1. ภาวะเส้นประสาทส่วนปลายอักเสบฯคืออะไร?
ภาวะเส้นประสาทส่วนปลายอักเสบฯ คือ ภาวะที่เส้นประสาทส่วนปลายอักเสบ ที่พบเกิดในผู้ป่วยเอชไอวี โดยเกิดจากเชื้อเอชไอวีทำลายเส้นประสาทโดยตรง พบภาวะนี้ได้ประมาณ 30% ของผู้ป่วยเอชไอวีที่นอนรักษาในโรงพยาบาล พบบ่อยในผู้สูงอายุ ผู้ที่ขาดวิตามิน ดื่มแอลกอฮอล์ และมีเม็ดเลือดขาวชนิดซีดี 4 (CD4) ต่ำ
ภาวะเส้นประสาทส่วนปลายอักเสบฯ เกิดจากเชื้อเอชไอวีแพร่เข้าไปบริเวณปมรากประ สาท (Dorsal root ganglion) ทำให้เกิดสารที่เป็นพิษต่อเส้นประสาท จากกระบวนการอักเสบที่ซับซ้อน ทำให้เกิดการเสื่อมของเส้นประสาทส่วนปลายแบบที่เรียกว่า Axonopathy คือเสื่อมจากส่วนปลายมาส่วนต้น และเส้นประสาทอักเสบบางส่วน ก็เกิดจากผลข้างเคียงของยาต้านไวรัส
2. ภาวะเส้นประสาทส่วนปลายอักเสบฯมีอาการผิดปกติเป็นอย่างไร?
อาการผิดปกติที่พบบ่อยของภาวะนี้ คือ ปวด รู้สึกไม่สบายที่ เท้า ขา (อาจพบที่ มือ นิ้วมือ ได้) ออกแสบร้อน เหมือนไฟเผาบริเวณฝ่าเท้า นิ้วเท้า ปวดมากกลางคืน และหลังจากเดิน ถูกสัมผัสเบาๆก็เจ็บปวด ซึ่งถ้าเป็นจากยาต้านไวรัส จะมีอาการปวดที่รุนแรงกว่า
3. เมื่อไรควรพบแพทย์?
ผู้ป่วยควรพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลเมื่อมีอาการดังกล่าวข้างต้น โดยที่อาการไม่ดีขึ้นถึง แม้จะดูแลตนเองอย่างดีแล้ว หรือมีอาการที่รุนแรงมากขึ้น จนรบกวนต่อการใช้ชีวิต
4. แพทย์วินิจฉัยภาวะเส้นประสาทส่วนปลายอักเสบฯได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยภาวะนี้ได้ โดยพิจารณาลักษณะอาการผิดปกติดังได้กล่าวแล้วในหัวข้อ อาการ ประวัติการติดเชื้อเอชไอวี ประวัติการใช้ยาต่างๆ ประวัติโรคประจำตัวต่างๆ ที่ก่อให้มีการอักเสบของเส้นประสาท เช่น โรคเบาหวาน การตรวจร่างกายการตรวจระบบประสาท ทั้งนี้ แพทย์ต้องวินิจฉัยแยกโรคว่า อาการผิดปกตินั้น ไม่ได้เกิดจากโรคประจำตัวต่างๆ หรือจากผลข้างเคียงของยา ซึ่งเมื่อพบว่าไม่มีโรคต่างๆเหล่านั้น และไม่ได้เกิดจากยา แพทย์จึงวินิจฉัยว่า อาการที่ผิดปกตินั้นมีสาเหตุจากเชื้อเอชไอวี
5. ภาวะเส้นประสาทส่วนปลายอักเสบฯรักษาอย่างไร?
แพทย์ให้การรักษาภาวะนี้ด้วย ยาต้านไวรัสสูตร HAART (Highly-active-antiretroviral -therapy) ร่วมกับการให้ยาลดอาการปวดเหตุระบบประสาท เช่น ยาต้านอาการซึมเศร้า ยากันชัก ส่วนใหญ่รักษาไม่หาย แต่อาการควบคุมได้
6. ภาวะเส้นประสาทส่วนปลายอักเสบฯก่อผลข้างเคียงอย่างไร?
