี่ยนจากความสมบูรณ์แบบ เป็นใส่ใจ และรอบคอบในทุกๆครั้งที่ลงทุน ผลลัพธ์น่าจะสวยกว่านั่งคาดหวังว่าจากนี้ไปจนถึง 10 ปี ลงทุนแล้วต้องมีกำไร
2) เลือกวิธีลงทุนที่เหมาะสมกับคุณ
การลงทุนมีหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่จะใช้ระยะเวลา + ผลตอบแทนเป็นตัวกำหนดรูปแบบการลงทุน หากปัจจุบันคนลงทุนอยู่แล้วขาดทุน ให้ลองสังเกตุพฤติกรรมแล้วทำตรงข้ามดูนะ อาจจะเจอวิธีที่เหมาะกับคุณก็ได้
3) ต้องมีแผนและต้องทำตามมัน
เคยเดินทางไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศที่เราไม่เคยไปไหมครับ เราต้องมีการกำหนดว่าวันนี้จะทำอะไร ไปที่ไหน ที่นั่นมีอะไรเป็นพิเศษ และหากเราลืมแผนที่ หรือไม่ได้ทำตามมัน สุดท้ายเราก็หลงทางหรือพลาดโอกาสดีๆไป ซึ่ง “การลงทุน” ก็เช่นกัน แผนของคุณคืออะไร การวาง Stop loss หรือ Take Profit กี่ % แล้วเมื่อถึงจุดนั้นคุณได้ทำตามแผนที่วางไว้หรือเปล่า ลองทบทวนดูนะ
4) ทดลอง ทดลอง ทดลอง
ทฤษฎี เกิดจากปัญหา และนำมาซึ่งการทดลอง เป็น 100 เป็น 1,000 ครั้ง และผลต้องออกมาเหมือนเดิมทุกครั้ง นั่นถึงเป็นทฤษฎี ฉะนั้นเครื่องมือหรือวิธีการลงทุนมี เป็น 100 เป็น 1,000 รูปแบบเช่นกัน คุณน่าจะทดลอง ทดลอง ทดลอง ทำมัน เผื่อจะเจอทฤษฎีในแบบคุณก็ได้นะครับ
5) คิดบวก และต้องเชื่อมั่นว่าคุณทำได้
คุณคงไม่ยอมฝากเงิน 1,000,000 ให้กับใครก็ตามไปลงทุนให้กับคุณ เด็ดขาด ใช่ไหมครับ ฉะนั้นจงเชื่อมั่นในตัวเรา ความคิดเรา และผลของการกระทำของเรา หากมันผิด คุณลองย้อนกลับไป ดูข้อ 4 มันอาจเป็นส่วนนึงของการทดลอง และสุดท้ายมันอาจจะนำมาซึ่ง ข้อ 2 การลงทุนในแบบคุณก็ได้นะ
6) เปลี่ยนความสำเร็จเป็นคะแนน ไม่ใช่ตัวเงิน
เงินมันมีมูลค่า หากเสียไปก็คงจะเครียดไม่น้อยเลย ลองเปลี่ยนใหม่ เหมือนว่าเรามาเล่นเกม ไม่ว่าจะได้หรือเสียให้คิดว่าเป็นเพียงคะแนน ผมเชื่อว่าความเครียดอาจจะเบาบาง จนทำให้ความโลภจางลงก็ได้นะครับ
7) หาจุดสมดุลในการเทรด
หากคุณอยากได้กำไร 5% ใน 1 วัน คุณอาจจะต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงแบบ 100% ฉะนั้นลองดู % ของความเสี่ยงก่อน แล้วนำมาวิเคราะห์ประกอบกับ ระยะเวลา + ผลตอบแทนในการลงทุน ตรงนี้น่าจะช่วยหาจุดสมดุลทั้งรับและรุกได้นะ
7 นิสัย การลงทุนในยุค 21st Century
1) ความสมบูรณ์ Vs ความรอบคอบ