ผลข้างเคียงจากเส้นประสาทส่วนปลายอักเสบฯ คือ ผู้ป่วยจะมีความรู้สึกเจ็บปวด ออกร้อนหรือไม่สบายที่ มือ เท้า ส่งผลให้รบกวนต่อการดำรงชีวิต ถ้าอาการรุนแรง อาจทำให้มีอา การอ่อนแรงได้ ยิ่งทำให้เดินหรือหยิบจับของลำบาก ดำรงชีวิตลำบากมากขึ้น และล้มง่ายขึ้น
7. ภาวะเส้นประสาทส่วนปลายอักเสบฯมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
การพยากรณ์โรคของภาวะนี้ ค่อนข้างดี ถึงแม้จะรักษาไม่หายขาด แต่ก็ตอบสนองต่อยารักษาตามอาการได้ดี ไม่ส่งผลต่ออายุขัยของผู้ติดเชื้อเอชไอวี
8. ผู้ป่วยภาวะเส้นประสาทส่วนปลายอักเสบฯควรดูแลตนเองอย่างไร?
การดูแลตนเองเมื่อมีภาวะนี้ คือ ระวังเรื่องการใช้ยาแก้ปวดเกินขนาด หรือแพ้ยากันชัก พยายามนอนให้หลับ จะช่วยลดอาการปวดลงได้ ถ้ามีอาการผิดปกติรุนแรงขึ้น ก็พบแพทย์/ไปโรงพยาบาลก่อนนัดได้
9. ภาวะเส้นประสาทส่วนปลายอักเสบฯป้องกันได้หรือไม่?
ป้องกันภาวะนี้ได้โดยการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ถ้าได้รับยาต้านไวรัสบางสูตรยาและมีผลข้างเคียง ก่อให้เกิดอาการปวดแสบร้อนเท้า ก็ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ เพื่อปรับเปลี่ยนสูตรยา
ขอขอบคุณข้อมูลจาก haamor.com
Report : LIV Capsule
ภาวะเส้นประสาทส่วนปลายอักเสบจากการติดเชื้อ HIV
ภาวะเส้นประสาทส่วนปลายอักเสบฯ คือ ภาวะที่เส้นประสาทส่วนปลายอักเสบ ที่พบเกิดในผู้ป่วยเอชไอวี โดยเกิดจากเชื้อเอชไอวีทำลายเส้นประสาทโดยตรง พบภาวะนี้ได้ประมาณ 30% ของผู้ป่วยเอชไอวีที่นอนรักษาในโรงพยาบาล พบบ่อยในผู้สูงอายุ ผู้ที่ขาดวิตามิน ดื่มแอลกอฮอล์ และมีเม็ดเลือดขาวชนิดซีดี 4 (CD4) ต่ำ
ภาวะเส้นประสาทส่วนปลายอักเสบฯ เกิดจากเชื้อเอชไอวีแพร่เข้าไปบริเวณปมรากประ สาท (Dorsal root ganglion) ทำให้เกิดสารที่เป็นพิษต่อเส้นประสาท จากกระบวนการอักเสบที่ซับซ้อน ทำให้เกิดการเสื่อมของเส้นประสาทส่วนปลายแบบที่เรียกว่า Axonopathy คือเสื่อมจากส่วนปลายมาส่วนต้น และเส้นประสาทอักเสบบางส่วน ก็เกิดจากผลข้างเคียงของยาต้านไวรัส
2. ภาวะเส้นประสาทส่วนปลายอักเสบฯมีอาการผิดปกติเป็นอย่างไร?
อาการผิดปกติที่พบบ่อยของภาวะนี้ คือ ปวด รู้สึกไม่สบายที่ เท้า ขา (อาจพบที่ มือ นิ้วมือ ได้) ออกแสบร้อน เหมือนไฟเผาบริเวณฝ่าเท้า นิ้วเท้า ปวดมากกลางคืน และหลังจากเดิน ถูกสัมผัสเบาๆก็เจ็บปวด ซึ่งถ้าเป็นจากยาต้านไวรัส จะมีอาการปวดที่รุนแรงกว่า
3. เมื่อไรควรพบแพทย์?
ผู้ป่วยควรพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลเมื่อมีอาการดังกล่าวข้างต้น โดยที่อาการไม่ดีขึ้นถึง แม้จะดูแลตนเองอย่างดีแล้ว หรือมีอาการที่รุนแรงมากขึ้น จนรบกวนต่อการใช้ชีวิต
4. แพทย์วินิจฉัยภาวะเส้นประสาทส่วนปลายอักเสบฯได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยภาวะนี้ได้ โดยพิจารณาลักษณะอาการผิดปกติดังได้กล่าวแล้วในหัวข้อ อาการ ประวัติการติดเชื้อเอชไอวี ประวัติการใช้ยาต่างๆ ประวัติโรคประจำตัวต่างๆ ที่ก่อให้มีการอักเสบของเส้นประสาท เช่น โรคเบาหวาน การตรวจร่างกายการตรวจระบบประสาท ทั้งนี้ แพทย์ต้องวินิจฉัยแยกโรคว่า อาการผิดปกตินั้น ไม่ได้เกิดจากโรคประจำตัวต่างๆ หรือจากผลข้างเคียงของยา ซึ่งเมื่อพบว่าไม่มีโรคต่างๆเหล่านั้น และไม่ได้เกิดจากยา แพทย์จึงวินิจฉัยว่า อาการที่ผิดปกตินั้นมีสาเหตุจากเชื้อเอชไอวี
5. ภาวะเส้นประสาทส่วนปลายอักเสบฯรักษาอย่างไร?
แพทย์ให้การรักษาภาวะนี้ด้วย ยาต้านไวรัสสูตร HAART (Highly-active-antiretroviral -therapy) ร่วมกับการให้ยาลดอาการปวดเหตุระบบประสาท เช่น ยาต้านอาการซึมเศร้า ยากันชัก ส่วนใหญ่รักษาไม่หาย แต่อาการควบคุมได้
6. ภาวะเส้นประสาทส่วนปลายอักเสบฯก่อผลข้างเคียงอย่างไร?
ผลข้างเคียงจากเส้นประสาทส่วนปลายอักเสบฯ คือ ผู้ป่วยจะมีความรู้สึกเจ็บปวด ออกร้อนหรือไม่สบายที่ มือ เท้า ส่งผลให้รบกวนต่อการดำรงชีวิต ถ้าอาการรุนแรง อาจทำให้มีอา การอ่อนแรงได้ ยิ่งทำให้เดินหรือหยิบจับของลำบาก ดำรงชีวิตลำบากมากขึ้น และล้มง่ายขึ้น
7. ภาวะเส้นประสาทส่วนปลายอักเสบฯมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
การพยากรณ์โรคของภาวะนี้ ค่อนข้างดี ถึงแม้จะรักษาไม่หายขาด แต่ก็ตอบสนองต่อยารักษาตามอาการได้ดี ไม่ส่งผลต่ออายุขัยของผู้ติดเชื้อเอชไอวี
8. ผู้ป่วยภาวะเส้นประสาทส่วนปลายอักเสบฯควรดูแลตนเองอย่างไร?
การดูแลตนเองเมื่อมีภาวะนี้ คือ ระวังเรื่องการใช้ยาแก้ปวดเกินขนาด หรือแพ้ยากันชัก พยายามนอนให้หลับ จะช่วยลดอาการปวดลงได้ ถ้ามีอาการผิดปกติรุนแรงขึ้น ก็พบแพทย์/ไปโรงพยาบาลก่อนนัดได้
9. ภาวะเส้นประสาทส่วนปลายอักเสบฯป้องกันได้หรือไม่?
ป้องกันภาวะนี้ได้โดยการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ถ้าได้รับยาต้านไวรัสบางสูตรยาและมีผลข้างเคียง ก่อให้เกิดอาการปวดแสบร้อนเท้า ก็ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ เพื่อปรับเปลี่ยนสูตรยา
ขอขอบคุณข้อมูลจาก haamor.com
Report : LIV Capsule