เคยมีวลีฝรั่งที่ว่า “อย่าคาดหวังในความสมบูรณ์แบบ แต่ให้ใส่ใจในทุกๆรายละเอียด” การลงทุนก็เช่นกัน เปลี่ยนจากความสมบูรณ์แบบ เป็นใส่ใจ และรอบคอบในทุกๆครั้งที่ลงทุน ผลลัพธ์น่าจะสวยกว่านั่งคาดหวังว่าจากนี้ไปจนถึง 10 ปี ลงทุนแล้วต้องมีกำไร
2) เลือกวิธีลงทุนที่เหมาะสมกับคุณ
การลงทุนมีหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่จะใช้ระยะเวลา + ผลตอบแทนเป็นตัวกำหนดรูปแบบการลงทุน หากปัจจุบันคนลงทุนอยู่แล้วขาดทุน ให้ลองสังเกตุพฤติกรรมแล้วทำตรงข้ามดูนะ อาจจะเจอวิธีที่เหมาะกับคุณก็ได้
3) ต้องมีแผนและต้องทำตามมัน
เคยเดินทางไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศที่เราไม่เคยไปไหมครับ เราต้องมีการกำหนดว่าวันนี้จะทำอะไร ไปที่ไหน ที่นั่นมีอะไรเป็นพิเศษ และหากเราลืมแผนที่ หรือไม่ได้ทำตามมัน สุดท้ายเราก็หลงทางหรือพลาดโอกาสดีๆไป ซึ่ง “การลงทุน” ก็เช่นกัน แผนของคุณคืออะไร การวาง Stop loss หรือ Take Profit กี่ % แล้วเมื่อถึงจุดนั้นคุณได้ทำตามแผนที่วางไว้หรือเปล่า ลองทบทวนดูนะ
4) ทดลอง ทดลอง ทดลอง
ทฤษฎี เกิดจากปัญหา และนำมาซึ่งการทดลอง เป็น 100 เป็น 1,000 ครั้ง และผลต้องออกมาเหมือนเดิมทุกครั้ง นั่นถึงเป็นทฤษฎี ฉะนั้นเครื่องมือหรือวิธีการลงทุนมี เป็น 100 เป็น 1,000 รูปแบบเช่นกัน คุณน่าจะทดลอง ทดลอง ทดลอง ทำมัน เผื่อจะเจอทฤษฎีในแบบคุณก็ได้นะครับ
5) คิดบวก และต้องเชื่อมั่นว่าคุณทำได้
คุณคงไม่ยอมฝากเงิน 1,000,000 ให้กับใครก็ตามไปลงทุนให้กับคุณ เด็ดขาด ใช่ไหมครับ ฉะนั้นจงเชื่อมั่นในตัวเรา ความคิดเรา และผลของการกระทำของเรา หากมันผิด คุณลองย้อนกลับไป ดูข้อ 4 มันอาจเป็นส่วนนึงของการทดลอง และสุดท้ายมันอาจจะนำมาซึ่ง ข้อ 2 การลงทุนในแบบคุณก็ได้นะ
6) เปลี่ยนความสำเร็จเป็นคะแนน ไม่ใช่ตัวเงิน
เงินมันมีมูลค่า หากเสียไปก็คงจะเครียดไม่น้อยเลย ลองเปลี่ยนใหม่ เหมือนว่าเรามาเล่นเกม ไม่ว่าจะได้หรือเสียให้คิดว่าเป็นเพียงคะแนน ผมเชื่อว่าความเครียดอาจจะเบาบาง จนทำให้ความโลภจางลงก็ได้นะครับ
7) หาจุดสมดุลในการเทรด
หากคุณอยากได้กำไร 5% ใน 1 วัน คุณอาจจะต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงแบบ 100% ฉะนั้นลองดู % ของความเสี่ยงก่อน แล้วนำมาวิเคราะห์ประกอบกับ ระยะเวลา + ผลตอบแทนในการลงทุน ตรงนี้น่าจะช่วยหาจุดสมดุลทั้งรับและรุกได้นะ